“ปีครึ่งก็นานมากพอแล้ว ปีที่แล้วชุนฮวาที่แต่งออกไปพร้อมกันในเดือนเดียวกับเ้าก็ท้องนูนสูงแล้ว และยังมีต้าฮวาที่แต่งออกไปช้ากว่าเ้าครึ่งปีก็ท้องแล้ว” ระยะนี้เหลียงซื่อหดตัวอยู่ที่บ้านอย่างสงบเสงี่ยม ในใจอัดอั้นความร้อนรุ่มไว้สายหนึ่ง
บุตรสาวตนเองมาถึงหน้าบ้าน จึงเหมาะให้ปากตนเองได้สบายเสียหน่อยพอดี เพื่อจะได้ระบายความกลัดกลุ้มรุ่มร้อนไปบ้าง นางจึงจับบุตรสาวตนเองมาแหย่อย่างสบายใจพักหนึ่ง
“ท่านแม่!” หูอู้จูตวาดเสียงดังหนึ่งที
ทำเอาคนในห้องล้วนตกอกใกันทั้งสิ้น ทันใดนั้นผิงซั่นในอ้อมอกของนางก็ร้อง “อุแว้ๆ” ขึ้นมา
“เ้าเด็กน่าตายนี่ ร้องเสียงดังเพียงนั้นทำไม ดูสิทำเอาน้องชายเ้าใหมดเลย” เหลียงซื่อถลึงตาใส่นางทีหนึ่ง
หูอู้จูยัดเอาผิงซั่นกลับไปในอ้อมอกมารดา หอบหายใจโมโหใส่นาง “ท่านเป็มารดาข้าไม่ใช่หรือเ้าคะ มีแม่ที่ไหนแหย่ลูกให้ตนเองสบายใจเช่นท่านบ้าง ท่านคิดว่าข้าไม่อยากหรือ แค่คิดก็สามารถอุ้มท้องได้แล้วหรือ ทุกครั้งที่เจอก็เอาแต่พูดฉอดๆ ไม่จบไม่สิ้น น่ารำคาญจะตายชัก”
“เอ่เอ๊... เอ่เอ๊...” เหลียงซื่ออุ้มผิงซั่นไว้แล้วกล่อม แต่กลับถลึงตาใส่หูอู้จู “หากข้าไม่ใช่มารดาเ้า ข้าจะพูดฉอดๆ ใส่เ้าหรือ ผู้อื่นตั้งครรภ์ขึ้นได้ มีแค่เ้าตั้งครรภ์ขึ้นมาไม่ได้ ข้าไม่ต้องให้ผู้อื่นพูดนินทาลับหลังเอาหรือ ยังจะไม่ให้คนพูดอีก”
เมื่อก่อนเหลียงซื่อรักและทะนุถนอมบุตรสาวคนโตผู้นี้มาก ความคิดและการกระทำของทั้งสองคนใกล้เคียงกัน พูดคุยกันขึ้นมาเป็ธรรมดาที่ต้องใกล้ชิดมากขึ้น แต่พอบุตรสาวแต่งออกไปก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป รวมกับคลอดผิงซั่นขึ้นมาอีก นางก็ไม่คิดจะโอ๋บุตรสาวผู้นี้แล้ว
“ท่านแม่! หากท่านกล่าวเช่นนี้อีก ปีนี้ข้าจะไม่กลับมาแล้ว!” หูอู้จูโกรธจนกระทืบเท้าออกมา
“ไม่กลับก็ไม่กลับสิ คนในหมู่บ้านจะได้ไม่ต้องเห็นเ้า แล้วหันกลับไปนินทากัน ว่าเ้าเป็แม่ไก่ที่ไม่ออกไข่” เหลียงซื่อเบะปาก
หูอู้จูชี้ไปที่เหลียงซื่อ โกรธจนนิ้วมือสั่นเทิ้ม
“พอแล้ว ลูกสะใภ้ใหญ่ ล้วนกล่าวมั่วซั่วอะไรกัน” หวังซื่อตวาดหยุดสองคนไว้ “กว่าอู้จูจะกลับมาสักครั้งได้ไม่ง่ายเลย เ้าปฏิบัติต่อบุตรสาวเช่นนี้ ลูกเขยเ้าก็กำลังพักอยู่ในห้องโถง เ้าอยากให้พวกเขาโกรธจนหนีกลับไปหมด เ้าถึงจะมีความสุขใช่หรือไม่?”
