หลี่เคอกลับนั่งจิบชาอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ เขามีนิสัยไม่เหมือนสหายรักสนุกเบื้องหน้า เขาที่มีตำแหน่งอยู่ในสำนักฮั่นหลินโดยใช้ความสามารถของตนเดินมาถึงตำแหน่งนี้ ทว่าที่เขารวมตัวอยู่ที่นี่กับทุกคนก็เป็เพราะเขาเคยร่วมดื่มสุรากับพวกเขาในครั้งที่แล้ว
ข้างกายเขามีคุณชายน้อยรูปร่างอวบคนหนึ่ง อีกฝ่ายจับมือหลี่เคอชี้ขนมอวี้เตี๋ยซูเบื้องหน้าของเขาพร้อมกล่าวขึ้น “พี่ใหญ่หลี่ ท่านทานไหม? ไม่ทานข้าจะทานหมดแล้วนะ”
“ฉินชิง เ้าไม่ควรทานแล้วจริงๆ ใกล้จะถึงอาหารเที่ยงแล้ว” หลี่เคอมองเขาชั่วครู่ เขากล่าวด้วยใบหน้าแฝงรอยยิ้ม
เ้าอ้วนได้ยินแล้วจึงมองอวี้เตี๋ยซูชิ้นสุดท้ายในจานใบเล็กอย่างอาลัยอาวรณ์เขาไม่ได้กล่าวโน้มน้าวคนอื่นเท่านั้น แต่เขากล่าวโน้มน้าวตัวเองด้วย“ถึงอย่างไรก็ทานไปตั้งเยอะแล้ว จะทานเพิ่มอีกสักชิ้นก็ไม่ถือว่าเยอะจะทานน้อยลงอีกสักชิ้นก็ไม่ถือว่าน้อย”
หลี่เคอฝืนยิ้มส่ายศีรษะ
เวลานี้ประตูห้องถูกเคาะ ผู้ที่นั่งอยู่แต่เดิมต่างลุกขึ้นยืนเมื่อประตูถูกเปิดออกแล้ว พวกเขาจึงเห็นกงอี่โม่ในชุดบุรุษตามที่คาดการณ์ไว้
เวลานี้กงอี่โม่สวมชุดยาวสีขาวนวลแบบบุรุษนางรวบผมด้วยมงกุฎหยกเล็กๆ ใบหน้าน้อยๆ ของนางขาวใส ริมฝีปากกระจุ๋มกระจิ๋มทำให้นึกถึงบุตรชายคนเล็กในตระกูลใหญ่ที่ถูกเลี้ยงดูเป็อย่างดีตอนนี้นางทำความเคารพแบบจั้วอีให้กับทุกคน นางกล่าวยิ้มๆ
“ข้ากงอี่โม่คารวะท่านพี่ทุกท่าน”
การกระทำเช่นนี้ของนางทำให้ใครหลายๆ คนรู้สึกกดดันจนก้าวถอยหลัง
“เพิ่งรู้ว่าองค์หญิงในชุดบุรุษดูสง่างามยิ่งกว่าช่างเป็สตรีที่ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษจริงๆ” หลี่เคอหรี่ตาพิจารณาจากนั้นจึงกล่าวขึ้น
กงอี่โม่โบกมือ นางทักทายพวกเขาทีละคน จากนั้นจึงกล่าวขึ้น“พวกเราอย่าทำตัวมากพิธีแบบนี้เลย ซื่อจื่อบอกว่าจะพาข้าออกมาเที่ยวหากไม่สนุกข้าจะเอาเื่พวกท่านนะ”
เมื่อนางกล่าวเช่นนี้ เด็กหนุ่มทั้งหลายต่างมองหน้าซึ่งกันและกันสวีหยวนลูบปลายคางกล่าวขึ้น “หากเป็ปกติข้าไม่กล้ารับรองแต่องค์หญิงมาที่นี่ในวันนี้ถือว่ามาได้ถูกต้องแล้วจริงๆ”
“เมืองหลวงของพวกเรามีสาวงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงแต่สำหรับชาวบ้านแล้วยังมีสาวงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าด้วยนะนางติดตามขบวนรถเดินทางมาถึงที่นี่ วันนี้เป็ครั้งแรกที่ขึ้นเวทีในเมืองหลวงมีคนจำนวนมากมาที่นี่เพราะ้าชื่นชมนาง” อวี้จื่อชิงส่งยิ้มอย่างมีเลศนัย
เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ กงอี่โม่จึงรู้สึกสนใจมากขึ้นชาติก่อนนางไม่เคยได้ยินว่าในเมืองหลวงยังมีบุคคลเช่นนี้อยู่ นางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีลักษณะเช่นไรจึงจะสมกับฉายาอันดับหนึ่งในใต้หล้า
“แต่เป็เหตุการณ์ใน่กลางคืน ตอนนี้พวกเรามาคุยเื่สำคัญก่อน”อวี้จื่อชิงส่งสายตาสื่อสารกับคนอื่น พวกเขาต่างนั่งลงบนที่นั่งของตน
