แม้ว่าหลี่ซื่อจะไม่ใช่คนดี แต่หานอวิ๋นซีก็ยังชื่นชมวิชาพิษของนาง พิษที่นางวางนั้นเป็สิ่งที่คนทั่วไปสามารถล้างพิษได้อย่างง่ายดายเสียที่ไหนกัน
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสมองของอี้ไท่เฟยและมู่หรงหว่านหรู รู้ๆ กันอยู่ว่าหลี่ซื่อเก่งเื่พิษมากขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าจะยังเห็นนางเป็พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ตั้งไว้แต่ไม่ได้บูชา จะไปหาหมอพิษทำไมกัน?
“ยังไม่รุ่งสาง คุณหนูหว่านหรูเรียกหาข้าทำไมกัน?” หานอวิ๋นซีถามอย่างรู้เท่าทัน
คนที่ขอความช่วยเหลือก็ต้องมีท่าทางของคนที่จะขอความช่วยเหลือ การที่ส่งสาวใช้มาหาแล้วไม่พูดอะไรเลย นี่มันคืออะไร?
ชุ่ยผิงสาวใช้ผู้นี้เป็คนสนิทของมู่หรงหว่านหรู แน่นอนว่าต้องรู้เื่อะไรบางอย่าง แต่คุณหนูหว่านหรูบอกเพียงให้นางมาพาอวิ๋นซีกลับไป นอกจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีกเลย นางเองก็ไม่สามารถกระทำเองโดยไม่ขออนุญาตได้เช่นกัน
“ทูลหวังเฟย หม่อมฉันไม่ทราบแน่ชัดเพคะ แต่คุณหนูหว่านหรูกำลังรีบ คงเป็เื่ใหญ่แน่ๆ เราไม่ควรชักช้า เสลี่ยงรออยู่ข้างนอก รีบไปกันเถอะเพคะ” ชุ่ยผิงพูดได้ฉลาดมาก
หานอวิ๋นซียิ้ม “นางมีเื่สำคัญอะไร เ้ากลับไปบอกนางว่าข้ามีเื่เร่งด่วนมากมายที่ต้องจัดการและคงไม่ว่าง ค่อยมาหาข้าทีหลังอีกทีก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชุ่ยผิงก็กระวนกระวาย “หวังเฟย คุณหนูต้องมีเื่เร่งรีบแน่ๆ เพคะ อย่างไรกลับไปกันก่อนเถอะเพคะ”
แน่นอนว่าคุณหนูหว่านหรูไม่ได้มีเื่อะไรร้ายแรง แต่เป็อี้ไท่เฟยที่มีเื่ร้ายแรง เมื่อคืนั้แ่กลับจวนไป ไท่เฟยก็ไอไม่หยุด นางหาหมอพิษไม่ต่ำกว่าสิบคน ทุกคนล้วนตรวจไม่พบพิษ จากนั้นก็ไปหาหมอหลวงมาหลายคนเช่นกัน ทว่าทุกคนก็ยืนยันว่าอาการไอเกิดจากพิษ ไท่เฟยรู้สึกโมโหจนเกือบจะฆ่าคน
ไท่เฟยเป็คนที่กลัวการป่วยมากที่สุด โดยปกติแล้วลมและความเย็นเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้อารมณเสียได้ แล้วจะไปนับประสาอะไรกับเื่ที่รุนแรงขนาดนี้ล่ะ?
หมอพิษและหมอหลวงทั้งหมดต่างถูกดุด่าจนเละไม่เป็ท่า จนต้องคุกเข่าลงบนพื้น แม้แต่หว่านหรูก็ไม่รอด
ด้วยเหตุนี้ คุณหนูหว่านหรูที่ทนไม่ไหว ก็ได้แต่ก้มหน้าขอร้องให้หวังเฟยกลับไป
“ก็ได้ๆ เ้ากลับไปก่อน ข้าจัดการเื่ในมือเสร็จแล้วจะตามไปทีหลัง ตกลง…หรือไม่?” หานอวิ๋นซีถามอย่างสุภาพ
อย่างไรก็ตาม ชุ่ยผิงเป็สาวใช้ เมื่อได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้ก็ไม่กล้าปฏิเสธ ทำได้แค่เพียงรีบกลับไป
หานอวิ๋นซีเหลือบมองไปบนท้องฟ้า อีกครึ่งชั่วยามก็จะรุ่งสาง เมื่อเย็นหลี่ซื่อพูดไว้ว่าจะทำให้อี้ไท่เฟยมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้ พิษอยู่ในคอตอนนี้คงทำให้อี้ไท่เฟยไอจนเป็เืใช่หรือไม่?
