ณ ที่พักแรมสกุลกู่
กู่เสี่ยวอวี่ลอบเข้าไปในกระโจม หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครแล้วก็หันกลับไปโบกมือเรียกเด็กหนุ่ม “เข้ามาเถอะ”
เด็กหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ะโลงมาจากต้นไม้วิ่งก้มหน้าเข้าไปในกระโจมอย่างรวดเร็ว
กู่เสี่ยวอวี่จัดแจงที่นั่งให้เด็กหนุ่มแล้วกล่าวว่า “รอข้าอยู่ที่นี่ อย่าวิ่งเล่นไปทั่วเล่า”
นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับกำลังดูแลลูกสุนัขจรจัด ลู่เต้ายิ้มซื่อๆ พร้อมกับตอบรับอย่างเชื่อฟัง “ขอรับ!”
กู่เสี่ยวอวี่ยิ้มหวาน ก่อนจะเดินออกจากกระโจมไปอย่างเร็วรวดพลางใช้มือปิดใบหน้าที่แดงก่ำพร้อมกับพึมพำเบาๆ ว่า “กู่เสี่ยวอวี่ เ้าพาผู้ชายกลับมาได้อย่างไรกัน หากคนอื่นเห็นเข้า คงมีคนเอาไปนินทาจนเสี่ยวฮ่าวโกรธอีกแน่”
นางส่ายหน้าเพื่อบังคับตัวเองไม่ให้คิดมาก จากนั้นก็รีบรุดหน้าไปทางครัว
ภายในกระโจม เด็กหนุ่มยังคงหยัดยิ้มโง่งมอยู่ ครั้งสุดท้ายที่ถูกผู้หญิงปฏิบัติด้วยอย่างอ่อนโยนแบบนี้ แถมยังเป็เด็กสาวที่น่ารักขนาดนี้ก็คือตอน...
เมื่อนึกถึงเื่นี้ เด็กหนุ่มก็รู้สึกเศร้าใจ เพราะหมู่บ้านเมฆาขาวที่เขาอาศัยอยู่ไร้ซึ่งเด็กสาว
“เ้าหนู...” เสียงของไป๋เสียเอ่ยดุเด็กหนุ่มอย่างอ่อนแรง “ศักดิ์ศรีของผู้สืบทอดวิถีอสูร...ศักดิ์ศรีของผู้สืบทอดวิถีอสูร...”
บัดนี้เขาเปรียบเสมือนเทียนไขก่อนไฟจะดับ ดูแก่ลงไปมาก จากหนุ่มรูปงามกลายเป็ชายชราผอมแห้งในพริบตา
“ถูกข้าวชามเดียวหลอกมาได้... ข้า...ข้า!” ไป๋เสียโกรธจนแทบคลั่ง ร่างกายปรากฏวาบๆ ราวกับจะสิ้นใจตายได้ทันที
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณลู่เต้าที่ทำให้เขาต้องสิ้นเปลืองพลังิญญาไปอย่างเปล่าประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นในตอนที่พยายามหยุดลู่เต้าที่กำลังหิวโหย สมาธิไป๋เสียพลันถูกแบ่งแยก กอปรกับประมาทคู่ต่อสู้ ผลก็คือเขาถูกเด็กหนุ่มคนนี้ซ้อมจนน่วม และถูกชิงการควบคุมร่างกายไปได้
ตอนนี้แม้แต่การรักษารูปลักษณ์ให้คงความเยาว์วัยเขายังทำไม่ได้
เมื่อลู่เต้าเห็นไป๋เสียกลายเป็แบบนี้ก็ใรีบถามว่า “ว้าว ท่านกลายเป็ตาเฒ่าได้อย่างไรกัน”
ไป๋เสียเห็นเด็กหนุ่มแสร้งทำเป็ไม่รู้เื่ ก็ยิ่งโกรธขึ้นไปอีก แต่เมื่อความโกรธพุ่งถึงขีดสุด ไป๋เสียนึกอะไรบางอย่างได้ สีหน้าพลันเคร่งขรึม ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เ้าหนู เ้า...”
