เล่มที่ 2 บทที่ 53 เคล็ดวิชากระบี่ดับโชค
สิ่งที่น่ายินดีอย่างเดียวในตอนนี้ ดูเหมือนจะเป็เพียงแค่สภาพของหวังหลินที่ไม่สู้ดีนัก ดูท่าคงจะาเ็จากภายในขณะไล่ตาม ระหว่างที่ทั้งคู่ประมือกันอยู่ หวังหลินถึงขนาดกระอักเืออกมาสามครั้ง แถมยังมีหนึ่งครั้งที่ถูกพลังปราณย้อนกลับ จนเกือบจะพลาดท่าให้เขาเสียแล้ว…
น่าเสียดายที่เขาไม่มีดวงพอ ทั้งที่โอกาสอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่กลับลงมือไม่สำเร็จ…
ยอดฝีมือย่างหยวนขั้นสูงสองคนก็ต่อสู้กันอุตลุดภายในป่า คนหนึ่งก็โชคร้ายกันติดๆ ส่วนอีกคนก็าเ็เรื่อยๆ ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็ตีกันเหมือนอันธพาลข้างถนน ทั้งบีบคอ จิกหัว จิ้มตา ทุกกระบวนท่าล้วนถูกงัดออกมาใช้จนหมดสิ้น…
ท้ายสุดหวังหลินตัดสินใจขึ้นคร่อมบนร่างของชายวัยกลางคน ก่อนจะใช้หินทุ่มหัวอีกฝ่ายจนตาย โดยแววตาชายผู้นั้นยังคงเต็มไปด้วยความตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงซวยนัก ทั้งที่เป็ยอดฝีมือย่างหยวนขั้นสูงแท้ๆ แต่กลับถูกหินทุ่มจนตาย…
“บ้าจริง เกือบเอาตัวไม่รอดเสียแล้ว…” หลังจากแน่ใจว่าอีกฝ่ายตายสนิทแล้ว หวังหลินที่หอบหายใจแรง ล้มตัวนอนลงกับพื้น
กระบี่สีดำเล่มนั้นตอนนี้วางอยู่ข้างตัวหวังหลิน ปราณสีดำที่แพร่ออกมา แฝงไปด้วยกลิ่นอายลี้ลับ…
หวังหลินนอนพักอยู่หนึ่งชั่วยามเต็มๆ ก่อนจะลุกขึ้นมา เขาหยิบกระบี่ดำขึ้นมาสะพายด้านหลัง ก่อนจะดันร่างตัวเองไปค้นหาสมบัติที่ศพของชายวัยกลางคน…
“เป็อย่างที่คิดไว้จริงๆ…” ของที่หวังหลินขูดรีดมาได้มีเพียงตั๋วแลกเงินของมนุษย์ไม่กี่ใบและธงที่หมดพลังไปแล้ว แม้แต่หัวกะโหลกสามหัวก็สลายกลายเป็ควันดำตามชายวัยกลางคนที่ตายไป…
‘จริงสิ ยังมียาอีกหลายเม็ด…’
“บัดซบ นี่มันยาปลุกกำหนัด…” หลังจากหยิบเม็ดยาดังกล่าวขึ้นมาดม หวังหลินก็แทบจะเอ่ยปากด่ากราดไปถึงบรรพบุรุษเลยทีเดียว
“เคล็ดวิชากระบี่ดับโชคดูจะรุนแรงไปเสียหน่อย…” ตอนนี้หวังหลินสับสนจนทำหน้าไม่ถูก เพราะเคล็ดวิชากระบี่นี้เป็หนึ่งในสามกระบี่ห้าเคล็ดวิชาของสำนักเวิ่นเจี้ยนที่พิสดารที่สุด ในระหว่างการต่อสู้นั้น เคล็ดวิชานี้จะสะบั้นโชคลาภทุกอย่างของคู่ต่อสู้ออกไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงโชคร้ายที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด แม้แต่ชายวัยกลางคนเมื่อครู่ ถึงแม้จะมีชื่อเสียงโด่งดังเป็ยอดฝีมือของสำนักเสวียนิที่เป็หนึ่งในสามสำนักอธรรมที่ใหญ่สุด ก็มิวายยังถูกเขาฆ่าตายได้…
ในขณะเดียวกันเคล็ดกระบี่ดับโชคก็สะบั้นโชคของผู้ฝึกไปเช่นเดียวกันอีกด้วย…
