กู่ไห่ถูกผนึกพลัง และนำตัวไปที่ปากทางเข้าสนามอีกครั้ง
“หมายเลขสาม!”
“หมายเลขสิบห้า!”
บนอัฒจันทร์ นักพนันต่างะโเสียงดัง การต่อสู้ห้ำหั่นยังคงดำเนินต่อไป มีเพียงนักสู้คนสุดท้ายเท่านั้น ที่จะสามารถอยู่รอดได้
ชายหนุ่มยืนอยู่ที่ปากทางเข้าเงียบๆ จ้องมองสนามประลองโดยไม่ละสายตา สังเกตวิธีการต่อสู้ของเหล่าอาชญากรบนสังเวียน โดยไม่กล้าชะล่าใจแม้แต่น้อย
กู่ไห่ได้เห็นการต่อสู้ของชายชุดแดงเมื่อวานนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้เปิดเผยพลังทั้งหมดออกไป
หากตัวเองยังสังเกตการณ์ผู้อื่นได้ ไยผู้อื่นจะไม่ให้ความสนใจ และมองหาจุดอ่อนของตนบ้างเล่า
เนื่องจากการต่อสู้มิได้มีเพียงรอบเดียว หากผู้ใดไม่เก็บงำความสามารถเอาไว้ เปิดเผยทุกอย่างให้ผู้อื่นรู้ ความตายของคนผู้นั้นก็คงอยู่ไม่ไกลแล้ว
ตูม!
ไม่ช้า การต่อสู้บนสนามก็มาถึงบทสรุป
“หมายเลขสี่!”
“หมายเลขสิบสาม!”
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ในขณะที่ผู้ชมยังคงส่งเสียงโห่ร้อง
การต่อสู้ดำเนินติดต่อกันไปหลายรอบ ชายหนุ่มคอยสังเกตพวกนักโทษที่ลงสนามอยู่ตลอด แต่ที่ใส่ใจเป็พิเศษ ก็คือสนามสุดท้าย
“หมายเลขเจ็ด!”
“หมายเลขแปด!”
พลังระดับแก่นทองคำของเ้าหน้าบาก ได้ถูกควบแน่นจนกลายเป็ดาบ เขาใช้ดาบพลังชี่นั่น ตัดศีรษะหมายเลขเจ็ดอย่างโเี้
บัดนี้ กู่ไห่จ้องมองสนามเกือบตลอดเวลา และคอยวิเคราะห์หาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้
“พวกเขาทั้งหมด ต่อสู้โดยไม่ต้องขยับร่างให้เปลืองแรง และไร้การเคลื่อนไหวอันน่าตื่นตาตื่นใจ มีเพียงการโจมตีที่หมายเอาชีวิตอีกฝ่ายเท่านั้น? อาชญากร? ทั้งหมดนั่นเป็นักโทษที่เก่งกาจเพียงหนึ่งในสิบสินะ!” ชายหนุ่มหรี่ตาลง ั์ตาฉายประกายพึงพอใจ
ไม่นานนัก การต่อสู้รอบที่สองของกู่ไห่ก็เริ่มขึ้น
“หมายเลขหนึ่ง!”
“หมายเลขสิบสาม!”
ผู้ชมเริ่มกู่ร้องอีกหน ส่วนเหล่านักพนันก็เริ่มวางเดิมพันอีกครา
...
