ในที่สุดชาวบ้านต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แน่นอนว่าหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเลี่ยงหยาง ย่อมเป็ตัวแทนของทุกคน ลุกขึ้นยืนโค้งคำนับให้ซูอันและกล่าวขอบคุณนาง
“ขอบคุณคุณหนูที่ช่วยเหลือขอรับ หากไม่ได้ท่านช่วยไว้วันนี้คงมีชาวบ้าน ที่ต้องเจ็บตัวจากตระกูลกู้อีกเป็แน่ แต่ว่าท่านควรระวังคนตระกูลนี้เอาไว้นะขอรับ”
ซูอันก้มศีรษะเล็กน้อยเป็การรับน้ำใจ “พวกท่านอย่าถือเป็บุญคุณเลยนะ การยอมก้มหัวให้คนเช่นนั้นมิใช่ทางออกที่ดีเสมอไป หากยอมให้พวกเขากดขี่ข่มเหง เหตุการณ์ก็จะเป็อย่างที่พวกท่านต้องพบเจอตลอดไป ถ้าครั้งหน้ายังเกิดเื่เช่นนี้อีก ให้คนไปบอกกับข้าที่จวนตระกูลจินในเมืองผู่เถียนนะ”
เยี่ยนหลิงเองยังมีคำพูดบอกกับชาวบ้านบ้าง “ข้ากับน้องสาวเชื่อว่าหากท่านลุงท่านป้า ไปตีกลองร้องทุกข์กับท่านเ้าเมือง ย่อมได้รับความยุติธรรมอย่างแน่นอน”
“พวกข้าจะจำไว้ขอรับ ว่าแต่พวกท่านมาที่หมู่บ้านของพวกเรา มีกิจธุระอันใดหรือไม่ขอรับ” เลี่ยงหยางถามสตรีสองคนที่เป็พี่น้องกัน เพราะเขารู้สึกว่านี่มิใช่เื่บังเอิญ
เป็ซูอันที่ตอบไปสั้น ๆ “ใช่แล้ว พวกข้าสองคนมีธุระจริง ๆ”
ชาวบ้านต่างพร้อมใจกันนิ่งเงียบ เพื่อรอฟังว่าธุระของซูอันกับเยี่ยนหลิงเป็เื่เกี่ยวกับอะไร และเป็ซูอันที่ปรับเปลี่ยนสีหน้าของนาง ให้กลับมาจริงจังดูสุขุมและเกรงขามทันที
“ข้าไม่ชอบอ้อมค้อมให้เสียเวลา ธุระของข้าคือการหาลูกจ้างทั้งบุรุษและสตรี ที่พ้นวัยปักปิ่นสวมกวานแล้ว ไปช่วยงานที่ร้านค้าผ้าตระกูลจินของข้า นอกจากนี้ยัง้าคนที่ย้อมไหมเป็ ทอผ้าได้ละเอียดละออรวมถึงการปักผ้าที่ต้องใช้ความประณีต สุดท้ายบุรุษที่สวมกวานแล้ว หากใครรู้ตัวว่ามีสุขภาพแข็งแรง ข้ายังรับสมัครผู้คุ้มกันซึ่งจะต้องมีความซื่อสัตย์ งานนี้มีความเสี่ยงสูงค่าจ้างย่อมมากกว่างานอื่น ข้าเห็นลายผ้าของพวกท่านแล้ว หากพัฒนาฝีมือเพิ่มอีกเล็กน้อย ผ้าจากหมู่บ้านซานอี๋แห่งนี้ ย่อมมีชื่อเสียงและเป็ที่้าของคนมีฐานะ รวมถึงตระกูลขุนนางด้วยก็เป็ได้”
หลังจบการบอกธุระของการมาหมู่บ้านในวันนี้แล้ว กลับเกิดความเงียบที่ได้ยินแม้แต่เสียงแมลงตัวเล็ก ๆ ในใจของชาวบ้านกำลังรู้สึกว่า พวกตนช่างโชคดีที่ซูอันเลือกมาที่หมู่บ้านซานอี๋ หลายคนได้ฟังก็คิดว่าหากมีคนรับซื้อสินค้าด้วยความยุติธรรม ชีวิตความเป็อยู่ย่อมดีกว่าที่ผ่านมา
เลี่ยงหยางจึงเอ่ยถามกับซูอันเพื่อความแน่ใจ “คุณหนูทั้งสองพูดจริงหรือขอรับ ที่อยากจ้างงานพวกเราทั้งหมู่บ้านซานอี๋”
