เขาอ่อนแอถึงขั้นถูกดูแคลนเพียงนี้ ตอนที่จ้าวจือชิงสอนการต่อสู้ให้พวกเขา เขาดูแคลนไม่สนใจ โชคดีว่าหากมิใช่เพราะอีกฝ่ายบังคับให้เขาฝึกฝนมาสองกระบวนท่า เกรงว่าวันนี้เขาคงไม่มีความมั่นใจจะหนีไปได้จริงๆ
ขณะคิด ลั่วจิ่งเฉินก็หยิบขวดยาสีขาวออกมา จากนั้นจึงทำรูที่หน้าต่างกระดาษเพื่อดูลาดเลาภายนอก
ที่แห่งนี้เงียบสงบอย่างมาก นับั้แ่เขาโดนจับมาขังที่นี่จนถึงตอนนี้ก็ไม่ปรากฏบุคคลใดอีก ด้านนอกประตูมีหลวงจีนเฝ้าอยู่เพียงสองรูป ลั่วจิ่งเฉินจำต้องจัดการกับพวกหลวงจีนที่เฝ้าหน้าประตูให้ได้
ลั่วจิ่งเฉินขว้างกาน้ำในห้องลงไปที่พื้นอย่างแรง เสียงกระเบื้องเคลือบแตกดังปังและดึงดูดความสนใจจากหลวงจีนทั้งสองรูปด้านนอก ทำให้อีกฝ่ายรีบเปิดประตูเข้ามาดูสถานการณ์ภายในห้องที่ขังลั่วจิ่งเฉินเอาไว้
ในจังหวะที่หลวงจีนทั้งสองรูปเข้ามาในห้อง ก็มีผงสีขาวลอยมาในอากาศ เพียงไม่ถึงสองวินาที ร่างของหลวงจีนทั้งสองรูปก็ล้มลงหมดสติไปกับพื้น
ผลลัพธ์ของยาดีเช่นนี้เลยหรือ!
ลั่วจิ่งเฉินรีบออกจากเรือนอย่างไม่ลังเล ระหว่างทางก็ไม่เจอกับหลวงจีนรูปอื่น ตอนนั้นเขาถูกทำให้สลบจึงโดนแยกจากท่านแม่ ดังนั้นตอนนี้เลยไม่รู้ว่าควรไปหาพวกนางที่ไหน
ลั่วจิ่งเฉินเหลือบมองวัดด้านหลัง ไฉนเขาจึงโง่เช่นนี้ ในเมื่อรู้ว่าคนอยู่ในนี้ก็ควรรีบไปแจ้งความกับทางการ หากแต่พอร้อนใจทำให้เขาเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ข้อเท้าก็มีอาการเจ็บแปลบขึ้นมา เมื่อก้มดูก็พบว่าตรงข้อเท้าเริ่มมีรอยบวม ทำให้เขาตระหนักได้ในที่สุดว่าเท้าตนนั้นยังไม่หายดี
ลั่วจิ่งเฉินพยายามฝืนทนต่อความเ็ปที่เกิดขึ้นและเร่งฝีเท้า เพื่อเลี่ยงไม่ให้หลวงจีนจำได้ พอออกจากประตู ลั่วจิ่งเฉินก็สังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินตามหลังชายชรามา ฉับพลันจึงเกิดความคิดดีๆ ขึ้น
ลั่วจิ่งเฉินนั่งลงก่อนจะเริ่มนวดข้อเท้าตัวเองพร้อมกับส่งเสียงร้องโอดโอย
เพราะอยู่ในที่แจ้งชายชราผู้นั้นจึงให้สตรีที่มาด้วยกันเว้นระยะห่างก่อนตัวเองจะเข้ามาถามอาการของชายหนุ่ม
“คุณชายท่านนี้ไม่สบายตรงไหนหรือ?”
