เหอตังกุยจำได้ว่าขุนนางเป่าติ้งเมิ่งชานมีลูกชายสิบเอ็ดคน คุณชายเมิ่งเซวียนเป็คนที่เจ็ด น่าจะเป็บุตรชายที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งเป็แม่ทัพหนุ่มคนเดียวในจวน แต่เหตุใดจึงถูกจิ่นอีเว่ยไล่สังหาร?
เท่าที่รู้เมิ่งชานนั้นกล้าหาญและฉลาดต่อสู้ เขาไม่เพียงเป็ผู้ติดตามที่เชื่อถือได้ของฮ่องเต้จูหยวนจางเท่านั้น ซ้ำยังเป็หนึ่งในผู้ก่อตั้งแคว้นฝีมือดีที่มีไม่มากนัก หลิวผอเหวิน ลู่จ้งเหิง เฉินหวนและคนอื่นที่ได้รับตำแหน่งพร้อมเขาต่างถูกลดตำแหน่ง ขณะที่เมิ่งชานยังคงรักษาตำแหน่งในราชสำนักได้เป็อย่างดี แม้เขาจะติดตามฮ่องเต้จูหยวนจางผู้เป็โรคขี้สงสัย ทั้งยังรักษามาเป็เวลาสามสิบปี ทว่าเขากลับได้รับความไว้วางใจมาโดยตลอดจึงถือเป็เื่มหัศจรรย์ยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าเมิ่งชานไม่ใช่คนเข้าใจยากซึ่งแตกต่างจากแม่ทัพคนอื่น
เมิ่งชานเป็ชายหน้าผากกว้าง คางกลม ขนตายาวและตาลึก วัยเด็กคงหล่อเหลาไม่น้อย ไม่แปลกใจที่เมิ่งเซวียนผู้เป็ลูกชายจะน่ารักเหมือนสตรีเด็ก ลักษณะละเอียดอ่อนของเมิ่งเซวียนมีชีวิตชีวาราวถูกตัดจากภาพวาด เหอตังกุยยกริมฝีปากพลางครุ่นคิด หากเขาสวมชุดสตรีอาจงดงามยิ่งกว่านางเสียอีก โชคดีที่เขาหมดสติขณะนางช่วยเหลือ มิเช่นนั้นวันนี้เขาอาจพูดว่า “ข้าเคยเจอน้องสาวคนนี้แล้ว” นางคงไม่รู้จะอธิบายเช่นไร อย่างไรก็เป็ความผิดอาญาที่ขัดขวางคดีของจิ่นอีเว่ย
ขณะนี้เฟิงหยางตัวปลอมและหนิงยวนเดินเข้ามาในห้องโถงก่อนนั่งลงตรงข้ามเมิ่งชานและลูกชาย เหอตังกุยวางเค้กดอกเบญจมาศลงตรงหน้าเพื่อพิจารณาสีหน้าของเมิ่งเซวียน ดวงตาดำขลับของเขาจ้องใบหน้าหนิงยวนที่ละม้ายลู่เจียงเป่ย ก่อนถอนหายใจเล็กน้อยด้วยความโล่งอก เขายกแก้วขึ้นดื่มราวรู้ว่าชายเบื้องหน้าไม่ใช่ลู่เจียงเป่ย เหอตังกุยแน่ใจว่าเขาคือชายที่ถูกลู่เจียงเป่ยไล่ล่าจนได้รับาเ็สาหัสและซ่อนตัวในพุ่มหญ้าวันนั้น หากจำไม่ผิด เมิ่งชานเป็ผู้บัญชาการทหารสูงสุดประจำค่ายซานไห่ ครั้งนี้เขาต้องพาทหารผ่านเมืองหยางโจวไปยังแดนหน้าของเมืองฝูโจว...
“น้องสาม” เสียงแหบพร่าดังขึ้นข้างหู “เหตุใดดูเฉย ๆ แต่ไม่กินล่ะ เค้กดอกเบญจมาศของเ้าไม่อร่อยหรือ? เช่นนั้นก็กินของข้าสิ” เผิงเจี้ยนยกเกี๊ยวนึ่งสองจานพลันวิ่งจากที่นั่งตรงข้ามไปยังที่นั่งข้างเหอตังกุย พลันดึงเก้าอี้มานั่งก่อนเอ่ยถามเสียงแ่ “นี่ หน้าเ้าเป็อะไร? ไม่สบายหรือ?”
