ณ ถนนที่ค่อนข้างมืดสลัวสายหนึ่ง บริเวณหัวมุมถนนที่ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรติงเซิงเยี่ยยืนอยู่ตรงหน้าฉินโจ้วที่นอนกองอยู่ที่พื้น ใช้มือตบที่หน้าของเขาเบาๆ พลางพูดจาโอหังวางก้าม “แกกล้าดีอย่างไรพ่อฉันเป็ถึงรองนายกเทศมนตรีเมืองจี อย่าว่าแต่จะหักขาแกเลยต่อให้แกพิการไปครึ่งตัว ทางตำรวจก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำนี่ไม่ใช่ความผิดของแกหรอกนะ ใครใช้ให้แกไม่มีพ่อดีๆ สักคนเห็นแก่ที่เราเป็เพื่อนร่วมชั้นกัน ข้าจะแนะนำแกสักประโยค อยู่ให้ห่างๆเสี่ยวเสวี่ย คนอย่างแกไม่คู่ควรกับเธอ!” พอพูดจบก็พาลูกน้องสองคนจากไปง่ายๆเหมือนเผลอเหยียบมดตายแค่ตัวเดียว นับเป็การดูถูกฉินโจ้วอย่างร้ายกาจที่สุดความอัปยศแบบนั้นมันยิ่งกว่าาแบนร่างกายเสียอีก
ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปกลายเป็โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
หมอเฉพาะทางสูงวัยคนหนึ่งสวมแว่นตาหนาเตอะในมือถือหนังสือยินยอมและพูดกับฉินโจ้วที่กึ่งนอนอยู่ “จากการวิเคราะห์ของเรา กระดูกขาขวาของคุณหัก สภาพยังพอโชคดีอยู่บ้าง แต่ขาซ้ายอาการสาหัสกระดูกหน้าแข้งหักสองท่อน ตัวกระดูกหักเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระดูกน่องหักสามท่อนอันตรายที่สุด ทางสถาบันของเราขอแนะนำให้เปลี่ยนใหม่ ถ้าการผ่าตัดราบรื่นการเดินเหินทั่วไปก็จะไม่ค่อยผิดแปลกเท่าไร เพียงแต่รับน้ำหนักมากๆ ไม่ได้ค่าใช้จ่ายประมาณหนึ่งแสน ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งคือการคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าไม่เปลี่ยน แม้การผ่าตัดจะประสบผลสำเร็จแต่ขาก็อาจไม่มีเรี่ยวแรง กลายเป็แบบที่เราๆ เรียกกันว่า คนง่อย...”
ร่างของฉินโจ้วสะดุ้งเฮือกขึ้นมาคำว่า ‘คนง่อย’ สองคำนี้รบกวนจิตใจของเขายิ่งนักเขาคิดไม่ถึงว่าอาการาเ็จะร้ายแรงถึงขนาดนี้ อาจถึงขั้นกลายเป็คนง่อยเขาเพิ่งจะอายุ 22 ปี ยังมีเวลาดีๆ เหลืออยู่อีกมากเขาไม่อยากกลายเป็คนพิการ จิตใจจึงหวาดหวั่นขึ้นทันทีเขาะโออกมาด้วยความใสุดขีด
“อ้าก!”
