กลุ่มอัศวินกำลังยืนมองมาที่นาเซีย และเด็กสาว ใครบางคนกำลังจับจ้องเธออย่างสนใจ
“ไปสืบดูว่านางเป็ผู้ใดกัน กล้าอวดอ้างนามน้องสาวข้า” ใบหน้าขึงขังที่ยืนมองจากสะพานอีกฝั่ง เฟลิกซ์ ซิเปรียบุตรชายคนโตของไวเคาน์เวย์มง เคมัน ซิเปรีย กำลังทำหน้าที่ตรวจสอบท่าเรือขนส่งเหมือนทุก ๆ สัปดาห์ ไม่คิดว่าจะได้พบเหตุการณ์ไม่น่าพึงพอใจนัก แม้สตรีตรงหน้าจะดูงดงาม แต่ท่าทางนั่นทำให้เขารู้สึกสงสัยไม่น้อย ท่าทางดูสง่างามต่างจากชาวเมืองทั่วไป ความไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดล้วนดูโดดเด่นกว่าสตรีอื่นนัก
“ขอรับ” อัศวินหนึ่งเอ่ยรับพร้อมมองตามนาเซีย และเด็กสาวที่เพิ่งเดินออกจากท่าเรือไป
บ้านไม้ขนาดเจ็ดสิบตารางเมตรแยกอยู่ด้านหลังที่พักแรมของตระกูลเกรซี่ พวกเขาได้มอบบ้านพักขนาดเล็กให้กับนาเซีย เพราะก่อนที่นาเซียจะออกจากที่พักแรมเธอได้ใช้เหรียญทองช่วยเหลือครอบครัวเกรซี่ในขณะที่บุตรสาวคนเล็กของพวกเขากำลังจะถูกลากตัวออกไปเพราะไม่มีเงินจ่าย แม้ครอบครัวเกรซี่จะมีห้องพักแรมสำหรับนักเดินทาง และคนเลี้ยงม้าแต่ห้องพักจำนวนไม่กี่ห้องทำให้รายได้มักไม่เพียงพอต่อการทำสัญญาการขออนุญาต ขุนนางหน้าเืมักขูดรีดกับชาวเมืองเสียส่วนใหญ่ยังคงมีให้เห็นกลาดเกลื่อน เพื่อแลกกับการสร้างตัวตนใหม่นาเซียยินดีที่จะเสียเหรียญทองที่เธอติดตัวมาไปบ้างเล็กน้อย ซึ่งแน่นอนว่าเธอได้ใช้ชีวิตใหม่ในฐานะหลานสาวญาติห่าง ๆ ของครอบครัวเกรซี่
“เ้าพออยู่ได้ไหมเอเลนา” นาเซียหันมาถามเมื่อเปิดประตูเข้ามาก็พบกับโต๊ะทานอาหารวางอยู่กลางบ้าน ถัดไปไม่กี่ก้าวก็เป็ประตูห้องนอน ยังดีที่ห้องนอนบ้านหลังนี้มีสองห้อง และห้องน้ำที่แยกออกไป ทำให้เพียงพอสำหรับคนสองคน
“สวยงามมากเลยค่ะ” เอเลนากวาดสายตามองด้วยความตื่นเต้น แม้บ้านพักจะหลังเล็กไปเสียหน่อย แต่การจัดระเบียบดูโล่งสบาย ทั้งยังมีดอกลาเวนเดอร์ประดับไว้ส่งกลิ่นหอมอบอวลรู้สึกผ่อนคลาย นาเซียคว้าผ้าคลุมมามัดที่เอวก่อนจะเดินอ้อมไปหลังเคาร์เตอร์สูงระดับอก มันคือห้องครัวเล็ก ๆ ที่สามารถทำอาหารง่าย ๆ ได้
“ทานอะไรหน่อยไหม” นาเซียหันมาถาม ในขณะที่เอเลนายังคงยืนอยู่กลางห้อง
“ค่ะ...มันดีมาก ๆ เลยค่ะ” เอเลนาตอบไม่ตรงกับสิ่งที่เธอถาม แต่ดูจากสีหน้าของนาง นางคงผ่อนคลายเื่เมื่อครู่แล้วจริง ๆ ~
~ ปราสาทไวเคาน์เวย์มง~
