หลิวเต้าเซียงสูดลมหายใจลึกๆ แค่อยากจะเอาอากาศบริสุทธิ์นี้เข้าไปให้เต็มปอด
“หอมจังเลย”
ดวงตายิ้มโค้ง ลักยิ้มปรากฏออกมา
ขณะที่นางกำลังคิดว่าจะใช้ห้วงมิติที่เก็บซ่อนของได้ เพื่อเก็บเห็ดป่าต่างๆ จากนั้นค่อยส่งไปขายในตำบล เพื่อแลกเป็เงินก้อนแรกของตนเอง
แต่แล้วความฝันนั้นก็มลายหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหลังูเานั้นมีแต่คนมากมายเต็มไปหมด ต่างก็ก้มเก็บและขุดคุ้ยต้นหญ้าละแวกนั้นกันอย่างขวักไขว่
“พี่ ดูเหมือนว่าคนจะขึ้นมากันหมด”
“อืม! น้องรอง ดูเหมือนเราจะมาช้าไป!” หลิวชิวเซียงรู้สึกเซ็งเล็กน้อย นางดึงหลิวเต้าเซียงเดินผ่านกลุ่มคน ระหว่างนั้นมีคนรู้จักคอยทักทายพวกนางตลอด
หลิวเต้าเซียงเห็นกับตา กลุ่มคนที่มาเก็บผักป่าล้วนขุดรากไปด้วย ไฉนเลยจะเหลือรากไว้ให้งอกต้นใหม่ขึ้นมาได้
เอาเถอะ นางยอมรับว่าตนเองคิดน้อยเกินไปที่หวังน้ำเพียงบ่อเดียว จึงเอ่ยน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ “พี่ หรือว่าเราเปลี่ยนที่เก็บดีหรือไม่?”
หลิวชิวเซียงรู้สึกว่าตนเองคงหาอะไรได้ไม่เยอะในที่แห่งนี้ จึงดึงหลิวเต้าเซียงไปยังที่ที่ไร้คน
“เ้าดูสิ ที่นี่ยังไม่เคยมีใครมาขุด เราต้องรีบหน่อย น่าจะพอเก็บได้สักหนึ่งมื้อ ไม่อย่างนั้นกระทั่งรากก็คงไม่มีให้เก็บ”
หลิวชิวเซียงพูดจบก็ก้มลงอย่างรวดเร็วแล้วเกี่ยวต้นหญ้าเพื่อหาผักป่าที่กินได้
ทันใดนั้นหลิวเต้าเซียงก็รู้สึกว่าสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดน่าจะหาโฮสต์ผิดคน เขาน่าจะไปหาพี่สาวของตนมากกว่า พี่สาวที่ขณะนี้ทำงานขยันขันแข็ง โก่งหลังยกสะโพกชี้ฟ้า พยายามจ้องตาไม่กะพริบเพื่อหาผักป่าถึงจะถูก
เมื่อเห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว หลิวชิวเซียงมองดูผักป่าสองสามต้นในตะกร้าสานอย่างเศร้าใจ ยังไม่เพียงพอสำหรับหนึ่งมื้อเลย
หลิวเต้าเซียงนึกหงุดหงิดที่ยังหาทางปลีกตัวออกมาจากหลิวชิวเซียงไม่ได้
“พี่ใหญ่ หรือไม่พี่กลับไปทำกับข้าวก่อน ข้าจะลองหาเพิ่มในูเาดู อาจจะโชคดีได้อีกหลายต้น”
หลิวชิวเซียงคิดอยู่ชั่วครู่ รอบทิศต่างก็มีคน น้องสาวตนเองคงไม่ไปไหนไกล น่าจะไม่เป็อันตราย
“ถ้าอย่างนั้น เ้าระวังตัวหน่อย อย่าเข้าไปลึกเกินไป ย่อมเป็อันตราย”
“เข้าใจแล้ว พี่รีบกลับไปเถิด”
หลิงเต้าเซียงเอ่ยอีกว่า “พี่ทิ้งมีดผ่าฟืนไว้ให้ข้า หากว่าหาผักป่าไม่เจอ ข้าจะผ่าฟืนกลับไปสักหน่อย”
หลิวชิวเซียงเห็นด้วยแล้วกำชับให้นางระวังตัว ก่อนจะลงจากเขาไป
หลิวเต้าเซียงเหยียดแขนบิดี้เี เนื่องจากโก่งหลังเป็เวลานาน รู้สึกว่าหลังแทบจะหักอยู่แล้วจึงลูบบริเวณที่ปวดเมื่อย
จากนั้นก็อาศัยจังหวะที่ไม่มีคนเห็น โยนมีดผ่าฟืนเข้าไปในห้วงมิติแล้วเตรียมย้ายที่
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดโผล่มาอย่างกับผี แล้วเอ่ยขึ้นทันใด “โฮสต์ ทำไมคุณถึงโยนขยะเข้ามาในคลังเก็บของละครับ?”