เมื่อได้กลิ่นหอมจากชาเสวี่ยซานหยาเบื้องหน้ากงอี่โม่จึงหรี่ตาดื่มด่ำ ทว่านางเห็นคนอื่นต่างมองมาที่นางท่าทางเหมือนไม่รู้จะเริ่มเอ่ยปากเช่นไร ส่วนเ้าอ้วนกลับหยิบขนมชิ้นสุดท้ายขึ้นมากัดเขากล่าวน้ำเสียงอู้อี้
“เห็นพวกท่านเกรงใจเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะพูดแล้วนะองค์หญิงจาวหยาง พวกเราปรึกษากันแล้วพวกเขาจะติดตามท่านและองค์รัชทายาทไปขุดคลองขนส่ง”
กงอี่โม่นิ่งงันไปเล็กน้อย
ที่แท้หลายวันก่อนเมื่อพวกเขารู้ข่าวนี้แล้ว คนในตระกูลจึงตัดสินใจพวกเขาเหล่านี้มีพี่ชายที่มีความสามารถ แต่ตัวเองเป็บุตรชายของขุนนางที่มีฐานะสูงส่งแต่ไม่มีอะไรทำเป็ชิ้นเป็อันเดิมทีพวกเขาไม่ได้สนใจโครงการนี้ แต่เพราะคนในตระกูลบีบให้พวกเขาไปพวกเขาจึงทำอะไรไม่ได้
ทว่าภายหลังรู้ว่าผู้ที่เสนอโครงการนี้คือองค์รัชทายาทส่วนตอนนี้กงอี่โม่ก็อยู่กับองค์รัชทายาท ดังนั้นองค์รัชทายาทไปที่ไหนนางก็ย่อมติดตามไปด้วยเช่นกัน
เมื่อคิดว่ามีโอกาสเดินทางลงทักษิณร่วมกินร่วมดื่มกับกงอี่โม่สถานการณ์เช่นนี้ก็ดูเหมือนว่าไม่ใช่เื่ที่แย่เลย
ผู้ร่วมเดินทางครั้งนี้มีจำนวนจำกัด เดิมที่พวกเขาไม่ได้อยากไปทว่าเมื่อได้ยินเื่นี้แล้วพวกเขาจึงเปลี่ยนใจหลังจากปรึกษากันแล้วจึงเชิญนางมาเพื่อติดต่อเป็การส่วนตัวก่อน
ทุกคนคิดไปในทางเดียวกันจริงๆ กงอี่โม่แอบยิ้มอยู่ในใจพวกเขามาโดยที่นางไม่ต้องเปลืองแรง
“การเดินทางครั้งนี้ลำบากยิ่งนัก อีกทั้งยังเดินทางยาวไกลใช้เวลายาวนาน พวกท่านตัดสินใจแล้วจริงๆ หรือ?” ใบหน้าของนางกลับแสดงสีหน้าลังเลเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดจึงพยักหน้าทว่ากงอี่โม่กลับขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“พวกท่านตามไปแล้วจะทำอะไรได้บ้างล่ะ?”
คำพูดของนางทำให้คนอื่นชะงักไปชั่วครู่เดิมที่คนในตระกูลกล่าวไว้ว่ามีงานดีๆ งานหนึ่ง ขอแค่พวกเขาติดตามไป กินดีอยู่ดีไปเที่ยวเล่นเต็มที่ พอกลับมาก็จะได้เลื่อนตำแหน่งมีงานดีๆ ทว่าเมื่อกงอี่โม่ถามพวกเขาว่าทำอะไรได้บ้างทุกคนในที่แห่งนี้จึงนิ่งงัน นอกจากกินดื่มเที่ยวเล่นแล้ว พวกเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้อีก
เวลานี้มีเพียงหลี่เคอกล่าวขึ้น “ตอนนี้ข้าเป็ฮั่นหลินเปียนซิวรับผิดชอบการจัดทำตรวจสอบเกี่ยวกับสภาพแม่น้ำูเาข้าจึงอ่านหนังสือเกี่ยวกับด้านนี้จำนวนมาก ดังนั้นข้าน่าจะสามารถช่วยเื่การหาแหล่งน้ำและตำแหน่งในการขุดได้”
กงอี่โม่พยักหน้า จากนั้นจึงหันไปมองพวกเขาเมื่อถูกกงอี่โม่กวาดตามองด้วยสายตาราบเรียบ คนอื่นๆ จึงรู้สึกขัดเขินทว่าต่อให้พวกเขาพยายามเค้นสมองมากเท่าใด พวกเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้าง
เมื่อเห็นพวกเขามีท่าทางกดดัน กงอี่โม่พลันหลุดหัวเราะออกมา
“คนในตระกูลของพวกท่านคงบอกให้พวกท่านออกมาเที่ยวเล่นใช่ไหมล่ะ?”
