ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งยืนมือไพล่หลังมองกระดานแผ่นใหญ่ด้วยสีหน้าพอใจ เขาต้องอดใจรอคอยผลประกาศบนกระดานนี้มาหนึ่งเดือนเต็ม และผลที่ออกมาก็ไม่ทำให้เขาต้องผิดหวัง ที่เหลือก็แค่เพียงเอาผลอันดับไปเอาของรางวัลที่ขอไว้
แค่เพียงนึกถึงร่างบางที่นอนกกกอดอยู่ทุกค่ำคืน ปลายจมูกชายหนุ่มก็เหมือนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ประจำกายหญิงสาวล่องลอยมาตามลม ชวนให้เขาไม่อาจรีรออยากสาวเท้ากลับเรือนอย่างเร็วไว
"ว่าอย่างไรหลี่เซียน ไปยืนดูอยู่หน้าสุดของกระดานเช่นนั้นจะเห็นชื่อเ้าหรือ นู้น ท้ายกระดานอยู่ทางนู้น เผื่อเ้าเข้าใจผิดยืนผิดที่"
ฮวาหลี่เซียนไม่ได้สนใจเสียงหัวเราะเยาะจากกลุ่มคนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ เขาไม่สนว่าอีกฝ่ายจะหัวเราะหรือพูดอันใด อย่างไรคนพวกนี้ก็คงหัวเราะไม่ได้ตลอดไปจนตายหรอก
แต่การไม่ใส่ใจหรือแม้กระทั่งหันมามองของหลี่เซียน กลับเป็ตัวกระตุ้นให้กลุ่มเด็กหนุ่มที่หัวเราะอยู่กลายเป็มีโทสะขึ้นมา ถึงแม้ปรกติจะโดยอีกฝ่ายเมินเฉยอยู่ตลอดก็ตามที
"เหอะ กะอีกแค่ลูกหลานจากตระกูลวาณิช ผลสอบแต่ละครั้งแทบเกือบรั้งท้าย ทำมาวางท่าสูงส่ง" ั้แ่ได้พบอีกฝ่าย จิงฮุ่ยก็รู้สึกไม่ชอบหน้านัก
ทั้งที่เป็คนจากตระกูลวาณิช แต่กลับเดินเชิดหน้าไม่สนใจใคร การเรียนก็อ่อนด้อย ทักษะด้านการต่อสู้ก็ไม่ดี แต่ไม่ว่าเ้านั่นจะเดินไปที่มุมใดของสำนักศึกษา ก็มักจะได้รับความชื่นชมจากสตรีไม่ขาด
แม้กระทั่งไป๋เหลียนที่แทบไม่เคยมองเขาอยู่ในสายตา ก็มีท่าทีหลงใหลอีกฝ่ายไม่ต่างจากคนอื่น ทำให้ยิ่งสร้างความไม่พอใจแก่เขาเพิ่มขึ้นเป็เท่าตัว
ทว่าหลี่เซียนหาได้รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย เดิมไม่เคยใส่ใจอย่างไร ตอนนี้ก็ยังคงเป็เช่นนั้น เขามาเรียนก็เพราะอวี้หรัน้า อันดับการสอบครั้งนี้ก็ทำเพื่อนาง เขาจึงไม่จำเป็ต้องเอาคำพูดคนอื่นมาใส่ใจ
ชายหนุ่มเดินหันหลังให้กับคนทั้งหมด มุ่งหน้ากลับเรือนอย่างที่หมายมั่นเอาไว้ั้แ่คราแรก ปล่อยผ่านทำเป็ไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกจากบริเวณหน้ากระดานประกาศผลสอบ เพราะได้เห็นอันดับที่ปรากฏอยู่บนกระดาน
"อาหลี่ยินดีด้วย คืนนี้พวกเราต้องไปฉลองกันหน่อยแล้ว"
"จริงด้วย ไปหอเหลียนผกากันดีกว่า ข้าได้ยินมาว่ามีนางรำโฉมงามมาใหม่ อยากรู้นักว่าจะงามแค่ไหนกัน"
"วันหน้า" หลี่เซียนจับยกสองแขนของสหายออกจากลำคอ สองเท้ายังคงก้าวเดินมุ่งหน้าไปทางหน้าประตูสถานศึกษาเหมือนเดิม
"ที่ไม่ใช่เหลียนผกา" ชายหนุ่มหันกลับมาเอ่ยกับสหายที่วิ่งตามมา หลังจากะโขึ้นขี่ม้าคู่ใจที่คนสนิทจูงมารอ ก่อนจะกระทุ้งเท้าเข้าสีข้างตัวม้าให้มันออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงฝุ่นฟุ้งกระจายทิ้งไว้ด้านหลัง
"จะรีบไปไหนของมันกัน แทนที่จะไปฉลองกันก่อน นาน ๆ จะยอมเปิดเผยความสามารถให้เ้าพวกจิงฮุ่ยใเล่น"