เมื่อลั่วจิ่งเฉินเห็นว่าแผนเรียกร้องความสนใจของตัวเองลุล่วงก็รีบโซเซลุกขึ้น ชายชราเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปประคองชายหนุ่ม
“ผู้น้อยไม่ขอปิดบังผู้าุโท่านนี้ ผู้น้อยนั้นมีอาการาเ็ที่ขา วันนี้เดินมากไป จึงได้อยู่ในสภาพน่าสังเวชเช่นนี้ คนในครอบครัวมีธุระด่วนจึงกลับไปก่อน…” เขาอธิบายพร้อมกับรีบขยับไปด้านข้าง “ต้องขออภัยที่ขวางทางผู้าุโ ขออภัยจริงๆ”
ชายชราเห็นว่าชายหนุ่มผู้นี้ช่างมีมารยาทและสวมใส่ชุดบัณฑิต ดูก็รู้ว่าเป็ผู้เล่าเรียน ความสงสัยในใจจึงลดลงไม่น้อย
“คุณหนู คาดว่าคนผู้นี้คงมิได้ตั้งใจจะขวางทางพวกเรา พวกเรารีบไปกันเถอะขอรับ” เดิมทีชายชราคิดว่าชายหนุ่มคือพวกเสเพลที่จงใจรออยู่ที่นี่เพราะลุ่มหลงในความงดงามของคุณหนู พอเห็นว่าอีกฝ่ายมีอาการเจ็บ จึงได้เลิกสงสัย
บทสนทนาเมื่อครู่ของชายชรากับลั่วจิ่งเฉิน เยี่ยนรั่วเสวี่ยได้ยินแล้วจึงบอกกับชายชราว่า “ลุงเยี่ยน ส่งคุณชายท่านนี้ไปก่อน แล้วช่วยหารถม้าให้เขาสักคันด้วย”
เสียงใสกังวานของหญิงสาวดังขึ้นจากด้านข้าง ลั่วจิ่งเฉินอดคิดไม่ถึงว่าเสียงของหญิงสาวคนนี้จะใสดุจสายน้ำเช่นนี้ เพียงแต่เพื่อไม่ให้เป็การเสียมารยาท ลั่วจิ่งเฉินจึงเหลือบมองเพียงรองเท้าเย็บปักด้วยลวดลายดอกไม้ที่เดินผ่านตนเองไป
คนที่ถูกเรียกว่าลุงเยี่ยนดูไม่ค่อยจะยินยอมอย่างเห็นได้ชัด แต่คุณหนูนั้นดื้อดึง จึงให้คุณหนูรออยู่ที่ศาลาไม่ไกลออกไป ส่วนตนเองก็ประคองลั่วจิ่งเฉินออกจากวัด
“ผู้น้อยขอขอบคุณผู้าุโที่ยอมช่วยเหลือ หากวันใดมีเื่ให้ผู้น้อยลั่วจิ่งเฉินช่วย จะต้องตอบแทนบุญคุณเป็แน่”
ลุงเยี่ยนเห็นเขารู้มารยาทเช่นนี้ ความไม่พอใจจึงลดทอนไปกว่าครึ่ง “คุณหนูของข้ายืนกรานจะช่วยเ้า ต้องขอบคุณนางจึงจะถูก”
“แม้เป็เช่นนั้น แต่ชายหญิงล้วนแตกต่าง ทางด้านคุณหนูคงต้องรบกวนผู้าุโช่วยขอบคุณแทน ผู้ที่เอ่ยคือคุณหนู ส่วนผู้ที่ช่วยข้าคือผู้าุโ จิ่งเฉินจะจดจำไว้ในใจ”
“ตามใจเ้า!” ลุงเยี่ยนโบกมือจากไปอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่พอมาถึงตรงหน้าคุณหนูของตน กลับเลียนแบบท่าทางอวดรู้ของลั่วจิ่งเฉิน
“คุณหนูไม่ได้เห็นท่าทางของเขาที่รั้นจะขอบคุณให้ได้ คนไม่รู้คงคิดว่าเป็บุญคุณใหญ่หลวงเพียงใด เ้าหนุ่มนั่นดูหล่อเหลาสะอาดปราดเปรียวนัก แต่ไฉนจึงดูซื่อบื้อ”
เยี่ยนรั่วเสวี่ยได้ยินคำพูดเกินเหตุของลุงเยี่ยน จึงปิดบังรอยยิ้มบนริมฝีปากแดงระเรื่อ
……
ทางด้านลั่วจิ่งเฉินเมื่อออกมาได้ก็ไม่เห็นรถม้าของตนที่เคยจอดอยู่ จึงรู้ว่าจะต้องพึ่งพาตนเองเสียแล้ว ส่วนรถม้าในสถานที่แห่งนี้คือรถของคนรวย
......
ที่เพิงร้านน้ำชา ตู้ิเจวียนกับหลิงชางไห่รอข่าวของสี่เอ๋อร์อย่างกระวนกระวาย ตู้ิเจวียนที่อกสั่นขวัญแขวนอดไม่ได้ที่จะเดินไปมาอยู่ละแวกเพิงร้านน้ำชา
“จิ่งเฉิน!” พอมองไป นางก็เห็นลั่วจิ่งเฉินเดินกะเผลกออกมาจากทางวัด
หลิงชางไห่ได้ยินเสียงอุทานก็รีบวิ่งมาดู “ใช่จิ่งเฉินจริงด้วย”
พวกเขารีบประคองลั่วจิ่งเฉินเข้ามา ก่อนที่หลิงชางไห่จะเริ่มตรวจดูขาของจิ่งเฉิน
ดีที่แค่บวมเพราะใช้ขาเยอะเกินไป พักฟื้นไม่นานเดี๋ยวก็ดีขึ้น
