ควงเหยากลอกตาอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์
บรรดาศิษย์ส่วนใหญ่พากันอิจฉาหนีเจียเอ๋อร์ เพราะไม่ว่าจะเป็ท่านเ้าสำนัก พี่ชายของนาง หรือศิษย์พี่ใหญ่ ต่างก็เป็หงส์และัเหนือผู้คน ทั้งแต่ละคนล้วนปฏิบัติกับนางเป็อย่างดี
พอกลับไปถึงสำนักอิ้นเสวี่ย ควงเยวี่ยโหลวได้สั่งให้โบยเหอมู่หลิงสามสิบทีเป็การลงโทษ ไม่ว่าจะอยู่หรือตาย ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งทางร่างกายของตัวเอง แต่หากมีลมหายใจอยู่ ความเกลียดชังที่นางมีต่อหนีเจียเอ๋อร์ ย่อมมากขึ้นเป็ทบทวี
นับจากวันนั้น ควงเยวี่ยโหลวก็ไม่ยอมให้หนีเจียเอ๋อร์เข้าเรียนพร้อมศิษย์ระดับล่างคนอื่นๆ อีก กระทั่งสอนลูกศิษย์ทั่วไปเสร็จแล้ว เขาจึงค่อยกลับมาทุ่มเทสอนหญิงสาวตัวต่อตัว จนคนอื่นๆ ได้แต่มองด้วยสายตาร้อนแรง แม้แต่ควงเหยาก็ยังเอ่ยปากเย้าเสียงติดตลกว่าน่าอิจฉา
ทว่าหนีเจียเอ๋อร์ไม่สนใจสายตาของผู้ใด แม้กระทั่งความกังวลของโจวชิงหวา ในแต่ละวันนางเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการเรียนอย่างหนักหน่วงทั้งวันทั้งคืน จนแทบจะลืมกินลืมนอน
...
วันนี้ควงเยวี่ยโหลวเลยคิดจะให้นางพักผ่อน จึงมิได้สั่งการบ้าน และปล่อยให้หญิงสาวมีเวลาว่างไปทำอย่างอื่นตามใจชอบ
เมื่อได้ยินเสียงพลิกกระดาษ หนีเจียเอ๋อร์ก็คาดเดาว่าอาจารย์คงจะกำลังอ่านตำราอยู่ หญิงสาวควานหาที่มาของเสียง และเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆ “ท่านอาจารย์เก่งกาจถึงเพียงนี้ ยังต้องอ่านตำราอีกหรือเ้าคะ?”
ดวงตาเรียวของควงเยวี่ยโหลวตวัดมามอง พลางพูดเสียงทุ้มต่ำดุจนักปราชญ์ผู้รอบรู้ “การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด จงอย่าหยุดแสวงหา แม้เ้าจะประสบความสำเร็จไปแล้วก็ตาม มิฉะนั้นคงไม่อาจก้าวหน้า ซ้ำยังถอยหลังลงคลองอีก ความจริงในข้อนี้ใช้ได้กับทุกคน”
หนีเจียเอ๋อร์พยักหน้า “ถ้าเช่นนั้น ท่านช่วยอ่านให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
ควงเยวี่ยโหลวมิได้ตอบ เพียงเริ่มอ่านออกเสียงนับจากบรรทัดที่ตนอ่านค้างเอาไว้
เสียงของเขาเข้ามาในโสตประสาทของหนีเจียเอ๋อร์ ที่กำลังฟังอยู่เงียบๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำราบเรียบอันไพเราะเสนาะหู ฟังดูราวกับท่วงทำนองดนตรีซึ่งขับกล่อมให้เคลิบเคลิ้ม
อ่านออกเสียงไปได้สักพัก สายตาของควงเยวี่ยโหลวก็มองเห็นศีรษะเล็กๆ สัปหงกไปเสีย แล้ว จึงส่ายหน้าอย่างระอา แต่มุมปากกลับยกยิ้มอย่างอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว
พอเห็นร่างบอบบางของนางซวนเซทำท่าจะล้ม เขาก็ยื่นมือออกไปประคองใบหน้าของอีกฝ่าย จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้น อุ้มหนีเจียเอ๋อร์ตรงไปยังห้องพัก ขณะเอื้อมมือไปตวัดผ้าคลุมเตียง อสรพิษตัวหนึ่งพลันพุ่งออกมาฉกทันที
จริงๆ แล้ว ควงเยวี่ยโหลวย่อมสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยเกรงว่างูตัวนั้นจะไปกัดหนีเจียเอ๋อร์เข้า เขาจึงยอมให้มันฝังเขี้ยวลงบนต้นขา แล้วใช้มืออีกข้างจับเข้าที่หัวของมัน ส่วนมืออีกข้างก็ประคองหนีเจียเอ๋อร์ให้นอนลงบนเตียง ก่อนหันมาหักคองู และขว้างออกไปข้างนอกอย่างไม่ไยดี
หนีเจียเอ๋อร์ที่เพิ่งสะดุ้งตื่น พลันได้กลิ่นเืจางๆ ในอากาศ นางจึงตื่นตระหนก รีบควานหาตัวอาจารย์ พร้อมถามเสียงสั่น “ท่านอาจารย์ เกิดอะไรขึ้นเ้าคะ?”