หากอี้ไท่เฟยตายจริงๆ นางก็จะสามารถเลื่อนขั้นเป็นายหญิงของจวนฉินอ๋องได้ แม้จะเป็เพียงในนามแต่ก็ยังดีกว่าตอนนี้ อย่างไรก็ตาม นางก็ใจร้ายไม่ลงอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าอี้ไท่เฟยจะดูเกลียดชัง แต่นางก็ไม่ได้ใจร้ายเท่ามู่หรงหว่านหรู นางก็แค่ได้ทีขี่แพะไล่ แต่มู่หรงหว่านหรูกลับเป็คนวางแผนเื่ต่างๆ ไม่น้อย
นอกจากนี้ นางเป็หมอ การเห็นคนตายแล้วไม่ช่วยก็ไม่ต่างอะไรไปจากฆาตกร
นางบิดี้เี ลุกขึ้น สั่งเสี่ยวเฉินเซียงสองสามคำแล้วออกไป...
ในเวลานี้ ลานดอกโบตั๋นในจวนฉินอ๋องกำลังวุ่นวาย อี้ไท่เฟยกระอักเืและกระอักเืสีดำออกมาคำใหญ่!
“หมอหลวง หมอหลวง! รีบพาหมอหลวงเข้ามาเร็วเข้า! เร็วๆ!”
มู่หรงหว่านหรูกลัวมากจนใบหน้าซีดเซียวและะโด้วยความตื่นตระหนก ถ้าอี้ไท่เฟยตายไป นางจะต้องถูกไล่ออกจากจวนหรือไม่?
หมอหลวงและหมอพิษที่เข้ามา ทุกคนต่างใอย่างมาก หมอพิษรีบเอาเืพิษไปตรวจ ทุกคนก็รอกันอย่างกระวนกระวาย แม้แต่อี้ไท่เฟยที่หงุดหงิดกับอาการคันคอ ก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมาและตั้งใจดูเช่นกัน
แต่ใครจะรู้ หมอพิษทำได้เพียงยืนยันว่าถูกวางยา แต่ก็ตรวจไม่พบพิษใดๆ
อี้ไท่เฟยโกรธเกรี้ยวจนคว้าอะไรไม่ได้ จึงหยิบปิ่นปักผมบนศีรษะออกมาแล้วขว้างมันไป “ไร้ประโยชน์! พวกขยะเศษสวะ ไสหัวออกไปให้หมด! ออกไป!”
อี้ไท่เฟยที่ะโออกไปจนทำให้นางไอหนักยิ่งกว่าเดิม ในไม่ช้าก็ไอออกมาเป็เืสีดำ นางใจนใบหน้าเปลี่ยนสี “หานอวิ๋นซีมาแล้วหรือยัง?”
แน่นอนว่านางรู้ว่าหานอวิ๋นซีเก่งกว่าหมอพิษพวกนี้มาก แต่นางเป็คนที่รักในศักดิ์ศรี จะไปยอมอ้อนวอนหานอวิ๋นซีได้อย่างไรกัน เพียงแต่เื่นี้ นางไม่มีเสียง มู่หรงหว่านหรูจึงต้องไปขอร้องแทนนาง!
นี่เป็เื่ของความเป็ความตาย!