บนที่นั่งพิเศษ หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยดูเหมือนจะรู้สึกเป็อริกับหมายเลขหนึ่งอย่างชัดเจน
“ข้าวางเดิมพันด้วยหินิญญาระดับสูงหนึ่งก้อน ว่าหมายเลขสิบสามชนะ ข้าไม่เชื่อว่าตัวเองจะแพ้พนันอีก!” ชายชุดขาวกล่าว น้ำเสียงจริงจัง
“ขอรับ!” ผู้ที่รับวางเดิมพันตอบรับ ท่าทีนอบน้อม
“ฮ่าๆๆๆ! ผู้ใดทำให้ท่านหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยโมโหเช่นนี้?” เสียงหัวเราะแจ่มใสดังขึ้น
“คารวะท่านหัวหน้า!” คนชุดดำที่อยู่โดยรอบ ทำความเคารพผู้มาใหม่ทันที
ชายชุดดำขลิบทองผู้หนึ่ง หัวเราะเสียงดัง พร้อมค่อยๆ ก้าวเข้ามา
ชายผู้นี้รูปร่างกำยำ มีกลิ่นอายไม่ธรรมดา ทว่าตาซ้ายบอด และมีแถบผ้าสีดำปิดเอาไว้ ใบหน้าดูน่ากลัวมาก มีตุ่มหนองเล็กๆ กระจายอยู่ทั่ว เมื่อเขาหรี่ตาข้างขวาลง ดูเหมือนจะมีพลังดุดันกระจายอยู่รอบตัว
ชายผู้นั้นเดินไปหา โดยมีลูกน้องชุดดำติดตามมาด้านหลัง
“เป็หัวหน้าหลี่เหว่ยนี่เอง มิใช่ว่าไปที่ใด ท่านต้องพาคนรักตัวน้อยไปด้วยทุกครั้งหรอกหรือ? ไหนล่ะนาง?” หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยกล่าว พร้อมมองอีกฝ่าย
“เยว่เหยา... มาทักทายหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยสิ” หัวหน้าหลี่กล่าว พลางยกยิ้ม
ขณะพูด เขาก็นั่งลงอย่างไม่เกรงใจ เหล่าลูกน้องในพรรคกระจายตัวไปยืนโดยรอบ ด้วยท่าทางนอบน้อมยิ่ง
หญิงสาวทรงเสน่ห์ในชุดสีแดง เดินออกมาจากท้ายขบวน นางประหม่าเล็กน้อย มองดูชายชุดขาวด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา
“คา... คารวะหัวหน้าสำนักซ่งเจียเ้าค่ะ” หญิงสาวกล่าว พร้อมทำความเคารพ
หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยมองดูนางด้วยแววตาซับซ้อน พลางพยักหน้ารับ ก่อนหันไปมองหัวหน้าหลี่
“เยว่เหยาที่รักของข้า... มานี่! มานั่งบนตักข้า” ชายชุดดำขลิบทองกล่าวยิ้มๆ
“เ้าค่ะ!”
เยว่เหยาค่อยๆ หย่อนตัวลงบนตักของหัวหน้าหลี่ เขาใช้มือลูบไล้ร่างนาง โดยไม่อายแม้แต่น้อย
ชายชุดดำที่ยืนอยู่ด้านข้าง รีบส่งผลไม้ให้นาง
หญิงสาวหยิบองุ่นอย่างระมัดระวัง และป้อนใส่ปากชายชุดดำขลิบทอง
“ท่านหัวหน้า ทานองุ่นเ้าค่ะ!” เยว่เหยาพูดแ่เบา
“หืม?” หัวหน้าหลี่จ้องอีกฝ่ายเขม็ง
หญิงสาวกระวนกระวายยิ่ง รีบเปลี่ยนคำพูดทันที “พี่หลี่เหว่ย ทานองุ่นเ้าค่ะ!”
“อืม!” ชายชุดดำขลิบทองยกยิ้ม พึงพอใจ “เ้าคือใคร?”
“ข้า... ข้า... ข้าเยว่เหยาเ้าค่ะ พี่หลี่เหว่ย ข้าเป็ผู้หญิงของท่านเ้าค่ะ” เยว่เหยาตอบเสียงแ่
“จำไว้!… เ้าคือผู้หญิงของข้า ตราบใดที่มีข้าอยู่ จะไม่มีผู้ใดรังแกเ้าได้... มา! ป้อนข้าต่อ” มือไม้ของหัวหน้าหลี่ รุ่มร่ามขึ้นเรื่อยๆ
“พี่หลี่เหว่ย องุ่นของท่านเ้าค่ะ” หญิงสาวป้อนองุ่นให้อีกครั้ง
ขณะป้อนองุ่น เยว่เหยาก็มองดูอีกฝ่ายด้วยเนื้อตัวอันสั่นเทา ในแววตาของนาง มีทั้งความกลัว รัก และสับสน ดูซับซ้อนยิ่ง
ชายชุดดำขลิบทองยังคงใช้มือข้างหนึ่ง ลูบไล้ร่างของหญิงสาวไม่หยุด ก่อนจะหันหน้าไปทางหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ย