ฉินโจ้วสะดุ้งตื่นจากฝันทันทีเหงื่อไหลโซมกาย เขาใช้มือถูนวดหน้าผาก “ที่แท้ก็แค่ฝันไป”
แสงจันทร์เลือนรางสาดส่องเข้ามามองเห็นภายในห้องถูกจัดไว้เป็ระเบียบเรียบร้อย บนผนังมีรูปการ์ตูนแปะอยู่บนหัวแขวนแมวการ์ฟีลด์ขนาดเท่ากำปั้นไว้ตัวหนึ่ง มีกลิ่นอายแบบผู้หญิงๆฉินโจ้วตัวแข็งทื่อขึ้นทันที ตาไม่กะพริบ ผ้าห่มสีชมพูมุมหนึ่งพับขึ้นมาเผยให้เห็นท่อนขาที่ยังเข้าเฝือกสีขาวๆ อยู่มือที่ยกค้างเติ่งอยู่นานถึงได้หล่นฮวบลง นี่ไม่ใช่ความฝัน ทั้งหมดเป็ความจริง
หากไม่ใช่อาจารย์หวังโหรวบังเอิญมาพบเขาที่โรงพยาบาลและช่วยจ่ายค่ารักษาต่างๆที่ค้างอยู่ให้เดาว่าเขาคงต้องถูกทางโรงพยาบาลไล่ตะเพิดออกไประหกระเหินอยู่กลางถนนสุดท้ายฉินโจ้วไม่ได้เซ็นหนังสือยินยอม แผนแรกเป็สิ่งที่เขาไม่ยินยอมถึงยินยอมก็ไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น ส่วนแผนสองยิ่งเป็สิ่งที่เขาไม่อยากพบเจอสุดท้ายยังคงเป็คำพูดจากหมอแผนจีนคนหนึ่งที่เคยพูดไว้ยี่สิบกว่าปีก่อนเขาเคยเห็นผู้ป่วยแบบเดียวกันคนหนึ่ง คนคนนั้นไม่ได้ผ่าตัดและก็ไม่ได้เปลี่ยนถ่ายกระดูกกินแต่ยาจีนจนกระทั่งหายดี แถมยังแข็งแรงกว่าคนทั่วไปอีกต่างหากเพียงแต่ต้องใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน ใช้เวลากว่าสามปี กินยาจีนไปเยอะคนคนนั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็ยาตัวไหนที่ส่งผล แต่เื่นี้ต้องอาศัยตัวเองและค่อยเป็ค่อยไป
ดังนั้นฉินโจ้วจึงฝากความหวังเอาไว้กับแพทย์แผนจีน
ขณะมองท่อนขาของตัวเอง เขาอดที่จะคิดถึงเสวี่ยเอ๋อไม่ได้เด็กผู้หญิงที่ดูงดงามสดใสราวกับฤดูใบไม้ผลิคนนั้นท่ามกลางสังคมที่สับสนวุ่นวายแบบนี้ยังมีเด็กผู้หญิงที่บริสุทธิ์สดใสแบบนี้เหลืออยู่ฉินโจ้วรู้สึกว่านั่นช่างเป็เื่ที่น่าอัศจรรย์อย่างหนึ่ง
ั้แ่ครั้งแรกที่ได้เห็นเธอในใจของฉินโจ้วก็เกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่ง ชาตินี้ในเมื่อได้เห็นเธอท่ามกลางทะเลผู้คนในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเมืองจี ซึ่งเป็ที่รวมตัวกันของบรรดาอัจฉริยะทั้งหลายคนที่ไม่มีอะไรโดดเด่นอย่างฉินโจ้วกลับกลายเป็บุคคลแรกที่ได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของเ้าเสวี่ยเอ๋อได้อย่างมหัศจรรย์ต้องบอกว่าเื่นี้กลายเป็เื่ที่ทำให้ผู้คนแทบไม่อยากเชื่อ แต่อย่างไรเสียในโลกใบนี้ก็มีเื่ราวมากมายที่ไม่สามารถใช้เหตุผลอธิบายได้ไม่มีเื่รักะ ไม่มีเื่ช็อกโลก ทุกอย่างเป็ไปตามธรรมชาติเงื่อนไขสุกงอมถึงพร้อมสองคนก็อยู่ด้วยกัน
วันเวลาเ่าั้เป็่เวลาที่ฉินโจ้วเบิกบานใจที่สุดใช่แล้ว...
