เขาเดินไปยังประตูห้องด้านข้างอย่างยากลำบาก เอ่ยเรียกอย่างอ่อนแรง “อวี๋เจียว อวี๋...เจียว...”
อวี๋เจียวรีบเดินมาเปิดประตูทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกแ่เบานั้น ครั้นเห็นท่าทางเ็ปทรมานและดวงหน้าไร้สีเืของอวี๋ฉี่เจ๋อ นางจึงรีบเข้าไปประคองเขาโดยพลัน เมื่อประคองเขาเข้าไปนอนบนเตียงในห้องแล้ว อวี๋เจียวรีบยื่นมือไปจับชีพจรของเขาทันที
อวี๋ฝูหลิงใจนหน้าถอดสี มือไม้ลนลานอยู่ด้านข้างโดยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร
“น้องเล็กเป็อะไรงั้นหรือ?” อวี๋ฝูหลิงเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็กังวล
“ไม่ต้องกังวล ในร่างกายของเขาสะสมกากพิษเอาไว้ไม่น้อย ถึงยามนี้เืลมจะผิดปกติ แต่แค่อาเจียนออกมาก็จะดีขึ้นแล้ว” แม้จะกล่าวเช่นนี้ ทว่าอาการกำเริบของกากพิษในร่างของอวี๋ฉี่เจ๋อหนักหนากว่าที่นางคาดไว้ ไม่รู้ว่าเป็เพราะเหตุใดชี่ของจุดตันเถียนจึงแปรปรวน อวี๋เจียวไม่แสดงสีหน้าใด เอ่ยกับอวี๋ฝูหลิงเสียงเบาว่า “เ้าไปตักน้ำร้อนมาหนึ่งอ่าง”
อวี๋ฝูหลิงตักน้ำร้อนมาหนึ่งอ่างอย่างรวดเร็ว อวี๋เจียวใช้ผ้าเช็ดหน้าจุ่มลงในอ่างน้ำจนเปียกแล้วซับเหงื่อบนหน้าผากของอวี๋ฉี่เจ๋ออย่างนุ่มนวล เอ่ยกับอวี๋ฝูหลิงที่อยู่ด้านข้างว่า “ไปเอาล่วมยามา”
อวี๋เจียวลุกขึ้นเดินกลับห้อง นางค้นเอาโสมร้อยปีที่ขุดได้จากบนเขาออกมา เพราะก่อนหน้านี้ใส่ลงในยาต้มเพื่อบำรุงร่างกายของอวี๋ฉี่เจ๋อ โสมจึงถูกหั่นไปจนเกือบหมด อวี๋เจียวเอาส่วนรากที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดกลับมายังห้องด้านใน
อวี๋ฝูหลิงรีบเอาล่วมยามาจากห้องโถง อวี๋เจียวส่งเทียบยาที่จัดเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ให้อวี๋ฝูหลิง บอกให้นางเอาไปต้ม
หลังจากนั้นหยิบกระเป๋าเข็มออกมา เอ่ยกับอวี๋ฉี่เจ๋อผู้มีสีหน้าซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงอย่างอ่อนโยนว่า “ทรมานมากใช่หรือไม่? ข้าจะใช้เข็มเงินช่วยบรรเทาความเ็ปให้ท่าน จะได้รู้สึกดีขึ้นสักหน่อย อดทนอีกนิด รอกระทั่งอาเจียนเอากากพิษออกมาก็จะดีขึ้นแล้ว”
อวี๋ฉี่เจ๋อทอดมองนาง แม้ดวงหน้าหล่อเหลาจะฉายแววเ็ปทรมาน ทว่าดวงตาดอกท้อเรียวยาวยังคงฉาบไปด้วยความอ่อนโยน เขาพยักหน้ารับเบาๆ
