พริบตาต่อมา เด็กตัวน่ารักน่าชังผู้หนึ่งก็ลุกขึ้นยืนจากตำแหน่งตรงแถวสี่ของตัวเอง ทั้งตระหนกทั้งมึนงง นางหันมองเกือบจะสามร้อยหกสิบองศาเพื่อดูว่าใช่คนชื่อเดียวนามสกุลเดียวกันกับตัวเองหรือไม่
ผ่านไปนานนัก นางถึงได้แน่ใจว่าเป็นามตัวเองแน่ เด็กหญิงน้อยก้าวสู่บนแท่นอย่างเริงร่า แต่ก็เป็เพราะดีใจจนเนื้อเต้นเกินไป ถึงได้ไม่ทันระวังเหยียบชายขอบชุดยาวของตัวเองล้มคว่ำดังตึง! หัวปูดเป็รอยแดงเถือก
ห้อมล้อมด้วยเสียงหัวเราะลั่นจากเพื่อนร่วมห้อง เด็กหญิงจับชุดอันรุ่มร่ามของตัวเองขึ้นมาทั้งน้ำตารื้นขอบ วิ่งถึงหน้าห้องอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเ่ิูปรากฏรอยยิ้มบางๆ
เด็กคนนี้จะน่ารักน่ากินเกินไปแล้วกระมัง เพียงแต่คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าวรยุทธ์ของนางตัวน้อยๆ คนนี้จะดีถึงระดับนี้ ถึงได้ทำให้หัวหน้าหมวดหวังเยี่ยนตัดสินใจเลือกนางได้
ทว่าคนอื่นไม่คิดแบบเดียวกันน่ะสิ
“เื่บ้าอะไรกันเนี่ย? เป็นางไปได้อย่างไร?”
“่เี่ิหรือ? มีผู้ใดเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนรึไม่?”
“ไม่ถูกนี่ ผู้หญิงคนนี้นั่งอยู่แถวสี่นะ ไม่ติดอันดับหนึ่งในร้อยชัดๆ ทำไมถึงได้ถูกเลือกกัน?”
“อ้า! ข้าจำได้แล้ว ่เี่ิก็เป็คนของหอการค้าชิงหลัวเหมือนกัน แต่ได้ยินมาว่าเป็แค่ลูกสาวคนเดียวของตระกูล ผลการสอบเข้าสำนักได้เป็อันดับสี่ร้อยสิบหก”
“สี่ร้อยสิบหก? แล้วยังเป็ลูกสาวหัวเดียวกระเทียมลีบอีก? คนแบบนี้ยังได้ถูกเลือกเป็สิบรายชื่อเนี่ยนะ?”
“เลือกผิดแล้วโว้ย!”
เหล่าศิษยานุศิษย์ถกประเด็นกันตาตั้ง หลายคนระแคะระคายเสียงดัง
ห้องเรียนเอะอะโวยวายอย่างเผ็ดร้อนขึ้นมาอีกรอบ จะหัวใดๆ ก็มีแต่หันไปเขม็งมอง่เี่ิ คิดอยู่เต็มหัวใจว่านางไม่คู่ควรเป็หนึ่งในสิบรายชื่อนี้เลยสักนิด
นางตัวน้อยเดิมทีก็ตื่นเต้นดีอยู่หรอก แต่พอเจอะสายตาพิฆาตในสถานการณ์น่าอึดอัดนี้เข้าไปทำให้เริ่มใกลัว ความตื่นเต้นหลอมละลายเป็ความขลาด ตากลมโตทรงไข่มุกดำสนิทซุกซ่อนม่านหมอกแห่งความน้อยใจ ก้มหน้าว่างเปล่า ไม่ตอบโต้แม้แต่ประโยคเดียว มือน้อยๆ กำชุดตัวเองในมืออย่างแรง
เ่ิูย่นคิ้ว อ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง
ทว่ายามนี้เอง
“เงียบ”
ไป๋อวี้ชิงเปิดปากพูดในที่สุด
นางไม่ได้เอ่ยเสียงดังอะไรเลย ทว่าคำพูดนั้นราวกับสายฟ้ากัมปนาท ปั่นป่วนรวนเรในแก้วหูทุกผู้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
เหล่าหนุ่มสาวรุ่นเยาว์เืหายร้อนลงบ้าง ถูกเสียงดั่งอสนีบาตนี้ผ่าจนตาพร่าเบลอเห็นดาว เสียงเอะอะหายไปทันตาเห็น บรรดาไก่อ่อนปีหนึ่งหมาดๆ มองสาวกระโปรงขาวอย่างหวาดหวั่น เบิกตาอ้าปากค้างเพราะความกลัวจับใจ