ฉินโจ้วเ็ปใจที่สุด เพราะท้ายที่สุดก็ต้องผ่านพ้นไปไม่อาจหวนคืนมาได้อีก
ฉินโจ้วฝืนตัวเองไม่ให้คิดถึงเื่วุ่นวายสับสนพวกนั้นแต่ก็พบว่าทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ ได้แต่ทอดถอนใจออกมาเฮือกหนึ่งหันไปเปิดไฟที่โต๊ะ จึงได้เห็นว่าบนโต๊ะมีหนังสือกวีนิพนธ์วางอยู่เล่มหนึ่ง เขาจึงลองเปิดอ่านดู...
“ทอดตามองตงเกายามพลบเยื้องย่างไปอยู่แห่งหนไหน
หมู่ไม้เปลี่ยนสียามผลัดใบูเาสูงใหญ่อาบแสงอาทิตย์อัสดง
คนเลี้ยงวัวต้อนฝูงวัวกลับบ้านล่าสัตว์ขี่ม้าแบกเหยื่อกลับคูหา
มองหน้า ไม่รู้จัก ไม่นำพาครวญเพลงถวิลหาเด็ดต้นเวย”
จิตใจของฉินโจ้วสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเพียงครู่เดียวน้ำตาก็ไหลนองหน้ากลอนบทนี้เป็ผลงานของหวังจี้ในสมัยปลายราชวงศ์สุยต่อต้านราชวงศ์ถังบรรยายถึงภาพฤดูใบไม้ร่วงอันเงียบสงบและสันโดษ อยู่ในบรรยากาศอันผ่อนคลายแฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างละล้าละลัง เงียบเหงาและต้อยต่ำกลอนบทนี้หมายถึงตัวของหวังจี้เองแต่ฉินโจ้ว กลับรู้สึกเหมือนได้เห็นภาพสะท้อนของตน
ผู้คนในอดีตไม่เคยเห็นเดือนดาราในวันนี้แต่เดือนดาราในวันนี้เคยเห็นผู้คนในอดีตมาก่อน
สมัยก่อนเขาก็เคยอ่านกลอนบทนี้ แต่ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งเป็พิเศษ แต่เมื่อได้มาอ่านณ ขณะนี้ กลับบังเกิดความรู้สึกท่วมท้นะเือารมณ์ โดยเฉพาะท่อนที่ว่า ‘เยื้องย่างไปอยู่แห่งหนไหน...’ กระชากให้จิตใจบังเกิดความสับสนว้าวุ่นความรู้สึกไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแบบนั้นช่างบาดลึกเหลือเกิน ลึกล้ำคมกล้าเหมือนกับอารมณ์ความรู้สึกของเขาในเวลานี้ไม่มีผิด
ฉินโจ้วไม่ใช่หวังจี้เขาไม่แน่ใจว่าความสับสนในใจของหวังจี้เป็เพราะตัวเองหรือบ้านเมืองแต่จากบทกลอนเลื่องชื่อนี้ก็พอจะเดาได้อยู่บ้าง ส่วนใหญ่คงเพราะบ้านเมืองกระมังคำว่า ‘เหยี่ยวั่ง(ความใฝ่ฝัน)’ ไม่ว่าจะเป็คนที่เอื่อยเฉื่อยย่ำแย่ขนาดไหนในใจล้วนมีความใฝ่ฝันอันแรงกล้าที่จะไม่ยอมให้ใครมาพรากไปเป็แน่ความหวังอันสวยงามอย่างหนึ่ง บางครั้งอาจเพื่อตัวเอง บางครั้งอาจเพื่อประเทศชาติหรือบางครั้งก็เพื่อทั้งสองอย่าง
ฉินโจ้วเป็แค่คนธรรมดาตัวเล็กๆไร้ตำแหน่งชื่อเสียง ที่เขาคิดอยู่ในเวลานี้ก็มีแต่ตัวเองเท่านั้นคนเฉื่อยชาสุดท้ายย่อมจบด้วยการกลายเป็คนที่อยู่ในมุมซึ่งไร้ชื่อเสียงไม่มีใครรู้จัก เขาไม่อยากกลายเป็คนแบบนั้น เขาอยากประสบความสำเร็จ อยากไต่เต้าขึ้นไปอยากกลายเป็คนที่อยู่บนยอดพีระมิด โดยเฉพาะตอนที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ความปรารถนาของเขายิ่งแรงกล้ามากขึ้นเป็พิเศษ
