ในเมื่อไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนก็จะไม่มีวันเข้าใจอย่างแท้จริงว่าั้แ่เขาอาบุสี่ขวบจนมาถึงสิบขวบเขาใช้ชีวิตเร่ร่อนเพียงตัวคนเดียวมานานหลายปีได้อย่างไรและรู้สึกยังไงที่ได้อยู่ในโลกแบบนั้น ครอบครัวที่อบอุ่นและสมบูรณ์พร้อมก็ไม่มีอีกแล้ว คุณแม่ที่ใจดี คุณพ่อที่แสนขยัน และพี่ชายที่คอยปกป้องเขาอยู่ตลอดเวลาจากเขาไปภายในวันเดียว........ ตอนนั้นเขาอายุเพียงแค่สี่ขวบเท่านั้นแต่เขากลับสูญเสียทุกอย่างไป ไร้ญาติมิตรและที่พักพิง เขาที่มีอายุเพียงสี่ขวบต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพียงลำพัง
เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปเขาต้องหาอาหารจากกองขยะที่สกปรกไม่รู้กี่ครั้ง ต้องแย่งอาหารของสุนัขอีกนับครั้งไม่ถ้วน แล้วยังถูกคนขับไล่อีกไม่รู้กี่ครั้ง ถูกไล่ตี.......... ถูกสุนัขไล่กัด ต้องกินของที่คนทั่วไปไม่กล้ากินไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ได้รับความทุกข์ทรมานในแบบที่คนทั่วไปไม่กล้าจินตนาการ และยังต้องทนหนาวและทนหิวจนไส้แทบขาดตายมาแล้วอีกมากมาย......... แต่ไม่ว่าจะลำบากยากแค้นแค่ไหนเขาก็ไม่เคยไปแบมือขอใคร เขาจะใช้มือของตัวเองเพื่อให้ตัวเขาเองมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ขโมย ไม่แย่งชิง และไม่ก้มหัวให้ใคร มันคือความภาคภูมิใจที่ฝังลึกยู่ในกระดูกของเขาั้แ่เขายังเป็เด็ก
ต่อจากนั้นในร่างของเขาก็ปรากฏพลังอันแข็งแกร่งและแปลกประหลาดขึ้นมา เขาไม่เจ็บป่วยและไม่กลัวความหนาวเย็นอีก....... แล้วชีวิตเร่ร่อนของเขาก็สิ้นสุดลงเมื่อเขาได้เจอเธอ....... ชีวิตของเขามาถึงจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ ั้แ่นั้นมาเขาก็มีบ้านใหม่ มีครอบครัวใหม่ และได้มองเห็นความหวังและอนาคตใหม่...........
ความทรงจำเ่าั้ที่อาจย้อนคืนมาไม่ได้แล้วถูกฝังลึกและอัดแน่นอยู่ในหัวใจและจิติญญาของเขาจนไม่สามารถลบเลือนได้ตลอดไป ตลอดมาจนถึงตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะต้องโทษใครกับเื่ทั้งหมดที่เขาได้พบพานมา............เขารู้มาโดยตลอดว่าโชคชะตาและโลกใบนี้ได้ทอดทิ้งเขาไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแตกต่างจากคนธรรมดา อีกทั้งยังมีความอดทนและความพยายามมากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน เด็กสี่ขวบที่ไม่มีอะไรเลยเพียงคนเดียวคงจะไปตายอยู่ไหนซักแห่งไปแล้ว ั้แ่เขาได้พบเธอจนกระทั่งเราได้อยู่ด้วยกัน ทุกอย่างได้ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเขาไปแล้ว.......... เขาอาจจะทรยศคนทั้งโลกได้ แต่เขาจะไม่ยอมให้ใครทรยศเขาเด็ดขาด ถ้ามีใครกล้าหาเื่หรือพยายามลองดีเอาของที่เป็ของเขาไปเขาก็จะทำให้มันรู้ว่าเสียใจภายหลังน่ะเป็ยังไง..............
บางทีมันอาจจะเป็วิธีการระบายความแค้นที่เขาสะสมมาั้แ่อายุสี่ขวบต่อโลกใบนี้..........หรือบางทีหลังจากที่โลกของเขามีเธอเข้ามาเขาก็ไม่อาจยอมรับความสูญเสียใดๆได้อีก ดังนั้นเขาจึงกลายเป็เหมือนตัวเม่นที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจแตะต้องได้.................
แต่เมื่อสามปีก่อนเขาก็ยังคงสูญเสียเธอไป............