คำพูดของนางทำให้ใครหลายๆ คนขัดเขินยิ่งกว่าเดิมเพราะพวกเขาเตรียมตัวออกไปเที่ยวเล่นจริงๆ เสียด้วย
“ข้าทานเป็อย่างเดียว แต่ข้าเป็คนว่าง่าย ขอแค่มีของดีๆให้ข้าทาน บอกให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น” เวลานี้เ้าอ้วนฉินชิงกำลังมองกงอี่โม่อย่างนิ่งงัน เขากล่าวขึ้น
คำพูดของเขาทำให้อีกสองคนที่เป็คนร่าเริงต่างกล่าวออกมา “ใช่ ใช่พวกเราก็เป็คนว่าง่าย หากมีจุดที่พวกเราช่วยได้ ขอแค่เอ่ยปากก็พอท่านว่าแบบนี้ได้ไหม?”
กงอี่โม่กะพริบตา นางทำท่าครุ่นคิด
“เป็คนว่าง่ายหรือ?”
พวกเขาต่างพยักหน้าหงึกๆท่าทางพร้อมเพรียงเช่นนี้ทำให้กงอี่โม่แทบกลั้นหัวเราะไม่ไหว
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็พวกท่านก็แล้วกันใครใช้ให้พวกเราเคยดื่มสุราด้วยกันล่ะ?”
คำพูดของนางทำให้เด็กหนุ่มทั้งหลายต่างดีใจผิดปกติเวลานี้กงอี่โม่หันไปมองทางเซินสือเย่ “ท่านล่ะ ท่านยินดีไปกับข้าไหม?”
เซินสือเย่ไม่ได้เอ่ยปากั้แ่แรกอยู่แล้วเขาทำท่าเหมือนคนมีเื่ในใจ เมื่อได้ยินกงอี่โม่เอ่ยถามเช่นนี้เขาจึงหลุบตาลงส่ายศีรษะ
กงอี่โม่หุบยิ้ม นางกล่าวผิดไปแล้ว เซินสือเย่เป็ซื่อจื่อเขาจะตามคนอื่นไปขุดคลองขนส่งที่ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะขุดเสร็จได้อย่างไร
ดังนั้นทุกคนจึงข้ามประเด็นนี้โดยไม่มีการกล่าวถึงอีก
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงอย่างรวดเร็ว ในหอจึงเริ่มคึกคักขึ้นมาอีกทั้งหาที่นั่งได้ยากมาก ไม่ว่าที่ใดก็ล้วนเต็มไปด้วยศีรษะคน
“ช่างคึกคักจริงๆไม่รู้ว่าสาวงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าจะงามมากเพียงใดเมื่อเทียบกับสาวงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงของพวกเราไม่รู้ว่าจะเหนือกว่าที่ตรงไหน” กงอี่โม่นั่งที่นั่งพิเศษอยู่ชั้นสอง นางมองผู้คนในชั้นหนึ่งอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
แสงไฟส่องสว่างกลางเวทีบริเวณชั้นหนึ่งเป็จุดเดียวอีกสักครู่สาวงามอันดับหนึ่งจะปรากฏตัวอยู่ที่นี่
ท่ามกลางเสียงอื้ออึงของผู้คน บรรยากาศคึกคักขึ้นเรื่อยๆเวลานี้เหลาเป่าเดินนวยนาดขึ้นเวทีนางยิ้มอย่างมีเสน่ห์โดยไม่สนใจเสียงโห่ร้องของผู้คน
“ข้ารู้ว่าทุกคนไม่อยากเห็นข้าแต่ข้ามาเพื่อส่งต่อคำพูดของสาวงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า”
คำพูดของนางได้รับการตอบสนองจากผู้คนอย่างอบอุ่น
“รีบเรียกนางออกมา รอไม่ไหวแล้ว”
“แม่นางกล่าวอะไรหรือ รีบบอกมาเร็ว”
เมื่อเห็นผู้คนมีปฏิกิริยาเช่นนี้เหลาเป่าจึงป้องปากหัวเราะ “ไม่มีอะไร แม่นางเดินทางไกล เห็นว่าเมืองหลวงเจริญมากอีกทั้งยังมีคุณชายมากมายมาให้กำลังใจเช่นนี้ แม่นางจึงรู้สึกเขินอาย ดังนั้นแม่นางจึงขอเชิญคุณชายที่อายุน้อยที่สุดร่วมบรรเลงเพลงกับนางนางจะได้เพิ่มความกล้า หวังว่าทุกท่านจะเห็นใจ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้