‘ใฝ่ฝัน’ สองคำนี้ได้ปลุกเร้าความทะเยอทะยานในใจของเขาให้ตื่นขึ้น
แต่ที่ขวางอยู่ตรงหน้ากลับเป็ปัญหายากเย็นที่สุดอย่างหนึ่ง เวลานี้ทางไหนก็ไปไม่รอดแล้วจะทำตามความฝันของตนให้สำเร็จได้อย่างไร? ฉินโจ้วครุ่นคิดอยู่ถึงสามชั่วโมงเต็มๆแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบอะไร แม้คิดออกมาได้นับพันนับหมื่นวิธีการ แต่ก็ไม่มีแบบใดที่เหมาะกับเขาผมเผ้าถูกดึงทึ้งออกมาไม่รู้กี่เส้น แต่ความเจ็บๆ คันๆ นี้ทำให้เขาพอจะสงบใจลงได้บ้างรู้ดีว่าปัญหาแบบนี้ใช่ว่าจะแก้ไขได้ในเวลาแค่วันสองวัน ไม่ควรร้อนใจไม่เช่นนั้นผลลัพธ์อาจกลายเป็ตรงกันข้าม เขาเปิดทีวีพลางคิดว่าเวลาอย่างนี้ควรทำใจให้สงบเข้าไว้
...ผลการร่วมมือกันจากสิบบริษัทผู้ผลิตเกมชั้นนำของโลกในการค้นคว้าและพัฒนาซูเปอร์เกมเหยี่ยวั่งกำลังจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตของพวกเราแล้วเื่นี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเราอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนพวกคุณคิดไม่ถึงแน่นอนว่าเกมนี้จะสร้างความตื่นตะลึงให้กับพวกเราแค่ไหนแต่ที่มั่นใจได้อย่างหนึ่งคือ นี่ต้องเป็เื่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชนิดที่เทียบกันไม่ได้เลยทีเดียวพวกเราทุกคนคงรู้ดี เมื่อสามปีก่อนเกมวอร์คราฟภายใต้การพัฒนาของบริษัท บีเอ๊กซ์เคยได้รับความนิยมอยู่่หนึ่งมีอิทธิพลต่อผู้เล่นเกมกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ทั่วโลก มีผู้เล่นเกมมากมายชื่นชอบนี่เป็ผลงานระดับอัจฉริยะชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ผมขอบอกพวกเราทุกคนให้ชัดเจนหลังจากที่เกมเหยี่ยวั่งออกมา ผู้บริหารของบีเอ๊กซ์ได้ยอมรับว่าเมื่อเทียบกับเกมเหยี่ยวั่ง เกมวอร์คราฟก็กลายเป็ของเล่นเด็กไปเลยทีเดียวจากประโยคนี้เห็นได้ชัดว่าเกมเหยี่ยวั่งได้รับความนิยมขนาดไหนขอให้ผมได้แนะนำลักษณะของเกมนี้เล็กน้อย นี่เป็เกมที่ควบคุมโดยตรงจากคลื่นสมองพูดอีกแบบหนึ่งก็คือไม่ว่าใคร ต่อให้คนเป็อัมพาตขอเพียงมีคลื่นสมองอยู่ก็สามารถเล่นเกมนี้ได้มีความสมจริงอย่างน่าอัศจรรย์ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว...”
