มู่หรงฉือโมโหแล้วผลักเขา “ใครเป็ห่วงท่านกัน? ข้าก็แค่ไม่อยากจะให้ท่านด่วนตายไปก็เท่านั้น!”
เพียงผลักเช่นนี้ เขาก็ล้มลงไปกับพื้นหญ้าราวเป็มนุษย์กระดาษ ทั้งยังไอออกมาอีกสองสามครั้ง
จิตใจของนางพลันสั่นไหว ก่อนจะประคองเขาขึ้นมาอย่างรู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อย “ข้าทำท่านเจ็บแล้วหรือไม่?”
มู่หรงอวี้รู้ว่าสตรีผู้นี้ปากไม่ตรงกับใจ วาจาที่นางกล่าวออกมาต้องฟังความหมายในทางตรงกันข้าม เขาจึงโอบนางเข้าสู่อ้อมแขน “จูบข้าสักที เป็การชดเชย”
นางถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ ดีดดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขา “รีบคิดหาทางกลับเมืองเร็วเข้า จะมัวรอความตายอยู่ที่นี่ไม่ได้นะ”
“ไม่มีม้า หากประเมินจากเรี่ยวแรงของพวกเราแล้วนับว่ายากมากที่จะเดินกลับถึงเมืองได้”
“เช่นนั้นลูกน้องของท่านจะหาที่นี่พบหรือไม่?” นางเองก็รู้ ที่นี่ห่างจากเมืองหลวงราวสามสิบลี้ หากรอให้พวกเขาฟื้นกำลังบางทีอาจจะยังมีความหวังอยู่เล็กน้อย
“คงต้องดูโชคของพวกเราแล้ว” เขาพูดเสียงเรียบ
“ท่านถูกพิษแล้วยังไม่ร้อนใจอีกหรือ?” มู่หรงฉือถามอย่างวิตก สีหน้าของเขาย่ำแย่มากจริงๆ
“ตอนนี้ยังไม่ต้องกังวลไป” มู่หรงอวี้ไอออกมาสองที “เ้าหิวแล้วหรือไม่ ทางนั้นมีต้นผลไม้อยู่ต้นหนึ่ง ข้าจะไปเด็ดกลับมาให้”
“ข้าเองก็จะไปด้วย”
“ร่างกายของเ้ายังอ่อนแอ พักอยู่ที่นี่ อย่าวิ่งซนไปทั่ว”
เขาสั่งความสองประโยค แล้วเดินไปทางทิศเหนือ
นางมองเขาเดินออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็จุดเล็กๆ ความคิดพลันผุดขึ้นมาในหัวมากมาย
สองวันนี้นางรู้สึกว่าเขาเอาอกเอาใจและปกป้องนางจนหวานล้ำ รับรู้ได้ถึงหัวใจที่ร้อนแรงทั้งยังเต้นรัวของเขา รู้สึกถึงพละกำลังของเขากับความสามารถในการแบกรับของสามีคนหนึ่ง สิ่งเล็กๆ น้อยๆ นางััถึงมันได้จริงๆ น้ำแข็งในใจของนางค่อยๆ ถูกหลอมละลาย...
นางได้แต่เตือนตัวเองอีกครั้ง จะจมลงไปไม่ได้ จะอยากได้ความรักไม่ได้ จะทุ่มเทไม่ได้ แต่นางกลับไม่อาจควบคุมตนเอง ไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อไหร่ที่เริ่มคุ้นเคยกับการเอาอกเอาใจและการปกป้องของเขา เริ่มชินกับการกอดอย่างแนบชิดและจุมพิตของเขา เริ่มชินกับทุกสิ่งทุกอย่างของเขา
นางรู้ว่านี่เป็ความเคยชินที่ไม่ดีเอาเสียเลย แต่นางกลับยังคงจมอยู่ในความหวานชื่นและอ่อนโยนนั้น
จะเป็เช่นนี้ต่อไปอีกไม่ได้!
กลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ทุกอย่างจะต้องกลับคืนสู่จุดเริ่มต้น
นี่เป็เื่ร้ายแรง!