“เหตุใดท่านถึงได้มาที่นี่คนเดียว?” หัวหน้าหลี่ถามอย่างสงสัย
“ข้าล่วงหน้ามาก่อน นางจะรีบตามมาเร็วๆ นี้ ทางท่านมีความคืบหน้าบ้างหรือไม่?” ชายชุดขาวถาม พร้อมขมวดคิ้ว
ชายชุดดำขลิบทองนิ่วหน้า และตอบว่า “ความคืบหน้าหรือ? หากมี มันก็คงคืบหน้าไปนานแล้ว ผ่านมาหลายปี ยังเหมือนเดิม”
หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยพยักหน้า “รอจนกว่านางจะมาถึงเถอะ”
“ใช่แล้ว! พรรคของท่าน เป็สถานที่ชุมนุมของทั้งมัจฉาและพญาั[1] ย่อมต้องมีข้อมูลมากมายแน่ ท่านพอจะมีข่าวคราวของกู่ไห่บ้างหรือไม่?” ชายชุดขาวถาม พร้อมย่นหัวคิ้ว
“กู่ไห่? ฮ่าๆๆ! ท่านกำลังถามข้าหรือ? รู้หรือไม่ ว่าทุกวันมีผู้ฝึกตนมาที่พรรคต้าเฟิง และจ่ายให้เรา เพื่อถามเื่นี้กี่รอบ? หากคนผู้นั้นอยู่นี่จริง คงถูกกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกไปนานแล้ว” หัวหน้าหลี่กล่าวพลางแค่นหัวเราะ
หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยสูดหายใจ ก่อนกล่าวว่า “กู่ไห่ผู้นี้คล้ายจะหายไปราวกับอากาศธาตุ แม้เหล่าผู้ฝึกตนจะทุ่มเทกำลังค้นหา แต่กลับไม่พบร่องรอยแม้แต่นิดเดียว”
“ฮ่าๆๆๆ! หากมาที่นี่เพื่อตามหาเขา คงมาผิดที่แล้วละ ท่านคิดว่าจะพบเขาในหุบเขาคนโฉดของข้าหรือ? อย่าบอกนะ ว่าที่นั่งอยู่นี่มาหลายวัน เพราะหวังจะพบเขาในลานประลองแห่งนี้?
โอ้… ใช่แล้ว! ท่านลองดูที่สนามนั่นสิ ว่าใช่เขาหรือไม่? ฮ่าๆๆ!” ชายชุดดำขลิบทองกล่าว พร้อมะเิเสียงหัวเราะ
“หมายเลขหนึ่งชนะ!” เสียงของพิธีกรดังขึ้น
“หมายเลขหนึ่ง!”
“หมายเลขหนึ่ง!”
“หมายเลขหนึ่ง!”
เสียงะโของผู้คนดังกึกก้องลานประลอง ต่างตื่นเต้นกันมาก โดยเฉพาะผู้ที่ชนะพนัน
ชายชุดขาวมองไปที่สนาม... เสียหินิญญาไปอีกแล้ว!
“เฮอะ!” เขาแค่นหัวเราะอย่างหดหู่
“หากท่านกำลังตามหากู่ไห่ อย่ามาที่พรรคต้าเฟิงจะดีกว่า เขาไม่มีทางอยู่ที่นี่แน่!” หัวหน้าหลี่กล่าว พร้อมยกยิ้ม
หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยมองดูนักสู้หมายเลขหนึ่งในสนาม และพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ข้ารู้ว่ามันเป็ไปไม่ได้ ที่กู่ไห่จะมาอยู่นี่ แต่เขาเป็คนที่มักทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมายเสมอ”
...
บนสนามประลอง
กู่ไห่เสร็จสิ้นการต่อสู้สนามที่สองของวันนี้แล้ว ครานี้ ชายหนุ่มไม่กล้าประมาท ในที่สุดจึงเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้
คู่ต่อสู้ของเขาก็อยู่ในระดับก่อ์เช่นกัน และอาจอยู่ขั้นที่หก คนผู้นั้นเหี้ยมหาญมาก ยามประชิดตัวกัน แม้ว่าจะเสี่ยงต่อการถูกกู่ไห่ตัดแขน แต่เขาก็ยังจะแทงดวงตาของอีกฝ่ายอยู่ดี
การโจมตีของคนทั้งสอง เกือบจะสำเร็จแล้ว ดังนั้นในท้ายที่สุด กู่ไห่จึงถูกบีบให้เปิดเผยพลังอันแท้จริงออกมาอีกครั้ง ชายหนุ่มซัดฝ่ามือใส่ฝ่ายตรงข้ามจนตาย
อีกด้านหนึ่ง ฮวางบูที่อยู่ในระดับแก่นทองคำ ก็ชนะการแข่งขันไปได้อีกครั้ง เพราะขณะที่คู่ต่อสู้ใช้เพียงมือเปล่า แต่เ้าหน้าบากกลับสามารถรวบรวมพลัง สร้างดาบชี่ขึ้นมาใช้ได้ และใช้ดาบนั่นผ่าศัตรูออกเป็สองส่วน
...