เมื่อมองดวงตาของเขาที่เปลี่ยนเป็ความเงียบเหงาและความสับสนอย่างฉับพลันหัวใจของซูเฟยเฟยก็เหมือนถูกของมีคมทิ่มแทง ซูเฟยเฟยแน่ใจแล้วว่า.........ถ้าไม่ใช่เพราะเคยถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ถ้าไม่ใช่เพราะเคยได้รับความเ็ปในส่วนลึกของจิตใจ เขาคงไม่กลายมาเป็อย่างทุกวันนี้........ เป็คนน่ากลัวไร้อารมณ์ได้ถึงขนาดนี้
เธอส่ายหน้าไปมาแล้วพูดออกมายิ้มๆ “ไม่มีทาง นายไม่รู้เหรอ ที่ผู้หญิงชอบที่สุดก็คือผู้ชายแบบนี้แหละ เพราะการอยู่กับผู้ชายแบบนี้จะรู้สึกปลอดภัย หรือนายไม่เห็นว่าเมื่อกี้ตอนที่นายเดินออกมาพนักงานผู้หญิงพวกนั้นมองตามนายมาตลอดเลย......... กลัวว่านายพูดออกไปแค่ประโยคเดียวพวกเธอก็คงว่าง่ายหมดเลยล่ะ...........”
“แล้วรวมเธอด้วยป่ะ?” เย่เทียนเซี่ยยกยิ้มมุมปาก เขาปรายตามองไปที่มือทั้งคู่ที่กุมแขนของเขาไว้
ทันใดนั้นซูเฟยเฟยก็ถอยกลับมาหนึ่งก้าว ตามมาด้วยขนเส้นเล็กๆที่ลุกพรึบขึ้นมาทันทีก่อนจะพูดออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ก็แค่แสดงละครน่า นายก็แค่บอกี้การ์ดที่บ้านฉันจ้างมาในราคาสามร้อยล้านเท่านั้นแหละ”
เย่เทียนเซี่ยส่ายหัวแล้วยิ้มอ่อน “ใช่เหรอ? จริงๆแล้วเป็บอดี้การ์ดให้เธอนี่มันโชคดีขนาดนั้นเลยเหรอ เ้านายสาวลงมือทำกับข้าวแล้วก็ทำความสะอาดบ้านให้บอดี้การ์ดด้วยตัวเองเลยนะ........ ปกติตอนที่เธอออกจากบ้านพร้อมบอดี้การ์ดเธอจะเรียกพวกเขาว่าแฟนด้วยหรือเปล่า?”
ซูเฟยเฟยพยายามซ่อนความรู้สึกของตัวเองก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆ “ฉันอยากจะทำยังไงก็เื่ของฉัน ไม่ใช่เื่ของนาย!”
เย่เทียนเซี่ยถอนหายใจออกมาเงียบๆ ดวงตาของเขามองไปด้านหน้าก่อนจะพูดออกมาเสียงเบา “เฟยเฟย จำไว้นะ.....แม้ว่าฉันจะไม่ใช่บอดี้การ์ดของเธอ แต่ก็เป็คนเดียวที่ปกป้องเธอ ด้วยทั้งหมดที่เธอมีเธอจะมีอนาคตที่ทำให้ผู้หญิงทุกคนต้องอิจฉา........ แต่ฉัน ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว เป็รักฝังใจที่ไม่อาจลืมเลือน ต่อให้ตอนนี้เธอจะไม่อยู่ข้างกายฉัน ฉันก็ยังคงคิดถึงเธออยู่ทุกเวลาทุกวินาที อย่าเลือกฉันเลย เพราะเธอจะกลายเป็แค่แมลงเม่าบินเข้ากองไฟและสุดท้ายก็จะได้รับแต่ความเ็ปเท่านั้น”
“..............” ซูเฟยเฟย
ความเ็ปรู้สึกยังไงนะ?
ตอนนั้นที่แม่จากไป เธอที่ยังเป็เด็กร้องไห้ติดต่อกันนานไม่รู้กี่วัน และทุกครั้งเธอก็จะร้องไห้จนหมดแรง ร้องไห้จนจะเป็จะตาย ความเ็ปและความทุกข์ทรมานในตอนนั้นเธอไม่เคยลืมมันเลยชั่วชีวิต ต่อให้คิดถึงมันขึ้นมาตอนนี้เธอก็ยังคงรับรู้ได้ถึงรสชาติของความเ็ปที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำอยู่ดี
ชีวิตนี้เธอเคยเ็ปทุกข์ทรมานเพราะแม่ของตัวเองมาแล้ว
แต่ตอนนี้........หัวใจของเธอที่รู้สึกเหมือนมีเข็มแหลมทิ่มแทงเข้ามานี่มันคืออะไร? ทำไมตัวเธอถึงได้เ็ปขึ้นมาอย่างฉับพลันอย่างนี้.......... เ็ปจนไม่รู้ว่าจะหายใจต่อไปได้อย่างไร
เธอคนนั้นคือผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นใช่ไหม?
