หลังจากการแต่งงานผ่านไปได้สามวัน วันนี้เป็วันที่เสิ่นเยว่จะต้องกลับบ้านเดิม นางตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวเมื่อวานได้ให้สาวใช้จัดเตรียมของที่จะนำไปเป็ของฝากบิดามารดาของนาง เสิ่นเยว่คิดว่าหลี่เซวียนคงจะไม่สนใจเื่นี้นางเลยไม่ได้บอกเขา ตอนเช้าตื่นขึ้นมานางก็ไม่เห็นเขาอยู่ที่ห้องแล้ว เสิ่นเยว่และชิงจู๋เดินมาที่รถม้าที่จอดรอนางอยู่หน้าจวน ด้านหลังของนางมีบ่าวที่กำลังขนของตามมา
ก่อนกลับบ้านเดิมเสิ่นเยว่ได้แวะบอกหลี่ฮูหยินแล้ว และหลี่ฮูหยิน ก็พยักหน้ารับรู้ การเป็สะใภ้ตระกูลหลี่เป็เื่ที่โชคดีที่สุดของนางแล้ว มีแม่สามีใจดีเช่นหลี่ฮูหยินที่เป็คนประเภทไม่พูดมากไม่เคร่งครัด แค่ไม่ก่อเื่ให้ตระกูลหลี่เสื่อมเสียเกียรติแค่นั้นก็พอแล้ว อยากจะทำอะไรนางล้วนไม่ห้าม บางครั้งนางจะแค่ถามไถ่สองสามคำเพื่อให้รู้ว่านางไม่ได้ละเลยเสิ่นเยว่ เพราะแบบนี้เสิ่นเยว่เลยชอบหลี่ฮูหยินแม่สามีของนางมากกว่าสามีปลอมๆ เช่นหลี่เซวียนเสียอีก
“ยกของขึ้นหมดแล้วก็รีบไปเถอะสายมากแล้ว”
เสิ่นเยว่หันไปพูดกับบ่าวไพร่บางคนที่ต้องตามนางกลับบ้านเดิมวันนี้นางจะต้องค้างคืนที่นั่นหนึ่งคืน คงจะไม่ได้เจอเ้านกน้อย เอ๊ะ!!! เ้านกน้อย
เสิ่นเยว่ที่กำลังจะก้าวขึ้นรถม้าหยุดชะงักไป ชิงจู๋มองอย่างสงสัยว่าคุณหนูของนางทำไมไม่ขึ้นรถม้าเสียที เสิ่นเยว่หันมาหาชิงจู๋กระซิบบางอย่างกับนาง ชิงจู๋ตาโตทันที นางรีบหันหลังวิ่งกลับไปที่เรือนของหลี่ เซวียน ส่วนเสิ่นเยว่ก็ขึ้นไปบนรถม้าตามปกติและนางก็ต้องชะงักป็นครั้งที่สองที่ได้เห็นหลี่เซวียนนั่งอยู่ด้านในรถม้าอยู่ก่อนแล้ว เสิ่นเยว่รีบปรับสีหน้าให้เป็ปกติ
“ท่านมาทำอะไรที่นี่ มิใช่ว่าท่านไปที่ค่ายทหารแล้วหรือ”
เสิ่นเยว่ถามเขาเสียงเรียบนางไม่มองแม้แต่ใบหน้าเขา หลี่เซวียนที่ปกติจะเป็คนช่างสังเกตแต่วันนี้กลับมองไม่เห็นอาการปั้นปึ่งของเสิ่นเยว่ เขาตอบคำถามของนางเสียงปกติ
“วันนี้เป็วันที่สามที่เ้าแต่งเข้าสกุลหลี่ และเป็วันที่เ้าสาวจะต้องกลับบ้านเดิม ข้าจะไม่กลับไปกับเ้าได้อย่างไรถ้าหากข้าปล่อยเ้ากลับไปคนเดียว ตระกูลเสิ่นจะต้องคิดว่าข้าละเลยและทำไม่ดีกับเ้าแน่นอน อีกอย่างเรายังต้องเล่นละครด้วยกันไปอีกหนึ่งปี เ้าลืมไปแล้วหรือ”
