ม่านสีขาวปกคลุมจวนสกุลไป๋ที่ยิ่งใหญ่อย่างรวดเร็ว
นอกจากเื่นี้แล้วก็ไม่อะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ทุกคนยังคงทำในสิ่งที่ควรทำ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
การตายของไป๋เซี่ยเหอนั้นไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับจวนสกุลไป๋
พระจันทร์สีเงินแขวนอยู่สูง เงาแมกไม้ร่ายรำ
ณ เรือนสุ่ยฉิง
เนื่องจากเ้านายได้ ‘ตาย’ ไปแล้ว
ดังนั้นบ่าวรับใช้ที่เหลือจึงแยกย้ายกันไป รอการจัดสรรงานใหม่
ภายในห้องเงียบสงัด
เงาสายหนึ่งค้อมตัวเข้าไปสำรวจภายในห้องอย่างลับๆ ล่อๆ
ริมฝีปากของคนบนเตียงหมองคล้ำ เป็สัญญาณบ่งบอกว่าใกล้จะสิ้นชีพแล้ว
หลังจากฝูเอ๋อร์ใช้อีกมือปิดประตูหน้าต่างอย่างแ่เบา นางก็ยืดหลังตรง จากนั้นยกชามยาที่ซ่อนไว้ในอ้อมแขนขึ้นมา
นางเดินมาข้างเตียง น้ำตาร่วงหล่นราวกับลูกปัดที่หลุดออกจากสร้อย มันไหลรินลงมาไม่ขาดสาย
“อย่าได้ทำผิดพลาดเป็อันขาด!”
ฝูเอ๋อร์หวนนึกถึงคำกล่าวของคุณหนู ตอนที่คุณหนูบอกแผนการให้นางฟัง นางใเสียจนเป็ลมไปเดี๋ยวนั้น
นี่เป็การเดิมพันด้วยชีวิตอย่างแท้จริง
ฝูเอ๋อร์รู้สึกว่าแผนการนี้อันตรายเกินไปแล้ว
ทว่าสุดท้ายแล้วนางก็ขัดความดื้อดึงของคุณหนูไม่ได้!
เพียงหวังว่ายาชามนี้ที่คุณหนูทิ้งไว้จะยอดเยี่ยมปานนั้นจริงๆ!
ฝูเอ๋อร์ประคองร่างอันบอบบางของไป๋เซี่ยเหอขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็ป้อนยาเข้าไปในปากของไป๋เซี่ยเหอจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
“ฮูหยิน ท่านต้องคุ้มครองคุณหนูนะเ้าคะ ขอให้สมุดบันทึกของท่านอย่าได้หลอกลวงบุตรสาวของท่านเลยเ้าค่ะ!”
จนกระทั่งหลังเที่ยงคืน
ไป๋เซี่ยเหอค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น นางประคองฝูเอ๋อร์ที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียงมาไว้บนเตียง
เนื่องจากความเ็ปอย่างรุนแรงบริเวณาแบนข้อมือ แค่ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ทำให้หน้าผากของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว
ต่อมานางได้นำร่างของตัวแทนที่เตรียมไว้ใต้เตียงมาวางไว้บนเตียง ก่อนจะหมุนกายจากไป
เป็ดังคาด
ไม่นานนางก็กลายร่างเป็จิ้งจอกบริเวณมุมหนึ่งของจวนสกุลไป๋
ไป๋เซี่ยเหอสะบัดขนอย่างอับจนหนทางเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าโลหิตจิ้งจอกหิมะนั้นแก้ได้สารพัดพิษ ส่วนตัวนางเองก็ร้อยพิษไม่กล้ำกราย ทว่านางดันเป็เพียงลูกจิ้งจอกเท่านั้น!
โชคดีที่นางมีแผนสำรอง ไม่อย่างนั้นคราวนี้คงแย่แน่
หลังผ่านไปครึ่งถ้วยชา
จิ้งจอกน้อยยืนอยู่ใต้กำแพงที่สูงตระหง่าน ผ่านไปครู่เดียวไป๋เซี่ยเหอก็ชะงักงัน นึกไม่ถึงว่านางจะเดินมาที่จวนเซ่อเจิ้งอ๋องอีกคราอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เมื่อก่อนนี้เพียงออกแรงเล็กน้อยก็สามารถข้ามกำแพงได้แล้ว ไม่รู้ว่าเหตุใดวันนี้ถึงได้รู้สึกว่ามันสูงเป็พิเศษ
ราวกับไม่ว่านางจะพยายามอย่างไรก็ข้ามไปไม่ได้
จิ้งจอกน้อยรู้สึกหงุดหงิด ก่อนจะใช้อุ้งเท้าสีขาวที่มีขนปุกปุยขยี้เส้นขนสีขาวบนตัวจนยุ่งเหยิงอย่างอดไม่ไหว
ที่นี่ไม่ใช่ที่พักพิงของนางอีกต่อไป
เมื่อกำลังจะหันหลังจากไป
จู่ๆ สี่เท้าก็ลอยอยู่กลางอากาศ
นางถูกใครบางคนหิ้วขึ้นมา
“เป็เ้าจริงด้วย เดรัจฉานสมควรตาย ในที่สุดข้าก็จับเ้าได้แล้ว” ใบหน้าที่ประทินโฉมอย่างงดงามดูบิดเบี้ยว ทำลายความงามจนสิ้น
ไม่ใช่ฉินจิ่นยวนแล้วจะเป็ใคร
เส้นทางศัตรูแคบจริงๆ
โอ้ ไม่สิ
ครั้งนี้นางยื่นศีรษะให้อีกฝ่ายเองต่างหาก
เมื่อเห็นองครักษ์หกเจ็ดคนที่ติดตามอยู่ข้างหลังอีกฝ่าย จิ้งจอกน้อยก็ล้มเลิกความคิดที่จะหนีทันที
มีคนคุ้มกันมากมายปานนี้ นางจะหนีไปไหนได้?