ผ้าม่านกระโจมถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน กู่เสี่ยวอวี่วิ่งหน้าแดงหอบหายใจเข้ามาพร้อมกับตะกร้าใบใหญ่ในมือ
“แฮกๆ... ข้าเข้ากระโจมผิด...” กู่เสี่ยวอวี่เหงื่อท่วมตัว หอบหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินถือตะกร้าเอามาวางตรงหน้าลู่เต้าแล้วนั่งลงกับพื้น นางถามว่า “เมื่อกี้ไม่มีใครมาใช่หรือไม่”
ลู่เต้าพยักหน้าหงึกๆ ราวกับลูกไก่จิกข้าว
นางยิ้มพลางนำอาหารในตะกร้าออกมา “เหลือแค่อาหารนี้แล้ว เ้าจะรังเกียจหรือไม่”
ลู่เต้าส่ายหน้าราวกับกลองเพล ดวงตาจ้องอาหารไม่วางตาพลางกลืนน้ำลายลงคอไม่หยุด
เมื่อกู่เสี่ยวอวี่เห็นท่าทางของลู่เต้าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา นางนึกถึงแต่ลูกสุนัขจรจัดที่เคยเลี้ยงเอาไว้
“ไอ้หนูไร้ประโยชน์!” ไป๋เสียชี้นิ้วด่าลู่เต้าด้วยท่าทีอ่อนแรง “แต่ก่อนข้าอยากจะหาหางมาติดให้เ้านัก...ตอนนี้ดูสิ...หางกระดิกโดนแม่หนูนั่นแล้ว!”
โชคดีที่ไป๋เสียอยู่ในสภาพิญญา ทั้งกู่เสี่ยวอวี่และคนทั่วไปมองเห็นเขาไม่ได้หากไม่มีวิชา ลู่เต้าที่เบาใจจึงเอ่ยว่า “ปล่อยมันไปเถอะ ข้ามีความสุขก็พอแล้ว”
หลังจากรับตะเกียบจากมือกู่เสี่ยวอวี่ ลู่เต้าก็ยกชามข้าวขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย รสชาติน้ำแกงเข้มข้นแผ่ซ่านไปทั่วปลายลิ้นทันที
ลู่เต้ารู้สึกอยากจะะโออกมาด้วยความหฤหรรษ์ แต่สุดท้ายความรู้สึกอันรุนแรงนี้ก็ถูกเขาข่มเอาไว้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง
กู่เสี่ยวอวี่ยกมือเท้าแก้มมองดูสีหน้าที่ทั้งซับซ้อนและน่าขบขันของลู่เต้าอย่างเพลิดเพลินจนลืมตัว
ลู่เต้าถือชามข้าวขึ้นมากินราวกับผีหิวโซ
“อร่อยหรือไม่”
ลู่เต้าที่เคี้ยวแก้มตุ่ยพยักหน้ารัวๆ ให้กู่เสี่ยวอวี่ ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อ แต่เมื่อถูกจ้องนานๆ เข้า เขาก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้ จึงเอ่ยถามอย่างเหนียมอาย “ข้ากินน่าเกลียดไปหรือ”
“ไม่นะ” กู่เสี่ยวอวี่ตอบอย่างเป็ธรรมชาติ “ข้าชอบดูคนอื่นกินข้าวที่สุด”
“เอ๋ จริงเหรอ”
“อืม...” กู่เสี่ยวอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ก็ไม่เลว ดียิ่ง”
ลู่เต้ายังอยากจะชวนคุยต่อ แต่ไม่คิดว่ากู่เสี่ยวอวี่จะตอบกลับมาเช่นนี้ ทำเอาเขาไปต่อไม่ถูก จึงก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“นี่เป็อาหารจานใหม่ที่ข้าเพิ่งคิดค้นขึ้นมา เ้าคิดว่าคนอื่นจะชอบหรือไม่” กู่เสี่ยวอวี่เลียบๆ เคียงๆ ถาม ดูเหมือนว่านางจะไม่ค่อยมั่นใจในผลงานของตนเองนัก