เหอตังกุยที่ไม่ทันระวังตัวก็ใทันที ก่อนเอ่ยเสียงแ่อย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าชอบกินเค้กดอกเบญจมาศและข้าไม่ได้ป่วย ข้าเพียงตากแดดมาเท่านั้น”
ภาพเหตุการณ์นี้ล้วนอยู่ในสายตาของเหล่าไท่ไท่ เห็นได้ชัดว่าเด็กทั้งสองชอบพอกัน อีกทั้งตอนนี้ยังกระซิบกระซาบบางอย่าง นางดีใจยิ่งนักพลันหันกลับไปพบคุณชายเซวียน เผิงสือ หนิงยวนและคนอื่นกระดกขวดเหล้าดื่มอย่างต่อเนื่อง จึงเอ่ยด้วยท่าทีกังวล “งานเลี้ยงยังไม่เริ่ม คุณชายทุกท่านอย่าเพิ่งดื่มเหล้าจนเมาล่ะ” กล่าวจบก็สั่งให้เปลี่ยนเหล้าตรงหน้าทุกคนเป็น้ำองุ่นผสมน้ำผึ้ง ยกเว้นเมิ่งชาน จากนั้นก็เรียกหยางมามามาพลางถามถึงเวลาเริ่มงาน
เมิ่งเซวียน เผิงสือ หนิงยวน เฟิงหยางตัวปลอมและคนอื่นดื่มน้ำองุ่นในเวลาเดียวกัน จากนั้นเมิ่งเซวียน เผิงสือและหนิงยวนก็ขมวดคิ้วพลันวางถ้วยทันที พวกเขาคิดว่ามีเพียงสตรีเท่านั้นที่ชอบดื่มน้ำหวาน แต่เฟิงหยางตัวปลอมกลับดื่มน้ำองุ่นไปถึงครึ่งหนึ่ง ทว่าเมื่อเขาเงยหน้าโดยบังเอิญก็พบว่าถูกสายตาของอีกสามคนจับจ้อง เฟิงหยางตัวปลอมจึงวางถ้วยด้วยความลำบากใจ
เมิ่งเซวียนเห็นพ่อของเขาและเหล่าไท่ไท่พูดคุยเื่เก่าของหมอหลัวม่ายทงผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งในใต้หล้า เขาจึงมองเฟิงหยางประมุขรุ่นเยาว์แห่งพรรคเฉาที่นั่งตรงข้ามก่อนเอ่ยถาม “คุณชายคงเป็เฟิงหยาง “เซียนกระบี่ฝูหลิว” ที่คนในยุทธภพต่างร่ำลือกันใช่หรือไม่?"
เฟิงหยางตัวปลอมพยักหน้าอย่างโง่เขลา “อืม”
เมิ่งเซวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินว่าคุณชายเฟิงเรียนรู้ทักษะนี้ที่สำนักอู่ตังเป็เวลาสิบปี ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากเจียวโย่วอู “ผู้เก่งกาจ” เ้าเป็คนมีชื่อเสียงคนแรกที่เพิ่งเกิดขึ้นในยุทธภพ ข้าชื่นชมผู้าุโเจียวมานานแต่กลับไม่มีวาสนาคารวะ วันนี้ได้พบศิษย์ผู้โดดเด่นของท่านาุโเจียวจึงอยากขอคำแนะนำ หวังว่าคุณชายเฟิงจะให้เกียรติแนะนำข้าสักเล็กน้อย”
“อ๋า?” เฟิงหยางตัวปลอมลังเลครู่หนึ่ง ทว่าเมื่อเห็นสายตาเหน็บแนมของคนฝั่งตรงข้ามก็อดพูดไม่ได้ “ได้ อย่างไรงานเลี้ยงก็ยังไม่เริ่ม เช่นนั้นพวกเรามาประลองฝีมือฆ่าเวลาเถอะ” อย่างน้อยเขาก็เป็หนึ่งในยอดฝีมือของหออู่อิง จะหวาดกลัวแม้แต่เด็กอายุสิบเอ็ดเชียวหรือ?
หนิงยวนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมิ่งชานกล้าปล่อยลูกชายตัวน้อยเข้าสนามรบ เขาต้องเชื่อมั่นในตัวลูกชายไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ดวงตาเป็ประกายของเด็กหนุ่มฝั่งตรงข้ามแสดงให้เห็นถึงพลังภายในที่แข็งแกร่งอย่างชัดเจน ไม่ว่าิเยวี่ยจะชนะหรือไม่ แต่เขาก็ไม่ควรต่อสู้ในฐานะเฟิงหยางกับเมิ่งเซวียน หากมีอะไรผิดพลาดจนเปิดเผยความลับของพวกเขาจะทำอย่างไร? หนิงยวนจึงรีบเอ่ยขัดจังหวะ “เฟิงหยาง วันนี้เ้าบอกว่าเวียนหัวไม่ใช่หรือ?”
เมื่อเฟิงหยางตัวปลอมได้ยินก็ใพลันเข้าใจความหมายของผู้เป็นายทันที ก่อนยกมือปิดหน้าพลางเอ่ย “เวียนหัว ข้าเวียนหัวมาก”
เหล่าไท่ไท่ที่กำลังคุยกับเป่าติ้งผอพลันส่ายศีรษะไปทางเฟิงหยางตัวปลอมพลางเอ่ย “คุณชายหยาง ข้าบอกแล้วว่าเด็กไม่ควรดื่มเหล้า ตอนนี้คงเมาแล้วใช่หรือไม่? เด็ก ๆ ยกน้ำแกงแก้เมาให้เขาสักถ้วย” เฮ้อ เด็กที่สามารถดื่มเหล้าได้กลับต้องดื่มน้ำแกงแก้เมาก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มเสียอีก
ขณะเดียวกันเผิงสือก็หันไปเห็นน้องชายนั่งบนเบาะรองใกล้ประตูพลางกินเค้กดอกเบญจมาศ แม้ในปากจะเต็มไปด้วยเค้กแต่ก็ยังพูดไม่หยุด เขาและน้องชายอยู่ห่างไกลกัน อีกทั้งเสียงในห้องโถงก็ดังไม่น้อย จึงไม่รู้ว่าน้องชายพูดอะไร อย่างไรก็ตาม ดูจากท่าทีจริงจังของคุณหนูสามแห่งตระกูลหลัวแล้ว นางคงรำคาญน้องชายตนเต็มที เผิงสือจึงะโท่ามกลางห้องโถงใหญ่ “เสี่ยวเจี้ยน กลับมาเร็วเข้า พวกเรายังเล่นไม่เสร็จเลยนะ”
ทุกคนนั่งรองานเลี้ยงเริ่มจนเบื่อหน่าย ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นดึงดูดความสนใจของทุกคน พวกเขาหันไปเห็นเผิงเจี้ยนที่กำลังกินและเหอตังกุยที่กำลังงอนิ้วชี้เพื่อตรวจสอบ สิ้นเสียงนั้น เผิงเจี้ยนก็หยุดกินทว่าไม่ได้พูดอะไร เขาเงยหน้ามองพี่ชายก่อนลุกกลับไปนั่งที่แล้วเล่นหมากรุกต่อ