เมื่อคิดถึงปฏิกิริยาของเขาที่ทำให้เธอหวาดกลัวขึ้นมา คิดถึงบ้านที่เคยรกรุงรัง แต่กลับมีเพียงห้องเดียวที่ไม่มีร่อยรอยความสกปรกเลยแม้แต่น้อย เขาคงจะปกป้องห้องนั้นอย่างระวังราวกับลูกแก้วที่แสนจะเปราะบางลูกหนึ่งเป็แน่......... ความรู้สึกของเขาที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นจะต้องลึกซึ้งมากแน่นอน
จริงๆแล้วผู้หญิงแบไหนกันนะที่ทำให้เขาหลงใหลได้ขนาดนี้........ ทำให้หัวใจของเขาไม่เหลือที่ว่างสำหรับใครอื่นอีก
ซูเฟยเฟยพยายามจะไม่หันไปมองด้านข้าง เธอไม่อยากให้เขาเห็นดวงตาที่มีหยาดน้ำเอ่อคลอขึ้นมาของเธอ ผู้คนและรถรามากมายในรอบสายตากลายเป็ภาพเบลอ เธอยังคงกุมแขนของเขาไว้โดยไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมันไปราวกับคนรักที่อิงแอบแนบชิดเดินร่วมกันไปทีละก้าวๆ
เกิดความเงียบขึ้นมาระหว่างคนสองคนเป็เวลานาน ในที่สุดซูเฟยเฟยก็หันกลับมาแล้วยิ้มออกมาด้วยใบหน้าอ่อนหวาน “เทียนเซี่ย จริงๆแล้วนายไม่เคยบอกฉันเลยนะว่าที่จริงนายเป็ใครกันแน่.......... คนอย่างหลี่เทียนเผิงหลังจากรับโทรศัพท์ก็ยอมคุกเข่าอยู่ตรงหน้านายแต่โดยดีแบบนั้น นายจัดการคนไปตั้งเยอะ แล้วยังเป็คนของกลุ่มการค้าหลี่จื้ออีก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีตำรวจซักคนมาจับนายเลย......... นายจะทำให้ฉันรู้จักนายมากขึ้นอีกหน่อยได้ไหม?”
ต่อให้เธอจะพยายามปกปิดความรู้สึกของตัวเองอย่างหนักโดยการพูดออกนอกเื่แต่เย่เทียนเซี่ยก็ยังคงมองเห็นหยดน้ำตาราวกับคริสตัลที่ยังไม่ทันแห้งไปจากหางตาของเธอ เขาไม่ใช่คนโง่ ความรู้สึกของซูเฟยเฟยในหลายวันมานี้ทำให้เขารับรู้ได้ เพื่อไม้ให้เื่นี้ดำเนินต่อไปในทางที่อันตราย เขาจึงต้องแนะนำเธอไปอย่างนั้น......... ระหว่างพวกเขาภายในระยะเวลาไม่ถึงสิบวัน แม้ว่าเธอจะมีความรู้สึกดีๆต่อเขา แต่มันก็ไม่น่าจะเป็ความรู้สึกที่ลึกซึ้งอะไรมาก.......... แต่ทำไมเธอถึงต้องร้องไห้ออกมาด้วย
เขาประเมินความรู้สึกของซูเฟยเฟยต่ำไป ผู้หญิงอย่างซูเฟยเฟยที่ยืนยันจะตามมาอยู่ที่บ้านของเขาแบบนี้.............
“เธออยากจะรู้เื่อะไรของฉันล่ะ?” เย่เทียนเซี่ยทำได้แค่พูดออกไปตามน้ำกับคำพูดของเธอ
“ก็พวกพ่อของนายเป็ใคร? แล้วแม่ของนายล่ะเป็ใคร? แล้วนายยังมีญาติคนอื่นอีกไหม? พวกเราเป็เพื่อนที่ดีต่อกันขนาดนี้ บอกฉันเกี่ยวกับเื่พวกนี้หน่อยคงไม่เป็ไรหรอกมั้ง? ฉันคิดว่าพวกเขาจะต้องเป็คนใหญ่คนโตที่เจ๋งมากแน่ๆเลย” ซูเฟยเฟยพูดออกมาพร้อมกับยกยิ้มน้อยๆ “เพื่อน”อย่านั้นเหรอ? ทำไมเวลาพูดว่าพวกเราเป็เพื่อนกันในหัวใจถึงได้มีความเ็ปจนยากที่จะยอมรับได้แบบนี้นะ
ทำไมถึงได้บอกเื่พวกนี้ให้เธอรับรู้เร็วขนาดนี้ แม้แต่จะปล่อยให้ฉันฝันดีมากกว่านี้อีกหน่อย...........ก็ไม่ได้เลยเหรอ?