“ไปหานางมาแล้วเพคะ! นางอยู่ที่จวนตระกูลหานและไม่ได้กลับมา เมื่อครู่ข้าส่งคนไปหาอีกครั้ง! พี่สะใภ้ทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน?” มู่หรงหว่านหรูตอบอย่างเร่งรีบ
มู่หรงหว่านหรูไม่เต็มใจที่จะไปขอร้องจริงๆ ไม่เต็มใจที่จะให้โอกาสหานอวิ๋นซีได้สร้างคุณงามความดี ดังนั้นนางจึงรอให้อี้ไท่เฟยโกรธและรอให้นางออกคำสั่งให้หานอวิ๋นซีถูกเรียกตัวกลับมาด้วยการบังคับ
แต่ใครจะไปรู้ อี้ไท่เฟยกลับมองมาที่นางอย่างชั่วร้ายและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ไม่ใช่ว่าเป็เพราะเ้าหรือไร! ถ้าเมื่อคืนปล่อยให้นางกลับมากับข้าดีๆ ข้าต้องมาทนทุกข์ทรมานแบบนี้หรือ? เ้าไปหานางด้วยตัวเอง เดี๋ยวนี้! พูดเพราะๆ ด้วยล่ะ!”
อี้ไท่เฟยก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นนิสัยที่ชอบใช้ไม้อ่อนของหานอวิ๋นซี สตรีผู้นั้นดื้อรั้น แม้ว่าอี้ไท่เฟยจะบังคับให้นางกลับมา นางก็อาจไม่สามารถรักษา
เมื่อเห็นว่าใกล้จะรุ่งสางแล้ว นางก็ไม่กล้าเอาชีวิตของตัวเองมาล้อเล่น! นางเสียใจจริงๆ เมื่อคืนที่ฉินอ๋องก็อยู่ที่นั่นด้วย หากกลับมาด้วยกันแล้วขอให้หานอวิ๋นซีล้างพิษให้ ก็คงหายแล้วใช่หรือไม่?
มู่หรงหว่านหรูใอย่างมาก นี่เป็ครั้งแรกที่หมู่เฟยตำหนินางหนักขนาดนี้ในรอบหลายปี
“หมู่เฟย ขะ...ข้าเองก็ไม่ทราบ...”
“พอได้แล้ว เ้ามัวแต่อืดอาด อยากจะฆ่าข้าหรือไร?”
อี้ไท่เฟยผลักนางอย่างแรง มู่หรงหว่านหรู่หวาดกลัวจนไม่กล้าพูดไร้สาระอีกและรีบออกไป
ในขณะที่มู่หรงหว่านหรูกำลังจะออกไป หานอวิ๋นซีก็กลับมาทางประตูหลังด้วยตัวเอง
นางตรงไปที่ลานดอกโบตั๋น และรีบไปที่ห้องของอี้ไท่เฟยโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า “หมู่เฟย! หมู่เฟย!”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ อี้ไท่เฟยก็ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเร็วไว และเห็นหานอวิ๋นซีรีบเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“หมู่เฟย นี่มันเวลาไหนแล้ว ทำไมพิษของท่านถึงยังไม่หายล่ะ? ทำไมถึงพูดแล้วไม่มีเสียง! หว่านหรูนี่จริงๆ เลย ส่งคนรับใช้สองคนไปหาข้าก็ทำตัวลึกลับเสียเหลือเกิน ไม่ว่าข้าจะถามอย่างไรก็บอกว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่าน โชคดีที่แม่นมจ้าวมาบอกข้า ไอ้หยา ทำไมนางถึงทำแบบนี้กันนะ เื่ความเป็ความตายยังต้องมีอะไรกังวลอีก? นี่เอาเื่ชีวิตของท่านมาเป็เื่ตลกหรือไร!”
ในขณะที่บ่น หานอวิ๋นซีก็ดึงมือของอี้ไท่เฟยและแสร้งทำเป็จับชีพจรของนาง นางได้แอบเปิดใช้งานระบบการล้างพิษเพื่อทำการสแกนอย่างละเอียด ไม่ว่าพิษชั่วคราวของหลี่ซื่อจะทรงพลังเพียงใด มันก็ไม่สามารถรอดพ้นจากเทคโนโลยีระดับสูงของหานอวิ๋นซีได้
ในไม่ช้า หานอวิ๋นซีก็รู้อย่างชัดเจน
เมื่อได้ยิน “คำฟ้อง” ของหานอวิ๋นซี อี้ไท่เฟยก็กำหมัดแน่น แค่มู่หรงหว่านหรูไม่ไปเชิญด้วยตัวเอง นางก็โกรธมากอยู่แล้ว ใครจะรู้ว่ามู่หรงหว่านหรูจะส่งคนไปแต่กลับไม่บอกความจริงอีก
สิ่งที่หานอวิ๋นซีพูดนั้นถูกต้อง เรียกได้ว่าเห็นชีวิตของนางเป็เื่ล้อเล่น การที่สตรีผู้นี้ไม่ให้ความสำคัญ ดูเหมือนว่าจะเป็เพราะถูกนางตามใจจนเสียคน
เมื่อเห็นอี้ไท่เฟยหายใจหนักขึ้น ดวงตาของหานอวิ๋นซีฉายแววเ้าเล่ห์ ทันใดนั้นนางก็ชักมือออกและอุทานว่า “แย่แล้ว!”