หลังหยุดพักไปครู่หนึ่ง
“ทุกท่าน การต่อสู้รอบนี้ เป็การประลองเดิมพันชีวิตรอบสุดท้ายแล้ว ทุกท่านพร้อมกันหรือยังขอรับ?” พิธีกรร้องถาม
“เร็วเข้า... เร็ว!” เสียงะโเร่งเร้าของผู้คน ดังมาจากทั่วสนาม
“รอบสุดท้าย เป็การต่อสู้ระหว่างหมายเลขหนึ่งกับหมายเลขแปด! หลังการต่อสู้อันดุเดือดโเี้สิ้นสุดลง ผู้ใดจะเป็คนกำชัยชนะกันแน่? ทุกท่านจับตามองให้ดี และเตรียมวางเดิมพันของท่าน!” พิธีกรกล่าว
“ต้องเป็หมายเลขแปดแน่! เขาเป็ผู้ฝึกตนระดับแก่นทองคำ”
“ข้าก็จะวางเดิมพันหมายเลขแปด ข้าเดิมพันว่าหมายเลขแปดจะตัดหัวหมายเลขหนึ่งได้ ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป!”
“หมายเลขแปดต้องเป็ฝ่ายชนะแน่!”
“บางที อาจเป็หมายเลขหนึ่งก็ได้กระมัง?”
“ไร้สาระ! หมายเลขหนึ่งต้องแพ้แน่”
“ข้าวางพนันข้างหมายเลขหนึ่งมาตลอด รอบนี้ก็จะพนันข้างเขา!”
“ข้าก็วางพนันข้างหมายเลขหนึ่งมาตลอด แต่รอบนี้จะไม่พนันข้างเขา!”
ครานี้ การวางเดิมพันเอนเอียงไปด้านหนึ่งทันที
“ท่านหัวหน้า การวางเดิมพันครานี้ค่อนข้างเสี่ยงนะขอรับ!” ชายชุดดำผู้หนึ่งเดินมาด้านหน้าชายชุดดำขลิบทอง
“โอ้?” หัวหน้าหลี่ลูบไล้สะโพกของเยว่เหยา ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนตักของตน พลางหรี่ตามองลูกน้องคนนั้น
“แม้ก่อนหน้านี้ หมายเลขหนึ่งจะต่อสู้ได้อย่างห้าวหาญ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็อยู่แค่ระดับก่อ์เท่านั้น ขณะที่หมายเลขแปดอยู่ในระดับแก่นทองคำ ผู้ชมเก้าในสิบส่วน ลงเดิมพันข้างหมายเลขแปด มีคนมากมายที่ลงเดิมพันข้างหมายเลขแปด ครานี้...” ชายชุดดำกล่าวรายงานอย่างกังวล
“อะไรกัน? พวกท่านมีลับลมคมในหรือ?” หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยถามพร้อมขมวดคิ้วอย่างสงสัย
ชายชุดดำขลิบทองกลับยิ้มเย็น พร้อมกล่าวว่า “พรรคต้าเฟิงของเรา ขอแค่มีหินิญญา จะวางเดิมพันอย่างไรก็ตามแต่ใจท่าน ที่ทุกคนเต็มใจมาเล่นพนันที่นี่ ก็เพราะเห็นว่าเราซื่อสัตย์ยุติธรรม ให้พวกเขาสู้ไป ไม่ต้องกังวล!”
“ขอรับ!” ชายชุดดำกล่าว พร้อมคารวะ
“ถ้าเป็เช่นนั้น ข้าขอวางเดิมพันด้วยหินิญญาระดับสูงสิบก้อน ว่าหมายเลขแปดจะเป็ฝ่ายชนะ!” ชายชุดขาวกล่าว พร้อมะเิหัวเราะทันที
หินิญญาระดับสูงสิบก้อน มีค่าเทียบเท่าหินิญญาระดับกลางหนึ่งพันก้อน หรือหินิญญาระดับต่ำแสนก้อนเลยทีเดียว
ครานี้ หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยลงเดิมพันหนักจริงๆ
หัวหน้าหลี่มองดูอีกฝ่าย ภายในดวงตาปรากฏแววกังวล เนื่องจากตนเปิดโรงพนัน จึงไม่อาจขัดขวางผู้อื่นไม่ให้ชนะได้ การพนันย่อมมีแพ้ชนะ เป็เื่ธรรมดา สิ่งเดียวที่ทำได้ ก็คือวางแผนรับมือในระยะยาว บางที พวกตนอาจต้องปฏิเสธการวางเดิมพัน หากวงเงินสูงเกินไป
อัตราเดิมพันปัจจุบันคือหนึ่งต่อหนึ่ง หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยครานี้ คิดจะชนะ แล้วเอาหินิญญาระดับต่ำหนึ่งแสนก้อนไปจากพรรคต้าเฟิง?