เมื่อฉินจิ่นยวนเห็นว่าจิ้งจอกน้อยไม่ขัดขืน ใบหน้าจึงเต็มไปด้วยความพึงพอใจ นับั้แ่ครั้งก่อนที่นางถูกเดรัจฉานตัวนี้ทำให้าเ็ นางก็ไม่ออกไปไหนเลย ขนาดวันนี้นางก็ยังคลุมหน้าด้วยผ้าไหม แม้ว่ารอยแผลจะจางลงแล้ว ทว่ายังไม่หายไปอย่างสมบูรณ์
ความแค้นที่โดนทำลายรูปโฉมจะต้องสิ้นสุดในวันนี้!
หลังจากมัดเท้าและคอของจิ้งจอกน้อยเอาไว้แล้ว ฉินจิ่นยวนก็นำตัวมันไปที่ป่าเมื่อครั้งก่อน
ดังสุภาษิตที่ว่า หกล้มที่ไหนให้ลุกขึ้นยืนที่นั่น
ในเมื่อนางถูกจิ้งจอกน้อยทำร้ายที่นี่ เช่นนั้นวันนี้นางก็ต้องถลกหนังของจิ้งจอกตัวนี้มาทำอาภรณ์ เลาะเส้นเอ็นมาทำเป็เชือก เอาเนื้อและกระดูกไปโยนให้สุนัขกิน ณ ที่แห่งนี้!
“หนีสิ เ้าหนีไปอีกสิ!”
ฉินจิ่นยวนเลิกคิ้วจ้องมองจิ้งจอกที่นอนหมอบอยู่ใต้ฝ่าเท้าด้วยความหยิ่งผยอง
จิ้งจอกน้อยถูกเตะกี่ครั้งไม่อาจทราบได้ ทั้งสรรพางค์กายไม่มีจุดใดที่ไม่ได้รับาเ็ เืสดๆ ไหลนองปาก
เดิมทีก่อนหน้านี้ไป๋เซี่ยเหอก็เสียเืมากอยู่แล้ว ตอนนี้นางจึงไม่สามารถรวบรวมพลังได้
ท้ายที่สุดนางก็ถูกจับโยนลงกับพื้น
ดวงตาสีดำขลับของจิ้งจอกน้อยจ้องมองฉินจิ่นยวนด้วยแววตาเย็นเยียบ ราวกับคมกระบี่ที่อาบด้วยพิษของอสรพิษก็ไม่ปาน!
เมื่อถูกสายตาเช่นนั้นจับจ้อง ฉินจิ่นยวนก็รู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แผ่นหลังของตน ราวกับถูกอสรพิษรัดคออย่างไรอย่างนั้น
“เดรัจฉานสมควรตาย นึกไม่ถึงว่าจะกล้าจ้องมองข้าเช่นนี้!”
ฉินจิ่นยวนไม่ได้สนใจขนอันงดงามของจิ้งจอกแล้ว นางสะบัดแส้ในมือ แส้นั้นราวกับมีตาก็ไม่ปาน มันฟาดไปทางจิ้งจอกน้อยอย่างจัง
‘เพียะ!’
เงาร่างสีขาวถูกแส้เหวี่ยงออกไปเป็เส้นโค้งอย่างโเี้ ร่างกายอ่อนนุ่มกระแทกเข้ากับต้นไม้ ก่อนจะร่วงลงบนพื้นอีกครา
ก่อนจะกระอักเืออกมาคำใหญ่
จิ้งจอกน้อยรู้สึกราวกับว่าอวัยวะภายในทั้งห้าล้วนเคลื่อนตำแหน่งก็ไม่ปาน ความเ็ปรุนแรงทำให้นางขดตัวตามสัญชาตญาณ
หญิงสาวผู้นี้ทำในสิ่งที่สมควรตายจริงๆ!
