ในสถานที่ลึกลับนี้เต็มไปด้วยพลังิญญา ในระหว่างที่หายใจเข้าและหายใจออกนั้นรูขุมขนทั่วทั้งร่างก็เปิดออก ทำให้ทั่วร่างรู้สึกสบายตัว
การเดินไปกำหนดลมหายใจเข้าออกไปคือสิ่งที่หลินลั่วหรานคิดขึ้นมา
แม้ว่าที่แห่งนี้จะไม่มีที่ไหนที่ขาดแคลนพลังทั้งห้าแล้วทำไมตัวเธอจะต้องยึดติดอยู่กับการนั่งสมาธิแค่ตอนกลางคืนเท่านั้นด้วยล่ะ? การที่นักปราชญ์คนอื่นเลือกนั่งสมาธิในตอนเย็นนั้นเป็เพราะว่าทุกวันนี้พลังนั้นลดน้อยลงจนแทบไม่มีเหลือจึงได้แต่เฝ้ารอให้ความวุ่นวายใน่เวลากลางวันผ่านพ้นไปแล้วในตอนที่ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้งจึงจะสามารถจับเ้าพวกเม็ดพลังที่กระจัดกระจายเ่าั้รวบรวมสมาธิในการดูดซึม และกลั่นมันออกมาได้
แต่สำหรับหลินลั่วหรานแล้ว แม้ว่าจะเป็โลกธรรมดาภายนอกสถานที่ลึกลับนี้เธอก็ได้รับการช่วยเหลือจากไข่มุกทำให้ช่วยลดขั้นตอนการปรับสภาพพลังกระจัดกระจายเ่าั้ไป ความจริงเธอสามารถใช้ศาสตร์การกำหนดลมหายใจกับการหายใจในเวลาปกติทั่วไปของเธอได้แต่แบบนั้นไม่ใช่ว่าสามารถเพิ่มเวลาในการฝึกได้หรอกเหรอ?
ความคิดนี้จุดประกายขึ้นมา การควบคุมความถี่และจังหวะการหายใจเข้าออกนั้นไม่ใช่เื่ยากสำหรับหลินลั่วหราน แต่ว่าการจะปรับเปลี่ยนการตอบสนองของร่างกายนั้นต้องตั้งใจในการพยายามควบคุมการหายใจแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
หลินลั่วหรานวิ่งข้ามผ่านป่าหนาโดยที่ยังคงรักษาความถี่ของจังหวะการหายใจเอาไว้เพียงแค่ข้ามเขาไปไม่กี่ลูกเธอก็รู้สึกว่าพลังที่ถูกนำมาใช้จนทำให้ทั่วทั้งร่างร้อนรุ่มไปหมดนั้นลดเบาลงไปไม่น้อยเธออดที่จะดีใจขึ้นมาไม่ได้ วิธีแบบนี้เห็นผลได้ค่อนข้างไวเปลี่ยนจากการที่ร่างกายถูกพลังของที่นี่ซึมซับเข้าไปเป็การดูดซึมพวกมันเสียเองในขณะที่เดินออกไป ตอนนี้ก็สามารถรับผลลัพธ์แล้ว
ความเร็วของเธอนั้นไม่ได้ถือว่าเร็วมาก สาเหตุก็เพราะอาการาเ็ภายในและอีกอย่างหนึ่งเป็เพราะไข่มุกความทรงจำที่ท่านเทพป๋ายได้มอบไว้ให้เนื้อหาด้านในมีมากเกินไป เธอจึงต้องเดินไปพร้อมกับจัดการเนื้อหาเหล่านี้ไปด้วย