“ใครใช้ให้นายใช้เงินตั้งตัวของฉันจนหมดล่ะ? นายมันพวกไร้ประโยชน์สร้างภาระให้พวกพ้อง ใครกันที่ทำให้ฉันต้องมาเหน็ดเหนื่อย ถ่อขึ้นเขามาเพื่อหาโอกาสทำงานหาเงินแบบนี้?”
อันที่จริงหลิวเต้าเซียงอยากจะเท้าสะเอวแล้วะโว่า ท่านเทพข้ามมิติจอมหลอกลวง เธออยากจะเปลี่ยนเกม ที่นี่ทำให้เธอ หลิวเต้าเซียง เหนื่อยแทบตายอยู่แล้ว
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดเรี่ยวแรงอ่อนล้าทันใด กลีบถั่วงอกสองใบนั้นเหี่ยวลงช้าๆ “คลังเก็บของไม่ได้มีไว้เก็บของไปเรื่อยเปื่อยนะครับ ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลด้วย”
หลิวเต้าเซียงแทบสำลักเืในตัวออกมา นี่มันใจดำ ตับดำ ปอดดำ ดำจากภายในสู่ภายนอก
“ค่าใช้จ่ายในการดูแล ได้สิ นายเอาเงินตั้งตัวมาคืนฉัน แล้วฉันจะจ่ายค่าดูแล”
ฮึ่ม ลูกไม้กระจอก คิดจะเล่นงานเธอน่ะหรือ ไม่ได้แอ้มหรอก
คำพูดของสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดจุกอยู่ในลำคอทันใด เขาสมควรโดน!
“แต่ว่าคลังเก็บของต้องเก็บเงินจริงๆ นะครับ ไม่ใช่ผมเป็คนเก็บ แต่เป็แผนกการค้าของห้วงมิติสัตว์ปีศาจที่เก็บค่าดูแล หากไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนั้น คุณอาจจะต้องเก็บข้าวของไว้ในเขตเพาะเลี้ยงนะครับ?”
หลิวเต้าเซียงกะพริบตาปริบๆ “โอ๊ย ยุ่งยากจริงๆ เก็บไว้ที่นั่นก็ต้องเก็บค่าดูแลเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”
“ไม่ ไม่ใช่ครับ เขตเพาะเลี้ยงนั้นเก็บปีละครั้ง อีกอย่าง ตอนนี้คุณยังไม่ได้เริ่มเพาะเลี้ยงอะไร ไม่ถือว่าอยู่ในขอบเขตเวลาการเช่า”
โอ้ ถ้าอย่างนั้นความหมายคือใช้ฟรีได้หรือ?
ในที่สุดก็เป็ข่าวดีแรกที่นางได้รับ
ดวงตาที่ว่องไวคู่นั้นมองไปรอบๆ ก่อนตัดสินใจเดินไปในทางที่ผู้คนบางตา
“ที่แท้ก็เป็แบบนี้นี่เอง นายก็บอกให้เร็วกว่านี้หน่อยสิ แบบนี้ฉันจะได้ทำมาหากินง่ายขึ้นหน่อย นายก็เห็นว่านั่นเรียกว่าบ้านได้ที่ไหน คนเ่าั้ชอบที่จะเห็นพ่อแม่ฉันอยู่อย่างลำบาก”
หลิวเต้าเซียงที่เพิ่งได้รับข่าวดี พอได้คืบก็จะเอาศอก “จริงสิ เ้าสัตว์ปีศาจตัวน้อย ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
ทุกครั้งที่ได้ยินนางเรียกว่าเ้าสัตว์ปีศาจตัวน้อย สัตว์ปีศาจเด็กดี เ้าปีศาจก็มักจะขนลุก “ว่ามาครับ”
หลิวเต้าเซียงไม่คิดจะขออนุญาต เพราะไม่้าเปิดโอกาสให้สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดได้ปฏิเสธ “ในเมื่อมีดผ่าฟืนยังสามารถเก็บได้ ถ้าอย่างนั้นตัวฉันเองก็สามารถเข้าไปได้เหมือนกันน่ะสิ? ฉันคิดๆ ดูแล้ว การจะเพาะเลี้ยงสัตว์ต่างๆ ฉันต้องเข้าไปจัดการทุกอย่างเองถึงจะสำเร็จ”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดให้คำตอบอย่างรวดเร็ว “ในสัญญาระบุไว้ว่าโฮสต์ได้รับอนุญาตให้เข้าห้วงมิติเพื่อดูแลสัตว์เลี้ยง ดังนั้นถ้าอ้างอิงจากสัญญา คุณสามารถเข้าไปได้ครับ”
โอ้!