อี้ไท่เฟยใมากจนเกือบตกจากเตียง “เกิดอะไรขึ้น? ช่วยไม่ได้แล้วหรือ?”
“หมู่เฟย พิษกำลังเข้าสู่หัวใจและปอด มันสายเกินไปแล้ว!” หานอวิ๋นซีพูดอย่างกังวล
อี้ไท่เฟยรู้สึกเพียงว่าตรงหน้ามืดมนและวิงเวียนศีรษะ นางคว้ามือของหานอวิ๋นซีอย่างรวดเร็ว “อวิ๋นซี เ้าต้องช่วยข้า เ้าต้องช่วยข้าได้! ข้ายังไม่อยากตาย!”
อวิ๋นซี?
หากหานอวิ๋นซีจำไม่ผิด นี่เป็ครั้งแรกที่อี้ไท่เฟยเรียกนางอย่างสนิทสนมเช่นนี้
คนกำลังจะตาย ไม่ว่าจะมาด ศักดิ์ศรี หรือความคับแค้นใจใดๆ ล้วนเป็เมฆที่ล่องลอยอยู่
“หมู่เฟย นี่มันล่าช้ามานานเกินไปแล้ว! หากเร็วกว่านี้สักนิด ต่อให้จะชั่วขณะหนึ่ง ข้าก็คงแน่ใจว่าสามารถรับมือได้ แต่ตอนนี้...ข้าไม่สามารถรับประกันได้จริงๆ” หานอวิ๋นซีอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ถะ...ถ้าอย่างนั้นทำอย่างไรดีล่ะ? ควรทำอย่างไร?” อี้ไท่เฟยตื่นตระหนกจนเสียสติ
“หมู่เฟย ข้าจะพยายามใช้เข็มทองระงับพิษและขอให้หมอพิษหายาให้โดยด่วน ข้าจะทำให้ดีที่สุดไม่ว่าจะสายเกินไปหรือไม่...”
หานอวิ๋นซีไม่พูดต่อ อี้ไท่เฟยเองก็ไม่กล้าฟังสิ่งที่พูด นางรีบพูดว่า “เร็วเข้า เร็วเข้า!"
มันไม่มีทางอื่นอีกแล้ว นางไม่อยากตาย!