“ท่าทางท่านพี่คงกำลังมีเื่ต้องคิดหนัก” เด็กสาววัยสิบสามปีนั่งอยู่ที่ม้านั่งสีขาวแววตานางจับจ้องไปยังบุรุษสูงตรงหน้าที่กำลังนั่งจิบชาพร้อมเอกสารในมือที่อ่านอยู่
“หากว่ามีคนเอาชื่อของเ้าไปกล่าวอ้าง เ้าจะทำเช่นไรคาน่า”
“มีคนจดจำน้องได้ด้วยหรือคะ ผู้ใดกัน” เด็กสาวตอบลอบยิ้มมุมปากเมื่อยกแก้วชาขึ้นจิบ คาทาลินามักถูกสั่งห้ามเสมอในการที่จะออกไปเที่ยวเล่นตามใจ เพราะร่างกายของนางนั้นอ่อนแอเกินไปพอได้ยินว่าชื่อตนนั้นถูกกล่าวอ้างกลับไม่รู้สึกโกรธ ทั้งยังอดรู้สึกใจเต้นแรงด้วยความดีใจ
“อ๊ะ...” คาทาลินายกมือทาบอกซ้ายของตัวเองราวรู้สึกเ็ป อาการาเ็ที่เป็มาตลอดทำให้นางมักต้องใช้ชีวิตอย่างไร้สีสันมาโดยตลอด ทั้งยังต้องทานยาเพื่อระงับอาการเ็ปเ่าั้
“คาน่า!!” เฟลิกซ์ลุกโน้มตัวไปคว้าไหล่น้องสาวของเขาก่อนที่อ้อมไปอุ้มร่างเล็กบางลอย เขาย้ำฝีเท้าที่เร็วขึ้น ห้องนอนของคาทาลินามียาสำหรับอาการกำเริบ เฟลิกซ์ทรุดตัวลงนั่งเพราะเขาเอ่ยถามเื่ของสตรีผู้นั้นทำให้น้องสาวของเขามีอาการเช่นนี้ เฟลิกซ์ขบฟันกรามเข้าหากัน เขาคงต้องรีบจัดการเื่นี้ หากปล่อยไว้นางคงเอาชื่อเสียงของน้องสาวที่น่ารักของเขาไปทำลายได้
หลังจากที่คาทาลินาหลับลงเฟลิกซ์ก็สั่งให้อัศวินของเขาไปที่พักแรมของครอบครัวเกรซี่ทันที
กริ๊ง กริ๊ง เสียงกระดิ่งหน้าประตูทางเข้าที่พักแรมครอบครัวเกรซี่ นาเซียเดินออกมาดู เพราะ่เช้าเธอจะมาอยู่ช่วยครอบครัวเกรซี่ในการดูแลที่พัก ก่อนที่่บ่ายเธอจะกลับไปยังบ้านพักของตนเอง
“้าห้องพักแบบไหนดีคะ” นาเซียฉีกยิ้มแก้มปริ เฟลิกซ์จ้องมองแววตาที่โค้งขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่สดใส เป็ครั้งแรกที่เขาได้เห็นรอยยิ้มเช่นนี้ แต่แล้วเขาก็ต้องสะบัดความคิดนั้นทิ้งไป ก่อนที่จะสั่งให้อัศวินเข้ามาล็อกตัวนาง
“ดะ...เดี๋ยวเกิดอะไรขึ้นกันคะ” นาเซียใเมื่ออัศวินทั้งสองกำลังจับไหล่เธอไว้อย่างถือวิสาสะ เป็ครั้งแรกที่เธอรู้สึกเหมือนเห็นภาพของเนื้อหาเดิม
“เ้ากล้าเอานามของน้องสาวข้าไปอวดอ้าง”
“อวดอ้าง?” หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น หากน้องสาวที่เขากล่าวถึงคือบุตรสาวคนเล็กของไวเคาน์เวย์มง เคมัน ซิเปรีย เช่นนั้นเขาก็คือเฟลิกซ์ ซิเปรีย ขุนนางระดับสูงที่ช่วยเหลือลาฟาซตอนทำา กับกาบริเอล นาเซียหน้าซีดลงเพราะเขาคือจอมพลฝีมือเก่งกาจไม่แพ้กับมิกาเอลเลย
