บทที่ 6 บุรุษลึกลับใต้ร่มกระดาษ
ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทว่าใต้ความเงียบสงบของเมืองซูเหอ กลับมีกระแสคลื่นใต้น้ำสองสายเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง
สายหนึ่ง อยู่ในห้องทดลองที่สว่างไสวราวกับกลางวันของคฤหาสน์ตระกูลสวี เหล่าอาจารย์ช่างย้อมที่ถูกปลุกขึ้นมากลางดึกต่างหัวหมุนอยู่กับการพยายามถอดรหัสสีแดงในตำนานจากเศษผ้าชิ้นเล็กๆ เสียงถกเถียง เสียงสบถ และกลิ่นไหม้ของสีย้อมที่ล้มเหลวลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ สวีจื่อเชินนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้สูง มองดูภาพความวุ่นวายเบื้องล่างด้วยแววตาที่เย็นเยียบและไร้ความอดทน
อีกสายหนึ่ง อยู่ในห้องเก็บของที่มืดและอับชื้นของโรงย้อมสกุลหลี่ หลี่ซือซือนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในลำแสงจันทร์ดูราวกับหมู่ดาวบนท้องฟ้ายามราตรี นางไม่ได้หลับใหล แต่กำลังทำสมาธิเพื่อควบคุมพลังพิเศษที่ติดตัวมา
นางค้นพบว่ายิ่งนางมีสมาธิมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่ง มองเห็น โครงสร้างของสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น นางไม่เพียงแต่เห็นเส้นใยของผ้า แต่ยังเห็นไปถึงระดับโมเลกุลของสีย้อม เห็นการจับตัวและสลายตัวของพวกมัน ราวกับกำลังมองดูแผนที่ของจักรวาลที่ซ่อนอยู่ในสรรพสิ่ง พลังนี้คือไพ่ตายที่แท้จริงของนาง และนางต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมมันให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบก่อนจะถึงวันประมูล
ตราประทับหยกรูปดอกเหมยถูกวางอยู่ตรงหน้า ความเย็นของมันช่วยให้นางสงบใจได้เป็อย่างดี ปริศนาของท่านแม่ นางตัดสินใจเก็บมันไว้ในใจก่อน ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการเอาชนะศึกตรงหน้าให้ได้
‘ตระกูลซูแห่งเมืองหลวง ไม่ว่าท่านแม่จะเป็ใครมาจากไหน แต่ตอนนี้ข้าคือหลี่ซือซือ คือทายาทของโรงย้อมแห่งนี้ ข้าต้องปกป้องบ้านหลังนี้ให้ได้ก่อน แล้วจึงค่อยไปสืบหาความจริงในภายหลัง’
เช้าวันรุ่งขึ้น... เมืองซูเหอคึกคักกว่าปกติเป็พิเศษ
หลี่เจิ้งทำตามที่ลูกสาวบอกทุกประการ เขาสวมชุดผ้าไหมตัวเก่งที่ซักรีดจนเรียบกริบ โกนหนวดเคราจนเกลี้ยงเกลา ใบหน้าที่เคยซูบตอบ แม้จะยังมีร่องรอยความทุกข์หลงเหลืออยู่ แต่ก็กลับมาดูภูมิฐานสมกับเป็อดีตปรมาจารย์อีกครั้ง เขาเดินอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคงไปยังโรงน้ำชา เมิ่งซี โดยไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของชาวบ้านที่มองมา
เมื่อเขาไปถึงโรงน้ำชา บรรดาพ่อค้าและบัณฑิตที่กำลังจับกลุ่มสนทนากันอย่างออกรสก็พลันเงียบเสียงลง ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาเป็จุดเดียว
"นั่น เถ้าแก่หลี่มิใช่รึ?"
"ใช่เขาจริงๆ ด้วย! วันนี้ดูเปลี่ยนไปเป็คนละคน!"
"ดูสงบนิ่งไม่เหมือนคนที่มีเื่ใหญ่รออยู่เลย หรือว่าข่าวลือที่ว่าเขามีทีเด็ดจะเป็เื่จริง?"
หลี่เจิ้งไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่ค้อมศีรษะให้ทุกคนเล็กน้อยตามมารยาท ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะมุมในสุด สั่งชาชั้นดีหนึ่งกา และหยิบตำราเก่าๆ เกี่ยวกับศิลปะการย้อมผ้าขึ้นมาอ่านอย่างสงบ ราวกับว่าโลกภายนอกไม่มีอยู่จริง
ภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปและการกระทำที่สุขุมเยือกเย็นนี้เอง ที่ทำให้ข่าวลือเริ่มแตกแขนงออกไปในทิศทางใหม่ จากที่เคยมองว่าตระกูลหลี่สิ้นหวังและบ้าบิ่น ก็เริ่มมีคนคิดว่า... หรือพวกเขาจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่จริงๆ?