หลังจากอวี๋เจียวหยิบเข็มขึ้นมา นางจึงค่อยรู้ตัวว่าเมื่อครู่พลั้งปากเอ่ยถึงกากพิษ แต่เมื่อเห็นอวี๋ฉี่เจ๋อไม่มีท่าทีใด อาจเป็เพราะเ็ปจนไม่ทันสังเกต สีหน้าของอวี๋เจียวจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางใช้มือเพียงข้างเดียวปลดอาภรณ์ท่อนบนของอวี๋ฉี่เจ๋อก่อนจะดึงออกไปจนเผยให้เห็นแผงอก ส่วนมืออีกข้างหนึ่งหยิบเข็มเงินฝังลงไปตามจุดต่างๆ บนร่างของเขา
หลังฝังเข็มไปกว่าสิบเข็ม เวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป สีหน้าของอวี๋ฉี่เจ๋อค่อยดีขึ้นเล็กน้อย กลับมามีเืฝาดอีกครั้ง เขาหลุบตาลงมองปลายนิ้วมือเกลี้ยงเกลาที่กำลังคีบเข็ม ยังคงมีกะจิตกะใจเอ่ยวาจาหยอกล้อว่า “ตอนนี้เ้าเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของข้าแล้ว ภายหน้าเ้าต้องเป็เพียงคนของข้าเท่านั้น”
อวี๋เจียวไม่ทันตั้งตัวรับกับอารมณ์ขันของเขา นางชำเลืองมองแผงอกขาวผ่องดุจหยกของอวี๋ฉี่เจ๋อ เมื่อครู่ตอนฝังเข็มไม่รู้สึกอะไร ครั้นถูกอวี๋ฉี่เจ๋อเกี้ยวพาเช่นนี้ ใบหน้าพลันเห่อร้อน นางเหลือบมองหน้าท้องแบนราบของอวี๋ฉี่เจ๋อเล็กน้อย จากนั้นแสร้งเอ่ยราวกับไม่นึกสนใจว่า “กระทั่งกล้ามท้องก็ยังไม่มี ร่างกายอ่อนแอขี้โรคเช่นนี้ไม่เห็นจะมีอะไรน่ามอง เมื่อก่อนบอกให้ท่านมอบกายถวายชีวิตให้ข้า ท่านปฏิเสธ ยามนี้ข้ากลับไม่นึกเสียดายแล้ว!”
“หากเ้าชอบกล้ามท้อง รอกระทั่งร่างกายหายดี ข้าจะฝึกฝนร่างกาย เมื่อก่อนข้าไม่รู้ประสา ยามนี้นึกเสียใจภายหลังยิ่งนัก หวังว่าแม่นางจะหวนมาดูแลเอาใจใส่ อย่าได้ใจจืดใจดำทำให้ข้าต้องผิดหวัง” อวี๋ฉี่เจ๋อเอ่ยพลางยกยิ้มบาง ทำให้ใบหน้าที่ปกติหล่อเหลาเ็ายิ่งน่ามองกว่ายามปกติ ความน่าเอ็นดูยามไม่สบายพุ่งสูงจนทำให้ผู้อื่นนึกอยากรังแก
อวี๋เจียวกดข่มความคิดชั่วช้าไว้ในใจ ใบหน้าแดงระเรื่อขณะชำเลืองมองเขาครู่หนึ่ง น้ำเสียงที่พูดนุ่มนวลยิ่งนัก “มัวเบิกบานอันใด? ไม่เจ็บไม่ทรมานแล้วหรือ?”
ริมฝีปากของอวี๋ฉี่เจ๋อยังซีดเซียว แต่ครั้นเห็นพวงแก้มของอวี๋เจียวมีสีแดงระเรื่อ เขากลับรู้สึกคันยุบยิบอยู่ในใจ ในดวงตาดอกท้อมีเกลียวคลื่นซัดสาด คลี่ยิ้มไปจนถึงดวงตาเอ่ยเสียงเบาว่า “เจ็บสิ แต่ถ้าได้เ้ามาเอาอกเอาใจ ข้าก็อาจจะดีขึ้นไม่น้อย”
ครั้นเห็นเขาเริ่มทำตัวเหลวไหลขึ้นเรื่อยๆ อวี๋เจียวพลันถลึงตาใส่เขาไปหนึ่งที “ท่านสงบเสงี่ยมสักหน่อย มีเหตุผลอะไรที่น้องสาวต้องไปเอาอกเอาใจพี่ชายกัน?”