ควงเยวี่ยโหลวฝังเข็มบริเวณาแ เพื่อป้องกันพิษแล่นเข้าสู่ระบบประสาท ยามนี้เขาไม่อาจเคลื่อนไหวได้ มิฉะนั้น พิษงูจะแพร่กระจายไปยังอวัยวะภายในอย่างรวดเร็วจนสายเกินแก้
ควงเยวี่ยโหลวข่มกลั้นความเ็ป พลางพูดเสียงเรียบเฉย “ควงเจียอย่าตื่นตระหนก ข้าคิดว่ามีคนลอบนำงูพิษจากทางตะวันตกมาไว้บนเตียงของเ้า ข้าถูกมันกัด ตอนนี้จึงเคลื่อนไหวไม่สะดวก เ้าไปตามควงเหยามา”
หนีเจียเอ๋อร์เคยได้ยินความรุนแรงของพิษงูชนิดนี้มาแล้ว หากคนธรรมดาโดนมันกัดเข้า ไม่นานก็จะสิ้นใจตายทันที
ระยะทางจากที่พักของนางไปยังห้องเรียน ต้องใช้เวลาไปกลับสองถึงสี่ก้านธูป นึกดูแล้ว ยากจะแก้พิษได้ทัน หญิงสาวจึงตัดสินลงจากเตียงมานั่งลงกับพื้น “อาจารย์ ท่านถูกงูกัดที่ขาซ้ายหรือขาขวาเ้าคะ?”
“ซ้าย...”
ทันทีที่ควงเยวี่ยโหลวตอบ นางก็คลำเข้าที่ขาข้างซ้ายของอีกฝ่าย
เขาจึงตระหนักได้ว่าหนีเจียเอ๋อร์คิดจะทำสิ่งใด จึงเปลี่ยนสีหน้าไปเป็ขึงขัง แล้วสั่งเสียงเข้ม “ควงเจีย ห้ามเ้าทำเช่นนั้นเด็ดขาด!”
แต่หญิงสาวไม่สนใจ รีบประกบปากเข้าที่าแ แล้วดูดพิษงูออกมา ััจากริมฝีปากอุ่นๆ ทำให้ควงเยวี่ยโหลวถึงกับสูดหายใจลึก พบว่านางกำลังถ่มพิษออกมา และทำซ้ำแบบเดิมวนเวียนไปมาอย่างต่อเนื่อง
ควงเยวี่ยโหลวได้แต่เบิกตากว้าง มองหนีเจียเอ๋อร์อย่างเหลือเชื่อ สายตาในยามที่เพ่งพิศนาง ซับซ้อนจนถึงขีดสุด
เขาหวนระลึกถึงอดีตที่ไม่น่าจดจำอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับพบว่าไม่ค่อยเ็ปเหมือนเดิมแล้ว
พอรู้สึกตัว ควงเยวี่ยโหลวก็กัดฟันแน่น “ควงเจีย รีบหยุด เร็ว! เ้าอาจตายได้นะ!”
ลิ้นของหนีเจียเอ๋อร์ชาจนหมดความรู้สึก คล้ายมิใช่ลิ้นของตัวเอง จากนั้นภาพตรงหน้าก็เริ่มพร่ามัวและรู้สึกมึนงง นางพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา “ศิษย์ไม่เอาไหน คงล้างพิษให้ท่านอาจารย์มิได้แน่ แต่ศิษย์รู้ว่าท่านสามารถช่วยล้างพิษให้ศิษย์ได้ ดังนั้นพวกเราย่อมไม่ตาย...”
แค่ได้ยินคำว่า ‘อาจารย์’ เพียงคำเดียว โทสะที่แล่นเป็ริ้วๆ ของควงเยวี่ยโหลว พลันมอดดับไปอย่างน่าอัศจรรย์ เขามองหญิงสาวที่หมดสติสลบไป พลางกระซิบเสียงแ่ “เด็กโง่!”