คำแนะนำถัดมาฉินโจ้วไม่ได้ยินอะไรแล้วแต่คำว่า ‘เหยี่ยวั่ง’‘อัมพาต’ ‘ทุกคนสามารถเล่นได้’ คำเหล่านี้สะดุดหูของเขาอย่างจัง เขาตบต้นขาฉาดใหญ่แต่กลับไปถูกาแเข้า ความเจ็บแปลบกระจายไปทั่วตัวในพริบตาเหงื่อเย็นเฉียบซึมออกมาอีกรอบ หน้าตาบิดเบี้ยว เขาหัวเราะฮ่าๆ ออกมาอย่างดีใจระคนอัศจรรย์ใจและพูดว่า “เจอแล้ว ในที่สุดก็เจอแล้ว เกม... เกมก็คือเส้นทางของผมเป็เส้นทางสู่ความใฝ่ฝันของผม ผมตัดสินใจแล้ว นั่นก็คือเกม ‘เหยี่ยวัง’ เกมเอ๋ย รอผมก่อนเถอะ”
เล่นเกมทำเงิน เื่นี้ไม่ใช่เื่ลึกลับพิสดารอะไรมานานแล้ว ขอเพียงเป็ยอดฝีมือขอเพียงมีเทคนิคฝีมือดี การจะหาเงินย่อมไม่ใช่ปัญหาโดยเฉพาะรางวัลนับล้านจากการแข่งอีสปอร์ตเื่นี้ทำให้คนที่เพิ่งเคยเล่นเกมเป็ครั้งแรกอย่างฉินโจ้วใจเต้นโครมครามครั้งนั้นไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร แต่ครั้งนี้นับว่าตื่นเต้นจริงๆ
กลางดึก ท่ามกลางความรู้สึกที่เศร้าหมองคล้ายจะมีมือที่มองไม่เห็นกำลังสร้างเส้นทางประวัติศาสตร์ไม่มีใครรู้ว่าในค่ำคืนที่ธรรมดาแบบนี้จะมีการปรากฏของคำสองคำ ‘เหยี่ยวั่ง’ และมันกำลังจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนธรรมดาตัวเล็กๆ คนหนึ่งและคนธรรมดาตัวเล็กๆ คนนี้ เขาคือผู้เปลี่ยนแปลงโลก!!!
หลังจากตัดสินใจแน่วแน่แล้วฉินโจ้วก็ค้นหาข่าวและข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเกมเหยี่ยวั่งอย่างละเอียดเขาไม่ยอมพลาดรายละเอียดแม้แต่นิดเดียว โดยหวังว่าหากค้นหาต่อไปอีกหน่อยน่าจะพอช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง การประกาศตัวของเกม ‘เหยี่ยวั่ง’ นับว่าก่อให้เกิดความตื่นตัวขึ้นมากเป็พิเศษ ต่างจากที่ผ่านมาไม่เพียงบริษัทสื่อั์ใหญ่ต่างๆ จะหันมาโจมตีแม้แต่หน่วยงานด้านความมั่นคงก็ยังจับตามองอย่างใกล้ชิดนับเป็เื่ที่พบเห็นได้ยากที่สุดอย่างหนึ่ง มีข้อมูลข่าวสารมากมายหลายรูปแบบมีรายละเอียดทุกอย่าง ฉินโจ้วได้ข้อมูลทุกอย่างที่เขา้าอย่างง่ายดาย
... บริษัทเกมจะปล่อยเกมรุ่นเบต้าออกมา ณ ปี... วันที่ 20 เดือน 9 เวลา 20:09น...