จนถึงบัดนี้ เหล่านกปีกอ่อนทั้งหลายถึงตาสว่าง ว่าบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขานี้คือศิษย์พี่ปีสี่ อัจฉริยะสาวตัวเป็ๆ พลังแกร่งกล้าติดอันดับหนึ่งในห้าของปีสี่สำนักกวางขาว
“นี่เป็คำตัดสินของหัวหน้าหมวด ถ้าพวกเ้าไม่ยอมรับก็ไปร้องเรียนท่านอาจารย์หวังด้วยตัวเองได้เลย”
ไป๋อวี้ชิงน้ำเสียงเย็นเยียบนัก แววตาค่อยๆ ดุดันขึ้นมา นางชำเลืองมองทุกชีวิตตรงหน้า ยามเอ่ยชัดถ้อยชัดจำ
เ่ิูพยักหน้ารับอยู่ด้านล่าง
ไม่อาจไม่ยอมรับว่านางไป๋อวี้ชิงตรงหน้านี้เป็ยอดทั้งวาจาและพลัง นางยืนอยู่จุดนั้น ก็สามารถเป็ศูนย์กลางของทุกอณูอากาศ แข็งแกร่งถึงขีดสุด หากเปรียบกันโดยตรงแล้ว เด็กปีหนึ่งทั้งหลายก็เป็ได้แค่ลูกเจี๊ยบห่างชั้นจากนางไม่รู้กี่ร้อยกี่พันโยชน์
ไป๋อวี้ชิงปราศรัยก่อนหน้าด้วยอาการศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งล้นฟ้า นี่ก็เป็อีกหนึ่งเหตุผลที่นางได้รับเลือกเป็สตรีหมายเลขหนึ่งของสำนักกวางขาว มีเสน่ห์ดึงดูดต่อบุรุษมาก ยิ่งกว่าเหล่านักเรียนหญิงแต่งกายหรูหราพูดเื่ไร้สาระไปวันๆ ไม่รู้กี่ขุม
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ตอนนี้เองที่เ่ิูนึกถึงเี๋เี่า สตรีที่ฉลาดแต่กำเนิด นางนั้นก็มีทั้งความทะยานอยาก พร์และฝีมือเช่นเดียวกัน แต่หากว่ากันตามจริงแล้ว ก็ยังห่างชั้นจากไป๋อวี้ชิงไม่น้อยเลย
เ่ิูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เขาส่ายหน้าแ่เบา
ทว่า ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอีกเหมือนกัน ลางสังหรณ์ของเขาถึงได้บอกว่าสิบรายนามนี้มีโอกาสสูงที่จะไร้นามของเขาอยู่ด้วย
ทำเด็กทั้งห้องอกสั่นขวัญหายเรียบร้อยแล้ว ไป๋อวี้ชิงก็อ่านรายนามต่อไป
เหล่าหนุ่มสาวที่ได้รับเลือก ก้าวขึ้นแท่นตื่นเต้นเป็ลำดับ
ทว่าเสียงโต้แย้งในห้องเรียนก็เริ่มปรากฏขึ้นมาอีกครั้งจนได้
เพราะคนต่อๆ มาที่ได้รับเลือกนั้น มีอีกตั้งสามคนที่เป็เหมือนกับ่เี่ิ ผลการสอบเข้าธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดายังไง และยังฐานันดรปรกติพื้นๆ ช่างทำให้ทุกคนคิดไม่ถึงเอาเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าฟ้าประทานที่ผลทดสอบเป็ยี่สิบอันดับแรกแต่กลับไม่ได้รับเลือก พลอยจะหงุดหงิดไปด้วยอย่างอดไม่ได้
ไม่นานเลย รายชื่อทั้งสิบก็ถูกประกาศจนครบถ้วน
ไร้ซึ่งนามของเ่ิู
ไม่มีสิ่งใดห้ามเสียงวิพากษ์วิจารณ์ฮือฮาในห้องได้อีกแล้ว มันปะทุดุเดือด
ร่างผอมสูงแถวหน้าลุกขึ้นยืน หน้าตาถมึงทึงไม่พอใจ เขาปรามเสียงดัง “ผลนี้ไม่ยุติธรรม ข้า้าทราบเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกครั้งนี้”
“เป็บุตรแม่ทัพกองพลฝ่ายทักษิณ เซี่ยโหวอู่ ผลสอบเข้าเป็อันดับสี่ แต่กลับไม่ได้รับเลือกเป็หนึ่งในสิบเนี่ยนะ พลังและพร์ของเขาดีนัก ชาติตระกูลก็ไร้ปัญหา ไม่แปลกที่จะถามรัวเป็ชุดขนาดนั้น!”