เหลียงซื่อหดตัวเล็กลงด้วยความเคยชิน ยุติการวิพากษ์วิจารณ์ทันที
“ท่านย่า” หูอู้จูเห็นหวังซื่อเข้าข้างนาง จึงเบ้าตาแดงรื้นขึ้นอย่างได้รับความเป็ธรรมทันที
“เ้าก็รีบเก็บเสียงด้วย วันแห่งความปีติยินดีจะร้องไห้ทำไมกัน” หวังซื่อขมวดคิ้วขึ้น
สองแม่ลูกเหล่านี้มาก่อความวุ่นวายโดยเฉพาะเลยจริงๆ
หลี่ซื่อกับเจินจูมองหน้ากันและกันแวบหนึ่ง ยิ้มให้กันขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
หลังต้อนรับเพื่อนฝูงญาติพี่น้องที่รุดหน้ามาแสดงความยินดีติดต่อกันเป็เวลาหลายวัน โถเนื้อพะโล้ของสกุลหูก็หมดไปอย่างรวดเร็ว
เจินจูให้หูฉางกุ้ยผู้เป็บิดาไปหมู่บ้านต้าวันสักรอบ ซื้ออาหารจำพวกเนื้อสัตว์ที่ต้องใช้ขึ้นโต๊ะเลี้ยง กับเครื่องในที่จะใช้ทำเนื้อพะโล้กลับมา
อาชิงกับหลัวจิ่งฝึกการต่อสู้่เช้าเสร็จ จึงไปบึงมรกตกันหนึ่งรอบ ดักได้ปลาและปลาไหลมาไม่น้อย
หวังซื่อกับเจินจูทอดปลาซิวและปลาเงินอย่างชำนาญมือ ผัดปลาซิวเผ็ดหอมกับปลาเงินทอดกรอบเป็อาหารสองอย่างที่ได้รับการตอบรับอย่างมากบนโต๊ะอาหารของสกุลหู
ส่วนปลาไหลล้วนหั่นเป็ท่อน ทำปลาไหลปรุงน้ำแดงและน้ำแกงปลาไหล
ปลากินหญ้าสองตัวใหญ่แล่เป็แผ่น ทำหม่าล่าต้มปลาใส่ผักกาดดองหนึ่งหม้อใหญ่
แล้วยังใส่เนื้อสามชั้นที่หูฉางกุ้ยซื้อกลับมาด้วย ทำเป็สามชั้นผัดซอสแดงหนึ่งถาดใหญ่ ผัดน้ำมันโหยวหมาไช่หนึ่งอย่าง โต๊ะเลี้ยงโดยรวมก็เสร็จแล้ว
หูอู้จูกับสามีของนางทานกันจนพึงพอใจอย่างมาก
มีน้ำมันและปริมาณอาหารเพียงพอ ที่สำคัญที่สุดคือรสชาติดี ทำให้หวงถิงเฉิงชื่นชมหวังซื่อว่าฝีมือครัวเยี่ยมยอดออกมาตามตรง
หวังซื่อมองหลานเขยอย่างยิ้มตาหยี ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกถูกชะตาใบหน้าธรรมดาเช่นนี้นัก
รอจนบอกลาและมอบของขวัญตอบแทนแล้ว หวังซื่อก็แบ่งปลาซิวตัวน้อยและปลาเงินตัวเล็กที่ทอดเสร็จแล้วใส่ไปให้ นอกเหนือจากนั้นเป็กีบหมู หางหมูและลิ้นหมูทั้งหมดที่พะโล้ขึ้นใหม่ ใส่เต็มตะกร้าหนึ่งใบเล็ก
หลี่ซื่อก็หยิบผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีสันสว่างสดใสสองพับ ออกมาจากในห้องของตนเองและมอบให้หูอู้จูด้วยเช่นกัน
หวงถิงเฉิงรับตะกร้าที่หวังซื่อยื่นมาให้อย่างหน้าแดงเล็กน้อย