“หมู่เฟย รีบนอนลง ข้าจะได้รีบฝังเข็มลงไป” หานอวิ๋นซีแสร้งทำเป็กังวล
ทันทีที่อี้ไท่เฟยนอนลง นางก็หยิบเข็มทองคำออกมา ค้นหาจุดฝังเข็มที่คอของนางอย่างระมัดระวัง และให้ใบสั่งยาแก่หมอพิษ
ด้วยท่าทางที่แข่งขันกับเวลาและขยันขันแข็งเช่นนี้ จึงไม่มีใครสงสัยว่านางแสร้งทำ
ในความเป็จริง แค่นางใช้เข็มเล่มเดียว ก็สามารถระงับการแพร่ของพิษได้ แต่อย่างน้อยในเวลาสามวันนี้ นางจะไม่ใช้โอกาสนี้เล่นกับมู่หรงหว่านหรูได้อย่างไร
ภายใต้หลังคาเดียวกัน หาก้ากำจัดมู่หรงหว่านหรูก็ต้องชนะใจอี้ไท่เฟยเท่านั้น
หลังจากยืนยันใบสั่งยาแล้วหมอพิษก็รีบแยกตัวไปหยิบยาอย่างรวดเร็วที่สุด แล้วต้มยา หลังจากนั้นไม่นาน หานอวิ๋นซีจึงจะฝังเข็มเสร็จ นางก็ถอนหายใจออกและนั่งลงข้างๆ
ในเวลานี้ ท้องฟ้าทางทิศตะวันออกสว่างขึ้นและกำลังจะรุ่งสาง
อี้ไท่เฟยนอนอยู่บนเตียง ร่างกายแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับตัวใดๆ
“หมู่เฟย ท่านยังคันคออยู่หรือไม่” หานอวิ๋นซีถามด้วยความเป็ห่วง
“ไม่ มันไม่คันแล้ว อวิ๋นซี เ้าว่า...เ้าว่ามันทันหรือไม่?” อี้ไท่เฟยประหม่าอย่างมาก
หานอวิ๋นซีตั้งถอนหายใจออกเสียง “หากข้ารู้เร็วกว่านี้สักหน่อย ก็...”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางจึงเปลี่ยนเื่และรีบปลอบโยน “คนดีผีคุ้มอย่างหมู่เฟย ต้องไม่เป็อะไรอย่างแน่นอนเพคะ!”
ไม่ว่าคำปลอบใจใดๆ ในตอนนี้ก็ไร้ซึ่งพลัง ดวงตาของอี้ไท่เฟยแดงก่ำ สมองขาวโพลนและหวังว่าหมอพิษจะรีบเอายามาให้เท่านั้น
นางไม่ได้พูดอะไรแต่กลับจับมือของหานอวิ๋นซีไว้ และจับไว้แน่นราวกับหวังว่าหานอวิ๋นซีจะให้กำลังแก่นาง
หานอวิ๋นซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดก็ยื่นมืออีกข้างออกมา “หมู่เฟย ไม่ต้องกังวล หากท่านคันคอให้รีบบอกข้าทันที”
อี้ไท่เฟยพยักหน้าด้วยความเกร็งและเครียด มุ่งความสนใจไปที่ลำคอตนเอง
เวลาที่ต้องรอคอยนั้นแสนนาน
ทันใดนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าที่ร้อนรนอยู่ข้างนอก
“มาแล้ว!” อี้ไท่เฟยมีความสุขมาก
แน่นอนว่าหมอพิษเข้ามาพร้อมยาร้อนที่กำลังเดือด “ไท่เฟย ยานี้ปรุงตามใบสั่งยาของหวังเฟยพ่ะย่ะค่ะ”
ยามาแล้ว ตอนนี้นางยังไม่รู้สึกคันคอ ถือว่ายังทันเวลา นางต้องรอด ต้องรอดเท่านั้น!
อี้ไท่เฟยตื่นเต้นมากจนลุกขึ้นนั่งเอง หานอวิ๋นซีรับยาและป้อนให้นางทีละคำจนกระทั่งจิบสุดท้าย นางจึงรู้สึกโล่งใจและตื่นเต้น “อวิ๋นซี ดื่มยาจะหายใช่หรือไม่?”
แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังกลัวความตาย นับประสาอะไรกับหญิงชราอย่างอี้ไท่เฟยผู้นี้?
หานอวิ๋นซีเคยชินกับความกลัวแบบนี้ ดังนั้นนางจึงพยักหน้า “ยินดีด้วยหมู่เฟย ตอนนี้ไม่อันตรายถึงชีวิตแล้ว แต่อย่างไรกว่าที่ยาจะออกฤทธิ์ต้องใช้เวลาครู่หนึ่ง แล้วข้าจะช่วยเอาเข็มออกให้ท่านอีกที”
อี้ไท่เฟยพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดหัวใจของนางที่ล่องลอยอยู่ในอากาศก็ฟื้นขึ้น นางเอนหลังพิงหมอนสูงและแอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
หานอวิ๋นซีดึงมือของนางอย่างเงียบๆ เพื่อจับชีพจร อี้ไท่เฟยที่สงบลงแล้ว เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหานอวิ๋นซี นางก็มองสตรีผู้นี้อีกครั้งโดยไม่รู้ตัว...
