“สำนักยุทธ์เทียนเสวียน” เย่เฟิงกล่าว บัดนี้สถานที่ที่ปลอดภัยในเมืองหลวงมีเพียงสำนักยุทธ์เทียนเสวียนเท่านั้น
เซวียิและซ่งกังอยู่ที่นั่นจะปลอดภัย เมื่อมีโอกาสค่อยส่งสองคนออกจากเมืองหลวงก็ยังไม่สาย
“เย่เฟิงอยู่นั่น ฆ่าพวกมันซะ!”
ทว่าพวกเย่เฟิงผ่านไปไม่กี่ตรอกซอกซอย ก็มีผู้ฝึกยุทธ์หลายคนไล่ตามมา ส่วนเจียงเฉินที่หนีไปก่อนหน้านี้ก็อยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ด้วย
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใช้วิธีการบางอย่างในการติดต่อกับกองกำลังที่อยู่ใกล้ ๆ จวนเซิ่งอ๋อง จึงระดมผู้ฝึกยุทธ์มาฆ่าพวกเย่เฟิงได้มากขนาดนี้
“นั่นเย่เฟิง เขาสังหารจ้าวซิงอ๋องเล็กในงานชุมนุมหวงปั่ง หากใครฆ่าเขาได้ เซิ่งอ๋องจะตกรางวัลให้อย่างงาม!” พลันมีเสียงหนึ่งดังมาจากกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์จวนเซิ่งอ๋อง พวกเขาต่างตาลุกวาว แล้วมองเย่เฟิงด้วยสายตาแฝงความละโมบ
“ชีวิตเขาเป็ของข้า!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งพุ่งเข้าหาเย่เฟิงเป็คนแรก ทันใดนั้นหลายเงาร่างเริ่มเคลื่อนไหวและกระโจนเข้าหาเย่เฟิงราวกับเหยื่อที่ต้องล่า
“ฟิ้ว ๆ ๆ!”
ไกลออกไป มีทหารหลายนายถือคันธนูพร้อมยิงลูกศรใส่พวกเย่เฟิงจนเกิดเสียงฝ่าอากาศดังอย่างต่อเนื่อง ลูกศรราวกับห่าฝนที่ตกลงมาจากฟากฟ้า และทุกดอกล้วนมีอานุภาพพอจะทะลวงร่างมนุษย์
ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายเย็นเยือก จากนั้นกล่าวกับเซวียิและซ่งกังว่า “อาเซวีย อาซ่ง พวกท่านสองคนกับหลิวเจียงไปที่สำนักยุทธ์เทียนเสวียนก่อน ข้ากับหลิงเอ๋อร์จะจัดการคนพวกนี้เอง แล้วจะตามไปสมทบทีหลัง!”
เซวียิส่ายหัว “พวกเราจะทิ้งให้นายน้อยเสี่ยงอันตรายคนเดียวได้อย่างไร?”
ซ่งกังก็ส่ายหัวไปมาไม่หยุดเช่นกัน “ใช่ พวกเราไม่ทิ้งนายน้อยเด็ดขาด!”
“ฟังข้า ข้ามีวิธีจัดการพวกเขา!” ดวงตาของเย่เฟิงฉายแววมั่นใจ พร้อมกล่าววาจาเช่นนี้
“หากพวกท่านไม่ไป พวกเราก็จะตายกันอยู่ที่นี่!”
เมื่อทั้งสองคนเห็นเย่เฟิงมั่นใจก็ชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นเซวียิกล่าวว่า “ในเมื่อเป็เช่นนี้ นายน้อยระวังตัวด้วย!”
“อืม รีบไปเถิด!” เย่เฟิงพยักหน้าให้ทั้งสองคน จากนั้นใช้หอกัเงินประกายต้านลูกศรพวกนั้น
“ไป!”
ซ่งกังบอกกล่าวเซวียิและคนอื่น พวกเขาเป็คนเด็ดขาด จึงทะยานร่างออกไปจากที่นี่ด้วยความเร็วสูง
“หลิงเอ๋อร์ พวกเราก็ไปกันเถอะ!” เย่เฟิงกล่าว กงซุนหลิงเอ๋อร์ก็พยักหน้าตอบรับ จากนั้นทั้งสองทะยานร่างออกไปในทิศทางตรงกันข้ามกับพวกเซวียิ
“ตาม!”