"จะมีที่ไหนได้ หากไม่ใช่เตียนฮวา อุตส่าห์สอบได้ที่หนึ่งทั้งที คงอยากไปขอรางวัลจากท่านน้าคนงามละมั้ง"
ชายหนุ่มทั้งสองคนยืนพยักหน้าเข้าใจในคำพูดของกันและกันในทันที พวกเขาเป็สหายกับหลี่เซียนมานาน ย่อมรู้เื่ราวไม่มากก็น้อย
โดยเฉพาะเื่ความรักของสหาย พวกเขาย่อมต้องรู้เป็ธรรมดา
บ่าวชายเฝ้าหน้าประตูรีบดันประตูเปิดออกกว้างด้วยความรีบเร่ง เมื่อเห็นนายน้อยของเรือนควบม้ามาด้วยความเร็วที่ไม่มีท่าทีจะลดลง พวกเขาต่างพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หลังสามารถเปิดประตูให้เ้านายหนุ่มเข้ามาได้ทัน
แม้จะเรียกว่าเรือน แต่พื้นที่ตั้งของเรือนตระกูลฮวา นับว่ากว้างขวางไม่น้อยกว่าจวนขุนนางใหญ่บางคนในเมืองหลวงก็ว่าได้ รอบบริเวณกินพื้นที่หลายหมู่ มีลานสวนกว้างตัวเรือนแบ่งแยกเป็สัดส่วน ทำให้หลี่เซียนสามารถควบม้าผ่านไปได้อย่างสบาย
ร่างสูงโปร่งรีบะโลงจากหลังม้าอย่างมั่นคง เมื่อถึงเรือนใหญ่ที่เป็จุดหมายปลายทาง ก่อนจะรีบสาวเท้าเข้าเรือนไปอย่างรีบร้อน
ทว่าเมื่อได้เห็นคนที่้าพบ ชายหนุ่มกลับทำได้แต่ยืนนิ่งดั่งถูกมนต์สะกด ั์ตาสีนิลจ้องมองเรือนร่างบางที่นอนหลับอยู่บนเก้าอี้โยกด้วยความหลงใหล
ครั้นได้สติ ร่างสูงโปร่งพยายามเดินลงน้ำหนักฝ่าเท้าให้แ่เบาที่สุด เพื่อไม่ให้รบกวนคนงามที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
ดวงตาเรียวที่ชอบมองจิกเขา ยามนี้ปิดสนิทเห็นเพียงเปลือกตาสีชมพูอ่อนกับแพขนตายาวสีดำเรียงตัวสวย จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากบางกระจับสีสวยฉ่ำแวว ช่างดูเย้ายวนชวนให้ัั
ลำคอหลี่เซียนคลายแห้งผากจนเขาเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อดวงตาคมมองไล่ผ่านลำคอระหงขาวเนียน ทรวงอกอวบอิ่มพอดีมือที่เขาร้องขอบีบเคล้นทุกค่ำคืน
ฝ่ามือเรียวขาวโผล่พ้นชายแขนเสื้อ วางประกบกันอยู่บนหน้าท้องแบนราบ ที่กำลังขยับขึ้นลงเบา ๆ ตามแรงหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ แสดงให้เห็นว่าหญิงสาวกำลังหลับใหลอย่างแท้จริง
ชายหนุ่มมองสำรวจทั่วเรือนร่างบางอีกครั้ง ด้วยอากาศร้อนอบอ้าวและอยู่ในเรือนตน นางถึงสวมใส่อาภรณ์บางเบาพาให้หัวใจเขารู้สึกวาบหวิวเต้นแรง ่เอวคอดกิ่วที่ฝ่ามือเขาจับเพียงข้างเดียวก็แทบมิดรอบ หวนให้นึกถึงััที่ได้นอนกกกอดนางอยู่ในอ้อมแขน
"ท่านเป็ของข้า" เสียงทุ่มต่ำรำพึงแ่เบาระหว่างใช้นิ้วเรียวลูบผ่านพวงแก้มเนียนอย่างอ่อนโยน
"อื้ออ อาหลี่หรือ"
"ข้าเอง" ใบหน้าหล่อเหลาคลี่รอยยิ้มละมุนให้กับท่านน้าคนงาม ก่อนจะช่วยประคองให้นางลุกขึ้นนั่ง
อวี้หรันขยี้ตาด้วยความงุนงง หลังจากเดินสำรวจเตียนฮวา นางก็เอาเวลาที่เหลือทั้งหมดมาใช้กับการนอน ตอนนี้สติเลยยังคืนกลับมาไม่ครบอยู่บ้าง
"ยามใดแล้ว"
"เข้ายามเว่ยแล้ว"
"เพิ่งยามเว่ย แล้วเหตุใดเ้ากลับมา มิใช่ต้องอยู่สำนักศึกษาหรือ" ร่างบางลุกขยับสาบเสื้อให้เรียบร้อย ระหว่างนางเผลอหลับคงขยับตัวมากไป สาบเสื้อถึงหลุดจนอยู่ในสภาพไม่น่ามอง
"วันนี้ประกาศผลสอบ มิได้มีเรียน"