หลิวเต้าเซียงดีใจสุดขีด นี่หมายถึงอะไรน่ะหรือ? ก็หมายความว่านางสามารถเข้าไปในป่าลึกได้มากกว่านี้ ขอเพียงระวังตัวหน่อย หากพบเจออันตรายก็หลบเข้าไปอยู่ในห้วงมิติสัตว์ปีศาจเพื่อหลบภัยก็เพียงพอแล้ว
“สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ด จุ๊บๆ ฉันรักนายนะ”
กลีบถั่วงอกที่ก่อนหน้านี้ขาวดุจหยกตอนนี้กลายเป็สีชมพูเรียบร้อย
น่าเสียดายที่หลิวเต้าเซียงดีใจจนไม่ทันได้สังเกตว่าขณะนี้ตนกำลังมุ่งหน้าสู่ด้านในป่า
แม้ว่าพื้นที่ที่คนทั่วไปจะสามารถเอาร่างกายเข้าไปอยู่ได้นั้นควรจะมีความยาวและกว้างอย่างน้อยครึ่งเมตร สูงสองเมตร ซึ่งก็เพียงพอแล้วสําหรับนางที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ในนั้น เพราะร่างกายของนางในตอนนี้มีอายุเพียงแค่เจ็ดขวบ
หลิวเต้าเซียงหยิบกิ่งไม้ที่ยาวหนึ่งเมตรกว่าเพื่อใช้ตีหญ้าแล้วเดินเข้าไปด้านใน นี่ก็คือการแหวกหญ้าให้งูตื่นอย่างที่กล่าวกัน
แต่ก็ภาวนาอย่าได้เจองูตื่นเลย ที่นางกลัวที่สุดก็คือเื่นี้แหละ
หลังจากเดินได้ประมาณครึ่งชั่วโมง สิ่งต่างๆ รวมทั้งเห็ดป่าที่พร่ำพรรณนาถึง นางก็ได้เห็นมันแล้ว แต่มันถูกคนอื่นเก็บไปหมดไม่เหลือแม้แต่ราก สิ่งนั้นมันกินได้ที่ไหนกัน?
หลิวเต้าเซียงหงุดหงิดแล้วเดินคอตกกลับไป “เ้าถั่วงอก เ้าถั่วงอก ออกมาให้ฉันรังแกหน่อยสิ ตอนนี้ฉันหงุดหงิดมาก”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดได้แต่นิ่งเงียบไว้
หลิวเต้าเซียงแกว่งกิ่งไม้ไปมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบใต้ฝ่าเท้า
ตอนแรกนางไม่ได้สนใจอะไรนัก ต่อมาแววตาที่เหม่อลอยนั้นก็มองเห็นกิ่งไม้ ก่อนจะใช้มือตบท้ายทอยตนเองแล้วหัวเราะร่า “ฉันนี่โง่จริงๆ!”
นางอยากจะเท้าสะเอว แหงนหน้าหัวเราะกับท้องฟ้าเสียจริง
ในที่สุดหลิวเต้าเซียงก็เกิดความคิดดีๆ ได้เื่หนึ่ง นั่นคือนางจะลองเป็คนขายฟืนสักครั้ง
เพราะหลายวันมานี้ฝนตกลมแรง ในป่าก็มีกิ่งไม้ร่วงหล่นมากมาย
เวลานี้หลิวเต้าเซียงไม่สนใจกลับไปกินข้าวที่บ้านเลย ตอนนี้นางกำลังเืพุ่งพล่าน เพื่อรถบีเอ็มดับบลิวในอนาคต และหนุ่มเอ๊าะๆ สู้ตาย!
