“สำนักภูตผีและสำนักโลหิตเข้าไปในโลกมายามรกต นอกจากพวกเราแล้ว คนอื่นๆ... น่าจะตายกันหมดแล้ว” เจียงหลิงจูถอนหายใจกล่าว
เมื่อคำพูดนี้ดังออกมา อันซืออี๋ ลี่ฝาน ซางปิ่งและหญิงชราเวิงที่เฝ้ารอกันอยู่ตรงทะเลสาบมานานก็พลันหน้าเปลี่ยนสี
“สำนักภูตผี! สำนักโลหิต!” ซางปิ่งคำรามเคียดแค้นเสียงดังะเืเลื่อนลั่น
หยวนเฟิงนั้นคือลูกศิษย์อันเป็จุดศูนย์กลางที่หุบเขาเทามองเป็ “เมล็ดพันธ์” หุบเขาเทาได้ลงทุนยาและอาวุธวิเศษไปเป็จำนวนมากกับตัวของหยวนเฟิง พวกเขาเลี้ยงดูและอบรมหยวนเฟิงเป็ดั่งแม่ทัพในอนาคตของหุบเขาเทา
ในสายตาของพวกเขา หยวนเฟิงสำคัญยิ่งกว่าพวกอวิ๋นซงและเก้าคนนั้นมากมายนัก!
การตายของหยวนเฟิง หุบเขาเทาไม่มีทางยอมรับได้เด็ดขาด!
เนี่ยเทียนที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคน มองเห็นซางปิ่งที่คำรามกร้าวก็แอบหวาดผวาอยู่ในใจ
เวลานี้เขาแอบเหล่มองเจียงหลิงจูหนึ่งครั้ง ในใจเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
เขารู้ว่าหากเจียงหลิงจูไม่ได้เอาธงผืนนั้นไปจากมือของเขา พอเขาออกมาจากโลกมายามรกต เกรงว่าซางปิ่งแห่งหุบเขาเทาคงััได้ทันทีทันใด
ยิ่งซางปิ่งเจ็บแค้นเดือดดาลมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้ชัดว่าหากเื่ที่เขาฆ่าหยวนเฟิงถูกเปิดโปงออกไป เขาจะต้องเผชิญหน้ากับไฟโทสะของหุบเขาเทาอย่างแน่นอน
อย่าว่าแต่ตอนนี้เขายังไม่ใช่ลูกศิษย์ที่แท้จริงของสำนักหลิงอวิ๋นเลย ต่อให้เขาใช่ ก็ยากที่จะหนีเคราะห์กรรมครั้งนี้ไปได้
“อันอิ่ง คนของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตเล่า?” อันซืออี๋รีบซักถาม
“ข้าก็ไม่รู้” อันอิ่งยิ้มเจื่อน “่เวลาสุดท้าย พวกเราไล่โจมตีพวกเขา ทว่าพวกเขา... กลับหายตัวไปอย่างประหลาด แม้แต่ร่องรอยก็ไม่เหลือทิ้งไว้”
“ข้าต้องให้พวกมันได้ชดใช้แน่!”
ซางปิ่งแห่งหุบเขาเทาคำรามเกรี้ยวกราด บุกพรวดเข้าไปในน้ำวนนั้น พริบตาเดียวก็หายไปไม่เห็นเงา
“แม่หนูอัน เื่ของทางฝั่งนี้คงต้องมอบให้เ้าจัดการแล้ว” หญิงชราเวิงแห่งอารามเสวียนอู้พอได้ยินว่าสำนักภูตผีและสำนักโลหิตปรากฏตัวในโลกมายามรกตก็มิอาจนิ่งเฉยได้อีก “ข้ากับซางปิ่งจะไปหาดูในโลกมายามรกต หวังว่าจะยังสามารถจับกุมตัวเ้าพวกชั่วช้าของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตได้ทันกาล!”