สิ่งของที่พวกเขานำมามอบให้ล้วนเป็จำพวกเครื่องปรุงที่บ้านตนเองทำขึ้น แต่สกุลหูกลับมอบผ้าสองพับที่มีราคาสูงให้ ช่างรู้สึกเอาเปรียบอยู่บ้าง
เขากล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าเหยเก
หูอู้จูกอดผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดอย่างร่าเริงยินดี ทั่วใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเกรงอกเกรงใจแม้แต่นิดอยู่แล้ว ครอบครัวท่านอามีเงินเพียงนั้น มอบผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสองพับให้จะนับว่าเป็อะไรไป
ส่งสองสามีภรรยากลับไป ในที่สุดเจินจูก็ผ่อนลมหายใจออกมา
แค่แสดงความยินดีกับการตั้งครรภ์อย่างเดียว ล้วนต้องทำโต๊ะเลี้ยงไปสามสี่รอบ ช่างทำให้ลำบากและเปลืองแรงจริงๆ
ไม่สู้กำหนดวัน แล้วทำโต๊ะเลี้ยงไม่กี่โต๊ะรวมเป็หนเดียวจะไม่ดีกว่าหรือ
จัดเก็บโต๊ะถ้วยและตะเกียบ ทำความสะอาดกระดูกและขยะ งานที่ต้องจัดการมีไม่น้อยเลย
หลังจากหวังซื่ออยู่ช่วยพวกนางเก็บกวาดให้เป็ระเบียบแล้ว จึงบอกรายการอาหารที่ต้องระวังของคนท้องเล็กน้อย แล้วจึงกลับบ้านเก่าไป
วันต่อมา... มีความช่วยเหลือของพานเสวี่ยหลัน วันคืนที่ต้องควบคุมการปรุงอาหารทำกับข้าวของเจินจูยังนับได้ว่าผ่านไปได้อย่างราบรื่น
พานเสวี่ยหลันสงบเงียบและขยัน ความสามารถในการเรียนรู้ก็มาก ติดตามพวกหลี่ซื่อและหวังซื่ออยู่ในห้องครัวและช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ อยู่่หนึ่ง งานของห้องครัวโดยพื้นฐานล้วนทำได้คล่องมือมากนัก
เจินจูลองให้นางปรุงกับข้าว ครั้งแรกที่ออกจากเตาก็สำเร็จได้อย่างยอดเยี่ยมมาก
พร์ในการเข้าครัวดีกว่าเจินจูอย่างยิ่ง
เจินจูคาดหวังว่าจะเห็นความสำเร็จนี้ เดิมทีนางก็ไม่ได้ชอบงานในห้องครัวเท่าไร การที่พานเสวี่ยหลันมีพร์ไม่ธรรมดามารับ่ต่อ จึงไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว
่เช้าวันนี้
เดิมทีท้องฟ้าแจ่มใส แต่จู่ๆ เมฆดำล้อมรอบขึ้นมาฉับพลัน
่เวลาประเดี๋ยวเดียว รุนแรงและรวดเร็ว ฝนในหน้าร้อนก็ตกกระหน่ำลงมาห่าใหญ่
ชาวบ้านที่กำลังทำงานหลบไม่ทัน ตากฝนกันจนกลายเป็ไก่ตกน้ำ ต่างพากันวิ่งเข้ามาหลบฝนในห้องโถงของสกุลหู