“อร่อย! แต่รสชาติเข้มแบบนี้ กินนานๆ คงเลี่ยนน่าดู” ลู่เต้ามองเม็ดข้าวแวววาวและน้ำแกงที่เกาะอยู่บนตะเกียบอย่างสงสัย “เหตุใดของเ้าถึงไม่เลี่ยนเล่า”
กู่เสี่ยวอวี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าใส่ผักกาดหอมลงไปในข้าวด้วย รสชาติกรุบกรอบจะทำให้ไม่เลี่ยนง่ายๆ”
ลู่เต้ากระจ่างแจ้ง ในขณะเดียวกันก็อดสงสัยไม่ได้ว่า สิ่งที่เขากินมาตลอดนั้นคืออะไรกันแน่
“เอ่อ...” กู่เสี่ยวอวี่ที่หน้าแดงก่ำด้วยคนเอ่ยอย่างเขินอาย “ข้ายังไม่รู้จักชื่อของเ้าเลย”
เมื่อเอ่ยจบประโยค กู่เสี่ยวอวี่ก็รีบแนะนำตัวเองทันที “ข้าชื่อกู่เสี่ยวอวี่ กู่ที่มาจากโบราณ เสี่ยวที่มาจากเล็ก อวี่ที่มาจากสายฝน”
ลู่เต้าได้ยินดังนั้นก็คิดในใจว่าคนข้างนอกแนะนำตัวเองแบบนี้นี่เอง จึงตอบกลับอย่างมั่นใจ “ข้าชื่อลู่เต้า ลู่ที่มาจากพื้นดิน เต้าที่มาจากศีลธรรม!”
“เ้าโง่!” ไป๋เสียด่า
ลู่เต้ารีบแก้ตัว “...เต้าที่มาจากหนทางต่างหาก!” เมื่อทำเื่อับอายขายหน้าต่อหน้านาง ลู่เต้าแทบอยากจะขุดหลุมฝังตัวเองเสียตรงนั้น
กู่เสี่ยวอวี่กลับถูกท่าทางซื่อๆ ของลู่เต้าเรียกเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง ไป๋เสียเห็นท่าทางของนางก็ร้องในใจว่า 'แย่แล้ว ยัยหนูนี่หน้าตาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่ไม่คิดว่าสายตาจะแย่ขนาดนี้ ดันไปชอบเ้าโง่ลู่เต้านี่เสียได้! เสียดายดวงตางามๆ คู่นั้นจริงๆ!'
ขณะที่ไป๋เสียกำลังครุ่นคิดอย่างขมขื่นว่าจะทำอย่างไร ถึงจะแยกคนทั้งคู่นี้ออกจากกันได้ ท้องของลู่เต้าก็ร้องขึ้นอีกครั้ง กู่เสี่ยวอวี่เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้จึงเดินออกจากกระโจมไป “รอข้าสักครู่นะ”
ไป๋เสียรีบขยับมาตรงหน้าลู่เต้า จับคอเสื้อของเขาแล้วถามด้วยน้ำเสียงสงสัย “เ้าหนู... เ้าอย่าบอกนะว่า ชอบยัยหนูนี่”
“ทะ...ทะ...ท่านพูดอะไรเนี่ย!” ลู่เต้าที่หน้าแดงก่ำรีบปฏิเสธทันควัน
ไป๋เสียคิดในใจ เ้าหนูนี่คิดอะไรก็อยู่บนใบหน้าหมดแล้ว
“จริงหรือ” ไป๋เสียถามย้ำ
“นะ...แน่นอน!” ลู่เต้าหลบสายตา “ข้าจะโกหกท่านได้อย่างไร”
‘ไอ้หนูนี่มันต้องโกหกข้าแน่’ ไป๋เสียมองลู่เต้าอย่างไม่อยากเชื่อพร้อมกับครุ่นคิด ‘แถมยังโกหกอย่างไม่สะทกสะท้านอีกด้วย!’