**ยามเว่ย (未:wèi) เวลา 13.00 – 15.00 น.
"แล้วอย่างไร ได้ที่เท่าไหร่" "อันดับหนึ่งของชั้นเรียน อันดับหนึ่งของสำนักศึกษา"
"อืม แค่นี้ก็ดีแล้วไม่ต้องเสียใจไป" ร่างบางตอบรับด้วยคำเดิม ๆ เหมือนทุกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปรินน้ำชาดื่มดับกระหาย
พรวดดด
อวี้หรันพ่นน้ำชาในปากจนผ้าปูโต๊ะเปียกชุ่ม เมื่อนึกคำจากหลานชายได้ ดวงตาเรียวเบิกโพรงด้วยความตื่นตะลึง รีบหันกลับไปมองร่างหนาที่ยืนทำหน้ากรุ่มกริ่มอยู่ที่เดิม
"ชะ..ชั้นเรียน เ้ากำลังจะบอกข้าว่า เ้าสอบได้อันดับหนึ่งของชั้นเรียน ทั้งยังเป็อันดับหนึ่งของสำนักศึกษาอีกด้วยหรือ"
"ขอรับ" หลี่เซียนคลี่รอยยิ้มเอ็นดูหญิงสาว ขณะช่วยเช็ดมุมปากสวยที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำชาที่เพิ่งพ่นออกมา
"อาหลี่ เ้าจะโกหกอะไรก็ควรนึกถึงหลักความเป็จริงบ้าง เ้าจะสอบได้อันดับดีเช่นนั้นได้อย่างไร"
ชายหนุ่มไม่รีบร้อน ยังคงช่วยเช็ดทำความสะอาดให้ร่างบางจนแล้วเสร็จ ถึงเดินไปหยิบม้วนกระดาษที่เตรียมไว้มายื่นให้ เพราะเขาทราบดีว่าอย่างไรนางต้องไม่เชื่อเป็แน่ จึงได้พกกระดาษประกาศอันดับที่ประทับตราสำนักศึกษามาด้วย
อวี้หรันรับม้วนกระดาษมาด้วยความมึนงง พอได้อ่านเนื้อความข้างในยิ่งสร้างความฉงนให้นางเพิ่มมากขึ้น ไหนหลานซื่อบอกเขาสอบได้ดีสุดก็แค่อันดับกลาง ๆ ของชั้นเรียน แล้วผลที่อยู่ในมือนางนี่คืออันใดกัน คนเราจะฉลาดขึ้นมาใน่ข้ามคืนได้เชียวหรือ
"ข้าทำได้เช่นนี้ หวังว่าท่านน้าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้"
"สะ..สัญญา อ่อ เ้าอยากได้สิ่งใดเล่า บอกมาเลย ประเดี๋ยวข้าจะสั่งคนหามาให้" อวี้หรันรู้สึกขนอ่อนลุกชันอย่างไม่ทราบสาเหตุ นางไม่แม้คิดจะเงยหน้าขึ้นมองหลานชายที่ก้มหน้าลงมาใกล้
หลังจากเอ่ยถามไป หญิงสาวก็แสร้งจัดแจ้งนู้นนี่นั้นไปเรื่อย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่โต้ตอบกลับมา นางจึงคิดจะทำเนียนรีบเดินหนีออกจากห้อง
ทว่าทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้ นางยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าใกล้ประตู ข้อมือเล็กก็ถูกดึงรั้งให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับร่างหนา ก่อนที่เขาจะโน้มลงมากระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหู พาให้รู้สึกขนลุกขนชั้นไปมากกว่าเดิม
"ท่านน้ารู้ดี ว่าข้า้าอะไร"
*************************
นิยายเื่นี้มีจัดทำเป็ E book แล้วนะคะ
สามารถเสิร์จหาจากชื่อนิยายหรือชื่อนักเขียน Hawthorn ใน meb ได้เลยค่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้