มู่หรงอวี้นำผลไม้หกลูกกลับมา ใช้น้ำในแม่น้ำล้าง ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มทาน
ผลไม้หวานฉ่ำ นางที่กำลังหิวจัดเพียงครู่เดียวก็ทานไปแล้วสองลูก ลูกที่สามก็ค่อยๆ กัด
เขาค่อยๆ ทานเหมือนไม่หิวเท่าใดนัก ลูกเดียวก็ยังกินไม่หมด
“ท่านเป็อะไรไป? ทานไม่ลงหรือ?” นางถามด้วยความสงสัย เขาเองก็ใช้แรงไปไม่น้อย ไม่หิวหรือ?
“พรวด...”
เขาหันไปกระอักเืด้านข้าง เนื้อผลไม้กับเืสีม่วงคล้ำผสมเข้าด้วยกันอย่างน่าใ
มู่หรงฉือรีบเข้าไปหาเขาอย่างตื่นตระหนก ครั้นเห็นสีหน้าขาวซีดของเขาหัวใจพลันบีบรัด
นางขมวดคิ้วแน่น ในใจรู้สึกเ็ปยิบๆ “เหตุใดถึงได้กระอักเือยู่ตลอดเช่นนี้?”
เขาพูดเสียงแหบพร่า “ไม่เป็อะไร...”
นางไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จู่ๆ ก็รู้สึกปวดที่หว่างคิ้วมาก ปวดถึงเพียงนั้น...
มู่หรงอวี้เห็นขนตาของนางระยิบระยับเคล้าน้ำตา ในใจก็ทั้งดีใจทั้งปวดใจ ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของนาง พูดเสียงแหบ “เด็กโง่ ข้าไม่มีทางเป็อะไร...”
“ถึงขนาดนี้แล้วยังจะบอกว่าไม่เป็อะไรอีก...” นางสะอึกสะอื้น หัวใจราวถูกคนเอามีดแทงจนหลั่งเื
“เ้าร้องไห้ให้ข้า...อาฉือ เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าดีใจเพียงใด?” สายตาของเขาอ่อนโยน
“ข้าก็แค่กังวล...ข้าคนเดียวกลับไปไม่ได้...”
เขาหัวเราะอย่างไร้เรี่ยวแรง เผยความสุขบนใบหน้า ไม่สนใจว่านางจะพูดอะไร เพียงจับนิ้วของนางไว้แน่น
มู่หรงฉือกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา “กลับเมืองดีหรือไม่? ข้าจะแบกท่านเอง...”
มู่หรงอวี้พยักหน้า “บางทีอาจจะไปขอยืมบ้านชาวบ้านพักเสียก่อน”
คนของคุณชายชุดทองยังหาพวกเขาไม่พบ ถือว่าพวกเขายังโชคดี
นางนำชุดที่ตากจนแห้งแล้วมาใส่ให้เรียบร้อย ต่อมาก็ช่วยเขาสวมชุด รวบผมให้เขาอย่างง่ายๆ จากนั้นก็พยุงเขาเดินต่อไปข้างหน้า
...
เดินไปได้ไม่ถึงสามจั้ง มู่หรงฉือก็เห็นคุณชายชุดทองพาคนชุดดำหลายสิบคนเดินมาด้วยฝีเท้าเร่งรีบ
เสื้อคลุมสีทองชุดนั้นอยู่บนร่างของเขา ราวกับถูกแสงสีทองครอบเอาไว้ดั่งกรงอันหรูหรางดงาม ยามอรุณรุ่งที่กลางวันกับกลางคืนคาบเกี่ยวกันเช่นนั้นก็คงจะงดงามมาก
นางถลึงตาใส่เขาเงียบๆ ครั้งนี้เขาถึงกับบัญชาการด้วยตนเอง?