เสิ่นเยว่มองเขาเล็กน้อย แต่นางไม่ได้ตอบกลับคำพูดของหลี่เซวียนนางนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างแต่ภายในใจกลับคิดไปอีกแบบ
เ้าคงจะอยากให้ครบหนึ่งปีพรุ่งนี้เลยล่ะสิ จะได้รีบพาแม่สองดอกบัวนั่นเข้าจวน
เสิ่นเยว่มองค้อนเขาหนึ่งทีแต่ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา แล้วทั้งสองคนก็นั่งเงียบไปตลอดการเดินทาง
รถม้าของตระกูลหลี่จอดลงที่หน้าประตูใหญ่ของจวนตระกูลเสิ่น หลี่เซวียนลงมาจากรถม้าก่อน จากนั้นก็คอยประคองเสิ่นเยว่ตามลงมาแม้นางจะยังเคืองหลี่เซวียนแต่นางก็ยังจำได้ว่าตนเองยังต้องเล่นละครตบตาครอบครัวของนางอยู่ เสิ่นเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วปั้นหน้ายิ้มแสนอ่อนหวานดูมีความสุขเดินลงรถม้าตามการประคองของหลี่เซวียน
ทั้งสองคนเดินเข้าประตูใหญ่ด้านหลังมีบ่าวไพร่ที่ช่วยกันขนของฝากลงจากรถม้า พี่ชายทั้งห้าของเสิ่นเยว่มายืนรอนางั้แ่เช้าแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นน้องสาวคนเล็กเดินมากับเ้าหน้าหยก พวกเขาก็รีบเข้าไปล้อมนางเอาไว้ เบียดหลี่เซวียนออกไปไกลจากนั้นต่างชิงกันถามนางเสียงเซ็งแซ่ เป็เสิ่นฮูหยินที่เดินเข้ามาห้าม นางจ้องพวกเขาตาเขม็งทั้งห้าจึงได้ถอยห่างออกจากเสิ่นเยว่ไป
เสิ่นเยว่ได้แต่ส่ายหัวอย่างจนใจให้กับพี่ชายทั้งห้าของนาง
พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าห้องโถงหลักไป ที่นั่นมีมหาเสนาบดีเสิ่นกับเสิ่นฮูหยินนั่งอยู่ เสิ่นเยว่กับหลี่เซวียนคุกเข่าคารวะทั้งสองตามพิธี จากนั้นหลี่เซวียนก็ถูกพี่ชายทั้งห้าของเสิ่นเยว่ลากออกไป นางไม่สนใจว่าพี่ชายของนางจะจัดการยังไงกับหลี่เซวียน นางกับเสิ่นฮูหยินเดินตรงไปที่เรือนเดิมที่นางเคยพัก
“อยู่ที่นั่นเป็อย่าไรบ้าง แม่สามีของเ้าคงจะไม่ทำให้เ้าลำบากใจกระมัง”
เสิ่นเยว่ส่ายหัว
“นางดีมากเ้าค่ะ ไม่ค่อยเคร่งครัดเท่าใดนักข้าจึงอยูที่นั่นได้อย่างหายใจหายคอได้สะดวก อีกอย่างท่านพ่อของหลี่เซวียนก็ค่อนข้างเอ็นดูข้าเ้าค่ะ ข้าไม่มีอะไรต้องให้ลำบากท่านแม่วางใจได้”
เสิ่นฮูหยินพยักหน้า
” ก็ลองเขากล้าทำให้เ้าลำบากใจดูสิ ข้าจะฟ้องศิษย์พี่ใหญ่ให้ลงโทษเขาไม่ให้กลับมาที่เมืองหลวงอีกเลย
นางพูดเสียงเบากับตนเอง แต่เสินเยว่กลับได้ยิน
“ท่านแม่พูดถึงใครหรือเ้าคะ”
