เด็กหญิงไม่ได้ยินเสียงของหมอตำแยเฒ่าที่กำลังตำหนิตนอยู่ข้างๆ ในหัวของนางตอนนี้คิดเพียงเหตุใดมารดาถึงได้ไม่ยอมลืมตามาพูดกับตน มิใช่ว่าท่านแม่บอกว่านางกำลังจะมีน้องชายสองคนอย่างนั้นหรือ แล้วอีกคนเล่าหายไปที่ใด
แม่เฒ่าจวงเห็นท่าไม่ดี เพราะพานเยว่หลานหมดสติไปนานจึงได้ลองใช้นิ้วอังไปที่รูจมูกของนาง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าไร้ลมหายใจหญิงชราจึงรีบอุ้มทารกที่พึ่งคลอดออกมา ก่อนออกจากห้องพร้อมทั้งดึงแขนผอมแห้งของหลี่อันหนิงตามออกมาด้วย
“แย่แล้ว!! แย่แล้ว!! พานเยว่หลานตายแล้ว นางคลอดเด็กสองคนไม่ไหวสิ้นใจแล้ว”
คนบ้านหลี่ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบกรู่เข้ารุมล้อมแม่เฒ่าจวงทันที
“แม่เฒ่าท่านหมายความว่าอย่างไร ที่บอกว่านางตายแล้ว”
ผู้เฒ่าหลี่ผู้เป็พ่อสามีของพานเยว่หลานทิ้งปล้องยาสูบในมือพุ่งเข้ามาจับตัวแม่เฒ่าจวงเขย่าถาม แม่เฒ่าจวงผู้เป็หมอตำแยละล่ำละลักตอบออกมาทั้งน้ำตา ในอ้อมแขนยังมีเด็กทารกเพศชายนอนไร้เรี่ยวแรง เสียงร้องแ่เบาราวกับลูกแมวน้อย
“ก็อย่างที่ข้าพูด นางเสียชีวิตแล้ว สะใภ้ใหญ่ของท่านตายแล้ว นี่หลานชายของท่าน เด็กคนนี้พานเยว่หลานใช่กำลังทั้งหมดที่มีเบ่งเขาออกมา”
หลี่อันหนิงไม่เข้าใจว่าตายที่แม่เฒ่าจวงเอ่ยถึงหมายความว่าอย่างไร ตอนนี้นางเพียง้ามารดาเท่านั้น เด็กน้อยใช้แรงทั้งหมดสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของหญิงชรา ก่อนจะวิ่งกลับเข้าห้องไป
“ตายไปแล้วก็ตายไปสิ ยังจะคลอดเ้ามารหัวขนนี่ออกมาอีกทำไม”
แม่เฒ่าหม่าเดินออกมาดูเพราะได้ยินเสียงโวยวายของแม่เฒ่าจวง เมื่อรู้ว่าสะใภ้ใหญ่ของตนเสียชีวิตแล้วนางก็แสดงท่าทางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างไม่รู้สึกผิดแม้เพียงนิด ส่วนปากก็ยังมิวายเอ่ยเหน็บแนมทั้งที่เื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็เพราะนางที่ใช้งานพานเยว่หลานหนักเกินไป
“พ่อของเด็กไปไหนหรือ”
แม่เฒ่าจวงมองหาบุตรชายคนโตตระกูลหลี่ที่่นี้ไม่ค่อยจะได้เห็นหน้าเห็นตา แม้แต่ภรรยาคลอดลูกเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่
“ท่านจะอยากรู้ไปทำไม บุตรชายของข้าเป็ถึงบัณฑิตถงเซิงไหนเลยจะมามีเวลาว่างมายุ่งกับเื่เล็กน้อยเพียงนี้ เ้าทำหน้าที่ตนเองเสร็จแล้วก็รีบไปเถอะ นี่ตำลึงของเ้า”
แม่เฒ่าหม่ายอมควักเนื้อตนเองจ่ายเงินให้หมอตำแยจวง ก่อนจะไล่ให้นางออกจากเรือนของตนไป
“ถือเสียว่าเป็ค่าทำศพของนางก็แล้วกัน อาเฟิงลูกไปเอาเสื่อมาสตรีอย่างพานเยว่หลานไม่จำเป็ต้องจ่ายเงินซื้อโลงดีๆ ให้นางหรอก”