มู่หรงอวี้เอามือของนางออก ลำตัวยืดตรงแลดูผ่อนคลาย องคาพยพทั้งห้าราวกับูเาคม
“สามารถจัดการหนูทดลองสามคนนั้นของข้าได้ นับว่าไม่เลวจริงๆ” คุณชายชุดทองพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความชั่วร้ายที่ชวนขนลุก
“ก็แค่หนูทดลองตัวเล็กๆ เท่านั้น” มู่หรงอวี้พูดอย่างไม่พอใจ
“หาได้ยากที่ข้าจะเจอคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อสักคน แต่น่าเสียดายคืนนี้เ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่ เสียดายจริงๆ”
“เปิ่นหวางเองก็อยากจะประมือกับคุณชายจินสักสองสามกระบวนท่า ดูความสามารถที่แท้จริงของเ้า แต่ว่าช่างน่าเสียดายที่คุณชายจินต้องจากไปก่อนวัยอันควร หลังจากเปิ่นหวางสูญเสียคู่ค่อสู้ไป สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คงเป็การดื่มสุราชมจันทร์อย่างหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวเท่านั้น”
มู่หรงฉือมองฟ้าอย่างหมดคำพูด หงอยเหงาเปล่าเปลี่ยว?
สองคนนี้เห็นอกเห็นใจกันขึ้นมาหรืออย่างไร? ปากของพวกเขากัดกันประหนึ่งคนที่มีนิสัยชอบพูดจิกกัดเพื่อความสุขจริงๆ
หากครั้งนี้พวกเขาไม่มีใครชนะใครได้จะทำอย่างไรเล่า?
“ผู้คนต่างเล่าลือกันว่าอวี้หวางวรยุทธ์เก่งกาจ ข้าย่อม้ารับคำชี้แนะ ไม่ทราบว่าท่านอ๋องคิดอย่างไร?” คุณชายชุดทองยิ้มบางเหมือนกำลังพูดเล่นเรื่อยเปื่อย
“เปิ่นหวางมีความคิดนี้อยู่นานแล้ว” มู่หรงอวี้ตอบด้วยท่าทางสบายๆ “กลัวแต่ว่าคุณชายจินที่เหมือนเด็กแปดขวบรับการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็จะไม่ไหวเสียแล้ว”
“ข้าว่าคนที่ควรจะกังวลเื่นี้น่าจะเป็ท่านอ๋องมากกว่า ท่านอ๋องทั้งได้รับาเ็ทั้งยังถูกพิษ แม้ข้าจะไม่อยากฉวยโอกาสตอนคนาเ็ทำร้ายท่าน แต่โลกนี้กลับไม่ค่อยมีความยุติธรรมเท่าไหร่ หากจะโกรธแค้นก็คงได้แต่โกรธแค้นที่โชคไม่ดีเท่านั้น”
“คุณชายจินวางใจ เปิ่นหวางไม่มีทางให้เ้าได้รับชัยชนะไปเป็แน่ เปิ่นหวางไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน ครั้งนี้ก็เช่นกัน”
“เช่นกันๆ ข้าเองก็ไม่เคยแพ้ให้ผู้ใดมาก่อน คนชนะคือาา ส่วนคนแพ้ก็เป็ได้แค่โจร คนที่แพ้ก็ต้องยอมมอบชีวิตให้อย่างเต็มใจ ท่านอ๋องคิดว่าอย่างไร?”
“ดียิ่ง!”
มู่หรงฉือเห็นพวกเขาเอาชีวิตมาเดิมพันกันอย่างสบายๆ จึงอดกังวลใจขึ้นมาไม่ได้
มองอย่างไรมู่หรงอวี้ก็เป็ฝ่ายแพ้ ยังจะต้องสู้กันอีกหรือ?
ถึงจะเอาชนะได้ แต่คุณชายจินก็ยังมีลูกน้องอีกสิบกว่าคน พวกเขาไม่อาจหนีรอดไปได้อยู่ดี
มู่หรงอวี้พูดเสียงเบา “อีกประเดี๋ยวข้าจะสู้กับเขา เ้าอาศัยจังหวะนี้หนีไปเสีย อย่าหันหลังกลับมา จำเอาไว้”
นางพูดอย่างหนักแน่น “ข้าไม่ไป!”