เสิ่นฮูหยินยิ้มให้นาง
“ไม่มีอะไรหรอกเ้าดูซิว่าที่เรือนยังขาดเหลืออะไรบ้าง แม่จะได้ให้บ่าวจัดหามาให้ ลูกเขยมาค้างที่จวนตระกูลเสิ่นครั้งแรกจะทำให้เสียหน้าไม่ได้”
เสิ่นเยว่เบะปากในใจ ไม่จำเป็ต้องใส่ใจยังไงเขาก็ยังต้องนอนบนตั่งแยกจากนางอยู่ดี เตรียมให้ดีไปก็เท่านั้น
ทางด้านหลี่เซวียน เขาเดินตามพี่ชายทั้งห้าของเสินเยว่มาที่ลานฝึกด้านหลังของจวน นี่เป็ครั้งที่สองที่หลี่เซวียนมาที่นี่ ครั้งแรกเขาไปแค่ที่เรือนของเสิ่นเยว่ ไม่นึกเลยว่าตระกูลเสิ่นจะมีลานฝึกยุทธที่กว้างขวางขนาดนี้ พวกเขาล้วนมิใช่ขุนนางฝ่ายบู๊ เหตุใดจึงต้องมีลานฝึกยุทธเอาไว้ที่เรือน
เสิ่นซีห่าวพี่ชายคนที่ห้าของเสิ่นเยว่โยนหอกให้หลี่เซวียน
“น้องเขยวันนี้เ้าพึ่งมาตระกูลเสิ่นของเราเป็ครั้งแรก เ้าคงยังไม่รู้ว่านี่เป็กฎการต้อนรับแขกที่มาเยือนของเราหวังว่าเ้าจะเข้าใจ”
หลี่เซวียนมองหอกในมืออย่างสบายๆ ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกสักนิด เขาเริ่มฝึกหอกมาั้แ่อายุห้าขวบ เื่นี้เป็แค่เื่ขำๆ สำหรับเขา หลี่เซวียนมองเหล่าพี่ชายของเสิ่นเยว่ด้วยหางตา เขายังจำได้วันนั้นบุรุษทั้งห้าพยายามจะมอมเหล้าเขาแต่ตนเองกลับเมาพับไปก่อนจนต้องให้คนมาหามไปส่งที่จวน ดูดีๆ แล้วพี่ชายคนที่ห้าของเสิ่นเยว่ยังดูเด็กกว่าเขานักท่าทางอายุยังไม่ถึงยี่สิบปี
“ท่านพี่ภรรยาเช่นนั้นข้าขอให้ท่านช่วยชี้แนะด้วย”
เสิ่นซีห่าวโมโหขึ้นมาทันทีเขาไม่ชอบใจเื่ที่หลี่เซวียนเรียกเขาว่าพี่ภรรยา จึงพุ่งหอกเข้าหาเขาด้วยความเร็ว ทั้งสองต่อสู้กันยังไม่ถึงหนึ่งเค่อเสิ่นซีห่าวก็เริ่มเพลี่ยงพล้ำเสิ่นซีซวนที่เห็นเช่นนั้น ก็รีบเข้ามาช่วยแฝดของตน หลี่เซวียนเลิกคิ้วมองเหล่าพี่ภรรยาที่อายุน้อยกว่าตน คิดจะรุมเขาหรือเ้าเด็กน้อยมันยังเร็วไปสิบปี สู้กันไม่นานเสิ่นซีห่าวกับเสิ่นซีซวนก็พ่ายแพ้ให้กับหลี่เซวียน
“ขอบคุณพี่ภรรยาที่ชี้แนะ”
หลี่เซวียนทำท่ายกมือคารวะ ทั้งสองคนที่ล้มกลิ้งคลุกดินจนชุดเปื้อนไปทั้งตัวทำท่าทางฮึดฮัดไม่คิดยอมแพ้ เสิ่นอี้เฉิงเดินถือกระบี่เข้ามาหาหลี่เซวียน
“น้องเขย เช่นนั้นข้าก็ขอคำชี้แนะจากเ้าด้วยคงไม่ว่าอะไรนะ”
หลี่เซวียนรับกระบี่มาจากเขา
“โปรดชี้แนะ”