นางหยิบมีดผ่าฟืนแล้วจัดการตัดกิ่งไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้น แล้วจัดให้เป็ระเบียบ
จำได้ว่าสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดเคยบอกให้ฟังเกี่ยวกับคู่มือการใช้งาน นั่นคือหนึ่งวันในโลกนี้เทียบเท่ากับเวลาของกาแล็กซีที่เทคโนโลยีก้าวไกลถึงสิบวัน นี่คือความแตกต่างของห้วงเวลา
ถ้าจะบอกว่าทําไมนางถึงตื่นเต้นขนาดนี้ เพราะคิดว่าถึงแม้ฝนจะตกลมจะแรงสักเพียงใด แต่ทุกครอบครัวโดยเฉพาะครอบครัวที่ร่ำรวยในตำบลย่อมต้องใช้ฟืน ขอแค่เอาฟืนที่ผ่าเสร็จพวกนี้ไปตากแดดในห้วงมิติสักวันสองวัน อิงตามเวลาในห้วงมิติก็เท่ากับยี่สิบวัน ถ้าอย่างนั้นฟืนก็จะแห้งหมด หากเอาไปขายในตำบลน่าจะได้ราคาดีทีเดียว
เป็เช่นนี้แหละ เมืุ่์ถูกบีบคั้น ความสามารถที่แท้จริงก็จะปรากฏ และมันก็ไม่มีขีดจำกัด
เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตเป็เ้าของที่ดิน หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าวันนี้อดข้าวเที่ยงก็ไม่เป็ไร ความลำบากทำให้นางมองเห็นแง่คิดของการใช้ชีวิต อดทนลำบากในวันนี้เพื่อความสุขสบายในวันข้างหน้า
ในขณะที่กำลังพร่ำเตือนตัวเอง นางก็พยายามเก็บฟืนและอดทนกับความปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นทั่วร่าง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยแสงความหวังแห่งเงินตรา
หลิวเต้าเซียงอายุเพียงแค่เจ็ดขวบ แต่ก็รู้ว่ามีเพียงความพยายามของตนเองเท่านั้นที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ให้ดีขึ้นได้ หากนางขยันขึ้นเขาเพื่อตัดฟืนอีกสักหน่อย แล้วเก็บผักป่า ทำให้เขตเพาะเลี้ยงนั้นเต็มไปด้วยฟืนที่มีความยาวครึ่งเมตร คิดได้เช่นนี้ก็เตรียมเดินกลับบ้านด้วยความเบิกบานใจ
ขณะที่เดินไปพลางทุบไหล่ที่ปวดเมื่อย ก็นึกสงสัยในราคาของฟืนแต่ละมัด
โชคดีที่ตอนเก็บมีลมช่วยพัดกิ่งไม้ให้ตกลงมาจํานวนมาก มิฉะนั้นด้วยวัยแบบนี้การจะตัดฟืนดีๆ คงเป็ไปได้ยาก
และจากการที่เคยท่องโลกอินเตอร์เน็ตมาั้แ่เด็กก็เลยพอจะรู้ว่าของที่สวยงามย่อมได้ราคาดีกว่าเป็ธรรมดา ดังนั้นตอนที่เก็บมาจึงเลือกแต่ฟืนที่เรียงตรง มองแล้วดูดี
“โฮสต์ สู้ๆ นะครับ วันเวลาที่ดีงามกำลังโบกมือรอคุณอยู่”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดที่เงียบไปนานครึ่งค่อนวันเพิ่งจะเอ่ยปากพูดออกมาในระหว่างที่หลิวเต้าเซียงกำลังเดินกลับบ้านอย่างมีความสุข แต่ปากนางก็ไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ บ่นเขาไปว่าชักช้า ไม่ทันการ
ตอนขากลับโชคดีที่เก็บผักป่าได้อีกสี่ห้าต้น ผิดกับตอนขามาที่ใจพองโต คิดว่าจะเก็บแต่เห็ดที่มีราคากลับไปได้แน่ ไม่ทันได้เหลียวมองผักป่าเหล่านี้ แต่มันเป็สิ่งที่ชาวบ้านต่างรู้กันตั้งนานแล้วจึงแห่กันเก็บไปไม่เหลือ
หลิวเต้าเซียงกลับมาเจอพี่สาวที่บ้านพอดี
“เต้าเซียง เ้ากลับมาแล้วหรือ นี่ใกล้จะได้เวลากินข้าวเย็นแล้ว”
หลิวเต้าเซียงพบว่าขอบตาของนางแดงก่ำ จึงเอ่ยถาม “พี่ พี่เป็อะไร? ย่าด่าพี่อีกแล้วหรือ?”