เจินจูต้มน้ำร้อนเพื่อเคี่ยวน้ำขิงช้าๆ ให้หูฉางกุ้ยยกไปทีละชามแจกจ่ายเรียงลำดับ
ฝนกระหน่ำลงมาได้อย่างรวดเร็วมาก ท้องฟ้ามืดครึ้มราวกับจะพังลงมา เม็ดฝนที่ตกกระทบบนหลังคา ดัง “ปุปะๆ”
ต้นหลิวข้างสระน้ำถูกลมที่โหมพัดกระหน่ำพัดจนลำต้นโค้งงอ กุหลาบพันธุ์ไม้เลื้อยและต้นหวายม่วงถูกลมกรรโชกร่วงลงเต็มในลานบ้าน
ในมือของชาวบ้านต่างประคองน้ำขิงร้อนๆ พากันทอดถอนใจกับความรุนแรงของฝนที่เทกระหน่ำลงมา
หน้าประตูลานบ้าน แว่วเสียงทุบประตูอย่างรุนแรงดังขึ้น
หูฉางกุ้ยตื่นตระหนกทันที เวลาเช่นนี้ผู้ใดที่ฝ่าออกมากลางสายฝน
เสียงทุบที่น่าหวาดกลัวปะปนกับเสียงร้องเรียกของคน หูฉางกุ้ยหยิบร่มกระดาษน้ำมันที่วางอยู่หลังประตูขึ้น ฝ่าลมและฝนที่กระหน่ำไปเปิดประตู
รถม้าหนึ่งเกวียนตระหง่านอยู่หน้าลานบ้าน ถูกฝนตกหนักเปียกซึมไปทั่ว
หูฉางกุ้ยจำได้ นี่เป็รถม้าของคุณหนูสกุลโหยวผู้นั้น
เขารีบร้องทักคนขับรถม้าที่ถูกฝนสาดจนเปียกไปหมด ให้เขาจูงรถม้าตรงเข้ามาในลานบ้าน
เหอต้าคนขับรถม้าออกแรงลากฝ่าสายฝนห่าใหญ่มาถึงใต้ชายคาบ้านของสกุลหู
หูฉางกุ้ยมองชาวบ้านร่างใหญ่และแข็งแรงเต็มห้องโถงแวบหนึ่ง รู้สึกได้ทันทีว่าไม่ค่อยเหมาะสม จึงรีบให้เขาจูงรถม้าไปที่หลังบ้าน
เจินจูหยุดอยู่หน้าประตู
นางฟังเสียงที่ดังขึ้น พอเปิดประตูก็เห็นรถม้าม่านสีน้ำเงินถูกฝนห่าใหญ่เปียกน้ำโชกจนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ไอ๊หยา มารดาเถอะ โหยวอวี่เวยยัยเด็กโชคร้ายผู้นี้ วันที่ฝนกระหน่ำยังจะวิ่งมาหมู่บ้านวั้งหลินทำอะไร? แล้วนี่เป็อย่างไรล่ะ ตากฝนจนกลายเป็ไก่ตกน้ำแล้ว
นางรับร่มในมือของบิดาสกุลหูมา บังน้ำฝนที่ร่วงหล่นจากชายคา
“คุณหนูโหยว ท่านลงมาหลบฝนก่อนเถอะ”
รถม้าเปิดออก ลมและฝนจึงพัดเข้าไป เมอเมอหวังเปียกโชกไปทั้งตัวใช้ร่างกายกำบังลมและฝน ประคองโหยวอวี่เวยที่เปียกไปครึ่งหนึ่งลงจากรถม้า
เจินจูรีบยื่นร่มเข้าไปรับแล้วพยุงมือของนางให้ลงรถม้า
ภายในรถม้ามีเพียงโหยวอวี่เวยกับเมอเมอหวังสองคน สาวใช้นามว่าจื่อผิงผู้นั้นกลับไม่ได้ตามมาด้วย
เจินจูให้สองคนเข้าไปภายในห้อง แล้วบอกบิดาสกุลหูให้จูงรถม้าไปห้องผึ่งแดดที่ทำขึ้นเพื่อไว้ผึ่งอาหารหมัก สถานที่ในนั้นกว้างขวางเพื่อจัดหาที่พักให้กับรถม้าก่อน