กระดานหมากรุกถูกแกะสลักบนผนังห้องโถง ความสูงระดับเดียวกับผู้นั่งเล่น ตัวหมากรุกเป็ครึ่งวงกลมขนาดเล็กสามารถฝังในกระดานหมากรุกได้ ห้องโถงนี้มีกระดานหมากรุกแกะสลักบนผนังขนาดคล้ายกันมากกว่าครึ่งโหล ทว่าคนในตระกูลหลัวแทบไม่ได้ใช้มัน ั้แ่เริ่มสร้างก็กลายเป็ของประดับ ทุกชิ้นได้รับการทำความสะอาดจนใหม่เอี่ยม เมื่อมองผู้คนจำนวนมากที่รออาหารเย็นด้วยท้องว่าง หนิงยวนก็ได้รับแรงบันดาลใจจากเผิงสือจึงดึงเฟิงหยางตัวปลอมมาเล่นหมากรุกบนกระดานเพื่อหลีกเลี่ยงการสนทนากับเมิ่งเซวียนและป้องกันการเผยความลับ
ทุกคู่ในห้องโถงจึงเริ่มเล่นและพูดคุยอย่างสนุกสนาน ยกเว้นเพียงเมิ่งเซวียน แน่นอนว่าเหอตังกุยที่นั่งหน้าประตูก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวกเขา ด้วยนางมีความสามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็คนธรรมดาที่มากกว่าคนรับใช้ ถือเป็กฎการอาศัยในตระกูลหลัวของนาง แต่เหล่าไท่ไท่กลับกังวลกับเหตุการณ์ในห้องโถงเป็อย่างมาก ขณะสังเกตเห็นว่าคุณชายเซวียนไม่เพียงนั่งคนเดียว แม้แต่น้ำองุ่นเต็มแก้วก็ไม่ยกขึ้นจิบสักอึก
เป่าติ้งเมิ่งชานเป็แขกที่ตระกูลหลัวเคารพนับถือและยากจะได้พบเจอนัก ลูกชายของเขาก็เป็แขกผู้มีเกียรติในหมู่แขกชนชั้นสูง หากเรียงลำดับก็มีค่ามากกว่าคุณชายเจี้ยน คุณชายหยางและคุณชายหนิงหลายเท่า จะปล่อยให้เขาเบื่อหน่ายและถูกละเลยได้อย่างไร? นี่จึงเป็ครั้งแรกที่เหล่าไท่ไท่มองเห็นเงาหลานสาวที่หน้าประตู ก่อนะโเสียงดังลั่นห้องโถง “เสี่ยวอี้ แม่ของเ้าเคยสอนเล่นหมากรุกไม่ใช่หรือ? รีบไปเล่นหมากรุกเป็เพื่อนคุณชายเซวียนสิ”
เหอตังกุยที่ถูกเรียกค่อย ๆ ย้ายไปที่โต๊ะข้างเป่าติ้งผอและคนอื่น ก่อนมองเด็กหนุ่มหน้าตางดงามอายุสิบเอ็ดปีผู้นั้นพลางเอ่ยถามด้วยความอดทน “เ้าอยากเล่นหมากรุกกับข้าหรือไม่?”
เด็กชายหน้าตางดงามพยักหน้าพลางพูด “แล้วแต่เ้า” แม้การเล่นหมากรุกจะฆ่าเวลาได้ แต่เขาก็ไม่อยากเล่นกับเด็กหญิงอายุสิบขวบ
“อ้อ” เหอตังกุยพยักหน้า “ข้าอย่างไรก็ได้”
เด็กชายรูปงามครุ่นคิดครู่หนึ่ง ตอนนี้เขาเบื่อมาก แม้คู่ต่อสู้จะอายุเพียงสิบขวบก็อยากเล่นหมากรุกกับนางเพื่อฆ่าเวลา พลันเอ่ยถาม “เช่นนั้นพวกเราควรเลือกกระดานไหน?”