“เ้าชอบนางจริงๆ ด้วย!”
“ไม่ใช่! ท่านพูดมั่วแล้ว!” ลู่เต้าโต้แย้งอย่างร้อนรน
ภายในโกดังเก็บเสบียง กู่เสี่ยวอวี่เดินผ่านผักผลไม้สดใหม่ที่วางเรียงรายอย่างเป็ระเบียบ ในที่สุดนางก็หยุดอยู่ที่ลังแตงโม ยกเท้าขึ้นหยิบแตงโมลูกใหญ่หนักราวห้ากิโลกรัมออกมา
ขณะที่นางกำลังจะยกแตงโมกลับกระโจม ทันใดนั้นก็มีเสียงหวานใสดังขึ้นข้างหลัง “โอ้ นี่ไม่ใช่ท่านว่าที่สะใภ้ใหญ่หรอกหรือ”
กู่เสี่ยวอวี่สะดุ้งไปทั้งตัว แต่นางก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว หันหลังกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มเช่นเคย “เป็คุณหนูสวี่ตัวเจียวเองหรือ”
ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเด็กสาวก็คือ สวี่ตัวเจียว หัวหน้าแม่ครัวของร้านอาหารสกุลกู่ในปัจจุบัน สวี่ตัวเจียวอายุมากกว่าเกาฮ่าวห้าปี รูปร่างหน้าตาดูเป็ผู้ใหญ่มากกว่า ทั้งรูปร่างและหน้าตาย่อมเย้ายวนกว่ากู่เสี่ยวอวี่ แต่กูเทียนหยวนกลับเลือกกู่เสี่ยวอวี่
สวี่ตัวเจียวหมายปองเกาฮ่าวมานานแล้ว แต่น่าเสียดาย ไม่ว่านางจะส่งสายตาเชิญชวน หรือใช้ร่างกายอันเย้ายวนยั่วเย้าเกาฮ่าวมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ไม่เคยสนใจ
ดังนั้น สวี่ตัวเจียวจึงโทษว่าเป็ความผิดของกู่เสี่ยวอวี่ทั้งหมด นางคิดว่าหากไม่มีกู่เสี่ยวอวี่สักคน ตำแหน่งสะใภ้สกุลเกาต้องตกเป็ของนางอย่างแน่นอน
“กอดแตงโมลูกโต...” สวี่ตัวเจียวมองกู่เสี่ยวอวี่ด้วยสายตาแปลกประหลาด “จะเอาไปไหนหรือ”
กู่เสี่ยวอวี่ยิ้มบางๆ “น้ำในลำธารแถวนี้เย็นมาก ข้ากะว่าจะเอาไปแช่น้ำไว้ พอเสี่ยวฮ่าวกลับมาจะได้มีแตงโมเย็นๆ กิน”
ฉับพลันนั้นสวี่ตัวเจียวก็รู้สึกไม่พอใจ นางคิดว่าอีกฝ่ายกำลังแดกดันตนเอง จึงแกล้งถามว่า “หึ ทำไมข้าไม่เคยได้ยินว่านายน้อยอยากกินแตงโมเลยสักนิด หรือว่า... มีคนอยากกินจนต้องแอบอ้างเช่นนี้”
กู่เสี่ยวอวี่แสร้งทำเป็จนใจ เดินไปยื่นแตงโมลูกหนักอึ้งให้สวี่ตัวเจียว “ถ้าอย่างนั้นก็คืนให้เ้าก็แล้วกัน พอเขากลับมาไม่มีแตงโมเย็นๆ กิน ข้าก็ได้แต่ต้องพูดความจริง เ้าเองก็รู้ว่าเวลาเสี่ยวฮ่าวโกรธ นอกจากท่านป้าแล้วก็ไม่มีใครห้ามได้”