“ข้าก็ไปดูด้วย” ลี่ฝานแห่งสำนักหลิงอวิ๋นเอ่ยเสียงกร้าว
ทั้งสองสีหน้ามืดคล้ำดำทะมึน พุ่งเข้าไปในน้ำวนตามหลังซางปิ่ง
พริบตาเดียว ผู้นำที่ยังเหลืออยู่ข้างทะเลสาบจึงมีเพียงอันซืออี๋แห่งหอหลิงเป่าคนเดียว
“เล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียดสิ!” อันอิ่งสีหน้าเคร่งขรึม
เจียงหลิงจู อันอิ่ง พันเทา และยังมีเจิ้งปินแห่งอารามเสวียนอู้พากันเล่าเหตุการณ์ที่พวกเขาประสบพบเจอในโลกมายามรกตอย่างละเอียด
เนี่ยเทียนยืนอยู่ด้านข้าง ไม่พูดไม่จา รอคอยอย่างเงียบเชียบ
เขาสังเกตเห็นว่า อันเหอข้ารับใช้ชราของตระกูลอัน เวลานี้ก็ยืนอยู่ข้างกายอันซืออี๋ด้วย
เขาเดินทางมาจากเมืองเฮยอวิ๋นภายใต้การนำส่งของอันเหอ หลังจากที่การประลองในโลกมายามรกตสิ้นสุดลง
อันเหอปรากฎตัวอีกครั้งก็น่าจะเพื่อนำเขากลับไปส่งยังเมืองเฮยอวิ๋น
ตอนที่เขามองไปยังอันเหอ อันเหอเองก็หันมามองเขาพอดี เขาจึงส่งยิ้มน่าเอ็นดูให้ และรีบโค้งตัวเคารพอันเหอ
อันเหอพยักหน้าเบาๆ เป็การตอบรับ จากนั้นจึงกล่าวกับอันซืออี๋ว่า “คุณหนู ให้ข้า... พาเนี่ยเทียนส่งกลับไปเมืองเฮยอวิ๋นก่อนดีหรือไม่?”
“ได้ เ้าพาเขากลับไปก่อนเถอะ” อันซืออี๋กล่าวพลางโบกมือไปด้วย
เดิมทีนางคิดจะถามอันอิ่งอย่างละเอียด ้ารู้ว่าเนี่ยเทียนแสดงออกอย่างไรบ้างในโลกมายามรกต มีจุดไหนที่มีความพิเศษหรือไม่
ทว่าการปรากฏตัวของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตในโลกมายามรกตทำให้การประลองครั้งนี้มีคนตายมากเกินไป
นั่นจึงทำให้นางไม่มีอารมณ์สนใจเื่ของเนี่ยเทียนอีก
การประลองของโลกมายามรกตเกิดการพลิกผันอย่างน่าตื่นตะลึง ในฐานะที่หอหลิงเป่าเป็เ้าบ้าน นางเป็ผู้รับผิดชอบ ตอนนี้ต้องแบกรับกับความกดดันอย่างมหาศาล จึงไม่มีเวลามาสนใจเื่เล็กน้อยของเนี่ยเทียนอีก
“ตามข้ามาเถอะ” อันเหอกวักมือเรียก
“ขอรับ” เนี่ยเทียนสีหน้าเรียบเฉย หมายจะเดินไปทางอันเหอเพื่อตามเขากลับไปยังตระกูลเนี่ย
ทว่าเวลานี้เอง พันเทาแห่งหอหลิงเป่าพลันเดินหน้าขึ้นมาโอบกอดเขาเอาไว้ กล่าวกับเขาเสียงเบาว่า “น้องชาย อีกไม่กี่วันข้าจะไปหาเ้าที่เมืองเฮยอวิ๋น หวังว่าวันหน้าพวกเราจะยังได้สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันอีก”
เนี่ยเทียนประหลาดใจ
พันเทาที่ปล่อยตัวเขา ขยิบตาให้แล้วกล่าวด้วยท่าทางมีลับลมคมใน “ถึงเวลานั้น ข้าจะพาคนคนหนึ่งไปด้วย”
เนี่ยเทียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร
“หึ อีกไม่กี่วันเ้าก็จะได้รู้แล้ว” พันเทาหัวเราะเบาๆ หนึ่งครั้ง ผลักเขาออกเบาๆ กล่าวว่า “ไปเถอะ เ้ากลับไปที่เมืองเฮยอวิ๋นก่อน พวกเราจะต้องได้เจอกันอีกครั้ง”
“อ้อ” เนี่ยเทียนเองก็ไม่ได้คิดมาก
“พันเทา...”