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์เห็นพวกเย่เฟิงหนีไปสองทางก็ลังเลไปชั่วครู่ แต่จากนั้นก็ไล่ตามเย่เฟิงไป ถึงอย่างไรชีวิตของเย่เฟิงก็สำคัญกว่าพวกเซวียิ หากฆ่าเย่เฟิงสำเร็จ พวกเขาก็จะได้รางวัลจากเซิ่งอ๋อง
“เ้าบ้า เ้าจะพาข้าไปที่ไหนเนี่ย?”
เย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์ฝ่าลูกศรดอกแล้วดอกเล่า แต่จู่ ๆ กงซุนหลิงเอ๋อร์ก็เอ่ยถามเย่เฟิงเช่นนั้น
“ไม่รู้สิ!” เย่เฟิงส่ายหัว ก่อนจะกล่าวต่อว่า “เพิ่งออกจากเจดีย์เชื่อมฟ้า ก็ต้องมาเจอเื่แบบนี้ เ้าคงไม่โทษข้าหรอกใช่ไหม!”
“ในเมื่อมาแล้วก็ได้แต่ทำใจ ท่านปู่ให้ข้าคุ้มครองเ้า เช่นนั้นข้าก็คิดเสียว่าเป็ความโชคร้ายของข้าก็แล้วกัน!” กงซุนหลิงเอ๋อร์กล่าว
“ฟิ้ว ๆ ๆ!” ลูกศรพุ่งมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนเย่เฟิงควงหอกัเงินประกายเพื่อต่อต้านลูกศรพวกนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง
พลันดาบสีม่วงปรากฏในมือของกงซุนหลิงเอ๋อร์ ก่อนจะกวัดแกว่งอย่างต่อเนื่อง แสงสีม่วงหลายสายพาดผ่านท้องฟ้า ราวกับรอบกายนางมีแสงสีม่วงกั้นไว้ ลูกศรพวกนั้นจึงทำอะไรนางไม่ได้
“จะหนีไปไหน!”
ขณะนั้นเสียงเย็นเยือกดังขึ้นที่ด้านหลังเย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์ นาทีต่อมาเย่เฟิงรู้สึกว่ามีลมปราณสายหนึ่งกำลังตรึงร่างของตน ราวกับไม่ว่าเขาจะไปไหนก็มิอาจหนีลมปราณที่ตรึงไว้ได้
เย่เฟิงหันไปมอง ก่อนจะเห็นเงาร่างหนึ่งทะยานมาทางเขาด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว
เงาร่างนั้นแสยะยิ้ม ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ในเมื่อข้าออกโรงเอง พวกเ้าสองคนมีแต่ต้องตายเท่านั้น!”
เมื่อสิ้นเสียง เงาร่างนั้นก็วาดฝ่ามือโจมตีเย่เฟิงทันที ซึ่งฝ่ามือนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และพลังเช่นนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เย่เฟิงในเวลานี้จะต่อต้านได้
“ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้!”
เมื่อกงซุนหลิงเอ๋อร์ััได้ถึงกลิ่นอายของเงาร่างนั้นที่ไล่ตามหลังมา รูม่านตาของนางก็หดแคบลงพร้อมเผยสีหน้าตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับเย่เฟิงด้วยความร้อนใจว่า “เ้าบ้ารีบหนีไป!”
ขณะกล่าวมือเรียวงามของกงซุนหลิงเอ๋อร์ผลักเย่เฟิงออกไป จากนั้นนางก็วาดฝ่ามือเพื่อโจมตีฝ่ามือของเงาร่างนั้นกลับไปเช่นกัน
“ตูม!” สองฝ่ามือเข้าปะทะกัน คลื่นกระแทกพลันแพร่กระจาย กงซุนหลิงเอ๋อร์ตัวสั่นสะท้าน พร้อมเซถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อยืนได้แล้วก็กระอักเืออกมา ใบหน้าก็ยังขาวซีด
“จะต่อกรกับข้า เ้ายังอ่อนหัดเกินไป!”