ยาระดับพื้นฐาน อาวุธเวทระดับพื้นฐาน เวทระดับพื้นฐาน แล้วก็...ไม่มีแล้วหลินลั่วหรานมองสิ่งที่อยู่ด้านหน้า เธอคิดว่าจะมีวิทยายุทธ์ระดับพื้นฐานแต่สิ่งที่ยิ่งทำให้เธอผิดหวังก็คือ ด้านในไม่มีอะไรบอกเอาไว้เลยโดยเฉพาะที่ท่านเทพป๋ายพูดทิ้งเอาไว้ว่าเธอได้รับสืบทอดของที่ไม่ว่าคนอื่นจะพยายามอย่างไร ก็ไม่มีวันหาได้มาด้วยคิดและฝึกด้วยตัวเอง หากเทียบกับการสืบทอดของเธอแล้ว วิทยายุทธ์อื่นๆต่างก็เป็ระดับต่ำทั้งนั้น พวกยา อาวุธหรือเวทเหล่านี้ก็เป็สิ่งที่ทำให้เธอเข้าใจได้จากความคล้ายคลึงกันแต่กลับไม่มีผลโดยตรง เมื่อพูดถึงการสืบทอดของหลินลั่วหรานแล้วเห็นได้ชัดว่าเป็การอธิบายด้วยตัวอักษรแต่หลินลั่วหรานกลับรู้สึกว่าน้ำเสียงของท่านเทพป๋ายนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉา
หลินลั่วหรานมองไปยังไข่มุกที่ข้อมือของตัวเอง กระท่อมเล็กในพื้นที่ลึกลับบางทีอาจเป็สิ่ง “สืบทอด” ที่ทำให้ท่านเทพป๋ายอิจฉาก็ได้ใช่ไหม? แต่ว่าสิ่งที่ทำให้หลินลั่วหรานต้องเหนื่อยหน่ายก็คือกระท่อมนั่นถูกบาเรียกันเอาไว้ตลอด แม้ว่าจะมีมรดกสืบทอดอะไรก็ตามแต่ตอนนี้เธอเข้าไปเอาไม่ได้!
ถ้าหากว่าเป็บาเรียแบบของท่านหมอกดำนั่นหลินลั่วหรานก็คงจะเอาดาบหรือว่าเวทสักอย่างพังทลายเข้าไปแล้ว แต่ว่ามันเป็ของของเธอน่ะสิถ้าเกิดอะไรขึ้นมา คนที่ลำบากก็คือตัวเธอเอง
เมื่อพูดถึงเื่ดาบบิน หลินลั่วหรานก็หยิบเสวี่ยเจี้ยนออกมาดูจากท่าทางไม่สู้ดีของมันแล้ว เห็นได้ว่าความเสียหายนั้นยังไม่ได้รับการรักษาทำให้เธอไม่อาจควบคุมดาบได้
ตามที่ท่านเทพป๋ายพูดมา เสวี่ยเจี้ยนถูกปกคลุมไปด้วยไอปีศาจต้องใช้ไฟใต้ดินตีขึ้นมาอีกครั้ง หรือต้องใช้พลังธรรมชาติในตัวขจัดออกแต่อาจใช้เวลานานจึงจะสามารถกลับมาใช้ได้อีกครั้ง
เื่หลอมขึ้นมาใหม่ ตอนนี้หลินลั่วหรานไม่ต้องไปคิดถึงเลยการสร้างอาวุธหรือแม้แต่การฝึกระดับพื้นฐานกระทั่งศาสตร์การรวบรวมวัตถุดิบก็ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปเอาอะไรกับการหลอมใหม่?
อย่างไรก็ตาม ตำรายาที่ท่านเทพป๋ายให้มานั้นทำให้น้ำลายของหลินลั่วหรานแทบจะไหลหกออกมา เธอเอาเื่สูตรยาอื่นๆไปพักไว้ก่อน แล้วอ่านสูตรยาระดับพื้นฐานอย่างละเอียดถึงสองรอบหลังจากใช้ความคิดอยู่สักพัก ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจจะทำยาขึ้นเอง!