อันเหอแห่งตระกูลอัน มองพันเทาที่โอบกอดเนี่ยเทียน ั์ตาเผยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เข้าใจว่าระหว่างพันเทาและเนี่ยเทียนเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่
เขามองออกว่า พันเทามองเห็นเนี่ยเทียนเป็สหายร่วมเป็ร่วมตาย ความจริงใจในสายตาของพันเทา มิอาจปิดบังคนอื่นได้
พันเทาคือหลานชายของพันหงเจินผู้าุโใหญ่แห่งหอหลิงเป่า และตำแหน่งของพันหงเจินในหอหลิงเป่าก็เป็รองแค่เ้าหอเท่านั้น
แม้ว่าตระกูลอันที่เมืองเฮยอวิ๋นจะได้รับความสำคัญอย่างยิ่งจากหอหลิงเป่าเนื่องด้วยการดำรงอยู่ของอันซืออี๋ ทว่าตระกูลอันก็เป็เพียงแค่ตระกูลในสังกัดของหอหลิงเป่าเท่านั้น
ในหอหลิงเป่า ตำแหน่งของพันหงเจินสูงส่งกว่าอันซืออี๋มากนัก ไม่ใช่ผู้ที่ตระกูลอันของพวกเขาจะเทียบเคียงได้
เมื่อเห็นว่าพันเทาปฏิบัติต่อเนี่ยเทียนเช่นนี้ อันเหอก็แอบใอยู่กับตัวเอง
รู้สึกว่าเ้าเด็กเนี่ยเทียนผู้นี้ บางทีอาจถนัดในการปีนป่ายขึ้นสู่ที่สูงโดยแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็เป็ได้ ไม่รู้ว่าตอนอยู่ในโลกมายามรกตใช้วิธีการใดเอาใจพันเทา ถึงได้ทำให้พันเทาชื่นชอบขนาดนี้
“เนี่ยเทียน! อีกไม่กี่วันข้าก็จะไปหาเ้าที่เมืองเฮยอวิ๋นเหมือนกัน!” อยู่ๆ เจียงหลิงจูก็พูดขึ้นมาเสียงดัง ตอนที่พูดประโยคนี้นางยังถลึงตาดุดันใส่พันเทาด้วย
พันเทาลูบคลำจมูก หัวเราะหึ หึ แต่กลับไม่ได้สนใจนาง
“ไข่มุกล้ำค่าบนฝ่ามือของเจียงจือซู...”
อันเหอตะลึงไปอีกครั้ง เขาใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยมองไปที่เนี่ยเทียนก่อน จากนั้นก็มองไปยังพันเทาและเจียงหลิงจู ในใจยิ่งใคร่รู้
“เ้าเด็กเนี่ยเทียนผู้นี้ถนัดในการวางแผนและจัดการจริงๆ พันเทาและเจียงหลิงจูถึงได้ให้ความสำคัญกับเขาถึงเพียงนี้”
ตลอดทางที่เดินทางมา เขาไม่ได้สนใจเนี่ยเทียนเท่าไหร่นัก อีกทั้งระหว่างทางก็ไม่คิดจะพูดคุยอะไรกับเนี่ยเทียน เอาแต่เร่งรุดเดินทางอย่างเดียว
ตอนนั้น อันที่จริงในใจเขายังคงรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่นัก
รายชื่อของผู้ที่เข้ามาประลองในโลกมายามรกตของตระกูลอันของพวกเขาถูกอันซืออี๋ยกให้กับเนี่ยเทียน
เขาที่เป็คนตระกูลอันจึงแอบไม่เห็นด้วยอยู่ในใจ
และก็ด้วยเหตุนี้ ตลอดทางที่เดินทางมา เขาจึงไม่ได้สนใจเนี่ยเทียน คิดแค่ว่าเนี่ยเทียนก็แค่บังเอิญโชคดีเท่านั้น
ตอนนี้การประลองในโลกมายามรกต เนื่องจากการปรากฏตัวของสำนักภูตผีและสำนักโลหิต มีคนล้มตายและาเ็กันมาก หุบเขาเทาก็ยิ่งพ่ายแพ้พินาศกันไปหมด นี่จึงทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่าโชคดี