หลิวชิวเซียงพยักหน้า “ข้าเห็นว่าเ้ายังไม่กลับมา จึงอยากเก็บโจ๊กมันเทศไว้ให้เป็มื้อเย็น แต่ย่ากลับบอกว่าเ้าไม่กินมื้อหนึ่งคงไม่หิวตาย เมื่อเ้ากลับมาคงถึงมื้อเย็นพอดี เดิมทีข้ากำลังจะหาจังหวะที่ย่าไม่ทันสังเกตแล้วแอบเก็บไว้ให้ แต่ครู่เดียวที่ข้าไปเอาเสื้อผ้าสกปรกของอาเล็ก พอกลับมาย่าก็เอาส่วนที่เหลือไปทำอาหารหมูหมดแล้ว”
หลิวเต้าเซียงโมโหจนแทบกระอักเื นางทนเหน็ดเหนื่อยขึ้นเขามาทั้งวัน พอถึงคราวกลับมา ตัวเองกลับเทียบหมูตัวหนึ่งยังไม่ได้
“พี่ ข้าตัดสินใจแล้ว เรารอจนถึงเวลามื้อเย็นแล้วค่อยกลับไปกันเถอะ”
หลิวชิวเซียงส่ายหน้า “หา? แต่ย่าให้ข้าไปทำข้าวเย็นนะ”
“ถ้าย่าถามขึ้นมา พี่ก็บอกไปตามตรง ทำไมพี่ทำงานบ้านมาทั้งวัน ส่วนข้าที่หาของป่าบนเขาทั้งวัน เหตุใดย่าจึงไม่ยอมให้ข้ากินข้าว? ลำพังหากให้พี่ไปเป็คนรับใช้ ยังสามารถทำงานแลกเงินได้ถึงหลักสิบหลักร้อยต่อเดือน”
หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่า หลิวฉีซื่อนั้นเคยตัวกับการเป็ลูกคุณหนูจึงไม่ยอมทำงาน เอาแต่คอยกดขี่ครอบครัวหลินซานกุ้ย ใช้งานหนักเยี่ยงวัวควาย
“อืม ไม่ได้หรอก ย่าจะตีเอาได้ เผลอๆ จะตีให้ตายด้วยซ้ำ น้องรอง เ้าอย่าคิดเช่นนี้อีกเลย แค่นี้ย่าก็อยากจะเล่นงานเราให้ตายกันหมดอยู่แล้วเพื่อประหยัดเสบียงภายในบ้าน”
หลิวเต้าเซียงนิ่งเงียบ เห็นทีหลิวชิวเซียงจะรู้จักหลิวฉีซื่อดีกว่านาง
“แต่ย่ารังแกคนเช่นนี้ ก็เพราะเห็นว่าครอบครัวเรานั้นซื่อตรงเกินไป พี่ดูสิ ทำไมนางไม่เรียกใช้บ้านลุงใหญ่บ้าง หรือต่อให้ลุงใหญ่ยังกลับมาจากเมืองหลวงไม่ได้ แล้วลุงรองล่ะ ครอบครัวลุงรองอยู่ในตำบล แต่ไม่กี่วันก็พาป้ารองกับครอบครัวมากินมาพักที่บ้าน ทว่าคนที่เหนื่อยแทบตาย วิ่งเข้าวิ่งออกดูแลคนทั้งบ้านกลับเป็พี่กับแม่”
หลิวชิวเซียงพูดไม่ออก นางเองก็รู้ว่าย่านั้นวางอำนาจเกินไป แต่ว่านางเป็หลานจะไปพูดอะไรได้?
“แต่ว่า พ่อแม่บอกแล้ว ให้เราเชื่อฟังและเคารพปู่กับย่า”
------