หลี่เซวียนชักระบี่ออกจากฝัก เขาเป็คนเริ่มก่อนจากนั้นการต่อสู้ของทั้งสองก็เริ่มขึ้น ดูเหมือนเสิ่นอี้เฉิงจะมีฝีมือดีกว่าสองคนนั้น แต่มันก็ยังเร็วไปที่จะมาสู้กับเขาหลี่เซวียนคิด ผ่านไปไม่นานกระบี่ของเสิ่นอี้เฉิงก็หลุดออกจากมือ เขาพ่ายแพ้เป็คนที่สาม
“ขอบคุณที่ชี้แนะ”
หลี่เซวียนยกมือทำท่าคารวะเสิ่นอี้เฉิงแต่ก่อนที่ เสิ่นเจี้ยนิพี่คนโตกับเสิ่นเจี้ยนชิงพี่คนรองจะได้ประลองกับหลี่เซวียน บ่าวรับใช้ของ มหาเสนาบดีเสิ่นก็เข้ามารายงานว่า พ่อตาของเขาให้มาเชิญเขาไปพบที่ห้องหนังสือ การประลองกับห้าพี่น้องจึงต้องยุติลง
“น่าเสียดายการประลองคงต้องหยุดเพียงเท่านี้เอาไว้คราวหน้าข้าค่อยมาเล่นกับพวกท่านใหม่ พี่ภรรยาทั้งห้าข้าต้องขอตัวก่อน”
หลี่เซวียนทำท่าคารวะพวกเขาแล้วเดินตามบ่าวรับใช้ชายคนนั้นไป
“เ้าบ้านั่นพอมีฝีมืออยู่บ้าง น่าเสียดายที่พี่ใหญ่กับพี่รองยังไม่ได้ประมือกับเขา ไม่อย่างนั้นไม่รู้ใครจะแพ้ใครจะชนะ”
เสิ่นซีห่าวพูดขึ้น เสิ่นเจี้ยนิมองพวกเขาทั้งสี่
“ไปเถอะป่านนี้เ้าซาลาเปาน้อยจะถูกท่านแม่รังแกอะไรบ้าง นางยิ่งขี้กลัวอยู่”
ถ้าหากว่าเสิ่นเยว่มาได้ยินเข้านางจะต้องยกยิ้มมุมปากเป็แน่ พี่ใหญ่ท่านประเมินข้าต่ำไปแล้ว บุรุษทั้งห้ารีบรุดมาที่เรือนของน้องสาว เพราะกลัวว่ามารดาผู้เข้มงวดจะทำให้เ้าซาลาเปาน้อยต้องลำบากใจ
เมื่อทั้งห้าคนมาถึงที่เรือนของเสิ่นเยว่กลับพบว่านางกำลังนั่งดื่มชาอยู่กับหลี่เซวียนในศาลาใต้ต้นหอมหมื่นลี้ต้นใหญ่หน้าลานเรือนของนาง
“ทำไมเ้ามาอยู่ที่นี่ไม่ใช่ว่าท่านพ่อให้บ่าวมาตามเ้าไปพบที่ห้องหนังสือหรอกหรือ”
เสิ่นซีซวนโพลงขึ้นหลังจากเห็นน้องเขยตัวแสบที่เขาไม่ชอบขี้หน้านั่งสบายใจเฉิบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ที่เรือของน้องสาวคนเล็กของเขา
“พี่สาม พี่สี่ พี่ห้า พวกท่านไปคลุกฝุ่นที่ไหนมา ถึงได้มอมแมมเช่นนี้”
เสิ่นเยว่ทักพี่ชายทั้งสามก่อนที่หลี่เซวียนจะตอบคำถามของพวกเขา “อ่อ....พวกเราแค่ประลองฝีมือกันที่สนามฝึกนิดหน่อยเท่านั้น”
เสิ่นเยว่พยักหน้าเข้าใจ
“แล้วพวกท่านมาทำอะไรที่เรือนข้าหรือ”
ทั้งห้าคนอึกอัก
“เราแค่มาดูว่าน้องเล็กสบายดีหรือไม่หลังจากที่ไม่ได้พบกันนาน”
เสิ่นเยว่อยากยกมือขึ้นกุมหน้าผาก พี่ชายข้าพึ่งออกจากบ้านไปสามวันเองนะนานที่ใดกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้