ั้แ่เขาฝึกเคล็ดวิชานี้ก็เอาแต่พบโชคร้ายไม่หยุด ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ั้แ่ขั้นจู้จีถึงขั้นย่างหยวน ไม่มีวันไหนเลยที่จะมีโชคเหมือนกับคนอื่น เดิมทีเขาก็พอจะมีสมบัติติดตัวอยู่บ้าง แต่ตอนนี้กลับไม่เหลือสักแดง หากไม่มีอาจารย์คอยช่วยเหลือ เกรงว่าเขาอาจจะต้องขายตัวเองไปเป็ทาสเสียแล้ว…
ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือทุกครั้งที่สะบั้นโชคของคู่ต่อสู้ไป ตัวเขาเองก็จะถูกพลังย้อนกลับเล่นงานเช่นกัน เหมือนกับเมื่อครู่ตอนที่ประมือกัน ทุกครั้งที่ชายวัยกลางเจอเื่แย่ๆ เขาก็จะถูกพลังย้อนกลับไปด้วย
ยิ่งคู่ต่อสู้เจอเื่โชคร้ายที่รุนแรงเท่าไร เขาก็จะได้รับผลกระทบมากเท่านั้น แค่กระอักเืยังไม่เท่าไรหรอก แต่ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือตอนชายวัยกลางคนเกือบถูกลำแสงกระบี่ที่มาจากูเาหลีสะบั้นใส่ ดูแล้วน่าจะเป็ฝีมือของผู้บำเพ็ญขั้นฟ่าเซี่ยง ยังดีที่ชายผู้นั้นรอดมาได้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ด้วยพลังย้อนกลับของขั้นฟ่าเสี่ยง ต่อให้มีเขาเป็สิบคน ก็ยังไม่พอ…
“จริงสิ งานศิษย์สายตรง…” พอไตร่ตรองถึงสภาพดวงที่แสนจะกุดของตัวเองได้ดังนั้น เขาจึงล้มเลิกความพยายามที่จะค้นศพตรงหน้าอีก สุดท้ายค้นไปอย่างไรก็คงไม่เจออะไรดีๆเข้าให้ หวังหลินจึงตัดศีรษะของศพออกแทน เพื่อนำกลับไปขึ้นรางวัล เพราะนี่คือกุ่ยซิวที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยจิ้น หากนำกลับไปจะได้หลายร้อยหินิญญาเลยทีเดียว
แต่ไม่รู้ว่าหินิญญาที่ได้มาจะเพียงพอเพื่อรักษาตัวหรือไม่…
หวังหลินกลับสำนักด้วยสภาพแสนสะบักสะบอม
ในเวลาเดียวกันนี้สถานการณ์ที่หุบเขาเทียนเฉวียนกลับแตกต่างออกไป
ที่หุบเขาเทียนเฉวียนมีหินั์ก้อนกลมกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศเต็มไปหมด บนหินั์เ่าั้มีศาลาหลังน้อยตั้งตระหง่านอยู่อีกด้วย อีกทั้งท่ามกลางหินั์เ่าั้ก็มีบันไดที่สามารถทะลุขึ้นไปยังยอดเขาเทียนเฉวียนที่อยู่เบื้องบน บันไดเ่าั้รูปลักษณฺราวกับบันไดที่เชื่อมไปยังแดน์เลยก็ว่าได้
ขณะเดียวกันก็มีลำแสงกระบี่สายหนึ่งพุ่งจากเชิงเขาทะยานขึ้นไปยังยอดเขา ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เกิดแสงส่องสว่างไปทั่วบริเวณ…
ท่ามกลางลำแสงกระบี่นั้น ปรากฏภาพคนคนหนึ่งที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยเช่นกัน เขาบินผ่านเหล่าหินั์ที่ล่องลอย และสุดท้ายก็หยุดลงบนยอดเขาเทียนเฉวียน เมื่อลำแสงกระบี่สลายไป ก็เผยให้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบกว่า ใบหน้าสะอาดสะอ้านหมดจด แถมยังมีกลิ่นอายบัณฑิตเข้มข้นกำลังยืนอยู่ ตลอดทั่วทั้งร่างของเขาก็ราวกับกำลังเปล่งแสงเรืองรอง…
“เคล็ดวิชากระบี่ไร้พ่าย!” ทันใดนั้นก็มีเสียงศิษย์สำนักเทียนเฉวียนคนหนึ่งะโขึ้นมา
“ยินดีกับศิษย์พี่ถังด้วยที่สำเร็จวิชากระบี่ไร้พ่าย!”