“เหอๆ เซี่ยโหวอู่ผู้นั้นทระนงในศักดิ์ศรีตัวเองนักแหละ แต่ดันมาตกรอบเสียนี่ สำหรับเขาแล้วมันเป็เื่หยามน้ำหน้ารับไม่ได้ที่สุดเลยล่ะ”
“ยืมปากเ้านั่นพูดได้พอดีเลย ถามให้หายสงสัยหน่อยเถอะ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามาตรฐานเลือกคนคราวนี้มันแปลกๆ!”
ด้านข้างอบอวลไปด้วยคำวิพากษ์เบาๆ
เ่ิูก็เพิ่งรู้สถานะที่แท้จริงของบุรุษผอมสูงคนนี้ก็ตอนนี้เอง
ในนครนี้มีราชสำนักและสำนักกวางขาวเป็ัั์สองตัวคู่ รองลงมาเป็กองพลประจำทิศทั้งสี่ ควบคุมดูแลกิจการงานเมืองในสี่เขตใหญ่ทั้งหมด ถูกราชสำนักยกย่องเป็นักบุญประจำนคร ตำแหน่งสูงล้นฟ้า เป็ชนชั้นสูงของชนชั้นสูงอีกทีก็ว่าได้
กำกับการกองพลสี่ทิศ เป็รองเพียงหนึ่ง เป็นายนับหมื่น
พอเห็นเซี่ยโหวอู่ลุกขึ้นแล้ว ก็มีผู้ยืนประท้วงสนับสนุนทันที
“ใช่แล้วล่ะ คุณชายเซี่ยโหวอู่พูดถูก พวกข้าไม่ยอมรับ พวกข้า้ารู้มาตรฐานการคัดเลือกนี้!”
“ไม่ยอมรับ คุณชายเซี่ยโหวอู่ไม่ได้รับเลือก ไม่เชื่อเป็อันขาด!”
ภายในห้องเรียนยุ่งวุ่นวายในเวลาสั้นๆ
สีหน้าไป๋อวี้ชิงเคร่งขรึมขึ้นมา
บรรดาไก่อ่อนทั้งหลายรู้สึกดั่งตาลายชั่วขณะ พริบตาที่ขยับ ร่างสาวแสนเ็าก็มาปรากฏตัวหน้าแถวหนึ่ง ผู้คนเกิดหวั่นกลัวขึ้นมาเฉยๆ กลิ่นอายคมกริบ อำมหิตยากจะอธิบายทับถมลงมา
ั์ตานางวาววาม ดั่งฟ้าแลบแปลบปลาบยามดึกสงัด
ไป๋อวี้ชิงเวลานี้ เปรียบเหมือนเทพาที่กำลังโกรธจนเดือดดาล
นางเขม็งมองเซี่ยโหวอู่ ก่อนเอ่ยถามเสียงต่ำๆ “เ้าไม่ยอมรับ?”
เซี่ยโหวอู่หายใจติดขัด กลิ่นอายเย็นเยือกไปยันกระดูกแล้วลุกลามไปทั่วร่าง เขากัดฟันตอบ “ไม่ผิด ข้าไม่ยอมรับ ข้าสอบเข้าได้เป็อันดับสี่ ทำไมถึงไม่ถูกรับเลือกเป็หนึ่งในสิบ?”