ในขณะเดียวกัน ที่หน้าโรงประมูลจินเป่า หลี่ซือซือในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อนเรียบๆ แต่สะอาดสะอ้าน ก็ได้เดินทางมาถึงพร้อมกับพี่ชาย นางไม่ได้เข้ามาเพื่อนำผ้ามาลงทะเบียน แต่มายืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ
"ซือซือ เรามาทำอะไรที่นี่?" หลี่เหวินถามอย่างไม่เข้าใจ "ยังไม่ถึงวันประมูลเลย"
"เรามา ดูทำเล และ สร้างกระแส เพิ่มอีกนิดหน่อย" นางตอบพร้อมกับรอยยิ้ม "พี่ใหญ่ ท่านเห็นคนพวกนั้นหรือไม่?"
นางชี้ไปยังกลุ่มชายฉกรรจ์ท่าทางมีฐานะที่ยืนคุยกันอยู่หน้าโรงประมูล "คนพวกนั้นคือ ขาใหญ่ ของวงการค้าในเมืองนี้ ทั้งเถ้าแก่โรงรับจำนำ พ่อค้าผ้าไหมรายใหญ่ หรือแม้แต่พ่อบ้านจากจวนขุนนาง คนเหล่านี้คือกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของเรา"
"แล้วเราจะทำอย่างไร? เดินเข้าไปแนะนำสินค้าของเรารึ?"
"ไม่" ซือซือส่ายหน้า "ทำเช่นนั้นมันธรรมดาเกินไป และจะทำให้เราดูสิ้นหวังที่ต้องวิ่งหาลูกค้า ปลาดีไม่เคยต้องะโขาย เราแค่ต้องทำให้ปลาว่ายมาหาเราเอง"
พูดจบนางก็หยิบห่อผ้าเล็กๆ ออกมาจากแขนเสื้อ เมื่อคลี่ออก มันคือผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆ ที่ถูกย้อมด้วยสี "ชาดแรกอรุณ" สดใสงดงามไม่แพ้ผ้าผืนใหญ่ที่บ้าน
"พี่ใหญ่ ข้าอยากได้ซาลาเปาไส้เนื้อร้านอาหวังเ้าค่ะ ท่านช่วยไปซื้อให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?" นางพูดเสียงดังพอให้คนรอบข้างได้ยิน พร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้พี่ชาย "ใช้ผ้านี่ห่อมานะเ้าคะ จะได้อุ่นนานๆ"
หลี่เหวินถึงกับตาเหลือก "ซือซือ! เ้าจะบ้ารึ! นี่มันผ้า...!"
ซือซือขยิบตาให้พี่ชายหนึ่งครั้ง เขาก็เข้าใจแผนการของนางในทันที
‘์! นาง นางจะใช้ของล้ำค่าเช่นนี้ไปห่อซาลาเปาเนี่ยนะ! นี่มัน นี่มันแผนการตลาดที่สิ้นคิดแต่ก็อัจฉริยะที่สุด!’ หลี่เหวินคิด
หลี่เหวินรับผ้าเช็ดหน้ามาอย่างเสียไม่ได้ เขาเดินตรงไปยังร้านซาลาเปาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ระหว่างทางเขา "ทำเป็เผลอ" สะดุดก้อนหินล้มลง จนผ้าเช็ดหน้าสีแดงสดหลุดจากมือ ปลิวไปตกอยู่ใกล้ๆ กับกลุ่มพ่อค้าขาใหญ่กลุ่มนั้นพอดี!
"โอ๊ะ! ขออภัยขอรับ! ขออภัย!" หลี่เหวินรีบลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัว ก่อนจะเดินไปเก็บผ้าเช็ดหน้า
แต่สายเกินไป...
สายตาของพ่อค้าทุกคนจับจ้องไปยังผ้าเช็ดหน้าสีแดงสดผืนนั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน!
"คุณชาย ผ้าผืนนั้น..." เถ้าแก่เฟิงเ้าของร้านผ้าไหมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเอ่ยขึ้นเสียงสั่น "สีของมัน ช่างน่าอัศจรรย์นัก! ไม่ทราบว่าพอจะให้ข้าดูใกล้ๆ ได้หรือไม่?"
หลี่เหวินทำท่าทีลังเล "เอ่อ มันก็แค่ผ้าเช็ดหน้าเก่าๆ ของน้องสาวข้าน่ะขอรับ ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก"
ยิ่งเขาพูดเช่นนั้น บรรดาพ่อค้าก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็น!
"แค่ดูใกล้ๆ เท่านั้น! ข้าไม่ทำให้เสียหายแน่นอน!"
สุดท้ายหลี่เหวินก็ "จำใจ" ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้พวกเขาดู เหล่าพ่อค้าผู้เจนจัดต่างพากันมุงดูผ้าผืนนั้นราวกับเป็สมบัติล้ำค่าจากวังหลวง
"เหลือเชื่อ! สีแดงเช่นนี้ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต!"
"ดูเนื้อผ้าสิ! เป็แค่ผ้าฝ้ายธรรมดา แต่พอย้อมสีนี้เข้าไปกลับดูสูงค่าขึ้นมาทันที!"
"นี่... นี่ใช่ผ้าในตำนานของสกุลหลี่ที่กำลังเป็ข่าวอยู่หรือไม่!?"