ถ้าเธอจะลองเสี่ยงโชคดูหวังว่าร่องรอยจากกลางถ้ำนั่นจะทำให้เธอสามารถตามหายาระดับพื้นฐานที่คนก่อนหน้าทิ้งไว้ได้เธอเอาเวลาที่มีอยู่ไปตามหาวัตถุดิบต่างๆ แล้วเมื่อออกไปก็ค่อยทำยาขึ้นแบบนั้นไม่ดีกว่าเหรอ
แม้ว่าหนทางการทำยานั้นไม่รู้ว่าจะต้องลำบากเท่าไรแต่ว่าก็คงดีกว่าการตามหายานั่นโดยใช้แค่โชคเพียงอย่างเดียวแล้วยิ่งวัตถุดิบสำคัญที่ต้องใช้หรือก็คือสิ่งที่พื้นที่ลึกลับของเธอไม่อาจจะปลูกออกมาได้อย่างทรายประกายพันปี การดิ้นรนจนเกือบถึงชีวิตของเธอในครั้งนี้ทำให้ได้มันมาเยอะทีเดียว...ของที่เป็หมื่นปียังมีนี่ไม่ใช่ว่าพระเ้าคอยช่วยเราอยู่หรอกหรือ หลินลั่วหรานพยายามพูดให้กำลังใจตัวเอง
แต่ว่าถึงจะไม่มีวิธีการฝึกศาสตร์แต่ศาสตร์ดาบธาตุน้ำที่ท่านเทพป๋ายให้มาในครั้งนี้ก็สามารถฝึกได้เช่นกันหลินลั่วหรานเก็บเสวี่ยเจี้ยนลงไป ก่อนจะเรียกอีกครึ่งหนึ่งของมันขึ้นมาแทน อาวุธเวทที่เป็ดาบคู่ในร่างปิ่นปักผมนี้ สรุปง่ายๆก็เหมือนของที่ควรมีติดตัวเอาไว้ เหมือนการขับรถที่ต้องมียางสำรองคุณจะได้ไม่ต้องกังวลใจว่าหากเกิดอะไรขึ้นแล้วจะไม่สามารถทำอะไรต่อไปได้เพราะว่ายางสำรองสามารถทำให้คุณหายกังวลได้!
แม้ท่านเทพป๋ายจะบอกไว้ว่าถ้าหากวันหนึ่งเธอหาเจาเจี้ยนและเจาเสวี่ยมาเข้าคู่กันได้เธอจะสามารถใช้ศาสตร์ดาบธาตุน้ำอันรุนแรงได้ หลินลั่วหรานได้แต่ฝืนยิ้มดาบนั้นอยู่ในมือของเธอแท้ๆ แต่กลับถูกพลังปีศาจครอบคลุมอยู่ช่างน่าเสียดายจริงๆ...
ไข่มุกความทรงจำที่ท่านเทพป๋ายให้เธอมาใน่รีบร้อนนี้ทำให้หลินลั่วหรานเหมือนมีสารานุกรมการฝึกศาสตร์ของระดับการรวมพลังอยู่ในมือแน่นอนว่าหลินลั่วหรานต้องรู้สึกขอบคุณเธออย่างมาก
ไม่ว่าท่านเทพป๋ายจะมีแผนอะไรอยู่หรือไม่ แต่ตอนนี้หนี้ที่เธอติดท่านเทพป๋ายเอาไว้ก็มากมายเกินกว่าจะหามาคืนแล้ว เมื่อเก็บสมุนไพรขึ้นมาจากข้างๆ หุบเขาหลินลั่วหรานก็อดนึกถึงคำขอแรกของท่านเทพป๋ายขึ้นมาไม่ได้
คำขอแรกคือการให้เธอไปหาของหายากชิ้นหนึ่ง!
อย่างแรก อย่าเพิ่งพูดว่าคำขอของท่านเทพป๋ายนั้นมีความเป็ไปได้เท่าไรแต่มาพูดถึงของสิ่งนี้กันก่อน ตามที่ท่านเทพป๋ายบอกมันเป็ยาวิเศษในโลกของการฝึกศาสตร์ เป็สิ่งที่ให้ได้แต่ไม่อาจขอได้ในตอนที่ทำยาธรรมดาทั่วไปนั้น เพียงเติมผงของมันลงไปเล็กน้อยก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของมันขึ้นมาได้อีกมากเหมือนกับเห็ดทรัฟเฟิลขาวในโลกคนธรรมดา ใครๆต่างก็พากันแข่งขันให้ราคา...ดังนั้นคำขอนี้ ไม่มีคำว่าไม่ยาก