“พ่อแม่ของฉันตายไปแล้วั้แ่ฉันอายุสามขวบ ฉันมีพี่ชายคนนึง.......... และเขาก็ตายไปแล้วในวันเดียวกัน” เย่เทียนเซี่ยไม่ได้รีบร้อน เขาพูดออกมาช้าๆ น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งไร้กระแสคลื่นอารมณ์แม้เพียงเล็กน้อย
ซูเฟยเฟยไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้ ร่างของเธอสั่นเล็กน้อยก่อนจะหยุดฝีเท้าลงแล้วหันไปมองเขา หลังจากผ่านไปพักใหญ่เธอก็พูดออกมาเบาๆ “ฉัน...........ขอโทษด้วย ฉันคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็คนที่น่าสงสารที่สุด ไม่คิดเลยว่า.........”
“ฉันไม่ได้น่าสงสาร บางทีอาจจะเคยเป็ แต่หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่เคยเป็แบบนั้นอีกเลย” เขาแย้มยิ้มแล้วพูดออกมาช้าๆ
“ใช่แล้วๆ นายไม่น่าสงสารซักนิด......... ที่น่าสงสารน่ะคือคนที่มาพบเจอนายโดยไม่ทันตั้งตัวพวกนั้นต่างหาก แล้วยังมีคุณหนูอย่างฉันที่วันๆต้องคอยซักผ้า ทำกับข้าว ทำความสะอาด บริการสุดพิเศษต่างๆนาๆอีก” ซูเฟยเฟยแย้มยิ้มแล้วค่อยๆกดความเ็ปลงไปในใจ เธอพูดออกมาพร้อมกับร้อยยิ้มอีกครั้ง “เอาเถอะๆ คนขี้เหนียวที่แสนจะลึกลับอย่างนายเื่อื่นต่อให้ถามนายไปนายก็คงไม่พูดออกมาแน่ งั้นนาย.........บอกฉันได้ไหมว่าตอนที่นายพนันกับหลี่เทียนเผิงนั่นนายได้ใช้วิธีสกปรกอะไรหรือเปล่า!”
เย่เทียนเซี่ยยักไหล่ด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
“เหอะ นายคิดว่าฉันโง่เหมือนหมูรึไง ที่คาสิโนนั่นเดิมทีเป็ของหลี่เทียนเผิง เ้ามือที่เขย่าลูกเต๋าก็ต้องเป็ยอดฝีมืออย่างแน่นอน จะเป็ไปได้ยังไงที่เขาจะเขย่าออกมาได้แต้มเยอะที่สุดสิบแปดแต้มตอนที่ทายต่ำน่ะ แล้วนายยังโคตรจะโชคดีได้สิบเจ็ดแต้มอีก...... แล้วก็ๆ หน้าของนายตอนนั้นอ่ะเหมือนคิดไว้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็แบบนี้แน่ๆ ไหนว่ามาสิ นายทำได้ยังไง นายใช้พลังพิเศษเหมือนในหนังเหรอ?” ซูเฟยเฟยมองไปที่ดวงตาของเย่เทียนเซี่ยด้วยใบหน้าที่บังคับให้เขาสารภาพความไม่ซื้อสัตย์ของตัวเองออกมา
“.........ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลย เธอก็คงไม่เชื่อสินะ? งั้นก็คิดว่าฉันใช้พลังพิเศษก็ได้” เย่เทียนเซี่ยตอบกลับมาด้วยสีหน้าไม่แยแส
จริงๆแล้วตอนที่พนันกับหลี่เทียนเผิงในคาสิโนนั่นเป็ครั้งแรกที่เขาเล่นทอยลูกเต๋า และสองครั้งก่อนหน้านั้นเขาก็ใช้หูฟังเสียงความแตกต่างตอนที่ลูกเต๋าตกลงมาและเกิดแต้มที่ต่างกันมาโดยตลอด สองครั้งผ่านไปเขาก็สามารถรับรู้ได้ด้วยความสามารถในการรับรู้ที่น่าใของเขา การตัดสินใจในครั้งสุดท้ายเขาก็เพียงแค่เขย่าลูกเต๋าเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลยแม้แต่อย่างเดียว...........แต่ลูกเต๋าที่เรียงกันภายใต้น้ำมือของเ้ามือได้เปลี่ยนเป็หกแต้มสามลูกนั้นเป็ฝีมือของกั่วกัวที่ไม่มีใครรับรู้ถึงการคงอยู่ของเธอต่างหาก ตอนที่เขาเขย่าลูกเต๋าด้วยแรงมหาศาลนั้นไม่ใช่เทคนิคพิเศษอะไรหรอก แต่เสียงดังที่จงใจทำขึ้นมาก็เพื่อกลบเกลื่อนประสาทการรับฟังของเ้ามือเพื่อไม้ให้เขาได้ยินเสียงความผิดปกติใดๆเท่านั้นเอง