“จริงแท้แน่นอนท่านลุง ขอเพียงพวกท่านเชื่อใจข้าหลังจากเปิดร้านค้า ไม่เกินสามเดือนชื่อเสียงของผ้าทอตระกูลจิน ที่มีพวกท่านอยู่เื้ัจะมีชื่อเสียงโด่งดัง และเตรียมตัวรับใบสั่งซื้อจำนวนมากได้เลย”
อวี้เหลียนที่ต่อสู้เป็บ้าง เขากับสหายอีกหลายคนทำหน้าที่ขึ้นเขา เพื่อตัดไม้มาทำฟืนสำหรับการต้มน้ำย้อมผ้า เขามีความสนใจเื่การเป็ผู้คุ้มกัน และรู้ว่าสหายของเขาก็คิดไม่ต่างกัน
“คุณหนูข้ากับสหายอีกหลายคนพอรู้วิชาต่อสู้ แต่มิได้เก่งกาจนักจึงปกป้องคนในหมู่บ้านได้ไม่ดี พวกข้ายินดีที่จะสมัครเป็ผู้คุ้มกันของท่าน ไม่ทราบว่าคุณหนูมีวิธีการฝึกวิชาต่อสู้สอนพวกข้า ให้มีฝีมือเก่งกาจมากขึ้นเพื่อคุ้มกันสินค้าหรือไม่ขอรับ”
หยิ่งเจาสหายบ้านข้าง ๆ ของอวี้เหลียน ก็อยากรู้รายละเอียดในข้อนี้ “ใช่ขอรับคุณหนู พวกข้าแค่ฝึกท่าทางง่าย ๆ เท่าที่เคยเห็นคนต่อสู้กันเท่านั้น ทำให้เสียเปรียบยามถูกคนที่เก่งกว่ารังแก ถ้าท่านมีวิธีการฝึกวิชาต่อสู้ พวกข้ายินดีทุ่มเททั้งชีวิตทำงานให้ท่านแน่นอนขอรับ”
เยี่ยนหลิงอึกอักเพราะนางไม่รู้เกี่ยวกับวิชาต่อสู้ แต่สำหรับซูอันแล้วเมื่อมีคนเต็มใจมาเป็คนของนาง จะไม่รีบรับเอาไว้ได้อย่างไร “พี่ชายทุกท่านหากพวกท่านสาบาน ว่าจะทำงานให้ข้าด้วยความซื่อสัตย์ไม่คิดหักหลัง เื่การฝึกวิชาต่อสู้ข้าจะสอนให้พวกท่านเอง”
เป่าโยวที่เห็นการต่อสู้ของซูอัน เขามั่นใจว่านางมีความสามารมาก แม้จะเป็สตรีร่างบอบบางก็ตามที แต่แรงที่นางใช้จัดการอันธพาล กลับแม่นยำตรงจุดอย่างรวดเร็ว “ข้าเป่าโยวเชื่อว่าคุณหนูทำได้แน่ขอรับ จากการต่อสู้เมื่อกี้ท่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ท่านมีความชำนาญด้านการต่อสู้ไม่น้อย อีกทั้งยังเป็ท่าทางที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ข้ายินดีสมัครเป็คนคุ้มกันสินค้าให้ท่านขอรับ”
เหนียนจื่อที่ยืนข้างเป่าโยวยกมือพร้อมพูดด้วยเสียงที่ดัง “ข้าก็้าสมัครเช่นกันขอรับ”
“ข้าด้วย ๆ /พวกข้าก็ยินดีสมัครเช่นกันขอรับ”
ซูอันเห็นว่ามีคนสนใจนับสิบก็รู้สึกพอใจมาก “เอาล่ะ ๆ พี่ชายทุกท่าน ขอบคุณที่สนใจทำหน้าที่นี้ให้กับข้า แต่ก่อนอื่นพวกท่านต้องรักษาตนเองให้หายก่อน และต้องหายดีเท่านั้นนะข้าถึงจะรับพวกท่าน หลังจากหายดีแล้วค่อยตามไปพบข้าที่จวนตระกูลจินในเมืองผู่เถียน เพราะข้ายังต้องเตรียมสถานที่ฝึกให้พวกท่าน”
“พวกข้าจะทำตามที่คุณหนูสั่งเป็อย่างดีขอรับ”
เมื่อหากำลังคนสำหรับเื่การคุ้มกันได้แล้ว ซูอันและเยี่ยนหลิงจึงคัดเลือกคนเพิ่ม สำหรับทำงานในร้านค้าของพวกนางต่อทันที เยี่ยนหลิงรู้สึกถูกชะตาสตรีอยู่สองคน จึงบอกกับน้องสาวที่ยามนี้ก็มีคนที่เลือกไว้ เป็บุรุษทั้งสามคนดูท่าทางจะคล่องแคล่วอยู่ไม่น้อย
