กลางดึก ดาหวันก็ต้องสะดุ้งเพราะนารินกริดร้องเสียงดังแล้วดิ้นไปดิ้นมาจนดาหวันต้องรีบปลุกให้เธอตื่น ในขณะที่พยาบาลก็รีบวิ่งเข้ามาดูเพราะได้ยินเสียงเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะปลุกยังไงนารินก็ไม่ยอมตื่นจากฝัน พยาบาลจึงได้แต่ช่วยกันจับไว้เพราะกลัวแผลที่ข้อมือนารินฉีก และกลับตรงกันข้าม แผลที่ฉีกขาดจนมีเืไหลก็ตรงกลางหว่างขาเธอต่างหาก ทำให้ดาหวันใ จะปกปิดก็ไม่ได้ เพราะพยาบาลถาม
“คนไข้ประจำเดือนมาเหรอคะ” ดาหวันหน้าเศร้ามากและสายหัวบอกว่า
“ไม่ใช่คะ ได้โปรดช่วยเธอด้วย เมื่อ 2 คืนก่อนเกิดเื่เลวร้ายขึ้นกับเธอ ตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าเป็ยังไงบ้าง ขอร้องช่วยตรวจดูให้หน่อยเถอะคะ”
พยาบาลฟังแบบนั้นก็พอเข้าใจ ก็รีบพานารินไปห้องผ่าตัดทันทีพร้อมทั้งตามแพทย์เฉพาะทางมา ผ่านไปสักพักหมอก็เดินออกมาบอกว่า
“ทำไมถึงไม่รีบพาคนไข้มาพบหมอั้แ่แรกคะ ตอนให้เืเธอคุณก็ไม่บอกหมอ ดีนะคะที่แผลแค่ฉีก ถ้าติดเชื้อขึ้นมานี้เื่ใหญ่เลยนะคุณ คุณทราบมั้ยว่าถ้าติดเชื้อ คนรักคุณอาจจะถึงขั้นต้องตัดหมดลูกทิ้งเลยก็ได้นะคะ”
“เราไม่รู้ เราก็ทำความสะอาดแล้วคิดว่าคงไม่เป็อะไรมาก เราไม่รู้จริงๆ”
ดาหวันนั่งลงที่เก้าอี้เอามือปิดหน้าตัวเองแล้วร้องไห้เสียใจ
“คะๆ หมอรู้ว่าคุณเสียใจ หมอแค่อยากจะบอกคุณว่าอย่าประมาทชีวิตของคนไข้ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับคุณแค่คนเดียวนะคะ ตอนนี้คนไข้ก็ปลอดภัยดี หมอฉีดยานอนหลับให้แล้ว คืนนี้คงหลับถึงเช้า คนไข้จะได้พักผ่อนด้วย คุณเองก็พักบ้างนะคะ เดียวหมอจะให้พยาบาลเข้าไปนั่งเฝ้าแทนคุณจนถึงสว่างละกัน”
“ขอบคุณมากคะคุณหมอ”
หมอเดินกลับเข้าไป พร้อมกับพยาบาลที่เข็นเตียงของนารินออกมา ดาหวันจึงเดินตามไปติดๆ ตอนนี้สภาพของนารินน่าเป็ห่วงมาก เธอบอบช้ำไปทุกส่วน ดาหวันนั่งจับมือนารินไว้ไม่ยอมไปไหน รอจนพยาบาลเข้ามาเธอถึงจะฟุบหลับไปที่เตียงคนไข้ จนสว่าง นารินก็เห็นว่าดาหวันยังคงหลับอยู่ข้างๆ ก็ปลุกเธอแล้วบอกว่า
“พี่ดา พาเค้ากลับคอนโดที เค้าไม่อยากอยู่ที่นี่ เมื่อคืนเค้าเห็นเหมือนผู้หญิงคนนั้นยืมจ้องเค้าอยู่ปลายเตียง พาเค้ากลับบ้านเรากันเถอะนะคะ”
ดาหวันลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ เธอบนเตียงพอฟังที่นารินบอก เธอก็เข้าใจว่าทำไมเมื่อคืนนารินถึงกริดร้องได้ขนาดนั้น เพราะภาพในฝันมันคอยรบกวนใจเธอนี่เอง ตื่นมาก็เ็ป หลับไปก็ฝันร้าย นับจากนี้นารินคงนอนหลับไม่สนิทไปตลอด ดาหวันหันไปถามพยาบาล นารินไม่รู้ว่ามีคนนอกอยู่ในห้องด้วย พอรู้เธอก็มีอาการเปลี่ยนไปลุกขึ้นนั่งแล้วกอดคอดาหวันไว้แน่นตัวสั่น ดาหวันก็กอดเอาไว้เพื่อทำให้นารินหายกังวล
“เราขอกลับนะคะ ส่วนเื่ค่าห้องและค่ารักษาพยาบาลช่วยเอาบิลมาหน่อยได้มั้ย เดียวเราจะชำระผ่านบัตรค่ะ” ดาหวันหยิบบัตรแบล็กการ์ดที่พ่อให้เธอไว้มันคือชื่อของเธอเอง