เหอตังกุยเอียงศีรษะพลางเอ่ย “แล้วแต่”
เมิ่งเซวียนเอียงศีรษะก่อนเดินไปยังกระดานหมากรุกที่ใหญ่ที่สุดในห้องโถงทันที กระดานหมากรุกนี้มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับกระดานหมากรุกสี่ห้าอันรวมกัน เหอตังกุยเดินตามพลันพบว่าเขาทั้งสูงและงดงามกว่านางนัก พลางบ่นในใจอย่างอดไม่ได้ ‘เ้าเด็กนี่อวดดีเสียจริง ข้าเคยถอดเสื้อเ้ามาก่อนนะ’
พวกเขายืนข้างกระดานหมากรุกขนาดใหญ่ เมิ่งเซวียนปรับสายตาเล็กน้อยก่อนขมวดคิ้วมองพิจารณาอีกฝ่าย ฟังจากเหล่าไท่ไท่พูดเมื่อครู่ เมิ่งเซวียนเดาว่านางคงจะเพิ่งหัดเล่นกระดานหมากรุกกระมัง? เมื่อเหอตังกุยเห็นเมิ่งเซวียนนิ่งเงียบจึงเป็ฝ่ายถอดตะกร้าหมากรุกบนกำแพงพลางถาม “เ้าอยากได้หินสีขาวหรือสีดำ?” เมิ่งเซวียนตอบอย่างเป็ธรรมชาติ “แล้วแต่เ้า”
เหอตังกุยกลอกตาพลางหยิบหินสีดำ แต่กลับพบว่าเขาก็เอื้อมมือรอรับหินจากนาง เหอตังกุยจึงเปลี่ยนเป็หินสีขาวทว่าก็มีสองนิ้วนิ่งค้างบนหินสีขาวเช่นกัน เหอตังกุยจึงปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามเลือกก่อน มือของเขาหยุดนิ่งครู่หนึ่งก่อนหยิบหินสีดำ ขณะพบกันบนถนนในูเาครั้งที่แล้ว นางไม่ได้สนใจมือของเขาแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้เมื่อมองใกล้ ๆ ก็พบว่านิ้วของเขาไม่ได้บอบบางเหมือนเด็กชายคนอื่น ข้อต่อหลายส่วนหยาบกระด้าง คงเป็เพราะถือดาบมานาน เมื่อเทียบกับคุณชายคนอื่นที่เคยพบ เช่น ลู่เจียงเป่ย ต้วนเสี่ยวโหลวและหนิงยวน มือของเมิ่งเซวียนล้วนหยาบกว่า แสดงให้เห็นว่าเขาขยันหมั่นเพียรนัก
เมื่อถึงเวลาตั้งกระดาน เหอตังกุยก็คร้านจะเอ่ยถามความเห็นจากเขาจึงเด็ดใบไม้ยาวออกจากจานผลไม้บนโต๊ะสองใบ จัดวางเป็รูปกากบาทก่อนส่งให้อีกฝ่ายพลางเอ่ย “ใครทำหญ้าขาดก็เริ่มเล่นก่อน” เมิ่งเซวียนตะลึงงันก่อนหัวเราะเยาะ ตนต้องตกอยู่ในสภาพดื่มน้ำผลไม้ผสมน้ำตาล ทั้งยังเล่นหญ้ากับเด็กหญิงตัวเล็กอีกกระนั้นหรือ?
มือของทั้งสองจับปลายใบหญ้าดึงเข้าหาตัว “แกรก” ใบไม้ในมือของเหอตังกุยขาดก่อน นางจึงพยักหน้าเอ่ย “เ้าเล่นก่อน” ต่อให้เขาเล่นก่อนยี่สิบหมากก็ไม่สามารถชนะนางได้โดยง่าย
ขณะเป่าติ้งผอลุกไปเปลี่ยนชุด เหล่าไท่ไท่ก็รีบเดินออกจากห้องโถงไปหาหยางมามาพลางถาม “หงเจียง มัวทำอะไรอยู่? เหตุใดงานเลี้ยงยังมิเริ่ม? เสี่ยวอิง เสี่ยวฉยงและคุณชายเฉียนเล่า? เอ้อร์ไท่ไท่อยู่ที่ใด? แขกไม่ชอบน้ำองุ่นเมื่อครู่ มีเครื่องดื่มอื่นหรือไม่?”
หยางมามากล่าวด้วยใบหน้าขมขื่น “เมื่อห้าวันก่อนผู้ดูแลครัวถูกแทนที่โดยหยางอู ตอนนี้นางยังทำอะไรไม่ได้มากนัก ห้องครัวจึงยุ่งเหยิงไม่น้อย ทำได้เพียงให้แขกรออีกสักหน่อย แต่จะให้รอเฉย ๆ ก็คงไม่เหมาะ ตอนนี้มีคุณชายหลายคนในตระกูลของพวกเราแต่กลับไม่มีนางรำเลยสักคน หรือจะให้ข้าไปเรียกนักแสดงที่แสดงให้คุณหนูสี่ดูมาแสดงในงานเลี้ยงเ้าคะ?”