“เร็วเข้า ท่านตา ข้าเจอท่านแม่ที่วัด ตอนนี้นางถูกคนในวัดจับขังไว้”
ลั่วจิ่งเฉินคว้ามือของหลิงชางไห่และรีบบอกเล่าเื่ที่ตนได้พบเจอมา “ท่านแม่น่าจะถูกคนจับตัวมา คนพวกนั้นสมรู้ร่วมคิดกับคนในวัด หากพบเจอคนหลบหนีก็จะถูกคนในวัดจับตัวกลับไปใหม่”
“ข้าไร้ประโยชน์เอง ถึงหาตำแหน่งที่พวกนางถูกขังไม่เจอ”
ระหว่างที่ทั้งหมดคุยกัน หยางหนิงก็พาเ้าหน้าที่มา
“ลั่วจิ่งเฉิน คำพูดของเ้าหมายความว่าอย่างไร?” หยางหนิงมาถึงก็ได้ยินคำว่าพวกนาง หรือว่าคนที่ถูกจับจะไม่ได้มีเพียงแค่ลั่วชีเหนียง
“ท่านแม่อยู่กับหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง รวมกันแล้วน่าจะมีราวสิบคน ข้าสงสัยว่าคนกลุ่มคนนั้นคือกลุ่มคนที่ลักพาตัวหญิงสาวมาขาย” ลั่วจิ่งเฉินบอกเล่าการคาดเดาของตนออกมา จากนั้นบอกว่าตนพบห้องใต้ดินได้อย่างไรและเห็นชีเหนียงที่อยู่ในห้องใต้ดินอย่างไรบ้าง
คนทั้งหมดได้ฟังถึงกับใ ใครจะคิดว่าวัดเฉิงเอินที่เป็สถานที่ปฏิบัติธรรมกลับทำเื่ต่ำช้าในที่ลับอย่างการค้าขายมนุษย์
เพียงแต่วัดเฉิงเอินค่อนข้างมีอิทธิพลในระยะร้อยลี้ [1] หากไม่มีความมั่นใจมากพอ หยางหนิงเองก็ไม่กล้าทะเล่อทะล่าส่งทหารเข้าไปตรวจสอบ
“จำต้องคิดหากลยุทธ์ที่ครอบคลุม อีกอย่างตอนนี้ห่างจากเวลาที่เ้าเจอกับชีเหนียงราวหนึ่งชั่วยาม ทำให้เพียงพอที่วัดเฉิงเอินจะทำการเคลื่อนย้ายคน”
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดหากลยุทธ์รับมือ ทันใดนั้นก็เห็นคนตัวสูงใหญ่ผู้หนึ่งขี่ม้ามาบนทางหลวงมุ่งหน้าสู่วัดเฉิงเอิน
“นั่นมัน…”
“นั่นมันจ้าวจือชิงมิใช่หรือ?”
หยางหนิงมองดูจ้าวจือชิงที่จากไปไกลและหันกลับมามองหลิงชางไห่กับลั่วจิ่งเฉินด้วยความสงสัย หากแต่ทั้งสองคนก็หาได้รู้เื่ไม่
ขณะเดียวกัน ก็มีคนผู้หนึ่งยื่นกระดาษให้หยางหนิง จากนั้นก็รีบวิ่งตามจ้าวจือชิงไป หยางหนิงรีบเปิดออกอ่าน ฉับพลันจึงออกคำสั่ง “ทุกคนตามข้าไปจับหลวงจีนชั่วในวัดเฉิงเอิน”
การมาของทหาร ทำให้เหล่าผู้คนที่กำลังกราบไว้อยู่ในวัดเฉิงเอินต่างพากันใ
จ้าวจือชิงหิ้วตัวชายร่างใหญ่ไว้หนวดเคราไปยังวัดเฉิงเอิน ส่วนหยางหนิงเองก็พาทหารเดินตามเขาไป
หลังจากตามไปก็เจอห้องใต้ดินที่ลั่วจิ่งเฉินพูดถึง เพียงแต่เมื่อเข้าห้องใต้ดินไป กลับเจอแค่โจรที่ถูกทุบจนหมดสติและถูกจับมัดไว้ ไม่เห็นคนที่อยากเห็น จ้าวจือชิงโยนชายร่างใหญ่ทิ้งก่อนจะปล่อยกำปั้นใส่หน้าเขาเต็มแรงหนึ่งที ฉับพลันก็มีเืไหลออกจากปากของคนผู้นั้น
“คนล่ะ? อยู่ที่ไหน?”
ชายร่างใหญ่ส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้คนถูกจับขังไว้ที่นี่จริงๆ นอกเสียจากว่าพวกนางจะหนีไปแล้ว”
“หนีไปแล้ว?”
หยางหนิงเห็นดังนั้นก็รีบเอ่ย “จากที่ลั่วจิ่งเฉินบอกเล่า ชีเหนียงกับคนที่เหลือหนีออกจากห้องใต้ดินสำเร็จ เพียงแต่พอออกจากห้องใต้ดินก็ถูกหลวงจีนจับตัวไว้”
ขณะพูดก็มีคนมารายงาน
“ใต้เท้า หลวงจีนในวัดเฉิงเอินมาถึงหมดแล้วขอรับ”
“ดี เช่นนั้นข้าจะไปสอบถามว่าตกลงใครกันที่มอบความกล้าให้พวกเขาคุมขังผู้คนตามอำเภอใจเช่นนี้”
หยางหนิงพูดพร้อมกับลากจ้าวจือชิงมากระซิบบางอย่างข้างหู ทั้งสองคิดเห็นตรงกัน
-----
[1] หนึ่งลี้ เท่ากับ ห้าร้อยเมตร