เขาไม่รู้ว่าควรดีใจหรือว่าโกรธดี ช่างเถิด ถึงนางอยากจะหนี พวกคนชุดดำก็คงตามไปอยู่ดี
คุณชายชุดทองโบกมือเป็สัญญาณด้วยท่าทางสูงส่ง แต่กลับมีความชั่วร้ายปรากฏอยู่ลึกๆ “ท่านอ๋อง เชิญ”
มู่หรงอวี้ชักกระบี่ที่เอวออกมา ดวงตาหรี่ลงอย่างดุร้าย
หน้ากากทองบนใบหน้าของคุณชายชุดทองเปล่งประกายวาววับ ก่อนที่จะทะยานกายขึ้นแล้วหายวับไปทันที!
พริบตาต่อมา ตัวคนก็ปรากฏขึ้น มู่หรงฉือเห็นตรงหน้าของมู่หรงอวี้มีเงาคนเพิ่มขึ้นมา ทั้งแปลกประหลาด ทั้งรวดเร็ว จึงอดใไม่ได้
ท่าไม้ตายที่รุนแรงถึงชีวิตถูกปล่อยออกมา ส่วนมู่หรงอวี้เองก็กลายร่างเป็สายพลังขุมหนึ่งที่ทรงอานุภาพรุนแรง
นางเห็นพลังสองสายโจมตีกันอย่างดุเดือด ประเดี๋ยวอยู่ตรงนั้น อีกเดี๋ยวก็อยู่ตรงนี้ รวดเร็วจนมองเห็นไม่ชัดเจนว่าพวกเขากำลังทำอะไร
แต่พวกเขาประมือกันไปสิบกระบวนท่าแล้ว
การต่อสู้ของยอดฝีมือระดับสูงนั้นช่างแตกต่างจริงๆ!
หัวใจของมู่หรงฉือเต้นแรง ตอนนี้เพิ่งจะเข้าใจ ความสามารถของนางไม่ถือว่าเก่งกาจอะไร มู่หรงอวี้รับมือด้วยไม้แข็งไม่ได้ก็ใช้ไม้อ่อน
ทันใดนั้น พลังสองสายก็บินขึ้นฟ้าไปอยู่เหนือแม่น้ำก่อนจะเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด คลื่นสีขาวถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามือของพวกเขาทีละลูก โจมตีไปยังอีกฝ่ายอย่างรุนแรง แสงเย็นราวหิมะแต่ก็เป็เช่นดอกไม้ไฟ
ปังปังปัง
แม่น้ำเส้นเล็กมีน้ำสาดกระเซ็นขึ้นสูง คนผู้หนึ่งยังลอยอยู่กลางอากาศ ส่วนอีกคนร่วงหล่นแล้วลอยตัวกลับขึ้นมาใหม่อยู่หลายต่อหลายครั้ง บรรยากาศเปลี่ยนเป็รุนแรง
นางมองดูภาพการต่อสู้ตรงหน้าอย่างตื่นตระหนก
พวกเขายืนอยู่บนสายน้ำที่สาดซัดขึ้นมา จากนั้น พลังทั้งสองสายก็ร่วงลงมาอยู่เหนือพื้นหญ้าริมแม่น้ำ ปราณสีขาวเคลื่อนไหวราวคลื่นั์แผ่อยู่รอบๆ ตัวของพวกเขา ทำให้คนที่มองดูใ
พลังปราณที่แข็งแกร่งสองขุมรวมกันก่อให้เกิดลมพัดรุนแรงน่าครั่นคร้าม
ชุดสีทองสะบัดไหวราวเปลวเพลิงสีทอง อาภรณ์ดำพลิ้วไหวไปตามลมราวกับเพลิงสีดำที่กำลังลุกโหม
พริบตานั้น คนผู้หนึ่งก็ร่วงหล่นลงพื้นอย่างแรง พร้อมกระอักเืสีดำออกมาเต็มพื้น
มู่หรงฉือคาดเดาไว้แล้วว่าผลลัพธ์จะต้องเป็เช่นนี้ นางจึงรีบพุ่งเข้ามาประคองมู่หรงอวี้ ในใจเจ็บแปลบปลาบ “ท่านเป็อย่างไรบ้าง?”