พยาบาลบอกให้ทั้งคู่รอก่อน เพราะต้องรับความยินยอมจากหมอเ้าของไข้ด้วย ว่าจะให้กลับได้หรือเปล่า สักพักหมอสาวก็เดินเข้ามา ก็บอกว่า
“จริงๆ หมอไม่อยากให้คนไข้กลับตอนนี้ คุณเองก็ทราบดีจากที่เราคุยกันเมื่อคืนไม่ใช่หรือคะ ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจของคนไข้ หมอยังไม่อยากปล่อยให้กลับนะ เดียวมันจะเป็หนักกว่าเดิม”
“คุณหมอจะไปรู้ดีกว่าตัวฉันเองได้ยังไงคะ ฉันยิ่งอยู่ที่นี่ ตัวฉันเองยิ่งแย่มากกว่า ถ้าคุณหมอไม่ให้เรากลับ ยังไงฉันก็จะหนีกลับอยู่ดี” นารินพูดทั้งที่ยังกอดคอดาหวันอยู่
หมอสาวได้แต่อ่อนใจแล้วสายหน้าไปมา
“ถ้าแบบนั้นหมอก็คงห้ามอะไรไม่ได้ แต่ถ้ามีอะไรผิดปกติมากขึ้น หรือรุนแรงขึ้น คุณก็รีบพาแฟนคุณกลับมาหาหมอทันทีนะคะ หมอมีเพื่อนที่ไว้ใจ สามารถช่วยแฟนคุณได้”
ไม่ทันที่ดาหวันจะได้พูดอะไร นารินหันกลับไปหาหมอสาวด้วยแววตาที่ว่างเปล่าและเ็า
“ฉันไม่้าใครทั้งนั้น นอกจากดาหวัน ถ้าพวกคุณยังยุ่งไม่เลิก ฉันจะะโลงไปจากระเบียงซะเดียวนี้แหละ”
นารินทำท่าจะลุกขึ้น ดาหวันรีบคว้ามือแล้วดึงนารินมากอดเอาไว้แล้วบอกว่า
“อย่านะ น้องรินพี่ขอร้อง อย่าทำแบบนั้น ถ้าเธอะโ พี่ก็จะตามเธอลงไปด้วย อย่าทำเลยนะ”
ดาหวันหันไปมองหมอสาว สายตาเธอบอกให้รู้ว่า //ขอร้อง เธอไม่อยากเสียคนรักไป//
“ปล่อยเราไปเถอะนะคะ ดาขอร้อง ปล่อยให้ดาดูแลรินเอง อย่าเข้ามายุ่งกับพวกเรามากกว่านี้เลย”
หมอสาวยอมแพ้เด็กสองคนตรงหน้า เพราะรู้ดีว่า ถ้าบังคับมากเกินไป คงได้เสียเด็กทั้งสองคนไปพร้อมกันแน่
“ก็ได้คะ หมอตามใจพวกเธอแล้ว แต่ยังไงพวกเธอต้องรอให้ผู้ปกป้องมารับเท่านั้น เพราะอายุยังไม่ถึง18 ปีทั้งคู่ หมอมีเื่จะต้องคุยกับผู้ปกครองของเธอ ช่วยรบกวนโทรตามมาพบหมอด้วยคะ หมอขอแค่นี้คงยอมกันได้ใช่มั้ย”
ดาหวันมองหน้านาริน นารินพยักหน้าแล้วขึ้นไปนั่งคร่อมลงบนตักดาหวัน กอดดาหวันไว้เอาหน้าวางลงบนไหล่เธอ ดาหวันที่กำลังเศร้ามากถึงจะไม่มีน้ำตาก็ตามก็กอดนารินไว้แน่นกลัวเธอจะะโลงไป ดาหวันโทรตามพ่อมาแล้วเล่าให้ฟังว่าอยู่ที่ไหน คนเป็พ่อรีบมาหาลูกสาวทั้ง 2 คน ก็พบว่าคือความจริง ก็เสียใจมาก พ่อเดินเข้าไปคุยกับหมอ ที่รอพบอยู่ เพราะหมอกลัวว่า ถ้าพวกเธอไม่คิดฆ่าตัวตายก็กลัวจะหนีตะเตลิดไป
หมอพาพ่อออกไปคุยกันหน้าห้อง แล้วปล่อยให้พยาบาลนั่งเฝ้าทั้งสองคนแทน เพราะตอนนี้หมอไม่ไว้ใจให้อยู่กันตามลำพัง
“คุณทราบใช่มั้ยคะว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกคุณ”
“คับผมทราบั้แ่วันแรกแล้ว”