แต่ยิ่งเป็แบบนี้ หลินลั่วหรานก็ยิ่งสบายใจและไม่รู้สึกอะไรถ้าท่านเทพป๋ายเอาแต่ให้และไม่รับอะไรคืนจากเธอ นั่นต่างหากที่จะทำให้เธอแปลกใจและรู้สึกว่าติดหนี้ท่านเทพป๋ายอยู่ตลอดเวลาซึ่งน่าจะสร้างความเสียหายกับจิตใจในการฝึกศาสตร์ของเธอ
ตลอดทางที่ผ่านมาหลินลั่วหรานคอยเก็บสมุนไพรตามสูตรที่ท่านเทพป๋ายให้มาไปด้วยมีบางอย่างที่ไม่มีอยู่แต่เห็นว่ามีพลังอยู่มาก เธอก็เก็บเอาไปไว้ในพื้นที่ลึกลับด้วยเช่นกันเมื่อนับๆ ดูแล้ว เธอเดินทางมาไม่ไกลเท่าไร ถ้าหากจะไปให้ทันเวลาที่นัดเอาไว้วันที่เหลือเธอก็คงต้องควบคุมดาบไปเท่านั้น
ไม่รู้ว่าเป็เพราะพลังของที่นี่มีมากไปหรือเปล่า แต่ในที่สุดหลินลั่วหรานที่ความรู้สึกช้าก็เริ่มรู้ว่าพื้นที่ในพื้นที่ลึกลับมันกว้างขึ้น
เมื่อก่อนนั้น หากรวมพื้นที่ตรงกระท่อมแล้วก็ไม่ได้กว้างขนาดนี้อีกทั้งกระท่อมยังกินพื้นที่ไปกว่าหนึ่งในสาม พื้นดินที่เหลือจึงไม่ได้กว้างมากแถมยังเต็มไปด้วยหญ้าที่ไม่รู้ว่าจะเอามาใช้ทำอะไร แล้วยังมีบ่อน้ำเล็กๆ นั่นอีกพื้นที่ที่เธอจัดให้เป็ไร่ยาและแปลงผัก สามารถปลูกได้อย่างละนิดละหน่อยแต่ในตอนนี้ สมุนไพรวิเศษเติบโตขึ้นเป็กอง กลิ่นสมุนไพรล่องลอยไปทั่วแต่หลินลั่วหรานกลับไม่รู้สึกถึงความอัดแน่นของที่นี่เลย
เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว กระท่อมยังมีขนาดเท่าเดิมแต่ว่าพื้นที่ว่างกลับมีขนาดที่กว้างขึ้น! หรือว่ายิ่งปลูกพืชที่มีพลังมากเท่าไรสูงเท่าไร ก็จะยิ่งมีผลดีต่อการขยับขยายของพื้นที่ลึกลับ?
หลินลั่วหรานไม่รู้อะไรเลย แต่กลับเลือกพื้นที่ข้างๆกระท่อมเล็กในการปลูกเมล็ดต้นท้อลงไป ด้วยระยะเวลาหนึ่งวันเท่ากับหนึ่งปีของพื้นที่ลึกลับแล้วไม่ต้องรอให้ออกไป เธอก็สามารถกินลูกท้อสดใหม่ได้แล้ว
ส่วนเื่การปลูกสมุนไพรนั้น เอาไว้รอให้เธอออกไปก่อนแล้วมาจัดการก็คงได้ ไม่ได้รีบร้อนเร่งด่วนอะไร
เหล้าลิงหมักในถุงจักรวาลถูกย้ายออกมายังพื้นที่ลึกลับ ภายในถุงจึงเหลือเพียงหินิญญาของท่านเทพป๋ายที่ถูกเธอจัดวางอย่างเรียบร้อยพวกสมุนไพรที่เธอยังไม่รู้ว่าจะเอาไว้ใช้ทำอะไรก็ถูกย้ายมาไว้ในพื้นที่ลึกลับเช่นกันเธอไม่แน่ใจว่ามีฤทธิ์ยาอะไรหรือควรเก็บเมล็ดไหมส่วนมากหลินลั่วหรานจึงเก็บเมล็ดเอาไว้ก่อน โอกาสที่จะได้เข้ามาในสถานที่ลึกลับนั้นร้อยปีมีเพียงครั้งเดียวแม้จะไม่กำหนดว่าต้องเป็ผู้ฝึกระดับฝึกลมปราณเท่านั้นเวลาการเริ่มต้นก็ยังเหมือนเดิม ดังนั้นแม้หลินลั่วหรานคิดอยากจะเข้ามาอีกครั้งก็ต้องเป็ร้อยปีหลังจากนี้อยู่ดี
