เป่ยเหลียนโม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเป่ยเซวียนเฉิงเดินจากไป แต่ก็ไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจ เดิมทีเป่ยเซวียนเฉิงก็มาโดยไม่ได้รับเชิญอยู่แล้ว ทั้งยังทำให้เหยาเชียนเชียนตกน้ำจนเสียขวัญอีก เขาไม่สั่งให้คนโยนออกไปก็ถือว่าเห็นแก่พระพักตร์ของเสด็จพ่อแล้ว
เมื่อรู้ตัวเองว่าควรทำสิ่งใดก็ควรไสหัวไป เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เหยาเชียนเชียนเห็นแล้วรู้สึกรำคาญใจ
“เปิ่นหวังแจ้งลาต่อเสด็จพ่อแล้ว ่สองสามวันนี้จึงมีเวลาว่างมาอยู่เป็เพื่อนเ้า”
เขาค่อยๆ จับเส้นผมของอีกฝ่ายที่ร่วงลงมาอยู่ข้างแก้มไปทัดไว้หลังหู เผยให้เห็นใบหน้าอันซีดเซียวเล็กน้อย สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกยินดีคือครั้งนี้เขาััความแตกต่างในแววตาของเหยาเชียนเชียนได้อย่างชัดเจน
มันคล้ายกับว่านางผูกพันกับเขามากขึ้น ชิงผิงอ๋องอดซาบซึ้งใจไม่ได้ ถ้อยคำที่กล่าวว่า ‘ห่างกันเพียง่ระยะเวลาสั้นๆ เมื่อกลับมาพบกันอีกครั้งจะรักกันมากกว่า่ที่เพิ่งแต่งงาน’ เป็เช่นนั้นจริงๆ การเอาอกเอาใจเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถทำให้นางรู้ถึงความสำคัญของเขาได้
“ท่านอ๋องแจ้งลาเช่นนี้ฮ่องเต้จะทรงไม่พอพระทัยหรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนกังวลเล็กน้อย คนที่มีสายตาเฉียบแหลมล้วนมองออกว่าเป่ยเหลียนโม่จงใจ นี่เป็การไม่ให้เกียรติฮ่องเต้ต่อหน้าธารกำนัลไม่ใช่หรือ เขามีฐานะเป็ขุนนางและบุตรชาย แต่กลับต่อต้านประมุขและบิดาของตนเองเช่นนี้ ฮ่องเต้ย่อมต้องรู้สึกไม่พอพระทัยอย่างแน่นอน
“ท่านอ๋อง แม้ว่าหม่อมฉันจะไม่อยากยอมรับเื่นั้นทั้งที่ยังคลุมเครือเช่นนี้ แต่หม่อมฉันยิ่งไม่้าให้ท่านอ๋องต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะเื่นี้ หากต้องเป็เช่นนั้นจริงๆ หม่อมฉันยินยอมให้ฮ่องเต้ตัดสินโทษหม่อมฉัน และอยู่ที่นี่โดยไม่กลับเข้านครหลวงอีกตลอดชีวิตเสียยังดีกว่า”
ชิงผิงอ๋องสำลักเบาๆ เ้ายอมแต่เปิ่นหวังไม่ยอมนะ
“วางใจเถิด เื่นี้ให้เป็หน้าที่ของเปิ่นหวังก็พอ หากยังไม่สามารถล้างมลทินให้เ้าได้ เปิ่นหวังจะสร้างความรำคาญใจให้เ้าเพิ่มได้อย่างไร ระหว่างนี้เ้าจงพักอยู่อย่างสบายใจเถิด อีกไม่นานเปิ่นหวังจะมารับเ้ากลับไป”
และจะรับเ้ากลับจวนอย่างสง่างามและเปิดเผยตรงไปตรงมา
“ทว่ามีข้อหนึ่ง” เขาเอ่ยกำชับ “อย่าพบคนนอกตามอำเภอใจเช่นนี้อีก เดิมทีวันนี้เปิ่นหวังตั้งใจมาหาเ้าอยู่แล้ว ผู้ใดเล่าจะคาดคิดว่าจะมีเื่รำคาญใจเช่นนี้เพิ่มขึ้นมาอีก”