ที่ไม่ไกลมีสายฟ้าหนึ่งสายแลบผ่านชั้นเมฆดำขลับ เสียงเปรี้ยงปร้างดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว
โหยวอวี่เวยเครื่องประดับบนศีรษะยุ่งเหยิง กำลังประคองเมอเมอหวังอยู่ใจนตัวสั่นเทา
เจินจูรีบหาผ้าสะอาดออกมาจากในตู้ให้นางเช็ดน้ำฝน แล้วหาเสื้อฤดูร้อนที่เย็บขึ้นใหม่ของตนเองออกมาให้นางเปลี่ยน
โหยวอวี่เวยสูงกว่านางเล็กน้อย ชุดกระโปรงที่นางสวมย่อมเต่อขึ้นไปนิดหน่อย
แต่สถานการณ์คับขัน นางจึงไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย
ภายใต้การช่วยเหลือของเมอเมอหวังจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย
“โธ่เอ๋ย ข้าใแทบตายจริงๆ ตอนออกมา เห็นอยู่ชัดๆ ว่าอากาศดีมากนัก พอเกือบถึงบ้านเ้าดันเกิดพายุฝนขึ้นมาเสียได้ อีกนิดรถม้าเกือบจะถูกพัดคว่ำไปแล้ว” โหยวอวี่เวยนั่งอยู่บนเก้าอี้ ตบหน้าอกอย่างหลงเหลือความหวาดผวาอยู่ในใจ
เมอเมอหวังไม่ได้สนใจว่าเสื้อผ้าของตนเองเปียกโชก และกำลังช่วยโหยวอวี่เวยบิดผมให้แห้ง
“พายุฝนในหน้าร้อนจะมาก็มา คุณหนูโหยวออกมาข้างนอกควรระมัดระวังหน่อย” ในห้องครัวยังมีน้ำขิงที่เคี่ยวไว้อยู่ เจินจูยกเข้ามาสองถ้วย เพื่อป้องกันไข้หวัดฤดูร้อน ตอนเคี่ยวน้ำขิงนางเลยใส่น้ำแร่จิติญญาลงไปนิดหน่อย
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท้องฟ้าจะเปลี่ยนไปเร็วเพียงนี้” โหยวอวี่เวยรับเอาน้ำขิงอุ่นๆ มา ลองวัดอุณหภูมิด้วยการจิบหนึ่งอึก พบว่าน้ำขิงที่สกุลหูเคี่ยวค่อนข้างอร่อยมากนัก
เจินจูยื่นน้ำขิงไปให้เมอเมอหวัง นางลังเลไปชั่วขณะแล้วรับไป โค้งกายกล่าวขอบคุณด้วยการกระทำแข็งทื่อ
“เมอเมอหวัง ท่านดื่มน้ำขิงแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งสะอาดๆ ในห้องท่านแม่ข้าเถอะ” บนกายเปียกโชก คราบน้ำมุมกระโปรงหยดจนพื้นบ้านเปียกเป็วง
ปัญหาของหลี่ซื่อไม่ช้าก็เร็วต้องจัดการ ในเมื่อได้เจอกันแล้ว การปะทะหน้ากันจึงเป็เื่ที่ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดขึ้น เจินจูไม่กลัวนางรู้เื่ที่หลี่ซื่อพูดได้ หากเ้านายของพวกนาง้าอยากรู้ พอตรวจสอบไปเรื่อยๆ ก็จะรู้ได้ทันที ดังนั้นจะหลบซ่อนพวกเขาทำไม ไม่สู้เปิดเผยไปเลยดีกว่าหรือ