พลังพิเศษ............. เย่เทียนเซี่ยไม่มีของแบบนั้นจริงๆ
แต่แน่นอนว่าค่าตอบแทนยิ่งใหญ่ที่ไปขอร้องให้กั่วกัวช่วยเหลือเขาในครั้งนี้ก็คือ........ อมยิ้มสามร้อยแท่ง! ลูกเต๋าหนึ่งลูกต่ออมยิ้มหนึ่งร้อยแท่ง
แต่ถ้ากั่วกัวรู้ว่าเงินสามร้อยล้านหัวเซี่ยคืออะไร เธอจะต้องรู้แน่นอนว่าข้อเสนอที่เธอเรียกร้องออกมานั้นมันต่ำเกินไปจริงๆ
“เหอะ ก็ถามไปงั้นแหละ........ไปเถอะ!”
“ไปไหน?”
“แน่นอนว่าต้องไปเที่ยวสิ ไปเที่ยวในที่ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเที่ยวมาก่อน ........ แล้วยังมีของที่อยากซื้อ บ้านของเราใหญ่ออกขนาดนั้นแต่หายังไงก็หาไม่เจอ แล้วของที่พ่อของฉันส่งมาให้ครั้งก่อนก็กินกันใกล้จะหมดแล้วด้วย เรายังต้องซื้ออาหารกลับไปเยอะๆด้วยนะ ไม่งั้นคงต้องรอจนหิวตายนั่นแหละ”
“...............”
เมื่อมองใบหน้าของซูเฟยเฟยที่เปลี่ยนเป็ยิ้มแย้มงดงามอย่างกะทันหัน ความรู้สึกผิดในใจของเย่เทียนเซี่ยก็เริ่มเบาบางลง ทันใดนั้นเขาก็พบว่าตัวเองไม่อยากเห็นเธอต้องเ็ปแบบนั้น......... เธอได้กลายเป็คนที่ทำให้เขาห่วงหาโดยไม่ทันตั้งตัวอีกครั้งหนึ่งเสียแล้วและตอนนี้เธอก็เริ่มมีที่ยืนภายในใจของเขาแล้วเช่นกัน...........
ซูเฟยเฟยยกยิ้มมุมปาก ความเ็ปและความรู้สึกกดดันในใจของเธอถูกกำจัดไป........ แล้วในใจของเธอตอนนี้เป็ยังไงน่ะเหรอ? ตอนนี้คนที่อยู่ข้างกายเขาไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น แต่เป็ตัวเธอเองไม่ใช่เหรอ? เธอสามารถเดินเข้าไปในใจของเขาได้ แล้วทำไมตัวเธอจะหัวใจของเขา ไม่ได้
เฟยเฟย เชื่อมั่นในตัวเองซะ.......... ผู้ชายที่ทำให้เธอใจเต้นได้ถึงขนาดอยากจะอยู่ด้วยกันตลอดไปบางทีต่อจากนี้อาจจะไม่มีอีกแล้วก็ได้ ดังนั้นจะต้องห้ามยอมแพ้ ห้ามถอดใจ........... เฟยเฟย เธอทำได้แน่!
เพียงแค่ได้อยู่กับเขาเธอถึงจะมีความสุข เพียงแค่ได้อยู่กับเขาเธอถึงจะสามารถวางใจได้ และไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป.......เฟยเฟย สู้ๆ! ความสุขนั้นต้องพยายามไขว่คว้ามาด้วยตัวเองเท่านั้น
ชายหญิงสองคนที่เหมือนคู่รักเดินอิงแอบแนบชิดกันไป บนท้องฟ้าสูงขึ้นไปคือรอยแยกสีขาวที่เหมือนถูกมีดผ่าครึ่ง แสงแดดแรงกล้าท่ามกลางรอยประทับบนท้องฟ้าถูกรอยนั่นบดบังไปทำให้ความร้อนไม่อาจตกลงมาบนพื้นดินอันกว้างใหญ่ได้อย่างเต็มที่