อวี๋ฉี่เจ๋อยกยิ้มบาง ภรรยาของเขาจะกลายเป็น้องสาวได้อย่างไร? เมื่อนึกถึงยามที่อวี๋เจียวเรียกเขาว่าพ่อรูปหล่อด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า จึงเอ่ยเสียงเบาว่า “ในเมื่อเป็พี่ชาย เ้าก็ควรจะเรียกข้าว่าพี่ชาย”
อวี๋เจียวจะพูดออกมาได้อย่างไร ไม่พูดถึงว่าในใจของนางเห็นอวี๋ฉี่เจ๋อเป็เพียงหนุ่มน้อย แต่ด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ของเขา นางจะฟังไม่ออกได้อย่างไรว่ากำลังถูกเขาหยอกล้อ
อวี๋ฉี่เจ๋อเห็นนางก้มหน้าไม่เอ่ยสิ่งใด ใบหน้าเล็กฉายแววเขินอาย ในใจนึกขบขัน รอยยิ้มในดวงตายิ่งทวีขึ้นกว่าเดิม แต่เพียงชั่วพริบตากลับขมวดคิ้วเป็ปม ความเ็ปก่อตัวขึ้นในอวัยวะตันทั้งห้าและอวัยวะกลวงทั้งหก [1] เจ็บจนเขาทำได้เพียงส่งเสียงอยู่ในลำคอ
อวี๋เจียวยกกระโถนไปไว้บนหัวเตียง จากนั้นเตรียมผ้าสะอาดอีกหนึ่งผืน
อวี๋ฉี่เจ๋อรู้สึกเพียงเืลมปั่นป่วน ในลำคอมีกลิ่นคาวตีขึ้นมา เขาเอื้อมมือออกไปคว้ากระโถนก่อนจะอาเจียนเืสีดำคล้ำออกมา
อวี๋เจียวยื่นมือออกไปลูบหลังเขาเบาๆ อวี๋ฉี่เจ๋ออาเจียนออกมาเป็เวลาพักหนึ่ง จนกระทั่งใบหน้ามีเืฝาด เืสีคล้ำที่อาเจียนออกมาเริ่มเปลี่ยนเป็สีแดงจึงค่อยรู้สึกว่าก้อนคาวในอกถูกอาเจียนออกมาจนหมดแล้ว
อวี๋เจียวไม่ได้อยู่เฉย นางรีบส่งน้ำเปล่าให้อวี๋ฉี่เจ๋อบ้วนปาก จากนั้นใช้ผ้าสะอาดซับคราบสิ่งสกปรกตรงริมฝีปากให้เขา แล้วรีบเอารากโสมที่เหลือยัดใส่ปากของอวี๋ฉี่เจ๋อ เอ่ยกำชับว่า “เคี้ยวให้แหลกแล้วค่อยๆ กลืน”
หลังอาเจียนเอากากพิษออกมาเช่นนี้คงทำให้เืลมของอวี๋ฉี่เจ๋อพร่องไปไม่น้อย จำต้องพึ่งโสมโบราณที่เหลือนี้เพื่อบำรุงเืลมและช่วยชีวิตของอวี๋ฉี่เจ๋อ
เืฝาดบนใบหน้าของอวี๋ฉี่เจ๋ออยู่ได้เพียงไม่นานก็จางหายไป กลับกลายเป็ใบหน้าซีดขาวเช่นคนป่วยจนน่าใ อวี๋ฝูหลิงยกยาต้มที่ต้มเสร็จเรียบร้อยแล้วเข้ามา เมื่อเห็นท่าทางไร้ชีวิตของอวี๋ฉี่เจ๋อ นางใจนถึงกับน้ำตาไหลออกมา
สตรีแซ่ซ่งกับอวี๋เมิ่งซานต่างทำงานอยู่ข้างนอก ไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์เหล่านี้ มิเช่นนั้นเกรงว่าคงเป็ห่วงลนลานไปหมดเสียแล้ว
อวี๋เจียวรับถ้วยยามาจากมือของอวี๋ฝูหลิง เมื่อเห็นอวี๋ฉี่เจ๋ออ่อนเพลียจนไม่อาจยกมือ นางจึงใช้กระบวยตักยาขึ้นจรดริมฝีปากของเขา
หลังจากกระอักเืออกมาถึงเพียงนั้น อวี๋ฉี่เจ๋อแทบจะสิ้นสติแต่ยังคงพยายามฝืนประคองเอาไว้ด้วยจิตใจอันแน่วแน่ เขาอ้าปากเพื่อกลืนยาต้มที่อวี๋เจียวป้อนมาลงไป