หญิงชราใจอำมหิตเรียกให้บุตรชายคนรองนำเสื่อมาห่อร่างของสะใภ้ใหญ่ ก่อนจะสั่งให้เขาแบกนางไปยังูเาด้านหลังหมู่บ้าน ส่วนผู้เฒ่าหลี่ทันทีที่ได้อุ้มหลานชายคนโตผู้ที่ต่อไปจะกลายเป็ผู้สืบสายเืของตน ชายชราก็ไม่สนใจว่าแม่ของเด็กจะอยู่หรือตาย มีเพียงหลี่อันหนิงเท่านั้นที่เดินตามอารองไปยังูเาด้านหลังหมู่บ้านเพียงลำพัง
“เ้าตามมาทำไม! ถ้าท่านย่ารู้เข้าเดี๋ยวก็ถูกตีอีกหรอก”
หลี่เฟิงหัวดุผู้เป็หลานสาวด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก แม้เขาจะเป็คนไม่เอาไหนแต่ก็ไม่เคยเข้าร่วมการกลั่นแกล้งสองแม่ลูกเลยสักครั้ง ทำเพียงมองดูภรรยามารดาและน้องสาวคนเล็กร่วมมือกันเอาเปรียบนาง
“อารอง จะพาท่านแม่ไปที่ใดเ้าคะ”
หลี่เฟิงหัวได้ยินคำถามใสซื่อของหลานสาว จึงหยุดเดินก่อนจะหันกลับมามองร่างเล็กแกร็นที่สูงเพียงเข่า
“ท่านแม่ของเ้านางตายแล้ว ข้ากำลังจะนำร่างของนางไปฝังบนูเาน่ะสิ เมื่อรู้อย่างนั้นแล้วก็เลิกตามมาเสียที”
เด็กน้อยมองไปยังผู้เป็อาด้วยสีหน้างงงัน ก่อนจะถามออกไปอีกครั้ง
“ตายคืออะไรหรือเ้าคะ ท่านอารอง”
หลี่เฟิงหัวถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญ ก่อนจะโยนร่างของพานเยว่หลานลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี
“เฮ่อ!! หลี่อันหนิงฟังข้านะ ตายก็คือตายนางไม่หายใจแล้ว แล้วก็อยู่ดูแลเ้าไม่ได้อีกต่อไป เอาล่ะในเมื่อรู้เช่นนี้ก็กลับลงเขาไป อย่ามาขวางทางข้า”
หลี่เฟิงหัวก้มลงหวังแบกร่างของพานเยว่หลานที่ถูกห่อด้วยเสื่ออีกครั้ง ทว่าแรงขยับที่เขาััได้ทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งโหยงก่อนจะถีบม้วนเสื่อออกไปให้ห่างจากตน
“เฮ้ย!! อะไรกันวะ!! หมอตำแยบอกว่านางตายไปแล้วนี่ แล้วยังดิ้นอยู่ได้อย่างไร”
ชายหนุ่มผู้เริ่มรู้สึกตาขาวเหลือบสายตามองไปรอบๆ ด้วยท่าทางขี้ขลาด
ท้องนภายามอัสดงอาบย้อมไปด้วยสีโลหิต แม้จะยังมิได้มืดมิดทว่าภายในูเาที่มีต้นไม้ขึ้นหนาทึบได้บดบังทัศนวิสัยทำให้มองเห็นเส้นทางได้ไม่ชัดเจน
เสียงกระพือปีกของเหล่านกป่าดังพรึบพรับ ยิ่งทำให้หลี่เฟิงหัวขลาดกลัวจนกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอได้อย่างยากเย็น
สายตาหลุกหลิกมองไปยังม้วนเสื่อที่กองอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีหวาดๆ ชายหนุ่มหยิบท่อนไม้แห้งที่วางอยู่ไม่ไกลเขี่ยม้วนเสื่อเบาๆ เพียงหวังว่าตนเองจะตาฝาดหรือคิดไปเองเท่านั้น
แต่แล้วม้วนเสื่อที่มีร่างไร้ลมหายใจของพานเยว่หลานก็ขยับขึ้นมาจริงๆ
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งทิ้งท่อนไม้ในมือ ก่อนจะเผ่นแนบโกยอ้าวไปอย่างไม่เหลียวหลัง ทิ้งหลานสาวตัวน้อยที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ด้านข้างโดยไม่สนใจว่านางจะตามมาหรือไม่
หลังจากที่หลี่เฟิงหัววิ่งกลับลงเขาไปชายหนุ่มก็แหกปากร้องะโว่าตนถูกผีหลอก จนชาวบ้านที่กำลังกลับมาจากทำนาต้องจับตัวเขาเอาไว้