เหยาเชียนเชียนรีบพยักหน้ารับทันที ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่สิ่งที่นางสมัครใจยินยอม แต่พอหันไปก็เห็นเป่ยเซวียนเฉิงยืนอยู่ข้างหลังนางแล้ว ยามนั้นมันน่ากลัวมากจริงๆ นางมัวแต่ใจจดจ่ออยู่ที่ริมทะเลสาบ จึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงรถม้าที่เคลื่อนเข้ามา
“หม่อมฉันทราบเพคะ หากไม่มีธุระหม่อมฉันก็ไม่อยากพบเขาเลย คาดว่าองครักษ์ที่เฝ้าประตูอาจเกรงกลัวต่อฐานะของเขา ดังนั้นจึงไม่ได้ขัดขวางเขามากนัก”
เป่ยเหลียนโม่ขมวดคิ้ว เช่นนั้นเขาคงต้องกำชับใหม่อีกรอบ แม้ว่าเหยาเชียนเชียนจะไม่ได้อยู่ที่นี่เป็เวลานาน ทว่าเหตุการณ์อย่างเช่นในวันนี้เกิดขึ้นครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว
“จริงสิ แหของหม่อมฉัน” เหยาเชียนเชียนเลิกผ้าห่มออกหมายจะก้าวลงจากเตียง “หม่อมฉันทอดแหดักกุ้งไว้ ป่านนี้แล้วยังไม่ได้เก็บ ไม่รู้ว่าจะเป็อย่างไรบ้างแล้ว”
เป่ยเหลียนโม่กดตัวนางไว้อย่างจนใจ ก่อนจะสั่งไปทางนอกประตูให้บ่าวไพร่รีบไปเก็บแหของนางขึ้นมา
“ท่านอ๋อง ฝีมือของหม่อมฉันก้าวหน้าไปมากแล้วเพคะ” เหยาเชียนเชียนอดไม่ได้ที่จะโอ้อวด“หม่อมฉันขอนอนอีกสักครู่ รอถึงยามเย็นหม่อมฉันจะทำอาหารให้ท่านอ๋องสักสองสามอย่างเพคะ”
เดิมทีชิงผิงอ๋องเต็มไปด้วยความคาดหวังและความยินดีอยู่แล้ว ่เวลาเ่าั้ในจวนอ๋อง แม้ว่าเหยาเชียนเชียนจะถือว่าใส่ใจเขาอยู่บ้าง แต่นี่เป็ครั้งแรกที่นางเข้าครัวทำอาหารให้เขา
ทว่าความสุขนี้คงอยู่ถึงเพียงเวลาที่อาหารถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว เหยาเชียนเชียนมองหาไปรอบๆ ทำให้เขาต้องวางตะเกียบลง
“เ้าหาอะไรอยู่หรือ?”
“เสี่ยวไกวไกวหายไปไหนเสียแล้วเล่า” เหยาเชียนเชียนแปลกใจ “เมื่อก่อนมันมักจะมาเมื่อถึงเวลาอาหารเย็นเพคะ เหตุใดวันนี้ถึงไม่เห็นเงาเลยเล่า?”
ชิงผิงอ๋องมีสีหน้าไม่สื่ออารมณ์ใดๆ นางกำลังหาแมวดำตัวนั้นอยู่จริงๆ ด้วย
แม้ว่าการถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของนางและถูกป้อนอาหารให้จะสะดวกสบายไม่น้อย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอาเหยียนเขาก็รู้สึกเสียหน้าอยู่หลายส่วน ทว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีคนนอก ดังนั้นชิงผิงอ๋องจึงเลือกที่จะมองข้ามความน่าอับอายนั้นไป
แต่ทั้งที่นางมีเขาผู้ซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาเช่นนี้อยู่ข้างกายแท้ๆ เหตุใดยังนึกถึงแมวตัวนั้นขึ้นมาได้อีก?