สวี่ตัวเจียวรู้นิสัยใจร้อนของเกาฮ่าวเป็อย่างดี แต่นางมาที่โกดังเก็บเสบียงเพื่อเตรียมวัตถุดิบสำหรับมื้อเย็น ไม่ว่างมาสนใจว่าแตงโมจะเย็นหรือไม่ ทุกคนต่างรอทานมื้อเย็น หากนางจัดเตรียมไม่ดีจนเกาฮ่าวโกรธขึ้นมา นางคงประสบเคราะห์ร้ายเป็แน่
สวี่ตัวเจียวได้แต่กัดฟันกรอดหันหลังกลับไปแสร้งทำเป็ไม่เห็น กู่เสี่ยวอวี่ยิ้มพลางกอดแตงโมเดินไปยังกระโจมที่ลู่เต้าอยู่ เมื่อนางเปิดม่านกระโจมเข้าไปก็เห็นลู่เต้ากำลังทะเลาะกับอากาศจนหน้าแดงก่ำ
“เ้า...เป็อะไรรึเปล่า” กู่เสี่ยวอวี่ถามอย่างเป็ห่วง
ลู่เต้าแสร้งทำเป็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ไม่เป็ไร ข้าแค่ยืดเส้นยืดสายเฉยๆ”
กู่เสี่ยวอวี่ไม่ติดใจอะไร นางอวดแตงโมในอ้อมกอดให้ลู่เต้าอย่างดีใจ “ดูสิ ข้านำแตงโมลูกโตมาให้เ้า”
นี่เป็ครั้งแรกที่ลู่เต้าได้เห็นแตงโมลูกใหญ่ขนาดนี้ ขนาดเกือบเท่าอ่างล้างหน้า! ถึงแม้ว่าบนเขาจะมีแตงโมป่า แต่ก็ไม่มีใครใส่ปุ๋ยดูแล รสชาติจึงไม่ได้เื่
เขาก้าวเท้าเข้าไปหากู่เสี่ยวอวี่ที่กำลังกอดแตงโมอยู่ แล้วเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ขอข้ากอดหน่อย!”
“เอ๋ เ้าอยากกอดหรือ...” กู่เสี่ยวอวี่มองแตงโมสลับกับลู่เต้าด้วยท่าทางลำบากใจ
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะระวังอย่างดี” ลู่เต้ากล่าว
“ก็ได้...” กู่เสี่ยวอวี่วางแตงโมลงแล้วเข้าไปโอบเอวลู่เต้าไว้ ใบหน้าแดงก่ำนั่นซบลงบนอกแกร่งของเขา “แบบนี้เหรอ”
ลู่เต้าอึ้งไป “เอ๋”
ไป๋เสียร้อง “เอ๋???”
ไม่รู้ว่าทั้งสองอยู่อย่างนั้นไปนานเท่าไร เวลาผ่านไปนานจนกู่เสี่ยวอวี่ไม่เห็นอีกฝ่ายขยับ จึงเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าลู่เต้าหลับตาพริ้มไปแล้ว
“ลู่... ลู่เต้า! เ้าเป็อะไรรึเปล่า” กู่เสี่ยวอวี่เขย่าตัวลู่เต้าอย่างเป็กังวล
ในขณะที่สองคนและหนึ่งิญญาใจนทำอะไรไม่ถูก สวี่ตัวเจียวที่ยืนอยู่หน้ากระโจมก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
ที่แท้สวี่ตัวเจียวยังคงไม่ไว้ใจกู่เสี่ยวอวี่ หลังจากที่นางกอดแตงโมออกไป นางก็แอบสะกดรอยตามมา ไม่คิดว่าจะได้เห็นเื่ที่น่าใยิ่งกว่าการขโมยแตงโม
“แอบซ่อนผู้ชายไว้ ยายเด็กนี่ตายแน่...” สวี่ตัวเจียวแสยะยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ ก่อนจะจากไปอย่างเงียบๆ