สิ้นเสียงของเขาพลันสายลมหอบใหญ่ก็พัดกรรโชกขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย สร้างความหนาวสะท้านให้แก่ชายหนุ่มไปจนถึงขั้วหัวใจ
เมฆดำทะมึนก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าอย่างกะทันหัน ฟ้าแลบแปลบปลาบสร้างแสงวูบวาบน่าขนลุก สายลมกรรโชกพัดพาเอาเศษดินและใบไม้ปลิวว่อนไปทั่วทั้งหมู่บ้าน
ทันใดนั้นสายฝนห่าใหญ่ก็เทลงมาไม่ขาดสายทำเอาท้องฟ้ายามเย็นพลันมืดทะมึนในบัดดล
“ท่านแม่!! ท่านแม่!! ตื่นสิเ้าคะ นอนที่นี่ไม่ได้นะเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
ร่างเล็กแกร็นแกะเอาเสื่อที่ห่อม้วนร่างของมารดาออก ก่อนจะเขย่ากายที่เย็นชืดไปนานแล้วของนาง
ทว่าในระหว่างที่สายฝนกำลังเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เสียงร้องแ่เบาราวกับลูกแมวน้อยก็ดังขึ้น
หลี่อันหนิงมองไปยัง่ขาของมารดาเห็นบางสิ่งกำลังขยับไหว นางจึงเลิกชุดสีขาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตของมารดาขึ้น
บัดดลร่างเล็กของเด็กทารกที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดก็ปรากฏแก่สายตา
ด้วยสัญชาตญาณ เด็กน้อยในวัยห้าขวบรีบถอดเสื้อคลุมด้านนอกอันเปียกชื้นไปด้วยละอองน้ำฝนออกมาห่อร่างเล็กของน้องสาวเอาไว้ ส่วนตนเองก็เอาแต่เอ่ยพึมพำว่า ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร พี่สาวจะดูแลน้องเอง
หลี่อันหนิงกอดเด็กทารกเอาไว้ในอ้อมแขน ใช้ร่างกายเล็กจ้อยของตนกำบังลมฝนให้น้องน้อยอย่างกล้าหาญ
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยามสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก็ค่อยๆ ซาลง แสงแลบแปลบปลาบบนท้องฟ้าทำให้มองเห็นรอบๆ ป่าได้อย่างชัดเจน
ร่างเล็กนั่งตากฝนอยู่บนเขาเป็เวลาเนิ่นนาน เพราะหาหนทางกลับเรือนเฉกเช่นผู้ใหญ่ไม่ได้ กายของเด็กน้อยเริ่มสั่นสะท้านเสียงฟันของนางกระทบกันดังกึกกัก
ก่อนสติสุดท้ายของเด็กหญิงจะดับวูบไป หลี่อันหนิงคล้ายมองเห็นมารดาของตนที่นอนอยู่เบื้องหน้าลุกขึ้นมาตระกองกอดนางเอาไว้แนบอก ก่อนกระซิบน้ำเสียงอ่อนโยนว่า ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร แม่อยู่นี่แล้ว
เสียงเพลงกล่อมเด็กที่มารดาเคยร้องกล่อมตนยามค่ำคืนยังคงดังก้องประทับในโสต หลี่อันหนิงหลับไปทั้งรอยยิ้มโดยไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นต่อจากนั้น
ทางด้านหลี่เจี๋ยที่พักอยู่ในหอพักของเหล่าบัณฑิตในสถานศึกษา เมื่อได้รับจดหมายแจ้งที่ทางตระกูลหลี่ส่งมา เขาทำเพียงเงียบไปไม่แสดงความรู้สึกใดใดออกมา ทำราวกับว่าเื่ที่เขียนมาในจดหมายไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับตน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้