เหล่าไท่ไท่โบกมือพลางเอ่ย “ตอนนี้พวกเขากำลังเล่นหมากรุกอย่างสนุกสนาน หากข้าได้ยินการแสดงอาจปวดหัวกว่าเดิม พรุ่งนี้ข้าจะไล่ออกให้หมด เมื่อคุณหนูเส่ากลับมาก็ควรไปสำนักศึกษาเฉิงซวี่ได้แล้ว”
หยางมามากล่าวต่อ “เอ้อร์ไท่ไท่รีบกลับไปหาครอบครัวั้แ่เที่ยงจึงไม่มีเวลาลาท่าน ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลซุน คุณชายใหญ่ก็ไม่อยู่บ้านทั้งวัน สยงหวงคนรับใช้ส่วนตัวของเขาก็ไปด้วย คุณหนูใหญ่ส่งจดหมายมาบอกว่านับั้แ่วันที่ตกน้ำก็เริ่มไม่สบาย กลัวจะทำให้งานเลี้ยงเสียบรรยากาศจึงไม่เข้าร่วมเ้าค่ะ”
“แล้วคุณหนูฉยงเล่า?” เหล่าไท่ไท่ร้อนใจยิ่งนัก ใน่วิกฤตกลับไม่มีใครที่พอจะพึ่งพิงได้ พวกคุณชายใหญ่ทั้งหลายต่างก็ไม่อยู่บ้าน เหล่าต้าลูกชายคนโตของนางก็ยังคงยุ่งกับงานในซานชิงถัง ขณะที่ลูกชายคนรองก็ยุ่งกับธุรกิจการค้า
หยางมามาเช็ดเหงื่อพลางตอบ “เดิมทีคุณหนูรองจะมาั้แ่ก่อนหน้านี้แล้ว ทว่านางยังเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมไม่ได้”
เหล่าไท่ไท่สั่งด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ส่งคนไปเร่งคุณหนูฉยง แล้วส่งคนไปช่วยในครัวให้มากขึ้น บอกหยางอูว่าคุณภาพของอาหารในงานเลี้ยงสามารถลดลงได้ตามสมควร แต่ต้องยกมาให้แขกโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นก็ไล่นางออกไปเหมือนหวังฉี”
หยางมามาพยักหน้าพลันนึกบางอย่างได้ก่อนเอ่ยถาม “หากแขกไม่ชอบดื่มน้ำผลไม้ เช่นนั้นอาหารหวานก็ไม่ควรยกไปก่อนอาหารคาว พวกเรายกชาซานจาให้พวกเขาดีหรือไม่เ้าคะ?”
“ชาซานจาหรือ?” เหล่าไท่ไท่เริ่มสับสน
“เ้าค่ะ” หยางมามาเอ่ยเตือน “เป็ชาที่คุณหนูสามชงให้ท่านในรถม้า ไม่กี่วันที่ผ่านมานางยังชงชาซานจาสองจินส่งให้กานเฉ่าที่เรือนฝูโซ่ว แต่ท่านยังไม่ได้ดื่มสักครั้ง ชาชนิดนี้มีกลิ่นหอม สดชื่นจนทำให้ผู้ได้กลิ่นอยากดื่ม ครั้งนั้นหลังจากพวกเราดื่มชายังเอ่ยชมไม่ขาดปาก ข้าคิดว่าสามารถนำมาให้แขกดื่มได้เช่นกัน”
“เช่นนั้นก็ไปเตรียมให้พร้อม!” เมื่อนางเห็นเป่าติ้งผอเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็รีบโบกมือให้หยางมามาพลางเอ่ย “เสร็จแล้วก็ส่งคนไปเร่งในครัวด้วย”
เหล่าไท่ไท่เดินกลับเข้าห้องโถงซินหรงอย่างรวดเร็ว พลันมองเผิงสือ เผิงเจี้ยน หนิงยวนและเฟิงหยางตัวปลอมที่ก่อนหน้านี้เล่นหมากรุกอยู่ดี ๆ ทว่าเมื่อครู่กลับหยุดเล่นด้วยความประหลาดใจ พวกเขาทั้งสี่ล้อมกระดานหมากรุกของคุณชายเซวียนและเสี่ยวอี้ พลางชี้ไม้ชี้มือที่กระดานหมากรุกอันใหญ่ก่อนวิพากษ์วิจารณ์ เกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้