“อาเหยียนก็ไม่กินอาหารเย็นแล้ว ไม่รู้ว่ายามบ่ายเขากินขนมอะไรไปบ้าง” เหยาเชียนเชียนกล่าวด้วยความจนใจ วันนี้ทั้งเด็กน้อยและเ้าแมวดำยังไม่ได้กินมื้อหลักดีๆ เลย อีกทั้งนานๆ ทีชิงผิงอ๋องจะเสด็จมากินข้าวพร้อมหน้ากันเป็ครอบครัว
“เด็กน้อยก็ตะกละเช่นนี้” เป่ยเหลียนโม่จิบสาเก “ไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก เ้าทานในส่วนของตัวเองก็พอ”
ชายหนุ่มลงมือแกะกุ้งแล้ววางลงในชามของเหยาเชียนเชียนด้วยตัวเอง การดูแลเอาใจใส่เช่นนี้ทำให้เหยาเชียนเชียนไม่กล้าพูดถึงผู้อื่นอีก ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตากินเท่านั้น
ความคลุมเครือจางๆ ล่องลอยอยู่ระหว่างทั้งสองคน เหยาเชียนเชียนเคี้ยวเนื้อกุ้งในปาก เมื่อกินจนอิ่มไปแล้วครึ่งหนึ่งถึงเพิ่งรู้สึกได้ ดูเหมือนว่าเป่ยเหลียนโม่จะช่วยแกะกุ้งให้นางอยู่เรื่อยๆ ทั้งคู่สื่อสารถึงกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ราวกับเป็เื่ธรรมชาติ
“ท่านอ๋อง แท้จริงแล้วที่องค์ชายสามมาวันนี้ก็เพื่อมาบอกเื่หนึ่งกับหม่อมฉันเพคะ”
แม้ว่าจะไม่เหมาะสมที่จะพูดถึงเป่ยเซวียนเฉิงในเวลานี้ ทว่าในหัวของเหยาเชียนเชียนเกิดความสับสนเล็กน้อยและคิดอย่างอื่นไม่ออกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือวิธีการของเป่ยเซวียนเฉิงอาจทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ในเมื่อนางรู้แล้วจึงไม่สามารถทำเป็นิ่งเฉยราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นได้
“แผนขององค์ชายสาม เขา้าหาแพะคนหนึ่งมารับโทษแทนหม่อมฉัน” เหยาเชียนเชียนบอกเล่าแผนการของเป่ยเซวียนเฉิงคร่าวๆ “เดิมทีหม่อมฉัน้าจะปฏิเสธเขาอยู่แล้ว หม่อมฉันเกิดความร้อนใจจึงตกลงไปในน้ำโดยไม่ทันระวังตัวเพคะ”
นางพินิจมองเป่ยเหลียนโม่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงสีหน้าเอือมระอาใดๆ จึงกล่าวต่อว่า “เดิมทีในเื่นี้หม่อมฉันเป็ผู้บริสุทธิ์อยู่แล้ว เหตุใดจึงต้องดึงผู้อื่นเข้ามาพัวพันเพิ่มอีกเล่า ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันจับตามององค์ชายสามหน่อยได้หรือไม่เพคะ หม่อมฉันไม่อยากแบกรับชีวิตของคนผู้หนึ่งไว้อย่างไม่มีเหตุผล”
อาศัยโอกาสใน่ที่เื่ราวยังไม่ถูกแก้ไขโดยสมบูรณ์ ระหว่างนั้นก็หาแพะรับบาปมาคนหนึ่งเพื่อแบกรับเื่ทั้งหมดนี้แทน ถือเป็วิธีการที่ดีอย่างหนึ่ง แต่ก็โหดร้ายไปสักหน่อย
ทว่าสำหรับเป่ยเซวียนเฉิง ไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่ากับชีวิตของมารดา ประกอบกับการที่เขา้าเอาอกเอาใจเหยาเชียนเชียน ดังนั้นวิธีนี้จึงเป็หนทางที่ดีที่สุด
“เ้าไม่ยินยอมหรือ?” เขาเอ่ยถาม “หากเ้าไม่ยอมให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตายจริงๆ เขาก็สามารถหานักโทษรอปะามาได้”
เหยาเชียนเชียนส่ายหน้าแล้วหันไปถามเขาว่า “ท่านอ๋องคิดว่าหม่อมฉันควรตอบรับหรือไม่เพคะ?”
