ในที่สุดซูลั่วก็มีปฏิกิริยาเขาเดินไปด้านหน้าตรงไปยังลูกสาวของตัวเองแต่เดินต่อไปเพียงสองก้าวเขาก็หยุดลงเขาก็พบว่าตัวเองในเวลานี้ไม่มีความกล้าเอาเสียเลย........อีกทั้งยังไม่มีคุณสมบัติที่จะไปเผชิญหน้ากับเธอด้วยเขาเคยคิดว่าตัวเองทำได้ดีแล้วเขาคิดว่าตัวเองทำให้ลูกสาวของเขามีความสุขอยู่กับชีวิตที่หรูหราและสะดวกสบายแต่จริงๆ แล้วเขากลับเป็พ่อที่ไม่เอาไหนเลยสักอย่างและยังเป็พ่อที่น่ารังเกียจอีกด้วย
เขาหมุนตัวกลับทันทีแล้วหันไปประสานสายตากับเย่เทียนเซี่ยที่อยู่ตรงนั้นสายตาที่เคยพร่ามัววูบไหวเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็เ็าเขาเปิดปากถามเย่เทียนเซี่ย“ข้างบนมีห้องที่สะอาดหน่อยไหม?”
เย่เทียนเซี่ยส่ายหน้าตอบอย่างสงบ“ไม่มี”
ซูลั่วเงียบไปอึดใจก่อนจะพูดออกมาเบาๆ “มากับฉันสิ”
พูดจบเขาก็เดินนำไปทางบันใดที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาเตอะทุกครั้งเมื่อเท้าของเขาแตะพื้นจะเป็การก้าวย่างที่หนักแน่นบอดี้การ์ดที่ตามมากับเขาทั้งสองคนก็ตามไปด้านหลังของเขาไม่ห่าง
เย่เทียนเซี่ยปรายตามองไปทางซูเฟยเฟยครั้งหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนจากโซฟาในตอนนี้เขารู้จักอีกด้านของซูเฟยเฟยแล้วก็ถือว่าเขาเข้าใจเธอได้ลึกซึ้งมากขึ้นอีกนิด........เธอเป็คนที่โดดเดี่ยวและน่าสงสารเหมือนกันกับเขา
ที่ระเบียงชั้นสอง
เวลาผ่านมาจนถึงตอนเที่ยวแล้วแสงแดดร้อนระอุจากดวงอาทิตย์สาดส่องมากระทบลงบนร่างของซูลั่วแต่มันกลับสาดส่องไปไม่ถึงความเย็นเยียบและความเ็ปในหัวใจของเขา
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากทางด้านหลังเขาก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับเย่เทียนเซี่ยสายตาของเขากวาดมองขึ้นลงผ่านร่างของเย่เทียนเซี่ยอย่างละเอียดเขาตั้งใจที่จะประเมินเย่เทียนเซี่ยอย่างจริงจังเมื่อตอนที่เย่เทียนเซี่ยช่วยชีวิตซูเฟยเฟยไว้เขาก็สืบประวัติทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเย่เทียนเซี่ยไปแล้วแต่ผลที่ได้ทำให้เขาประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า
“นายชื่อเย่เทียนเซี่ยงั้นเหรอ?”ซูลั่วทำลายความเงียบด้วยการถามขึ้นมาก่อน
เย่เทียนเซี่ยพยักหน้าน้อยๆ และยิ้มบาง“คุณซูคุณคือคนที่ร่ำรวยเป็อันดับหนึ่งของเอเชียเงินที่คุณได้รับในทุกๆ นาทีมันมากกว่าเงินทั้งชีวิตของหลายๆ คนซะอีกเื่อะไรที่มันจะเสียเวลาก็ไม่ต้องพูดมากหรอกครับคุณอยากจะพูดอะไรกับผมก็พูดมาตรงๆ ได้เลย”
สีหน้าของซูลั่วไม่เปลี่ยนแปลงแต่สายตาของเขากลับเปลี่ยนเป็จริงจังมากยิ่งขึ้นหลายส่วน“ดูเหมือนว่านายน่าจะรู้อยู่แล้วสินะว่าฉันเป็ใครและก็รู้ด้วยว่าเฟยเฟยเป็ใคร.......ตามที่ฉันรู้มานายอยู่คนเดียวมานานแล้วแล้วก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกับคนภายนอกเลยแล้วครั้งนี้ยังไม่ได้ปฏิเสธความ้าของเฟยเฟยที่จะมาอยู่ที่นี่อีกคิดว่ามันคงไม่เกี่ยวกับฉันสินะ”
