ตอนที่ 4 บรรเลงเพลงบนคมดาบ
รุ่งอรุณแห่งเมืองหลัวเฟิงมิได้นำพาความหวังอันสดใสมาให้เยว์เอ๋อร์ มันกลับนำพาความเยียบเย็นและความกดดันมหาศาลมาแทนที่ นางแทบไม่ได้นอนเลยตลอดทั้งคืน ในหัวมีแต่ความคิดที่วนเวียนถึงการเดิมพันด้วย ชีวิตที่กำลังจะมาถึง ป้าเหมยจัดหาเสื้อผ้าที่ดูสะอาดสะอ้านที่สุดเท่าที่จะหาได้ให้นาง เปลี่ยน แม้จะเป็เพียงผ้าฝ้ายธรรมดา แต่ก็ยังดีกว่าอาภรณ์มอซอขาดวิ่นที่นางสวมมา
ขบวนรถม้าที่ตระกูลจินส่งมารับนั้นหรูหราเกินกว่าที่เยว์เอ๋อร์เคยจินตนาการ ตัวรถทำจากไม้จันทน์หอมสลักลายเมฆามงคล ม่านหน้าต่างปักด้วยดิ้นทอง เมื่อเทียบกับสภาพของนางแล้ว ช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว
คฤหาสน์ตระกูลจินตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง กินอาณาเขตกว้างขวางราวกับวัง หลวงย่อมๆ ัหินสองตัวหมอบเฝ้าอยู่หน้าประตูใหญ่ ด้วยท่วงท่าองอาจน่าเกรง ขามบ่าวรับใช้ทุกคนที่เดินผ่านก้มศีรษะให้ป้าเหมย แต่กลับมองเยว์เอ๋อร์ด้วยสายตาที่ เต็มไปด้วยความสงสัยและดูแคลน
บรรยากาศภายในคฤหาสน์นั้นเงียบสงัดจนน่าขนลุก... เงียบเกินไป เงียบจนได้ยินเสียงใบไม้ร่วงหล่นกระทบพื้นหินอ่อน ทุกย่างก้าวของพวกนางดังก้อง ไปทั่วโถงทางเดินที่ว่างเปล่า ความเงียบนี้มิใช่ความสงบ แต่เป็ความเงียบที่เกิดจาก ความหวาดกลัว เป็ความเงียบที่ถูกบังคับให้เกิดขึ้น
ป้าเหมยนำนางมาหยุดอยู่หน้าเรือนรับรองหลังใหญ่หลังหนึ่ง "เรือนใจสงบ... ที่พำนักของคุณชาย" นางกระซิบเสียงเบา "จำที่พูดไว้ให้ดีนะแม่หนู ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จงมีสติเข้าไว้"
เมื่อบานประตูถูกเปิดออก สิ่งแรกที่ปะทะเข้ามาไม่ใช่ภาพ แต่เป็กลิ่น... กลิ่นของยาต้มสมุนไพรนานาชนิดที่คละคลุ้งอยู่ในอากาศจนแทบจะสำลัก ภายในห้องโถงกว้าง มีบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งรออยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาสวมอาภรณ์ผ้าไหมเนื้อดีที่สุด ท่วงท่าองอาจน่าเกรงขาม แต่ขอบตาที่ดำคล้ำและริ้วรอยบนหน้าผากนั้นบ่งบอกถึงความกังวลที่กัดกินจิตใจมา เป็เวลานาน นี่คือจินหยวนเป่า... นายท่านใหญ่แห่งตระกูลจิน ผู้กุมอำนาจทางการค้า ครึ่งหนึ่งของเมืองหลัวเฟิง
ข้างกายเขามีชายชราผมขาวโพลนในชุดบัณฑิตยืนอยู่ ท่าทางเหมือนเป็หมอหลวง
จินหยวนเป่ากวาดสายตามองเยว์เอ๋อร์ั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า แววตาของเขาคมกริบราวกับใบมีด "เ้า... คือนักดนตรีที่เหมยฮัวพูดถึงรึ? เด็กสาวซอมซ่อท่าทางเหมือนขอทานเช่นนี้...จะทำในสิ่งที่หมอเทวดาทั่วหล้าทำไม่ได้อย่างนั้นรึ?"