โชคดีที่เด็กของตระกูลอันคนนั้นไม่ได้เหยียบย่างเข้ามาในโลกมายามรกตก่อนหน้านี้ จึงหลบเลี่ยงหายนะในครั้งนี้ไปได้
เมื่อไม่มีปมทางใจนี้ และพอมาเห็นอีกว่าอยู่ๆ พันเทากับเจียงหลิงจูก็กระตือรือร้นใส่ใจเนี่ยเทียนมากมายขนาดนั้น อันเหอจึงเกิดฉุกคิด อดไม่ได้จนต้องมองเนี่ยเทียนอย่างให้ความสนใจอยู่หลายส่วน
“ไปกันเถอะ ท่านตาของเ้าคงรอจนร้อนใจอยู่นานแล้ว ่นี้ตระกูลเนี่ยของเ้าก็มีเื่วุ่นวายเยอะมาก เ้ารีบกลับไปจะดีกว่า” เขาพลันพูดกับเนี่ยเทียนด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน
“เื่วุ่นวายอะไรหรือ?” เนี่ยเทียนขมวดคิ้ว
“เดินไปคุยไปเถอะ” อันอิ่งกล่าวอย่างนุ่มนวล
“ตกลง” เนี่ยเทียนกล่าว
เขาเองก็รู้สึกขึ้นมาอย่างฉับพลันว่าท่าทีที่อันเหอมีต่อเขา แตกต่างไปจากตอนที่เดินทางมาอย่างสิ้นเชิง
ไม่นาน เขาก็เดินตามอันเหอขึ้นมานั่งบนรถม้าคันเดียวกับขามา แล้วรถม้าจึงค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปจากเขตบึงน้ำแห่งนี้
ตอนที่เขากลับไปยังเมืองเฮยอวิ๋น พวกอันซืออี๋ยังคงรวมตัวกันอยู่ตรงทะเลสาบ รอการกลับมาของซางปิ่ง ลี่ฝานและหญิงชราเวิง
ผ่านไปหนึ่งวันเต็ม ลี่ฝานแห่งสำนักหลิงอวิ๋นถึงได้พาตัวเย่กูโม่ที่ใบหน้าเหลืองตอบ หิวโหยจนลมหายใจรวยรินเดินออกมาจากในน้ำวน
“พี่ใหญ่เย่ยังไม่ตายรึ?” เจียงหลิงจูปีติยินดีอย่างถึงที่สุด
ลี่ฝานพาเย่กูโม่ที่ใกล้จะหมดสติเต็มทีไปไว้ข้างกายนาง กล่าวว่า “เ้าเด็กนี่ชะตาแข็ง เขาไปหลบอยู่ในเขตูเาไฟคนเดียว ตอนที่ใกล้จะหิวตาย ข้าก็หาเขาเจอเสียก่อน”
เย่กูโม่ศีรษะเอียงกะเท่เร่ มองเจียงหลิงจูหนึ่งครั้ง ฝืนเค้นรอยยิ้มออกมา พูดอย่างไร้เรี่ยวแรง “พวกเ้าไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว”
“ท่านลี่ ซางปิ่งและหญิงชราเวิงเล่า?” อันซืออี๋รีบถาม
ลี่ฝานถอนหายใจหนึ่งครั้ง เอ่ย “น่าจะใกล้ออกมาแล้ว พวกเราหาไปทั่วโลกมายามรกตก็ยังหาลูกศิษย์สำนักภูตผีและสำนักโลหิตไม่เจอ พวกเขาน่าจะจากไปนานแล้ว”
ดังคาด
ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่นัก ซางปิ่งที่หน้านิ่งสนิทราวผิวน้ำก็เดินออกมาพร้อมหญิงชราเวิง
หลังจากซางปิ่งออกมา ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำก็จากไปทันที
หญิงชราเวิงแห่งอารามเสวียนอู้ส่ายหัวให้กับอันซืออี๋ กล่าวว่า “หาอะไรไม่เจอสักอย่าง การประลองในโลกมายามรกตสิ้นสุดลงตรงนี้ เื่ราวในภายหลัง รอให้ทุกคนกลับไปแล้วค่อยปรึกษากันเถอะ”
“คงทำได้เพียงเท่านี้แล้วล่ะ” อันซืออี๋ยิ้มเจื่อน
ดังนั้น ทุกคนที่รวมตัวอยู่ ณ ที่แห่งนี้จึงต่างพาเด็กรุ่นเล็กของสำนักตัวเองทยอยกันจากไป
-----