เพราะว่าก่อนหน้านี้ ภายในของเธอได้รับาเ็จึงไม่อาจควบคุมดาบได้เธอเดินอยู่ในป่ากว่าห้าวัน เมื่อมีพลังมากพอแล้วเธอถึงเลือกที่จะควบคุมดาบบินขึ้นมา
เธอบินตรงมากว่าสามวันแล้วหลินลั่วหรานถึงได้พบกับป่าท้อที่เคยเจอก่อนหน้า แต่เธอไม่ได้แวะไปหาพวกลิงเพียงแต่กลัวว่าต้นท้อที่ปลูกจากเมล็ดนั้นจะกลายพันธุ์จึงแอบลงไปหักกิ่งมาแล้วเอาไปปักไว้ที่พื้นที่ลึกลับ
แปดวันผ่านไป ต้นท้อในพื้นที่ลึกลับของหลินลั่วหรานออกผลท้อสดออกมาแล้วเมื่อนำมาเทียบก็รู้สึกว่ารสชาติจะดีกว่าเล็กน้อย? ในระหว่างที่หลินลั่วหรานกำลังไตร่ตรองว่าหลังจากออกไปจะลองหัดหมักเหล้าลิงหมักดูดีไหมอยู่นั้นความคิดนี้ก็ทำให้ความไม่สบายใจของเธอลดน้อยลงไป
เมื่อนับเวลาดูแล้วั้แ่ที่เธอตกหน้าผามาจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปสิบเก้าวันแล้วเวลาที่เหลืออยู่เธอจะมัวชักช้าอยู่ไม่ได้การที่จะกลับไปยังทางออกภายในหนึ่งเดือนนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย
แต่สิ่งที่ทำให้เธอไม่สบายใจก็คือั้แ่ที่เธอแยกจากกับหลีซีเอ๋อร์และเสี่ยวจินก็ผ่านไปแปดวันแล้วแต่ตลอดทางที่ผ่านมาของเธอ หนึ่งคนหนึ่งนกนั่นกลับไม่มาตามหาเธอเลย
แม้ว่าจะไม่พูดถึงนิสัยของหลีซีเอ๋อร์ แต่พันธสัญญาที่ทำไว้กับเสี่ยวจินไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่น่าจะทิ้งเ้าของไปโดยที่ไม่สนใจได้ดังนั้นหลินลั่วหรานจึงกังวลขึ้นมาว่า เกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองหรือเปล่า?
ยาระดับพื้นฐานนั้นยังขาดตัวยาอีกไม่กี่อย่างหลินลั่วหรานจึงไม่ได้กังวลอะไรมาก เธอมีพื้นที่ลึกลับอยู่การหาสมุนไพรนั้นจึงไม่ต้องคอยดูอายุของมัน ทำให้เธอสะดวกกว่าคนอื่นมากทีเดียวดังนั้นเธอจึงไม่คิดจะหาต่อแล้ว แต่ตั้งใจมุ่งไปทางทางออกแทน
เดินๆ พักๆ เธอควบคุมดาบบินผ่านมากว่าสองวันแล้วจึงหยุดพักอยู่ที่แม่น้ำแห่งหนึ่ง
สายน้ำไหลเชี่ยว ทรายสีเหลืองหมุนวนไปมา เมื่อมองลงไปเห็นเพียงเกลียวคลื่นขุ่นๆแต่กลับไม่รู้ว่าแม่น้ำนั้นกว้างใหญ่เพียงใด!
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ หลินลั่วหรานบังคับดาบให้หยุดลงกลางอากาศเธอเห็นเงากระต่ายะโไปมา เมื่อมองดูดีๆ แล้ว แม้ว่าจะห่างไกลมากจนมองไม่ชัดเจนแต่ก็มั่นใจได้ว่า นั่นคือเงาคนที่เธอเพิ่งเห็นเป็ครั้งแรกในสิบวันที่ผ่านมา!
เมื่อเอาสารหยกออกมาดู แสงสิบดวงกำลังเปล่งประกาย ระยะทางนั้นใกล้กันมากหลินลั่วหรานดีใจขึ้นมา ดูเหมือนว่านี่จะไม่ได้เสียเวลาเท่าไรน่าจะได้พบกันหมดแล้ว!
แต่ว่าแล้วพวกที่เหลือนั่นล่ะ คือใครกัน?