“ขอร้องข้าสิ ขอร้องให้ข้าไว้ชีวิตเ้า แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์อะไรนัก เพียงแต่อาจทำให้เ้ามีเศษเสี้ยวความหวังก็ได้นะ”
ถูกต้อง ฉินจิ่นยวนเป็โรคชอบใช้ความรุนแรง
สาวใช้และองครักษ์ที่อยู่ข้างกายนางต่างไม่เคยรอดพ้นจากโรคนั้นได้เลย
ยกเว้นสาวใช้ชั้นหนึ่งที่มักเป็คนที่ผู้คนจำหน้าได้ ส่วนสาวใช้และองครักษ์ที่เหลือล้วนถูกเปลี่ยนไปแล้วไม่รู้กี่รอบ
สำหรับผู้ที่ถูกสับเปลี่ยนมาทำหน้าที่นั้น...
แน่นอนว่ามีเพียงความตายรออยู่!
ไม่ใช่แค่คน สัตว์ก็เช่นกัน
ผู้คนรู้เพียงว่าคุณหนูฉินนั้นมีจิตใจเมตตา ชอบรับเลี้ยงหมาแมวจรจัด
ทว่าไม่มีผู้ใดรู้ว่าหมาแมวจรจัดเ่าั้ที่ถูกพาเข้ามายังจวนสกุลฉินล้วนแล้วแต่ถูกทุบตีจนตายหลังจากนั้นไม่นาน!
“เพ้ย”
เืถูกถ่มออกจากปากของจิ้งจอก
หากเป็ไปได้ จิ้งจอกน้อยก็อยากจะถ่มใส่หน้าฉินจิ่นยวนมากกว่า!
“ไม่เลว ช่างขวัญกล้านัก!”
สีหน้าของฉินจิ่นยวนบิดเบี้ยว ความตื่นเต้นที่อัดแน่นอยู่เต็มอกกำลังจะเอ่อล้นออกมา
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าก็จะให้เ้าได้เล่นอะไรที่เร้าใจยิ่งกว่า!”
นางโบกมือ แส้อีกเส้นก็ถูกส่งมาถึงมือของนาง
หากมองแวบแรกสีสันของมันเหมือนกับแส้เส้นเมื่อครู่ทุกประการ ทว่าหากมองอย่างละเอียดก็จะพบว่า แส้เส้นนี้มีหนามอยู่เต็มไปหมดราวกับขนวัวก็ไม่ปาน
เมื่อแส้สะบัดลงมา ความเ็ปถือเป็เื่รอง เพราะหนามนั้นสามารถบดขยี้ิัให้กลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้
‘เพียะ!’
ไป๋เซี่ยเหอพยายามรวบรวมพลังอย่างยากลำบาก นางค่อยๆ ะโเพื่อหลบหลีกแส้ หลังจากนั้นร่างกายของนางก็หมดแรง
นางล้มลงกับพื้นอย่างน่าอดสู และไม่ขยับเขยื้อนอีกต่อไป
สายตาของนางจับจ้องทุกการกระทำของฉินจิ่นยวน
ผู้ที่รังแกข้าต้องตาย!
ฉินจิ่นยวน วันนี้หากเ้าไม่ฆ่าข้า เมื่อพบกันวันหน้าก็จะเป็วันตายของเ้า!
“หงิง!”
ฉินจิ่นยวนหัวเราะอย่างสะใจ “พวกเ้าดูแววตาของจิ้งจอกตัวนี้สิ เห็นได้ชัดว่ามันเกลียดชังข้า ดูแววตาของมันสิว่าสิ้นหวังเพียงใด ช่างน่ารักจริงๆ!”
“จิ้งจอกน้อย เ้าวางใจเถิด ข้าไม่ปล่อยให้เ้าตายเร็วปานนั้นหรอก!”
“ข้า้าใช้แส้กระชากเนื้อของเ้าทีละนิดทีละนิด ให้เ้าได้เพลิดเพลินกับรสชาติของความเ็ปจนกระทั่งขาดใจตายช้าๆ!”
หลังจากกล่าวจบ ฉินจิ่นยวนก็สะบัดแส้ในมืออีกครา
แส้นั้นพุ่งเข้าหาจิ้งจอกน้อย
ไป๋เซี่ยเหอไม่มีความสามารถที่จะหลบเลี่ยงแล้ว ทว่านางเบิกตากว้าง นางไม่ยินยอม ทั้งยังไม่ยอมจำนน!
‘เพียะ’
แส้ไม่ถูกตัวไป๋เซี่ยเหอแม้แต่น้อย
เงาดำสายหนึ่งแวบผ่าน การกระทำของเงานั้นรวดเร็วยิ่งนัก ดวงตาของผู้คนในที่แห่งนี้มองไม่เห็นสิ่งใดเลย
และในชั่วขณะนั้นเอง
จิ้งจอกที่อยู่บนพื้นก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้