น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดัง แต่เต็มไปด้วยอำนาจที่กดข่มจนทำให้คนขวัญอ่อนต้องคุกเข่า ลงกับพื้น เยว์เอ๋อร์ตัวสั่นเทิ้ม แต่เมื่อนึกถึงมารดาที่รอคอยอยู่นาง ก็รวบรวมความกล้า ทั้งหมดตอบกลับไป
"นายท่านใหญ่...บุปผางามอาจซ่อนอยู่ในป่าลึกเสียงพิณที่แท้จริงหาได้วัดกันที่อาภรณ์ภายนอกไม่เ้าค่ะ"
จินหยวนเป่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ประหลาดใจในความกล้าของนาง "ปากดี! ข้าไม่สนใจว่าเ้าจะพูดจาฉลาดหลักแหลมเพียงใด ข้าสนเพียงผลลัพธ์เท่านั้น! ท่านหมอหลี่ บอกกฎให้นางฟังสิ"
ชายชราที่ยืนอยู่ข้างๆ ก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว "แม่นางน้อย... อาการป่วยของคุณชายนั้นประหลาดนัก โสตประสาทของเขาอ่อนไหวอย่างยิ่งยวด เสียงที่ดังเกินเพียงเล็กน้อยจะทำให้เส้นลมปราณทั่วร่างปั่นป่วน โลหิตไหลย้อนกลับ สร้างความเ็ปทุกข์ทรมานราวกับถูกเข็มนับพันเล่มทิ่มแทง" เขาหยุดพูด จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเยว์เอ๋อร์ "หากเสียงพิณของเ้าทำให้อาการของคุณชายกำเริบ...โทษทัณฑ์นั้นใหญ่หลวงนัก! แต่หากเ้าทำสำเร็จ... นายท่านใหญ่ย่อมมีรางวัลให้อย่างงามเช่นกัน"
หัวใจของเยว์เอ๋อร์เต้นรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอก นี่คือการเดิมพันที่แท้จริง!
"ข้า... เข้าใจแล้วเ้าค่ะ"
"ดี! เช่นนั้นก็เข้าไป" จินหยวนเป่าผายมือไปยังประตูห้องด้านใน "ซือเหวิน... บุตรชายข้า... อยู่ในนั้น"
เยว์เอ๋อร์ประคองพิณกู่ฉินเดินผ่านร่างของบุรุษผู้ทรงอำนาจทั้งสองเข้าไปในห้องด้าน ในเพียงลำพัง บานประตูไม้เนื้อดีถูกปิดลงอย่างแ่เบา แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนประตูนรกได้ปิดตายหนทางหนีของนางไปแล้ว
ภายในห้องตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่หรูหราบนเตียงไม้หอมสี่เสามีร่างของเด็กหนุ่มผู้ หนึ่งนอนหลับใหลอยู่ เขาดูอายุราวๆ สิบเจ็ดสิบแปดปี ใบหน้าหล่อเหลาหมดจด แต่กลับซีดขาวราวกับกระดาษ คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยแม้ในยามหลับ บ่งบอกถึงความเ็ปที่เกาะกุมอยู่ตลอดเวลา นี่คือคุณชายจินซือเหวิน
เยว์เอ๋อร์ทรุดตัวลงนั่งห่างจากเตียงพอสมควร วางพิณลงบนตัก นางหลับตาลงเพื่อทำสมาธิ
[ระบบกำลังประเมินสถานการณ์: เป้าหมายอยู่ในภาวะหลับลึกแต่ไม่สงบ คลื่นสมองบ่งชี้ถึงความเ็ปเรื้อรัง การใช้บทเพลงเยียวยาโดยตรงอาจกระตุ้นการต่อต้านรุนแรง]
[คำแนะนำ: จงเริ่มต้นด้วยท่วงทำนองที่นุ่มนวลและเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในห้วงสำนึกของเป้าหมาย สร้างความคุ้นเคยก่อนจะเริ่มการเยียวยา]
นางลืมตาขึ้น ปลายนิ้วแตะลงบนสายพิณอย่างแ่เบาราวกับขนนกััผิวน้ำ
ติ๊ง...
เสียงโน้ตตัวแรกดังขึ้น... มันเบา... เบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน หากไม่ใช่เพราะความเงียบสงัดในห้องนี้ ก็คงไม่มีใครสังเกตเห็น มันคือเสียงที่บริสุทธิ์และนุ่มนวล ดุจดั่งหยาดน้ำค้างที่ร่วงหล่นจากใบไผ่ในยามเช้า
บนเตียง... ร่างของจินซือเหวินกระตุกเล็กน้อย คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วยิ่งขมวดแน่นขึ้นไปอีก!