คำถามสุดท้ายทำให้ทุกคนหันไปมองหน้าหลี่เหวินเป็ตาเดียว
หลี่เหวินเกาหัวแกรกๆ ทำทีเป็ซื่อบื้อ "ผ้าในตำนานอะไรหรือขอรับ? ข้าไม่เห็นจะรู้เื่เลย... น้องสาวข้าแค่อยากกินซาลาเปา ข้าต้องรีบไปแล้ว!"
พูดจบเขาก็รีบคว้าผ้าเช็ดหน้าคืนมาแล้ววิ่งไปยังร้านซาลาเปาทันที ทิ้งให้เหล่าพ่อค้าผู้มั่งคั่งยืนอึ้งและเต็มไปด้วยความกระหายใคร่รู้ยิ่งกว่าเดิม
ซือซือที่ยืนมองอยู่ไกลๆ ยิ้มอย่างพึงพอใจ "เห็นไหมพี่ใหญ่ ตอนนี้ปลาเริ่มได้กลิ่นเหยื่อแล้ว"
ทันใดนั้นเอง...
ซ่า...
สายฝนก็โปรยปรายลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ชาวบ้านและพ่อค้าต่างพากันวิ่งหลบฝนกันอย่างจ้าละหวั่น
"แย่แล้ว! ฝนตก!" หลี่เหวินที่เพิ่งซื้อซาลาเปาเสร็จรีบวิ่งกลับมาหา "เรากลับบ้านกันเถอะ!"
"ยังก่อน" ซือซือกล่าวพลางมองไปบนท้องฟ้าที่มืดครึ้ม
และในตอนนั้นเอง ที่นางเห็นเขา...
บุรุษผู้หนึ่งในชุดบัณฑิตสีน้ำเงินเข้มยืนอยู่อีกฟากของถนน ท่ามกลางความโกลาหลของผู้คนที่วิ่งหลบฝน เขากลับยืนนิ่งสงบอยู่ใต้ร่มกระดาษน้ำมันสีครามคันหนึ่ง สายฝนที่โปรยปรายลงมาราวกับม่านน้ำที่แยกเขาออกจากโลกภายนอก
ใบหน้าของเขาหล่อเหลาหมดจดราวกับรูปสลักหยก ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่นาง ไม่สิ เขากำลังจ้องมอง "ผ้าเช็ดหน้า" ในมือของพี่ชายนางต่างหาก
เป็ครั้งแรกที่พลังพิเศษของซือซือทำงานกับมนุษย์!
นางมองเห็น ออร่าสีทองจางๆ แผ่ออกมาจากร่างของบุรุษผู้นั้น มันเป็ออร่าที่ทรงพลังและลึกลับอย่างยิ่ง และที่น่าใยิ่งกว่าคือ นางรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่เชื่อมโยงระหว่าง "ตราประทับหยก" ของนางกับบุรุษลึกลับคนนั้น!
‘เขาเป็ใครกัน!? ทำไมข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยกับพลังของเขาอย่างประหลาด? หรือว่าเขาจะเกี่ยวข้องกับตระกูลซูของท่านแม่?’ ซือซือนิ่งคิดกับความคุ้นเคยนั้น
ราวกับรับรู้ได้ถึงสายตาของนาง บุรุษลึกลับใต้ร่มกระดาษน้ำมันค่อยๆ หันมาสบตากับนางโดยตรง ระยะทางที่ห่างไกลและม่านฝนที่หนาทึบกลับไม่เป็อุปสรรคต่อสายตาของพวกเขาทั้งสอง
เขายกมุมปากขึ้นเป็รอยยิ้มบางๆ ที่ยากจะคาดเดาความหมาย ก่อนจะหันหลังและเดินจากไปอย่างช้าๆ หายลับไปกับฝูงชนและสายฝน
"ซือซือ! ซือซือ! เ้าเป็อะไรไป!?" เสียงของหลี่เหวินดึงสติของนางกลับมา "หน้าเ้าซีดมาก! ไม่สบายรึเปล่า!?"
"ข้า ข้าไม่เป็ไร" นางตอบเสียงแ่ แต่หัวใจยังคงเต้นระรัวไม่หยุด
บุรุษผู้นั้น เซียวจิ่นเหยียน... นางจำชื่อที่ผุดขึ้นมาในความทรงจำของเ้าของร่างเดิมได้ แม้จะเลือนรางเต็มที เขาคือเ้าของ หอการค้าจิ่นอวี้ เครือข่ายการค้าที่ใหญ่และลึกลับที่สุดในเจียงหนาน แต่ไม่มีใครรู้เื้ัที่แท้จริงของเขา
ทำไมคนระดับเขาถึงมาปรากฏตัวที่เมืองซูเหอแห่งนี้? และทำไมเขาถึงสนใจผ้าของนาง?
ดูเหมือนว่า ปลาที่นางพยายามจะล่อ อาจจะมี ั ซ่อนตัวปะปนอยู่ด้วยโดยที่นางไม่รู้ตัว