“แล้วทำไมคุณไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลยคะ ลูกสาวคุณตอนนี้สภาพจิตใจย้ำแย่จนถึงขีดสุดแล้วนะเท่าที่หมอเห็น คนหนึ่งก็คิดฆ่าตัวตาย อีกคนก็จะตายตาม คุณไม่คิดจะพาลูกๆ คุณเข้ารับการรักษาบ้างเลยหรือไงคะ คุณทราบมั้ยตอนนี้ทั้งสองคนเสี่ยงต่อการเป็โรคซึมเศร้ามาก คุณพ่อคงพูดกับเด็กๆ รู้เื่มากกว่าหมอ หมออยากให้ลองเข้าไปคุยได้มั้ยคะ หมอยังไม่อยากให้เด็กๆ กลับบ้านตอนนี้มันเสี่ยงเกินไป”
ยังไม่ทันที่คนเป็พ่อจะพูดอะไร เสียงนารินก็ดังจากในห้องว่า
“อย่าได้คิดจะเข้ามาคุยกับริน ถ้าคุณกล้าเข้ามาสักก้าวเดียว รินจะหายไปจากชีวิตคุณตลอดไป”
คนเป็พ่อมองหน้าหมอสาวแล้วบอกว่า
“คุณหมอยังหวังอะไรจากผมได้อีกละครับ ลูกสองคนั้แ่เกิดเื่พวกเธอก็ไม่เคยไว้ใจผมอีกเลย และตอนนี้แม้แต่บ้านพวกเธอก็ไม่อยู่กับผม แต่ย้ายไปอยู่คอนโดด้วยกันสองคน ผมคิดว่า ปล่อยพวกเธอไปเถอะครับ ผมเชื่อใจลูกสาวคนโตว่าเธอดูแลน้องได้ เพียงแค่เธออาจจะพลาดไปที่ปล่อยน้องไว้คนเดียว แต่ผมเชื่อว่านับจากวินาทีนั้น ดาหวันคงไม่ยอมปล่อยให้นารินหายไปจากสายตาเธอจนกว่าเธอจะแน่ใจว่านารินสามารถอยู่ลำพังได้แล้ว”
หมอสาวก็จนปัญญา เพราะแม้แต่คนเป็พ่อยังทำอะไรไม่ได้ เด็กสองคนนี้หมอคงช่วยอะไรมากไม่ได้อีกนอกจากสั่งยาให้และปล่อยพวกเธอไป
“คะ งั้นก็ปล่อยให้พวกเขาลองแก้ปัญหากันเองตามแบบที่พวกเขา้าละกัน แต่ถ้ามีปัญหาอะไรขอให้คิดถึงหมอคนแรกนะคะ แล้วรีบพาพวกเธอกลับมา หมอยินดีช่วย เพราะคนที่หมอจะให้ช่วยคือแฟนหมอเองไว้ใจได้แน่นอน”
“ครับอีกไม่กี่วันโรงเรียนก็จะเปิดผมคิดว่า เื่เรียนคงช่วยเด็กสองคนได้ เพราะพวกเธอเป็ประธานนักเรียนกับรองประธาน ผมคิดว่างานคงช่วยรักษาจิตใจพวกเธอได้บ้าง”
หมอก็คิดว่าดี ดีกว่าปล่อยให้เวลาผ่านไปวันๆ มันจะทำให้คิดมากเปล่าๆ
“คะ งั้นก็ตามนี้เลย”
เมื่อคุยกันจบ พ่อก็เข้าไปหาลูกสองคนแล้วบอกว่า
“จะกลับคอนโดหรือย้ายเข้าหอเลยดีละ อีกแค่ 3 วัน โรงเรียนก็เปิดแล้ว พ่อว่า ดาควรพารินไปอยู่ที่หอเลยดีกว่ามั้ยลูก”
ดาหวันพยักหน้าแล้วมองนารินซึ่งตอนนี้หลับไปแล้ว
“คะ เดียวพอรินตื่นดาจะพารินไปที่หอเลยละกัน รบกวนคุณช่วยจัดการเื่ย้ายเข้าด้วยนะคะ ดาขอห้องส่วนตัว เราไม่อยากให้ใครมายุ่ง ยิ่งเมื่อคืนรินเป็แบบนั้นด้วย ดายิ่งไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งกับรินหรือรับรู้เื่ของรินไปมากกว่านี้อีก แค่นี้ดาคิดว่ารินก็อายมากพอแล้ว ที่เราไม่มาโรงพยาบาลั้แ่แรก เพราะดารู้ว่ารินอายคนอื่น”
พ่อพยักหน้าแล้วส่งคีย์การ์ดให้ 4 ใบ บอกว่า
“2 ใบเป็ของห้องพักที่หอ อีก 2 ใบเป็ของห้องประธานนักเรียน พ่อจะใส่รหัสหน้าห้องไว้ให้ ลูกไปถึงก็ใช่คีย์การ์ดผ่านเข้าไปได้เลยนะ ของพวกลูกคนละใบ ส่วนห้องสภานักเรียนจะแยกจากห้องประธาน พ่อฝากดูแลนารินด้วยละ พ่อเชื่อว่า ครั้งนี้ดาคงมีบทเรียนแล้ว ครั้งต่อไปดาจะไม่พลาดแบบนี้อีกซ้ำสอง”
ดาหวันพยักหน้าเพราะเธอจะไม่ยอมพลาดอีกจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้