“เหอะถ้าผมพูดว่าไม่คุณจะเชื่อไหม?”เย่เทียนเซี่ยยกยิ้มไม่ว่ามันจะเป็รอยยิ้มหรือคำพูดของเขาก็ล้วนไม่ใช่การเสแสร้งที่ทำให้คนมองรู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่น้อย“ที่คุณคิดก็ไม่ผิดหรอกผมไม่ปฏิเสธเพราะเธอเป็ลูกสาวของคุณซูไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเดินเข้าประตูบ้านผมมาด้วยซ้ำ”
คำพูดของเย่เทียนเซี่ยตรงไปตรงมาไม่มีความเกรงใจบอดี้การ์ดของซูลั่วทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังขมวดคิ้วแน่นสายตาที่มองมายังเย่เทียนเซี่ยเปลี่ยนเป็มืดมนลงอย่างชัดเจน
แต่ซูลั่วกลับไม่มีท่าทีโกรธเคืองแม้แต่น้อยท่าทางตึงเครียดของเขาผ่อนคลายลงไปหลายส่วน“นายเป็คนที่ไม่เสแสร้งไม่ว่าเป้าหมายของนายจะเป็อะไรขอแค่นายยอมพูดออกมาตามตรง.........แบบนั้นถ้าเฟยเฟยจะอยู่ที่นี่ฉันก็คงวางใจได้มากขึ้นจริงๆ แล้วที่นายไม่ปฏิเสธก็หมายความว่านายยินยอมที่จะปกป้องเฟยเฟยอย่างนั้นใช่ไหม?”
“ก็ประมาณนั้นจะว่าไปแล้วผมกับลูกสาวของคุณก็นับว่ามีวาสนาต่อกันอยู่บ้าง”
ตอนเช้าลวนลามตกเย็นมาดันกลายเป็วีรบุรุษช่วยชีวิต...........วาสนาแบบนี้คงไม่ใช่วาสนาลึกล้ำธรรมดาจริงๆ
“นายจะช่วยบอกเื่ของนายให้ฉันรู้หน่อยได้ไหมเช่นว่าครอบครัวของนายนาย.....”
“ไม่ได้!”ไม่ต้องรอให้ซูลั่วพูดจบเย่เทียนเซี่ยก็ชิงปฏิเสธออกมาเสียก่อนน้ำเสียงที่เคยอ่อนโยนแข็งกระด้างขึ้นอย่างชัดเจนคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้น
ซูลั่วไม่ได้ถามต่อในใจของเขายิ่งมีความหวาดหวั่นและความชื่นชมเพิ่มมากขึ้นเขาเป็ที่รู้จักในวงกว้างมากว่าครึ่งชีวิตในบรรดาคนที่อายุน้อยทั้งหมดที่เขาเคยพูดคุยด้วยไม่มีใครมีท่าทางสงบนิ่งได้เหมือนเย่เทียนเซี่ยเลยเย่เทียนเซี่ยรู้ดีว่าเขาเป็ใครแต่ทำราวกับว่าเขาไม่ได้อยู่ในสายตาน้ำเสียงที่ใช้พูดกับเขาก็ไม่ได้มีความอ่อนน้อมถ่อมตนอีกทั้งเขายังไม่มีความเคารพนบนอบแม้แต่น้อยราวกับว่าชื่อ“ซูลั่ว”นี้เป็ชื่อของคนธรรมดาก็ไม่ปาน
“เอาเถอะนั่นมันเื่ส่วนตัวของนายฉันก็ไม่ควรจะถามให้มากถ้านายยังยืนยันที่จะปกป้องเฟยเฟยแล้วนายจะเอาอะไรมาเป็หลักประกันว่านายมีความสามารถมากพอจะปกป้องเธอได้?” สีหน้าของซูลั่วครุ่นคิดอย่างหนักขึ้นมาทันทีดวงตาของเขาจ้องสบกับั์ตาของเย่เทียนเซี่ยนี่ต่างหากที่เป็ปัญหาที่เขากังวลที่สุด
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อาจขัดความ้าของซูเฟยเฟยได้และยังไม่สามารถบังคับให้กลับบ้านได้อีกด้วยแต่ความปลอดภัยของลูกสาวสำหรับพ่อทุกคนแล้วถือเป็เื่ที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง
“นี่ก็.......ผมจะตอบยังไงดีล่ะ?” เย่เทียนเซี่ยลูบจมูกเบาๆ ดูเหมือนจะเป็คำตอบแต่ก็ดูเหมือนเป็การพูดกับตัวเองแล้วเขาก็พูดออกมาตามตรง“แบบนี้โอเคไหมครับ......คุณซูฝ่าเท้าขวาของคุณกำลังเหยียบเครื่องดังฟังอันนึงอยู่แล้วก็บุหรี่ตัวที่สามในซองบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋าซ้ายของคุณลุงที่ยืนอยู่ด้านหลังคุณทางขวามือก็ซ่อนเครื่องดังฟังเอาไว้อีกอันนึงแล้วตอนนี้พวกคุณก็เอามันออกมาได้แล้วล่ะ”
บอดี้การ์ดสองคนของซูลั่วถึงกับตกตะลึงบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหลังทางขวามือของซูลั่วจ้องมองเย่เทียนเซี่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยเย่เทียนเซี่ยไม่ได้ััส่วนใดของร่างกายพวกเขาเลยแม้แต่น้อยแล้วไหนจะยังยืนห่างจากพวกเขามากกว่าหนึ่งเมตรอีกพวกเขาเป็บอดี้การ์ดมืออาชีพและยังเป็ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเครื่องมือพวกนี้ดังนั้นระดับการรับรู้ของพวกเขาจึงฉับไวเกินกว่าคนธรรมดาแม้แต่พวกเขายังตรวจไม่พบ.......แต่คนที่ไม่เคยััพวกเขาเลยทำไมถึงรับรู้ถึงมันได้?แล้วยังบอกตำแหน่งของมันได้อย่างชัดเจนอีกด้วย.......เื่นี้ฟังดูแล้วมันน่าขันยิ่งกว่ามุขตลกอื่นๆ เสียอีก
แม้ว่าเขาจะคิดอย่างนั้นแต่การเคลื่อนไหวของเขากลับเป็ไปอย่างรวดเร็วเมื่อมือของเขาัักับบุหรี่ในซองหัวใจของเขาก็กระตุกวูบทันที“ทำไมเขาถึงรู้ว่าในกระเป๋าเสื้อผมมีซองบุหรี่อยู่ล่ะ?”
ซองบุหรี่ถูกเปิดออกบุหรี่ตัวที่สามจากแถวบนก็ถูกหยิบออกมาตามมาด้วยหัวบุหรี่ที่ถูกเปิดออกอย่างระมัดระวังทันใดนั้นอุปกรณ์โลหะอันเล็กๆ ก็ตกลงมาจากหัวบุหรี่หล่นลงสู่พื้นเกิดเป็เสียงอะไรบางอย่างตกกระทบกันเบาๆ
เมื่อเขาหยิบอุปกรณ์โลหะเล็กๆ นั้นขึ้นมาซูลั่วและบอดี้การ์ดอีกสองคนก็ได้แต่นิ่งอึ้งจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองสายตาที่พวกเขามองไปทางเย่เทียนเซี่ยราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งมันเหมือนกับเห็นผีตอนกลางวันแสกๆ !
นี่คือเครื่องดักฟังไม่ผิดแน่!
ซูลั่วรีบถอดรองเท้าหนังข้างขวาของเขาออกทันทีที่พื้นรองเท้านั้นพวกเขาก็ได้เห็นแผ่นโลหะบางๆ ที่แทบจะเหมือนกันทุกอย่างแปะอยู่ที่ส้นรองเท้า
อุปกรณ์โลหะแผ่นบางๆ ทั้งสองถูกทำลายทิ้งทันทีซูลั่วสวมรองเท้ากลับคืนและเมื่อเขาเผชิญหน้ากับเย่เทียนเซี่ยอีกครั้งในใจของเขาก็ไม่สามารถรักษาความสงบนิ่งได้อีกต่อไป“ช็อค”คำนี้คำเดียวคงไม่อาจอธิบายคลื่นพายุที่พัดอยู่ในใจของเขาในเวลานี้ได้
สัตว์ประหลาด........เป็สัตว์ประหลาดที่มีความสามารถอันน่ากลัวนอกจากสิ่งนี้แล้วพวกเขาก็ไม่สามารถหาเหตุผลอื่นมาอธิบายเื่ทั้งหมดนี้ได้