ฮึ.. ไป๋อวี้ชิงหัวเราะเย็น “การตัดสินใจของหัวหน้าหมวดหวัง เ้ากล้าปฏิเสธอย่างนั้นหรือ?”
“จิตใจนักยุทธ์ ต้องยืนหยัด ไม่ล้มครืนยอมแพ้ ถึงจะเป็การตัดสินของหัวหน้าหมวดหวัง แต่ถ้าไม่ยุติธรรมข้าก็ไม่ยอมรับใครหน้าไหนทั้งนั้น” เซี่ยโหวอู่กัดฟันตอบโต้
ไป๋อวี้ชิงหัวเราะเย็น
ถึงจะเป็การหัวเราะเย็นเยียบ แต่อากัปกิริยานั้นก็ยังงามสะกดใจ ชั่ววินาทีนั้นเองทุกชีวิตรู้สึกราวกับแสงส่องทะลุตา
“ที่ผ่านมาข้าก็ไม่อยากจะเปิดโปงเ้าหรอกนะ แต่ในเมื่อเ้ายืนกรานถึงเพียงนี้...เ้าคิดว่าคนที่พึ่งพายากับความช่วยเหลืออื่นจนถีบตัวเองให้ขึ้นมาเป็ที่สี่ได้นี่ มีคุณสมบัติจะถูกรับเลือกเป็หนึ่งในสิบนี้น่ะหรือ? หรือเ้าจะหลงคิดว่าหัวหน้าหมวดหวังเหมือนกับพวกอาจารย์คุมสอบพวกนั้นกัน ที่จะประนีประนอมแม้ในเื่ที่ข้องเกี่ยวกับเื่ใหญ่อย่างศึกเกียรติยศสิบสำนัก?”
ใบหน้าเซี่ยโหวอู่ที่แสนโกรธขึ้งแข็งทื่อไปชั่วขณะ
เหมือนอสรพิษยาวเจ็ดนิ้วถูกตะปบอยู่หมัด
ตามสัตย์จริงแล้ว ผลคะแนนอันดับสี่ที่เขาได้มานั้น มีคะแนนน้ำๆ อยู่มากมายเลยทีเดียว
เขาเปลี่ยนสีหน้ากะทันหัน เขียวข้างแดงข้าง หายใจหอบถี่ สุดท้ายก็คือขายขี้หน้าจนโมโหนั่นล่ะ
ฉับพลันทันใดเขาก็นึกอะไรออก
เซี่ยโหวอู่หมุนตัวยกมือชี้ไปยังเ่ิู
“ถึงข้าเซี่ยโหวอู่ผู้นี้จะไม่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมพอ แล้วคนนี้เล่า? เ่ิู อัจฉริยะคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ที่สอบแค่ห้าด่านแล้วถูกพิจารณาให้เข้าสำนักกวางขาวได้เลย สอบน้อยกว่าคนอื่นไปตั้งด่านหนึ่งแต่กลับคว้าอันดับที่ยี่สิบเอ็ดไว้ได้ เฮ้ยๆ ถ้าเกิดให้เขาสอบครบทั้งหกด่านขึ้นมาจริงๆ น่ากลัวว่าจะคว้าอันดับหนึ่งมาได้แบบขนหน้าแข้งไม่ร่วงเลยมั้ง? เท่าที่ข้ารู้มา อาจเป็เพราะเขายากจนข้นแค้น ไม่มีอำนาจคอยหนุนหลัง คนแบบนี้ก็ไม่อาจเข้าเป็หนึ่งในสิบรายชื่อนั้นด้วยน่ะหรือ?”