นั่นย่อมไม่ควรอยู่แล้ว ชิงผิงอ๋องครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “ไม่ว่าอย่างไรเื่นี้ก็ถูกยัดเยียดให้เป็ความผิดของเ้า แม้ว่าในใจของทุกคน เ้าจะได้ล้างมลทินอันเนื่องมาจากคนผู้นั้นที่มารับโทษแทน แต่ใจของเ้ารู้ดี และคนร้ายที่อยู่เื้ัเื่ราวทั้งหมดนี้ย่อมรู้ดีเช่นกัน เช่นนั้นแล้วเื่นี้ก็ไม่ถือว่าถูกคลี่คลายได้อย่างสมบูรณ์”
ถูกต้อง เหยาเชียนเชียนพยักหน้า เป็ดังเช่นที่ชิงผิงอ๋องพูด
ถึงแม้ว่าจะมีคนมารับโทษแทนนาง ทว่าตัวนางย่อมรู้ดีว่าคนร้ายที่ใส่ร้ายนางในครั้งนี้ยังคงลอยนวลอยู่ และคนที่รับโทษแทนนาง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเคยกระทำความผิดร้ายแรงหรือไม่ แต่เขาก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเื่นี้เลย ดังนั้นจึงไม่สามารถนำทั้งสองเื่นี้มาปะปนเป็เื่เดียวกันได้
“แผนขององค์ชายสามอาจเป็เื่ที่สามารถเข้าใจได้ของคนส่วนมาก แต่สำหรับหม่อมฉันไม่อาจยอมรับได้เพคะ” เหยาเชียนเชียนถอนหายใจ “จะว่าหม่อมฉันโง่เขลาก็ได้ หรือจะว่าดื้อรั้นก็ช่าง แต่สุดท้ายความบริสุทธิ์ของหม่อมฉันก็ไม่ควรถูกตบตาด้วยวิธีการเช่นนี้”
เป่ยเหลียนโม่กินกุ้งตัวหนึ่งอย่างตั้งใจ เขารู้สึกโล่งใจ ยังดีที่เขาไม่ได้คาดเดาผิดไป ไม่เช่นนั้นในใจของนางคงมองเขากลายเป็แบบเดียวกับเป่ยเซวียนเฉิงเป็แน่
แม้ว่าในยามปกตินางจะชอบหยอกล้อพูดเล่น แต่เป่ยเหลียนโม่รู้ว่านางมีจุดยืนของตัวเองในเื่เหล่านี้ วิธีการเช่นนั้นเขาก็เคยคิดไว้เช่นกัน แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกไป
หากเขาใช้วิธีนั้น โดยสุ่มหาคนผู้หนึ่งมารับโทษแทนนาง เช่นนั้นจะไม่เท่ากับว่าเขายอมแพ้ต่ออวี๋เฟยหรือ?
“วางใจเถิด เปิ่นหวังสืบพบตัวคนที่บงการแล้ว และจะหาจังหวะช่วยเ้าโดยเร็วที่สุด”
เหยาเชียนเชียนโน้มตัวเข้าไปใกล้ หาตัวพบแล้วอย่างนั้นหรือ
“ท่านอ๋องว่าคนผู้นั้นเป็ผู้ใดหรือเพคะ?”
ก่อนหน้านี้นางสงสัยมาตลอดว่าเป็ฮ่องเต้ แต่ดูจากสีหน้าของเป่ยเหลียนโม่ ดูเหมือนว่านางจะคาดเดาผิดไปแล้วจริงๆ
“อวี๋เฟย” ชิงผิงอ๋องพินิจมองนางโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ “ยานั้นนางสั่งให้แม่นมเฒ่าไปหามาและใส่ลงไปเอง นางสังหารเด็กคนนั้นด้วยตัวเองเพื่อจงใจใส่ร้ายเ้า”
เหยาเชียนเชียนเบิกตากว้างทันที รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในนิยายแนวาวังหลวงจริงๆ ใช้ชีวิตของลูกตัวเองเป็เครื่องมือในการใส่ร้ายคนผู้หนึ่ง อวี๋เฟยผู้นี้เป็บ้าไปแล้วหรืออย่างไร?