เยว์เอ๋อร์ใจหายวาบ! แค่เสียงที่เบาขนาดนี้ยังกระตุ้นเขาได้! นางเกือบจะหยุดเล่นโดยสัญชาตญาณ แต่เสียงของระบบก็ดังขึ้นในหัว
[ตรวจพบการต่อต้านเบื้องต้น... อย่าหยุด! จงบรรเลงต่อไปด้วยความถี่เดิม แต่ผสานเจตจำนงแห่งการปลอบประโลมเข้าไปในท่วงทำนอง!]
นางกัดฟันสู้! นิ้วของนางยังคงดีดต่อไปด้วยความแ่เบาเช่นเดิม แต่ในใจของนางนั้นไม่ได้ว่างเปล่าอีกต่อไปนางนึกถึงยามที่ปลอบโยนน้องชายในคืนที่ฝนฟ้าคะนอง นึกถึงยามที่ลูบหลังให้มารดาเพื่อบรรเทาอาการไอ... ความรู้สึกห่วงใย อันบริสุทธิ์ถูกถ่ายทอดผ่านปลายนิ้วลงสู่สายพิณ
ติ๊ง... ติ๊ง... ติ๊ง...
เสียงพิณยังคงดังเป็จังหวะสม่ำเสมอ ราวกับเสียงน้ำหยดในถ้ำที่สงบเงียบ คราวนี้... คิ้วที่ขมวดแน่นของจินซือเหวินค่อยๆ คลายออกอย่างช้าๆ การต่อต้านเริ่มลดลงแล้ว!
เยว์เอ๋อร์เห็นว่าได้ผล จึงค่อยๆ สอดแทรกท่วงทำนองที่ซับซ้อนขึ้นทีละน้อย นางเริ่มบรรเลงเพลง "วสันต์คืนชีพ" ที่ได้มาจากระบบ แต่เป็ฉบับที่ลดทอนความซับ ซ้อนและความดังลงจนเหลือเพียงแก่นของทำนองที่นุ่มนวลที่สุด
เสียงพิณของนางในยามนี้มิใช่เสียงดนตรีอีกต่อไป...แต่มันคือสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิที่พัดโชยเข้ามาในห้องที่หนาวเหน็บมันคือแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าที่สาดส่องลงบนพื้นดินที่แห้งแล้ง มันแทรกซึมเข้าไปในโสตประสาทของจินซือเหวินอย่างอ่อนโยน ขับไล่ความเ็ปที่เกาะกินเขามานานหลายปีออกไปทีละน้อย... ทีละน้อย...
ใบหน้าที่เคยซีดขาวเริ่มกฎสีเืฝาดจางๆ ลมหายใจที่เคยติดขัดกลับลึกและ สม่ำเสมอขึ้น ร่องรอยแห่งความทรมานบนใบหน้าเลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยความ สงบอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
และแล้ว... ปาฏิหาริย์ก็บังเกิด
หยาดน้ำใสๆ หยดหนึ่ง... ไหลรินออกมาจากหางตาที่ปิดสนิทของจินซือเหวิน มันคือหยาดน้ำตาแห่งการปลดปล่อย!
ด้านนอกห้อง...จินหยวนเป่าและท่านหมอหลี่ยืนแนบหูกับประตูด้วยหัวใจที่เต้นระทึก พวกเขาไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเ็ปของคุณชาย... ไม่ได้ยินแม้แต่เสียง ครวญครางใดๆ มีเพียงเสียงพิณอันแ่เบาและสงบเยือกเย็นที่ลอยแ่ออกมาเท่านั้น
"เป็ไปได้อย่างไร..." ท่านหมอหลี่พึมพำด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ "นี่มัน...ขัดต่อหลักการแพทย์ทุกแขนง!"
จินหยวนเป่ากำหมัดแน่นดวงตาที่เคยแข็งกร้าวบัดนี้สั่นระริกด้วยความหวังอันท่วมท้น เขารอคอยวินาทีนี้มานานเหลือเกิน...
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม (1 ชั่วโมง) เสียงพิณก็หยุดลง เยว์เอ๋อร์รู้สึกอ่อนเพลียราวกับไปแบกหินมาทั้งูเา การบรรเลงเพลงที่ต้องใช้สมาธิและพลังจิตสูงขนาดนี้มันเหนื่อยยิ่งกว่าการใช้ "อสุราร้อยอสูรคำราม" เสียอีก
นางค่อยๆ ลุกขึ้นและเปิดประตูออกไป
จินหยวนเป่าปรี่เข้ามาเป็คนแรก "บุตรชายข้า! บุตรชายข้าเป็อย่างไรบ้าง!"