ฉิวโจ้วมองเวลาครั้งแล้วครั้งเล่าเดือน 9 วันที่ 20 คือคืนพรุ่งนี้แล้ว ฉินโจ้วที่ยังไม่ทันหายตื่นเต้นดีและเขาเพิ่งนึกถึงปัญหาอย่างหนึ่งขึ้นได้ นั่นคือหมวกสำหรับเล่นเกมราคาถูกที่สุดอยู่ที่ 8,888 หยวนที่แพงขึ้นมาหน่อยก็ยิ่งป่วยการจะคิดถึงแม้แต่หมวกเกมที่ถูกที่สุดเขาก็ยังไม่มีปัญญาจะซื้อเวลานี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขายังติดลบยังติดเงินอาจารย์หวังอยู่ถึงสามพันกว่าหยวน แม้อาจารย์หวังจะบอกว่าไม่ต้องคืนแต่จะไม่ตอบแทนความหวังดีของเธอได้หรือ?
หากไม่ใช่เพราะถูกทางโรงเรียนไล่ออกเขายังพอจะสามารถหยิบยืมจากพวกเพื่อนๆ ได้บ้าง รวบรวมมาคนละเล็กละน้อยก็ยังพอได้แต่เวลานี้ไม่มีทางอื่น เขาคิดๆ อยู่ครึ่งค่อนวัน สุดท้ายฉินโจ้วต้องกัดฟันตัดสินใจเด็ดขาดจนปัญญาจริงๆ ก็ต้องยอมหน้าด้านขอยืมอาจารย์หวังไปก่อน อย่างไรเสียก็เคยยืมไปหนหนึ่งแล้ว
เผลอหลับไปไม่รู้ตัวพอลืมตาตื่นขึ้นอีกทีท้องฟ้าก็สว่างโร่แล้ว เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉินโจ้วรีบตอบ “อาจารย์หวังหรือครับ? กรุณารอสักครู่นะครับ”
ประตูเปิดออก ผู้ที่เข้ามาเป็ผู้หญิงวัยทำงานตอนต้นคนหนึ่งอายุราวยี่สิบห้ายี่สิบหกปี หน้าตาสะสวยผิวขาวใต้ทรวงอกชูชันลงมาเป็เอวที่คอดกิ่วกระโปรงสีเทาแหวกสองข้างเผยให้เห็นท่อนขาเรียวยาวขาวผ่อง แลดูเซ็กซี่ยวนตาแม้จะตวัดตามองปราดเดียวก็มองออกว่านี่เป็ผู้หญิงสวยหาตัวจับยากคนหนึ่งเธอคืออาจารย์ที่เคยสอนฉินโจ้วตอนเรียนอยู่ปีหนึ่ง หวังโหรว
หวังโหรวการศึกษาระดับดอกเตอร์ เป็ดอกเตอร์ทางประวัติศาสตร์และการจัดการจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีนภายหลังจึงมาดำรงตำแหน่งอาจารย์ที่เมืองจี ไม่ทันถึงครึ่งเดือนดีด้วยสไตล์การพูดจา หน้าตาที่สะสวย บวกกับจิตใจที่ดีงามก็ชนะใจนักศึกษาชายกับพวกอาจารย์ชายไปได้กว่าครึ่งจดหมายรักที่ได้รับในทุกวันนับว่ามากเป็กิโลๆวิชาของเธอมีนักเรียนเข้าเรียนเต็มทุกคาบ เรียกได้ว่าล้นหลามเลยทีเดียว
โชคดีจริงๆ ที่หวังโหรวเป็อาจารย์ที่ปรึกษาของฉินโจ้วตอนปีหนึ่งความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจึงไม่เลว ในฐานะที่ครอบครัวมีสภาพย่ำแย่ที่สุดในชั้นหวังโหรวจึงคอยเป็ห่วงเป็ใยนักศึกษาคนนี้ดังนั้นแม้จะห่างกันไปหลายปีก็ยังจำฉินโจ้วได้ั้แ่แรกเห็น และยังใจดีรับเขามาดูแลแม้แต่ห้องของตัวเองก็ยังยกให้เขาอยู่
หวังโหรววางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะหลังจากนั้นดูแลให้ฉินโจ้วได้แปรงฟันล้างหน้า เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเตือนฉินโจ้ว “กินอาหารเช้าเสร็จแล้วก็อย่าลืมกินยาด้วย”
“ขอบคุณครับอาจารย์เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” ฉินโจ้วหน้าแดงเขินอายเล็กน้อยแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ให้คนมาคอยดูแลเหมือนเป็เด็กเล็กๆแบบนี้ก็มักทำให้เขาเขินอายทุกที
“ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องเกรงใจเอาล่ะ สายแล้ว ฉันต้องไปสอนก่อน ตอนเที่ยงจะกลับมาทำอาหารให้เธอเธออยู่บ้านต้องเป็เด็กดีนะ” หวังโหรวทำเหมือนไม่เห็นฉินโจ้วที่กำลังเขินอายเธอโบกไม้โบกมือเดินออกไปด้วยท่าทางสบายๆ
“แล้วพบกันใหม่ครับอาจารย์” ฉินโจ้วได้แต่อ้าปากจะพูดคำนั้นแต่ไม่กล้า พร้อมด้วยสีหน้าหงุดหงิดใจสุดท้ายก็หน้าบางเกินจะเอ่ยปากขอยืมเงิน
แล้วนี่จะทำอย่างไรดีล่ะลากไปอีกวันก็จะไม่ทันเวลาเอา ในใจของฉินโจ้วเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและคิดหาทางแก้ปัญหา ตอนเที่ยงจะต้องพูดออกไปให้ได้ ต้องทำให้ได้ สู้ๆ!
...่เช้าผ่านไปอย่างเงียบสงบ...
...เที่ยง...หวังโหรวกลับมาตามเวลา เธออุ้มกล่องกระดาษใบหนึ่งเข้ามา ฉินโจ้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “อาจารย์หวังกลับมาแล้ว...นี่อะไรหรือครับ?”
หวังโหรวตอบ “หมวกเกมของเกมออนไลน์เหยี่ยวั่ง เพื่อนสนิทของฉันซื้อมาจากต่างประเทศได้ยินว่าต่อคิวกันนานทีเดียว ตัวเธอยังกลับมาไม่ได้ แต่กลับทนรอไม่ไหวรีบส่งเ้าหมวกเกมใบนี้กลับมาก่อน บอกว่าเก็บไว้ที่บ้านปลอดภัยกว่า”
หมวกเกมเหยี่ยวั่ง?! ในใจของฉินโจ้วตื่นเต้นสุดขีดความตื่นเต้นที่พวยพุ่งขึ้นในใจนี้ถึงกับบรรยายไม่ถูกทีเดียวในหัวมีความคิดอย่างหนึ่งแวบขึ้นมา จึงอดเอ่ยปากถามออกไปไม่ได้ “อาจารย์ครับ ผมขอใช้หมวกนี่มาเล่นเกมสักแป๊บหนึ่งได้ไหมครับ?”
“นี่...” หวังโหรวขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นท่าทางของฉินโจ้วเธอก็ปฏิเสธไม่ลงจริงๆ ดังนั้นจึงพยักหน้าอนุญาตและพูดต่อ “ก็ได้ เธออยู่บ้านคนเดียวคงเบื่อแย่ แต่ว่าเกมก็คือเกมเื่สำคัญที่สุดต้องเป็ร่างกาย เื่หลักของเธอในเวลานี้คือการพักฟื้นเข้าใจใช่ไหม?”
“ขอบคุณครับอาจารย์ผมต้องเข้าใจแน่นอนครับ” ฉินโจ้วหักห้ามความลิงโลดในใจแต่น้ำเสียงกลับตื่นเต้นอย่างห้ามไม่อยู่ หวังโหรวไม่ได้ใส่ใจนักหลังจากวางหมวกเกมลงเธอก็ไปทำอาหาร
“เหยี่ยวั่ง ผมมาแล้ว!!!” ฉินโจ้วเงยหน้าขึ้นมองความว่างเปล่ากลางห้องในใจแอบะโลั่น!