เพียงประโยคนี้หลุดออกมา สายตาหลักร้อยก็พุ่งตรงไปยังร่างของเ่ิู
เ่ิูขมวดคิ้วเล็กน้อย
เ้าเซี่ยโหวอู่นี่โบ้ยความขัดแย้งมาให้เขาเห็นๆ
พูดแบบนี้ในสถานการณ์มาคุเช่นนี้ เท่ากับปลูกหน่อศัตรูให้เขาไม่รู้กี่คนแล้วกระมัง อย่างน้อยที่สุดก็ทั้งฉินอู๋ซวงทั้งเยี่ยนสิงเทียนก็มองเขาด้วยสายตาไม่เป็มิตรเข้าแล้ว
“ถ้าเกิดหนุ่มยาจกคนนี้สอบครบหกด่าน อย่างไรก็เป็ที่หนึ่งได้แน่ จะฉินอู๋ซวงหรือเยี่ยนสิงเทียนก็จะถูกเขาเหยียบจนมิดดิน เฮ้ยๆ...คนแบบนี้น่ะ ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอจะได้รับเลือกเป็หนึ่งในสิบอีกจริงๆ หรือ?”
เซี่ยโหวอู่หัวเราะเย็นเยียบ
สายตาของไป๋อวี้ชิงเองก็จับจ้องยังเ่ิูเหมือนกัน
ในดวงตาแสนเ็านั้น ไร้ซึ่งแววใ
“เขาน่ะหรือ?” ไป๋อวี้ชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มิดชิดมากจนสังเกตไม่เห็น
หากจะกล่าวกันตามสัตย์จริง นางก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง
เพราะไป๋อวี้ชิงจำได้แม่นมั่น ว่าแรกเริ่มเดิมทีนั้น นามของเ่ิูก็อยู่ในสิบรายชื่อนั้นด้วย หัวหน้าหมวดหวังเยี่ยนชื่นชมเ่ิูไม่หยุดปาก เห็นได้ชัดว่า้าจะสั่งสอนและอบรมอย่างหนัก ทว่าก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางถึงเปลี่ยนใจลบนามเขาออกจากรายชื่อ แล้วเปลี่ยนไปเลือกคนอื่นแทน
แม้นว่าตอนอยู่ใน ‘แดนเทพประทับ’ เมื่อคืน นางจะวิจารณ์เ่ิูชนิดไม่เห็นหัว แต่นั่นก็เป็เพียงการมองในระยะยาวไกล นางไม่ได้พิจรณาอยางถี่ถ้วนในวิสัยทัศน์ใดของเ่ิู แต่ก็ยอมรับว่าเขานั้นเป็เอกไร้ใครเหมือน อย่างน้อยการจะได้รับเลือกเป็หนึ่งในสิบก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรมากมาย
ทว่าหวังเยี่ยนได้ตัดสินใจลบชื่อเขาออกในวินาทีสุดท้าย
อาจจะมีการตัดสินใจที่สำคัญอยู่ก็เป็ได้
“ปีนี้เ่ิูอายุสิบสี่ปีแล้ว ค่อนข้างมากกว่าคนอื่น ทั้งยังไม่มีพื้นฐานการฝึกร่างกาย ไม่มีการสะสมวรยุทธ์ ถึงพร์เด่นตา ทว่าเส้นทางสายยุทธ์นี้ หากผิดพลาดไปครั้งเดียว จะหวนกลับมาได้ก็ยากมหันต์ ไร้ประโยชน์ไปครึ่งหนึ่งแล้ว ด้วยเหตุนั้นสำนักจึงไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเขา”
ไป๋อวี้ชิงบอกเหตุผลไป
กระทั่งตัวนางเองยังไม่รู้ตัวเองเลยว่าไฉนถึงได้พูดมากนักกับเื่นี้
หลังจากนั้นนางก็ไม่มองหน้าเ่ิูแม้แต่แวบเดียว หันหลังเดินกลับแท่นบรรยาย หยิบข้าวของตัวเอง ก่อนจะเดินจากห้องเรียนไป
“ถ้าหากยังมีพวกเ้าคนใดไม่ยอมรับอีก ก็ไปหาหัวหน้าหมวดหวังได้ แน่นอน นี่ไม่ใช่การตัดสินใจครั้งสุดท้าย ทุกวันสุดท้ายของเดือนจะมีการแข่งประลองหนึ่งครั้ง ถ้าเกิดมีใครในพวกเ้าสามารถเอาชนะใครในสิบรายชื่อได้แล้วล่ะก็ จักมีสิทธิ์สวมตำแหน่งแทนเขาหรือนางในสิบรายชื่อไป”
นี่คือเสียงสุดท้ายที่ไป๋อวี้ชิงทิ้งไว้ในห้องเรียนก่อนจากไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้