“ท่าน...ท่านอ๋องสืบได้แน่ชัดแล้วหรือว่าอวี๋เฟยเหนียงเหนี่ยงเป็คนใส่ดอกยี่โถขาวลงไปเองจริงๆ?”
เป่ยเหลียนโม่พยักหน้า ไม่แน่ใจว่าในความตระหนกของนางยามนี้มีความสงสัยปะปนอยู่ด้วยหรือไม่ แต่เขาไม่มีเจตนาใส่ร้ายอวี๋เฟย และเขาไม่้าใช้สิ่งนี้เพื่อทำลายสถานะของเป่ยเซวียนเฉิงในใจของนางด้วย อย่าได้เข้าใจเขาผิดไปเชียว
“หม่อมฉัน...คาดไม่ถึงเลยจริงๆ” เหยาเชียนเชียนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ว่ากันว่าถึงเสือจะร้ายแต่มันก็ไม่กินลูกตัวเอง จิตใจของคนผู้นี้ช่างยากแท้หยั่งถึงจริงๆ
“เปิ่นหวังสั่งให้คนไปตรวจสอบบันทึกชีพจร [1] ของนางมาแล้ว” เป่ยเหลียนโม่กล่าว “ข้อความในบันทึกชีพจรระบุว่าทารกในครรภ์ของอวี๋เฟยอยู่ในสภาวะมั่นคง และดูเหมือนว่าจะไม่มีความผิดปกติใดๆ ทว่าหมอหลวงผู้ดูแลครรภ์ของนางมักจะนำเซียงอ้าย [2] ห่อหนึ่งติดตัวไปด้วยทุกครั้งที่ไปเข้าเฝ้า ดูจากการใช้เซียงอ้ายมาตลอดสองเดือนกว่า ดูท่าว่าครรภ์นี้ของอวี๋เฟยคงไม่ได้ปลอดภัยดังที่ระบุไว้ในบันทึกชีพจร”
เหยาเชียนเชียนประคองจอกชาร้อนไว้และค่อยๆ จิบมัน กล่าวอีกนัยหนึ่งคืออวี๋เฟยรู้ว่าการให้กำเนิดทารกในครรภ์คงยากเกินไป ดังนั้นจึงตั้งใจใช้ทารกในครรภ์นี้กำจัดนางอย่างนั้นหรือ?
นี่มันบ้าไปแล้ว!
แค่เพราะนางไม่ได้ยืนอยู่ข้างเดียวกับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว จำเป็ต้องใช้วิธีเช่นนี้มาทำร้ายนางถึงตายเลยหรือ เหยาเชียนเชียนกำจอกน้ำชาแน่น รู้สึกโชคดีที่นางเลือกคนถูกั้แ่แรก จึงไม่ได้พลอยเสียสติไปกับสองคนนั้นด้วย ไม่เช่นนั้นต่อไปก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะให้นางไปทำสิ่งใดอีก
ในคืนพิธีอภิเษกเ้าของร่างเดิมก็หมายจะเอาชีวิตอาเหยียน เดิมทีเหยาเชียนเชียนก็คิดว่ามันโหดร้ายมากพอแล้ว แต่ไม่คาดคิดเลยว่าความคิดของนางจะตื้นเขินเกินไป
“หม่อมฉันประเมินอวี๋เฟยเหนียงเหนี่ยงผู้นั้นต่ำเกินไปแล้วจริงๆ” นางหลับตาลงและถอนหายใจ “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่แจ้งแก่หม่อมฉัน วันหน้าหม่อมฉันจะระมัดระวังให้มากขึ้นอย่างแน่นอนเพคะ”
เดิมทีเป่ยเหลียนโม่ไม่อยากบอกเื่โหดร้ายเหล่านี้กับนาง ทว่าหญิงสาวตัวเล็กผู้นี้ดูไม่ได้อ่อนแออย่างที่เห็นจากภายนอก นางมีจิตใจที่เข้มแข็งมากเพียงพอที่จะให้นางได้เห็นสภาพการณ์รอบตัวให้ชัดเจนเสียั้แ่เนิ่นๆ เพื่อที่ในวันหน้าจะได้ระแวดระวังมากยิ่งขึ้น