ครั้นกินยาต้มหมดแล้ว อวี๋เจียวส่งถ้วยยาคืนให้อวี๋ฝูหลิงแล้วช่วยซับริมฝีปากให้อวี๋ฉี่เจ๋อ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “หลับตานอนพักสักครู่เถิด ผ่านการทรมานครั้งนี้ ภายหน้าร่างกายของเ้าก็จะดีขึ้นหลังได้รับการบำรุงรักษา”
เบื้องหน้าของอวี๋ฉี่เจ๋อพลันดำมืด เขาฝืนทนไม่ไหวอีกต่อไป หลังได้ฟังคำกล่าวนี้ของอวี๋เจียวจึงหลับตาลงอย่างว่าง่าย เพียงไม่นานก็จมเข้าสู่ห้วงนิทรา
ครั้นเห็นอวี๋ฝูหลิงยังคงน้ำตาไหลพราก อวี๋เจียวจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ไม่ต้องร้องแล้ว ภายหน้าอาการป่วยของเขาก็จะหายเป็ปลิดทิ้ง ร่างกายจะแข็งแรงไม่ต่างจากคนปกติทั่วไป”
อวี๋ฝูหลิงใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา นางพยักหน้าเอ่ยจากใจจริงว่า “ได้ ข้าจะไม่ร้องแล้ว อวี๋เจียว บุญคุณที่เ้าช่วยน้องเล็กไว้ ข้าจะจดจำไปชั่วชีวิต”
อวี๋เจียวหัวเราะ “ข้าจะเฝ้าเขาเอง ประเดี๋ยวเ้าช่วยยกข้าวมาให้ข้าในห้องทีเถิด”
อวี๋ฝูหลิงขานรับ นางวางใจอย่างยิ่งที่อวี๋เจียวคอยเฝ้าอวี๋ฉี่เจ๋อ จากนั้นจึงยกถ้วยยาเดินออกไปข้างนอก
ครั้นอวี๋เจียวเห็นอวี๋ฉี่เจ๋อนอนหลับสนิทจึงถอนเข็มออกจากแผงอกของเขาแล้วเก็บเข้ากระเป๋าเข็ม จัดการเก็บกวาดภายในห้องให้เรียบร้อยแล้วนั่งลงข้างโต๊ะ รวบรวมตำราหมอที่เขียนเสร็จแล้วมาเข้าเล่ม วันพรุ่งนี้นางเตรียมจะเดินทางเข้าตำบลและจะถือโอกาสส่งไปให้เจียงชิงเหอที่สำนักหุยชุน
หลังจากสตรีแซ่ซ่งทำกับข้าวเสร็จ อวี๋ฝูหลิงยกอาหารเข้ามาส่งอวี๋เจียวถึงในห้อง เพราะเกรงว่าท่านพ่อท่านแม่จะเป็ห่วงจึงไม่ได้บอกเื่ที่อวี๋ฉี่เจ๋อกระอักเื บอกแค่ว่าอวี๋ฉี่เจ๋ออ่านตำราจนเหน็ดเหนื่อยและพักผ่อนไปแล้ว
สตรีแซ่ซ่งกับอวี๋เมิ่งซานไม่นึกสงสัยจึงถูกปิดบังมาโดยตลอด
เดิมทีอวี๋เจียวกลัวว่าหลังจากอวี๋ฉี่เจ๋อตื่นขึ้นมาจะท้องว่าง นางจึงใช้หมอต้มยาต้มข้าวต้มบำรุงร่างกายให้เขาเป็พิเศษ ผลคือเฝ้าไข้จนถึงครึ่งค่อนคืน นางกลับง่วงงุนจนหนังตาแทบจะปิดเข้าหากัน ทว่าอวี๋ฉี่เจ๋อก็ยังไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมา นางคอยจับชีพจรให้เขาหลายต่อหลายครั้ง เมื่อมั่นใจว่าอวี๋ฉี่เจ๋อแค่นอนหลับลึก นางจึงยอมปิดเปลือกตาเอนกายพิงขอบเตียงพักผ่อนชั่วครู่
.......
เชิงอรรถ
[1] อวัยวะตันทั้งห้าได้แก่ ม้าม ปอด ไต ตับ หัวใจ และอวัยวะกลวงทั้งหกแก่ กระเพาะ ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ซันเจียว กระเพาะปัสสาวะ ดี