“ละ..ลอร์ดเข้าใจผิดแล้วค่ะ ดิฉันแค่้าช่วยเหลือเพื่อนของดิฉันเท่านั้น” นาเซียรีบแก้ตัว
“แล้วจะให้ข้าเชื่อได้ยังไงกัน”
“จริงค่ะ...โซเฟียแค่้าช่วยเหลือข้า จากการถูกรีดไถ่ที่ท่าเรือนั่น” เอเลนาที่เดินถือตะกร้าผลไม้เข้ามารีบยื่นตัวขวาง
“พวกเราบริสุทธิ์ใจจริง ๆ”
“ครั้งนี้ ข้าจะยกเว้นแต่หากมีครั้งหน้าข้าจะส่งพวกเ้าไปอยู่ชั้นใต้ดินของปราสาทซะ” เฟลิกซ์ข่มเสียงขู่ เขาเด็ดขาดทุกเื่โดยไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่สตรีที่ว่าบอกบางเขาก็ไม่เคยคิดที่จะผ่อนปรนเลย ทำให้ในตอนนี้ตำแหน่งภรรยาของเขาก็ยังคงว่างอยู่เช่นเดิม
“ท่านพี่...ท่านพี่จริง ๆ ด้วย เลดี้ท่านนี้คือท่านหญิงดาร์เรลอย่างงั้นหรือ” ชายหนุ่มอีกคนที่เพิ่งเดินเข้ามาโพล่งทักขึ้น นาเซียสีหน้าถอดสี เธอใกับสิ่งที่เขากล่าว หรือนาเซียจะรู้จักกับชายผู้นี้
“เปล่าข้ากำลังมาสอบผู้ที่เอาชื่อคาน่าไปอ้าง ว่าแต่เมื่อกี้เ้าเรียกนางว่าอะไรนะ” เฟลิกซ์ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
“ดิฉันชื่อโซเฟียค่ะ ไม่ทราบว่าลอร์ดทักผิดคนหรือเปล่าคะ”
“คุณชื่อโซเฟียอย่างงั้นเหรอ” เบเนดิก บุตรชายคนที่สองของตระกูลซิเปรียยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างงุนงง เขาคิดว่าเขาจำคนไม่ผิดแน่ เลดี้นาเซีย ดาร์เรล บุตรสาวของเอิร์ลดาร์เรล นางงดงามจนเขาแทบอดที่จะมองทุกครั้งไม่ได้เมื่อนางนั้นไปพบอารอนที่อคาเดมี่ แต่ข่าวว่านางนั้นหยิ่งยโสเกินไปทำให้เขาในฐานะแค่อาจารย์สอนอยู่ในอคาเดมี่ทำให้ไม่กล้าเข้าไปกล่าวทักทายนาง แต่สตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ช่างเหมือนกันราวกับคน คนเดียวกันทำให้เขาอดแปลกใจไม่น้อย
“ดูเหมือนดิฉันจะเหมือนคนที่ลอร์ดรู้จักใช่ไหมคะ”
“อ่ะ..คะ ครับ” น้ำเสียงติด ๆ ขัด ๆ ของเบเนดิกทำให้เฟลิกซ์จ้องมองใบหน้าที่กำลังแดงของน้องชาย
“นางเป็หลานสาวของครอบครัวเกรซี่ นายคงไม่เคยเจอ” กล่าวจบ เฟลิกซ์ก็เดินออกไปทันที ปล่อยให้เบเนดิกยืนเก้อเขิลอยู่อย่างนั้น
“ลอร์ดจะรับอะไรหรือไม่คะ” นาเซียยกตามองไปที่เขาอย่างใกล้เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะเชื่อว่าเธอคือหลานสาวครอบครัวเกรซี่จริง ๆ
“อะ..ครับ ไม่ครับ ยินดีที่ได้รู้จักเลดี้นะครับ” กล่าวจบเบเนดิกก็รีบวิ่งตามเฟลิกซ์ออกไป