เสียงที่ดังขึ้นมาก้องกังวานไปทั่วทั้งหุบเขาเทียนเฉวียนเลยทีเดียว
เคล็ดวิชากระบี่ไร่พ่ายถือเป็วิชาที่จะสืบทอดให้แก่ศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้น หลายร้อยปีมานี้มีคนที่สำเร็จได้ไม่ถึงหยิบมือ…
แต่ถังเทียนตูผู้นี้กลับเป็หนึ่งในผู้ที่สามารถสำเร็จวิชาได้
“เทียนตูจงมาพบข้าที่เจดีย์ผนึกปีศาจเดี๋ยวนี้” ท่ามกลางเสียงยินดีของเหล่าศิษย์ในหุบเขา ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกมาจากเจดีย์ผนึกปีศาจเก้าชั้นที่อยู่บนยอดหุบเขาเทียนเฉวียน
“ทราบแล้วท่านอาจารย์”
บริเวณเหนือเจดีย์ผนึกปีศาจ มีชายวัยกลางคนในชุดสีดำกำลังนั่งอยู่บนเบาะกลม เมื่อเห็นถังเทียนตูเดินเข้ามา ก็เงยหน้าขึ้นถามไถ่ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“ใช้เวลาไปเท่าใด?”
“ห้าปีเห็นจะได้”
“ดีๆๆ…” ชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“จำได้ว่าคนที่สำเร็จวิชากระบี่ไร้พ่ายคนก่อน ก็คืออาจารย์อาของเ้า แต่น่าเสียดายที่ถูกหลัวเสิ่นเซียวฆ่าตายไปเสียก่อน ตอนนี้เ้าเองก็สำเร็จวิชาแล้ว คาดว่าในงานศิษย์สายตรง คงมีแค่เซียนหญิงแห่งหุบเขาอวี้เหิงที่พอจะสูสี เ้าเองก็ดูมีความตั้งใจ ดังนั้นข้าจะไม่พูดอะไรมาก แค่อยากให้จำไว้ว่า หุบเขาเทียนเฉวียนจะต้องกดข่มหุบเขาอวี้เหิงให้ได้ตลอดไป…”
“ทราบแล้วท่านอาจารย์”
ราวกับล่วงรู้เื่ที่เจดีย์ผนึกปีศาจ หลินเฟยที่อยู่หุบเขาอวี้เหิงสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะเบิกตาขึ้นทันที
หากมีใครมาเห็นสายตาของหลินเฟยตอนนี้แล้วล่ะก็ จะต้องพบกับสายตาที่แสนคมกริบราวกับกระบี่ที่ออกจากฝักเลยทีเดียว…
เพียงแค่กะพริบตาก็ทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิม แต่หากพิจารณาดูดีๆ จะสังเกตได้ว่าตอนนี้หลินเฟยมีท่าทีแตกต่างจาก่ก่อนเริ่มกักตัวบำเพ็ญ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่รูปร่างภายนอกแต่อย่างใด หากแต่เป็การเปลี่ยนแปลงจากภายในของเขาเอง…
หากเปรียบเป็กระบี่ล่ะก็ หลินเฟยตอนนี้ก็เหมือนกระบี่ที่เก็บเข้าฝักเรียบร้อย ดูไม่เป็อันตราย เหมือนคนธรรมดามากกว่าจะเป็ผู้บำเพ็ญ แต่ั์ตานั้น กลับเป็สิ่งที่ยืนยันได้ว่าเขานี่แหละเป็ผู้บำเพ็ญกระบี่แท้จริง…
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้