“เ้าไม่ต้องกังวล ตราบใดที่เ้าไม่ได้ทำ พวกเขาก็ไม่สามารถยัดเยียดความผิดให้เ้าได้ และยังยืนยันคำเดิม เ้ายังมีเปิ่นหวังเสมอ”
เหยาเชียนเชียนคืนสติจากอาการตระหนกและโกรธเคือง เบื้องหน้าของนางคือแววตาอันแสนอ่อนโยนและมั่นคงของเป่ยเหลียนโม่
เขามองนางอยู่แบบนั้นราวกับกำลังให้คำมั่นสัญญาด้วยคำสาบานทุกภพทุกชาติอะไรทำนองนั้น เหยาเชียนเชียนปิดปากโดยไม่รู้ตัว ข่งหลงตัวน้อยที่อยู่ในใจกำลังวิ่งพล่านท่ามกลางทุ่งราบ หัวใจเต้นรัวเร็วจนทำให้นางหายใจไม่ทันเล็กน้อย
“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันมีดีอะไร...”
นางเป็เพียงิญญาที่มาจากโลกอื่น และบังเอิญอยู่รอดในร่างกายนี้ได้จนกลายเป็หวังเฟยของเขา
การเสแสร้งประจบประแจงในคราแรกก็ทำไปเพียงเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น แม้ว่าจะทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความจริงใจ ทว่าความจริงใจนี้ไม่ใช่ความจริงใจที่มีต่อกันและกัน ประกอบกับยามนี้เป่ยเหลียนโม่เชื่อใจนาง ดูแลนาง และปกป้องนางเช่นนี้ นั่นทำให้นางรู้สึกผิดเล็กน้อยอย่างไม่มีสาเหตุ
เขาน่าจะ...ไม่รังเกียจหากนางไม่ใช่เหยาเชียนเชียนตัวจริงหรอกกระมัง ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เ้าของร่างเดิมก็ไม่สนใจเขาเลย ดังนั้นทั้งหมดนี้จึงเป็สิ่งที่เป่ยเหลียนโม่ทำให้นาง เพียงแต่นาง...ไม่ใช่เหยาเชียนเชียนเท่านั้นเอง
ฝ่ามืออุ่นของชายหนุ่มทาบทับลงบนหลังมือของนางเบาๆ ั้แ่รู้จักนางมา อีกฝ่ายก็สร้างความประหลาดใจและมอบความคาดไม่ถึงต่อเขามากมาย จะกล่าวว่าตัวเองมีดีอะไรไปทำไมกัน เขาต่างหากที่รู้สึกหวาดหวั่นอยู่ตลอดเวลา ด้วยกลัวว่านางจะหนีไป
“ขอเพียงหวังเฟยสามารถพักอาศัยอยู่ที่จวนอ๋องได้อย่างสบายใจ อยู่เคียงข้างเปิ่นหวัง และไม่คิดอยากหนีไปที่ใด นั่นก็ถือเป็การตอบแทนเปิ่นหวังแล้ว”
การเคลื่อนไหวของเหยาเชียนเชียนหยุดชะงัก เขารู้ได้อย่างไรว่านางคิดจะหนี?
เชิงอรรถ
[1] บันทึกชีพจร หมายถึง คำวินิจฉัยโรคของแพทย์แผนจีนหลังจับชีพจรแล้ว
[2] เซียงอ้าย เป็สมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง มีสรรพคุณในการไล่ลม ลดความชื้น บรรเทาอาการคัน และหยุดเื