หลังจากฝังเข็มให้แล้ว ควงเยวี่ยโหลวก็รีบอุ้มนางกลับเรือนไปถอนพิษ
เป็อย่างที่หนีเจียเอ๋อร์พูด ตราบใดที่เขายังอยู่ ย่อมไม่ปล่อยให้นางตายแน่
โชคดีที่หญิงสาวเป็ศิษย์ของปรมาจารย์แพทย์อันดับหนึ่งในใต้หล้า ชีวิตของนางย่อมยืนยาว
ส่วนผู้ต้องสงสัย ไม่ต้องสืบหาหลักฐาน ก็พอจะรู้ว่าเป็เหอมู่หลิงแน่ๆ แต่เพราะในวันนั้นมีคนมากมายออกมาเป็พยานยืนยันความบริสุทธิ์ให้นาง ควงเยวี่ยโหลวจึงไม่้าให้สำนักอิ้นเสวี่ยวุ่นวาย เลยยอมจบเื่ไปอย่างง่ายๆ
ทว่าหลังจากนั้น เขาก็ส่งคนมาคอยปกป้องหนีเจียเอ๋อร์อยู่ลับๆ และก่อนที่นางจะกลับมา ห้องก็จะถูกตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย
แต่เมื่อใดที่ควงเยวี่ยโหลวเห็นหนีเจียเอ๋อร์ ความรู้สึกผิดพลันทิ่มแทงเข้ามา เนื่องจากนางตาบอด จึงต้องพยายามทุ่มเทอ่านตำรามากมายกว่าผู้อื่น แต่ก็ยังถูกเย้ยหยันและกลั่นแกล้งโดยไม่เลือกวิธีการ
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะเขา ดังนั้นทุกครั้งที่มองนาง ควงเยวี่ยโหลวก็ยิ่งรู้สึกผิด รับรู้ได้เพียงความขมขื่น เขาจึงคิดจะหาหนทางมารักษาอีกฝ่าย
ทุกครั้งที่มีเวลาว่างและในยามค่ำคืนของทุกวัน ควงเยวี่ยโหลวจะนั่งอ่านตำรา เพื่อหาสูตรยามารักษานาง
โดยที่หนีเจียเอ๋อร์ไม่รู้เลย ว่าอาจารย์กำลังทำเพื่อตนมากแค่ไหน แม้แต่ศิษย์คนโปรดอย่างควงเหยา ก็ยังไม่ทราบเื่นี้เช่นกัน
...
ตอนเที่ยงวันหนึ่ง
หลังรับประทานอาหารเสร็จ หนีเจียเอ๋อร์ก็นำสำรับของควงเยวี่ยโหลวมาส่งให้ เพราะสบโอกาสที่อาจารย์กำลังจะไปตรวจดวงตาให้นางพอดี
ควงเยวี่ยโหลวจึงก้าวเข้าไปหยิบถาดอาหารมาถือไว้ “นั่งลงสิ!”
เขากดนางให้นั่งลงบนเก้าอี้ หนีเจียเอ๋อร์จึงถามอย่างงุนงง “ท่านอาจารย์ มีอะไรหรือเ้าคะ?”
อีกฝ่ายยังไม่ทันพูดอะไร นางก็ได้กลิ่นเย็นสดชื่นของดอกบัวหิมะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ควงเยวี่ยโหลวเอนตัวลงไปแกะผ้าพันแผลรอบดวงตาของนาง แขนเสื้อพลิ้วไปปัดโดนแก้มนวลเบาๆ ประหนึ่งขนนก ชวนให้หัวใจของนางคันยุบยิบ
หนีเจียเอ๋อร์พลันแก้มแดงซ่าน จู่ๆ ก็รู้สึกกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดที่ จนต้องผุดลุกขึ้น และตอนนั้นเอง ริมฝีปากของนางก็ััโดนบางสิ่ง
ควงเยวี่ยโหลวกำลังจะปลดผ้าพันแผลที่ด้านหลังศีรษะให้หญิงสาว แต่แล้วอีกฝ่ายก็ลุกขึ้นยืนกะทันหัน ััแ่เบาและกลิ่นหอมระรื่น ที่เข้ามาประชิดติดริมฝีปากอย่างไม่ทันตั้งตัว ชวนให้ใจวูบไหวยิ่งนัก
ควงเยวี่ยโหลวเบิกตากว้าง ได้แต่ยืนนิ่ง มองแก้มแดงก่ำของนางจนลืมตอบสนองไปชั่วขณะ
จนกระทั่งหญิงสาวตระหนักถึงััอุ่นชื้นบนริมฝีปาก หนีเจียเอ๋อร์จึงรู้ว่าตัวเองบังเอิญไปแตะปากกับท่านอาจารย์เข้าเสียแล้ว
ใบหน้าของหญิงสาวแดงจนไม่รู้จะแดงอย่างไร ทั้งยังลุกลามมาถึงลำคอ นางรีบถอยกรูดไปอย่างตื่นตระหนก แต่แล้วกลับสะดุดชายกระโปรงตัวเองจนล้มลง...