“ใช่แล้ว เมอเมอ เ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ หากเป็หวัดเข้า เช่นนั้นจะเดินทางได้อย่างไร” โหยวอวี่เวยดื่มน้ำขิงไปพลางกล่าวไปพลาง
“เ้าค่ะ เหล่าหนี่ว์รับทราบ” เมอเมอหวังขานรับ แล้วดื่มน้ำขิงไม่กี่อึกลงไป
ฝนนอกบ้านยังคงตกหนักอยู่เช่นเดิม เจินจูหยิบร่มกระดาษน้ำมันจากใต้ชายคาของระเบียงแล้วไปส่งนางในห้องของหลี่ซื่อ
หลี่ซื่อก็รับรู้แล้วเช่นกัน แม้เตรียมใจไว้สองสามส่วนแต่พอเห็นเมอเมอหวังยังใกลัวอยู่
“ท่านแม่ ท่านหาเสื้อผ้าสักชุดให้เมอเมอหวังเปลี่ยนหน่อย ท่านดูสิ บนตัวนางล้วนเปียกโชกไปหมดแล้วเ้าค่ะ” เจินจูเข้าไปตบมือของหลี่ซื่อเบาๆ หันไปยิ้มทางนางอย่างปลอบโยน
“อื้ม!” หลี่ซื่อยิ้มใบหน้าแข็งทื่อและหาชุดกระโปรงที่ทำขึ้นใหม่หนึ่งชุดออกมาจากตู้เสื้อผ้า
นางยิ้มแย้มอย่างฝืนใจ มือที่กอบเสื้อผ้าสั่นเล็กน้อย “นี่เป็เสื้อผ้าทำใหม่ ยังไม่เคยสวมใส่ เสื้อผ้าเนื้อหยาบ เมอเมอหวังโปรดอย่าได้รังเกียจ”
พอคำพูดของหลี่ซื่อออกไป สีหน้าของเมอเมอหวังก็เปลี่ยนทันที ยาใบ้ในปีนั้นเป็นางให้คนกรอกด้วยตนเอง ผลของยามีฤทธิ์แรงมาตลอด ทำไมหลี่ซื่อถึงสามารถพูดจาได้?
สีหน้าเมอเมอหวังปรวนแปรไม่สามารถคาดเดาได้ มองนางด้วยสายตาสลับซับซ้อนแวบหนึ่งจึงรับเสื้อผ้ามา “รบกวนฮูหยินสกุลหูแล้ว ขอบคุณมาก”
รอยยิ้มบนในหน้าหลี่ซื่อแข็งทื่อ มือใต้แขนเสื้อสั่นหนักยิ่งขึ้นไปอีก
“แค่ก” เจินจูไอเบาๆ หนึ่งที “ท่านแม่ ท่านหารองเท้าสักคู่ให้เมอเมอหวังด้วยสิ ท่านดูรองเท้านางชุ่มไปด้วยน้ำทั้งหมดเลยเ้าค่ะ”
“อื้ม ได้” หลี่ซื่อถือโอกาสตอบรับคำพูดของนางตามสัญชาตญาณ
“เช่นนั้นข้ารอพวกท่านอยู่หน้าประดู หากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วค่อยออกมาเถอะ” เจินจูออกมาจากประตูห้อง ตั้งใจพูดไปทางด้านในเป็พิเศษหนึ่งประโยค “ท่านแม่ ตอนนี้ท่านท้องเ้าตัวเล็กอยู่ อย่าออกมาตากลมให้หนาวเย็นนะเ้าคะ”
ทันทีหลังจากนั้น นางจึงปิดประตูห้องของหลี่ซื่อลง
ในห้องปรากฏความมืดสลัวเล็กน้อย เหลือเพียงหลี่ซื่อและเมอเมอหวังที่จ้องหน้ากันอย่างพูดอะไรไม่ออก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้