เงาร่างนั้นร่อนลงพื้น ซึ่งเป็ชายชราอายุประมาณ 60 ปี มีร่างผอมบาง ทั้งยังมีกลิ่นอายชั่วร้ายแผ่ออกจากร่าง ชายผู้นี้มีนามว่าเหยียนว่านซาน เป็ผู้ช่วยของเซิ่งอ๋อง เซิ่งอ๋องถึงกับส่งเหยียนว่านซานมาเพื่อที่จะฆ่าเย่เฟิงโดยเฉพาะ
เหยียนว่านซานแสยะยิ้ม พลันฝ่ามือใหญ่บุกโจมตีเย่เฟิง กงซุนหลิงเอ๋อร์ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเขา แต่เป็เย่เฟิงต่างหาก ดังนั้นครั้งนี้ต้องไม่ปล่อยให้เย่เฟิงหนีไปได้เป็อันขาด
ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายเย็นเยือก จากนั้นใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อพร้อมพลังดาราปกคลุมร่างหลบหนีฝ่ามือของเหยียนว่านซาน
เหยียนว่านซานรู้สึกประหลาดใจ “มีฝีมือดีนี่ แต่ข้าออกโรงเองทั้งที เ้าคิดว่าตัวเองมีโอกาสรอดงั้นหรือ?”
เมื่อกล่าวจบ เหยียนว่านซานเดินออกมา ก่อนร่างจะกลายเป็เสี้ยวเงานับสิบ ทั้งยังรวดเร็วกว่าเย่เฟิงที่ใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลายเท่า หลังจากเข้าประชิดตัวเย่เฟิง เหยียนว่านซานก็วาดฝ่ามือที่แฝงด้วยพลังอันน่าทึ่งโจมตีอีกครั้ง หากโดนฝ่ามือนี้ของเหยียนว่านซาน แม้เย่เฟิงไม่ตาย แต่อาการก็คงจะสาหัสสากรรจ์
“วูบ ๆ!”
ฝ่ามือของเหยียนว่านซานยังไม่ถึงตัวเย่เฟิง จู่ ๆ แถบผ้าสีม่วงนับไม่ถ้วนก็พุ่งมาพันธนาการแขนของเขาอย่างบ้าคลั่ง จนขยับเขยื้อนไม่ได้
“เ้าบ้า รีบหนีไป ข้าจะถ่วงคนผู้นี้ไว้ให้!” เสียงของกงซุนหลิงเอ๋อร์ดังมา
เย่เฟิงเหลือบไปมองกงซุนหลิงเอ๋อร์ ก่อนจะเห็นนางตัวสั่นสะท้าน เห็นชัดว่านางดูอ่อนล้ามาก จู่ ๆ กระแสอบอุ่นไหลเข้ามาในหัวใจของเย่เฟิง เขารู้จักกับกงซุนหลิงเอ๋อร์ได้ไม่ถึงเดือน แต่อีกฝ่ายกลับติดตามเขามาตลอดทาง แล้วเขาจะหนีไปคนเดียวได้อย่างไร?
เมื่อฉุกคิดได้เช่นนี้ แววตาของเย่เฟิงทอประกายความมุ่งมั่น ก่อนแผดเสียงะโว่า “ฝ่ามือภูผาพิฆาต!”
นาทีต่อมาฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังภูผาพิฆาตอันน่าสะพรึงกลัวเข้าโจมตีเหยียนว่านซาน ทำให้เหยียนว่านซานถอยหลังไปสองก้าว เหยียนว่านซานนั้นคือผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ พลังกายย่อมแข็งแกร่งทนทาน ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 ไม่มีทางสั่นคลอนร่างกายเขาได้ แต่เย่เฟิงกลับซัดให้เขาถอยหลังไปสองก้าวได้ ถือว่าเป็เื่ไม่คาดฝัน
“ไสหัวไป!”
เหยียนว่านซานแผดเสียงะโ ก่อนจะเหวี่ยงหมัดโจมตี ซึ่งเย่เฟิงเตรียมตัวไว้แล้ว จึงถูกซัดกระเด็นออกไป แต่แรงลมจากหมัดนั้นทำให้อวัยวะภายในสั่นคลอน
“บังอาจมาหยุดข้า เ้าต้องตาย!”
เหยียนว่านซานเผยรอยยิ้มเย็นะเื จากนั้นกริชเล่มหนึ่งปรากฏในมือเขา ก่อนจะใช้มันตัดแถบผ้าที่พันรอบแขนของเขา
“ชิ้งฉับ!” ไม่นานเหยียนว่านซานก็ตัดแถบผ้าสีม่วงของกงซุนหลิงเอ๋อร์ออกไปได้ทั้งหมด
“ตายซะเถอะ!” เหยียนว่านซานแผดเสียงะโพร้อมกับวาดฝ่ามือโจมตีกงซุนหลิงเอ๋อร์!