เยว์เอ๋อร์โค้งตัวลงเล็กน้อย "อาการของคุณชายสงบลงแล้วเ้าค่ะ แต่เขาเสียพลังงานไปมาก ควรจะให้เขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่"
ท่านหมอหลี่รีบสวนเข้าไปในห้องเพื่อตรวจดูอาการของคุณชาย เขากลับออกมาในอีกไม่กี่อึดใจด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึงสุดขีด!
"เหลือเชื่อ! ชีพจรของคุณชาย... สงบและมั่นคงอย่างที่ไม่เคยเป็มานานหลายปี! นี่มัน... ปาฏิหาริย์ชัดๆ!"
จินหยวนเป่าตัวสั่นสะท้าน เขามองมาที่เยว์เอ๋อร์ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากความดูแคลนกลายเป็ความเลื่อมใส จากความไม่ไว้วางใจกลายเป็ความหวังสุด ท้าย! เขาก้าวเข้ามาจับแขนของนางไว้แน่น
"แม่นางน้อย! บอกข้ามา! เ้า้าอะไร! ทองคำ? ผ้าไหม? หรือตำแหน่งใดๆ ข้า... จินหยวนเป่า... สามารถให้เ้าได้ทุกอย่าง!"
เยว์เอ๋อร์สูดหายใจลึก "นายท่านใหญ่... ข้าไม่้าสิ่งของมีค่าใดๆ เพียงแต่... มารดาของข้ากำลังป่วยหนัก ้าเงินหนึ่งร้อยตำลึงเพื่อซื้อยารักษาชีวิต"
"หนึ่งร้อยตำลึงรึ!" จินหยวนเป่าหัวเราะลั่นราวกับคนเสียสติ "น้อยไป! มันน้อยเกินไปสำหรับชีวิตของบุตรชายข้า!" เขาหันไปตวาดสั่งพ่อบ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกล "ไป! ไปเอาเงินมาหนึ่งร้อยตำลึง! ไม่สิ! สองร้อยตำลึง! เอามาให้แม่นางเดี๋ยวนี้!"
จากนั้นเขาก็หันกลับมามองเยว์เอ๋อร์ด้วยสายตาจริงจัง "นับั้แ่วันนี้เป็ต้นไป เ้าไม่ต้องไปที่ไหนทั้งสิ้น! จงอยู่ที่นี่! ที่ศาลาเสียงกระซิบของเหมยฮัว! ข้าจะให้คนดูแลเ้าอย่างดีที่สุด หน้าที่ของเ้ามีเพียงอย่างเดียว... คือมาบรรเลงเพลงให้บุตรชายข้าฟัง! ทุกครั้งที่เ้ามา... ข้าจะให้รางวัลเ้าหนึ่งร้อยตำลึง!"
หนึ่งร้อยตำลึง... ต่อวัน!
เยว์เอ๋อร์แทบไม่เชื่อหูตัวเอง!ความจนตรอกที่เกาะกินชีวิตนางมาตลอดกำลังจะหายไปในพริบตา นางทำได้แล้ว! นางมีเงินพอที่จะช่วยชีวิตมารดาแล้ว!
นางคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะคำนับ "ขอบพระคุณนายท่านใหญ่! ขอบพระคุณในความเมตตาของท่าน!"
ขณะที่นางกำลังจะจากไปพร้อมกับเงินถุงหนักอึ้ง จินหยวนเป่าก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความสงสัย
"เสียงพิณของเ้า...มันช่างน่าประหลาดนักมันให้ความรู้สึกที่คล้ายคลึงกับเสียงขลุ่ย ของเฉินเฟิงผู้นั้น... บอกข้ามาตามตรง... เ้ารู้จักเขางั้นรึ?"
คำถามนั้นเป็ดั่งสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางใจของเยว์เอ๋อร์! นางเงยหน้าขึ้นสบตากับจินหยวนเป่า... และได้แต่ตอบกลับไปด้วยความสัตย์จริง
"ข้า... เพียงแค่เคยพบพานเขากลางป่าโดยบังเอิญเท่านั้นเ้าค่ะ..."
นางได้รับเงินแล้ว... แต่นางก็ได้รับปัญหาใหม่มาด้วยเช่นกัน นางได้ก้าวเข้าสู่โลกของผู้มีอำนาจอย่างเต็มตัว และดูเหมือนว่า... ปริศนาที่เกี่ยวข้องกับเฉินเฟิงนั้น... จะซับซ้อนและอันตรายกว่าที่นางคิดไว้มากนัก