ซูอันจึงชี้ไปยังคนทั้งห้าและเรียกให้ออกมา “พี่สาวทั้งสองคนรบกวนก้าวเท้าออกมาด้านหน้า และพี่ชายอีกสามคนนี้ก็เช่นกัน”
เยี่ยนหลิงเอ่ยถามชื่อของพวกเขาแทนน้องสาว “พวกท่านชื่ออันใดบ้างข้ากับน้องสาวจะได้จำชื่อไว้”
“ตัวข้าชื่อจิ่วเม่ยส่วนนางเป็สหายข้าชื่อว่าหลินเหมี่ยวเ้าค่ะ”
“คุณหนูเรียกข้าว่าหรงหยุนเถิดขอรับ ส่วนสหายอีกสองคนมีชื่อว่ามู่เวินกับเหวยฉินขอรับ”
“อืม สำหรับพวกท่านห้าคนคือคนที่ต้องทำงานที่ร้าน มีหน้าที่ตรวจนับสินค้า ทำบัญชีรายรับรายจ่าย จัดวางผ้าให้ลูกค้าได้เลือกตามแบบที่กำหนด และสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับผ้าแต่ละชิ้น ที่ลูกค้าให้ความสนใจได้อย่างละเอียด พวกท่านทำได้หรือไม่?” ซูอันถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“พวกเราทำได้ขอรับ!/พวกเราทำได้เ้าค่ะ!”
“ส่วนช่างตัดเย็บเสื้อผ้าข้า้าพี่สาวท่านนี้ ท่านน้าสองคนที่อยู่ด้านขวามือของท่านลุงเลี่ยงหยาง และพี่สาวที่อยู่ซ้ายมือของข้าพวกท่านสี่คนจะเริ่มงานพร้อมกับห้าคนก่อนหน้านี้ ส่วนท่านลุงท่านป้า ท่านอาและทุกคนในหมู่บ้าน พวกท่านมีหน้าที่เลี้ยงไหม ทำเส้นไหม ย้อมสีและทอเป็ผืนส่งให้ข้า หากใครสามารถคิดค้นสีใหม่ ๆ ออกมาได้ ข้าจะมีรางวัลเพิ่มให้ต่างหาก”
เยี่ยนหลิงดีใจไม่น้อยไปกว่าชาวบ้าน เพราะสิ่งที่นางกับน้องสาวออกมาจัดการในวันนี้ สำเร็จไปได้ด้วยดีแต่เยี่ยนหลิงเอง ไม่ลืมเื่การทำสัญญากับชาวบ้าน “อันเอ๋อร์แล้วเ้าจะให้คนในหมู่บ้านที่เหลือ ทำสัญญาการค้ากับเราได้เมื่อใดหรือ”
ซูอันนิ่งคิดเพียงครู่เดียวก็มีคำตอบให้เยี่ยนหลิง “เอาเป็ว่าพวกท่านส่งตัวแทนครอบครัวไปทำสัญญากับข้า หลังจากพวกพี่ชายรักษาตัวจนหายดีก็แล้วกัน จะได้อ่านเงื่อนไขในสัญญาพร้อม ๆ กัน หากมีตรงไหนที่คิดว่าไม่เป็ธรรม พวกท่านสามารถปรึกษาหารือกัน ข้าจะได้แก้ไขเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้รับผลประโยชน์ ที่ยุติธรรมร่วมกันดีไหม?”
เลี่ยงหยางมองสมาชิกในหมู่บ้านที่ตนดูแล เพื่อถามความเห็นว่ามีใครไม่เห็นด้วยหรือไม่ ผลที่ได้คือการพยักหน้าตอบรับตามที่ซูอันบอกทุกคน เลี่ยงหยางจึงตอบรับตามความเห็นของชาวบ้าน
เมื่อทุกอย่างจัดการได้อย่างราบรื่น ซูอันกับเยี่ยนหลิงจึงขอตัวกลับจวน เพื่อเตรียมร่างสัญญาให้ชาวบ้าน รวมถึงสถานที่สำหรับการฝึกหน่วยคุ้มกัน ไปจนถึงที่พักของหน่วยนี้ให้เรียบร้อย ซึ่งอีกไม่นานสิ่งที่ซูอันวางแผนไว้ จะได้เริ่มลงมืออย่างจริงจังในเมืองผู่เถียนเสียที