เมื่อมองไปที่ชายชุดขาว หัวหน้าหลี่พลันรู้สึกไม่พอใจทันที ทว่ามิได้เอ่ยสิ่งใด แต่แรงมือที่ขยำสะโพกของเยว่เหยาอยู่นั้นกลับเพิ่มขึ้น
“อ๊ะ!... โอ๊ย” หญิงสาวร้องด้วยความเ็ป
ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป แต่กลับไม่กล้าผลักไสมือของอีกฝ่ายออก เพียงประคองพวงองุ่น และป้อนเขาอีกครั้ง
...
บนสนาม
เมื่อพลังกลับคืนมา กู่ไห่ก็เดินไปที่กลางสนามประลองทันที
อีกด้านหนึ่ง เ้าหน้าบากหมุนดัดคอของตน พร้อมแสยะยิ้ม
“หมายเลขแปด!”
“หมายเลขแปด!”
“หมายเลขแปด!”
นักพนันโดยรอบ ต่างร้องสนับสนุนหมายเลขแปด เพราะในความคิดเห็นของหลายๆ คน การต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกตนระดับแก่นทองคำกับก่อ์นั้น ฝ่ายแก่นทองคำ ย่อมต้องชนะแน่
ในสังเวียนต่อสู้ บางครั้งก็มีกรณีที่ผู้ฝึกตนระดับก่อ์ สังหารระดับแก่นทองคำเช่นกัน แต่เกิดขึ้นน้อยมาก คนส่วนใหญ่ต่างไม่เชื่อจนกว่าจะเห็นด้วยตาของตัวเอง
“ฆ่าหมายเลขหนึ่ง... เร็ว! สังหารหมายเลขหนึ่งเสีย”
เสียงยุยงและโห่ร้องดังอื้ออึง แม้จะมีนักพนันสนับสนุนหมายเลขหนึ่ง แต่เพราะมีจำนวนน้อยมาก เสียงของพวกเขาจึงถูกกลบด้วยเสียงกู่ร้อง “หมายเลขแปด!” ในพริบตา
เกือบทุกคน ไม่เชื่อว่าหมายเลขหนึ่งจะชนะได้
กู่ไห่หันหน้าไปมองที่นั่งพิเศษ
“หมายเลขหนึ่ง... เ้ายังกล้ามองมาทางนี้อีก! ความตายกำลังจะมาเยือนแล้ว ยังไม่รู้ตัว?” หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยเยาะหยัน
“อย่างเพิ่งด่วนสรุป ผลลัพธ์ยังไม่แน่นอน! เหตุใดหัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยถึงได้มั่นใจนัก?” หัวหน้าหลี่กล่าว พร้อมยิ้มเ็า
ขอแค่หมายเลขหนึ่งแพ้ ตนก็ต้องเสียหินิญญาจำนวนมาก นี่ทำให้อารมณ์ของเขามิใคร่ดีนัก
“เยว่เหยา เ้าคิดว่าหมายเลขหนึ่งจะชนะหรือไม่?” ชายชุดดำขลิบทองมองหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่บนตักตัวเอง
เยว่เหยาพยักหน้า โดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองสนามประลอง นางกล่าวอย่างเอียงอาย “เขาจะชนะเ้าค่ะ!”
“ฮ่าๆๆๆ! พูดได้ดี... เยว่เหยาที่รักของข้า ช่างเจรจานัก!” หัวหน้าหลี่เอ่ยชม พร้อมะเิเสียงหัวเราะ
-----------------------------------
[1] สถานที่ชุมนุมของทั้งมัจฉาและพญาั หมายถึงมีกลุ่มคนหลากหลายชนชั้นปะปนกัน
โดยมัจฉา หมายถึงคนธรรมดา ผู้ต่ำศักดิ์ หรือด้อยความสามารถ
ส่วนพญาั หมายถึงผู้สูงศักดิ์ มากความสามารถ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้