เขาเช็ดเืที่มุมปาก แล้วรั้นจะยืนขึ้นมา
คุณชายชุดทองร่อนตัวลงมา คลี่ยิ้มชั่วร้าย “อวี้หวาง องค์รัชทายาท ข้ามาส่งพวกเ้าด้วยตนเอง พวกเ้าก็ควรจะรู้จักพอใจได้แล้ว”
“เ้าคิดว่าตัวเองชนะจริงๆ แล้วอย่างนั้นหรือ?” มู่หรงอวี้เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ดวงหน้าเขียวคล้ำภายใต้ท้องนภายามค่ำคืนเต็มไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
“เ้าได้รับาเ็สาหัส ลมหายใจรวยรินถึงเพียงนี้แล้ว ยังคิดว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้อีกหรือ?” คุณชายชุดทองกางมือทั้งสองออกแล้วเดินเข้าไปหาพวกเขา พลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ไม่แน่ว่าในตอนสุดท้ายเ้าจะต้องแพ้”
“งั้นหรือ? เช่นนั้นข้าจะรอดู” คุณชายชุดทองมองไปบนฟ้า แล้วหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง “์ ท่านเห็นแล้วหรือไม่? เขายังไม่ยอมแพ้ มิสู้ท่านลงมาให้ความช่วยเหลือแก่เขาเถิด! ฮ่าๆๆ…”
สิบคนนั้นก็หัวเราะเสริมเข้าไปด้วย “คุณชายช่างเก่งกาจยิ่งนัก!”
มู่หรงฉือพูดด้วยความโมโห “ชนะโดยที่ไม่ได้ใช้ความสามารถนั้นจะมีค่าให้ภูมิใจได้อย่างไร?”
คุณชายชุดทองมองนางแล้วพูดขึ้นอย่างชั่วร้าย “หากเ้ากลับแคว้นไปกับข้า ไปเป็สาวรับใช้ของข้า ข้าจะตกรางวัลให้เ้า”
นางตวาดลั่นด้วยความโกรธจัด “ฝันไปเถอะ!”
เขายิ้มร้ายที่ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกปวดหัว “เช่นนั้นพวกเ้าสองคนก็ตายไปเสียด้วยกัน ข้าต้องคิดให้ดีๆ ว่าจะให้พวกเ้าตายอย่างไรถึงจะดีที่สุด”
ทันใดนั้นเขาก็หรี่ตามองไปด้านหน้า ทหารกองหนุนของอวี้หวางมาถึงแล้ว
ด้านหลังมีการเคลื่อนไหว!
มู่หรงฉือหันไปมอง คนชุดดำยี่สิบคนกรูเข้ามาดั่งนกฮูกที่บินอยู่บนท้องฟ้ายามรัตติกาล
นางจำได้ คนที่นำกลุ่มคนชุดดำพวกนั้นก็คือองครักษ์เงาของมู่หรงอวี้
กุ่ยหยิง อู๋หยิงโค้งตัวคำนับรอรับคำสั่ง “กระหม่อมมาช้า ขอท่านอ๋องโปรดลงโทษ”
มู่หรงอวี้พยักหน้า ใบหน้าเ็าเต็มไปด้วยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัว “คุณชายจิน หากเมื่อครู่เ้ารีบสังหารเปิ่นหวาง เปิ่นหวางก็คงไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้านเ้า เพียงแต่น่าเสียดาย เ้าพลาดโอกาสไปเสียแล้ว”
คุณชายชุดทองถอนหายใจ อยากจะตีอกชกหัวตนเองให้พอใจ
ใช่สิ ขอเพียงสังหารอวี้หวางได้ เขาก็จะได้รับความดีความชอบอย่างล้นพ้น ตำแหน่งรัชทายาทย่อมต้องตกอยู่ในกำมือของเขา
แคว้นเป่ยเยี่ยนที่ไร้อวี้หวางย่อมวุ่นวาย ถึงตอนนั้นเขาร่วมมือกับแคว้นตงฉู่ แคว้นซีฉิน ยกกองทัพใหญ่มาตีแคว้นเป่ยเยี่ยน แคว้นเป่ยเยี่ยนจะไม่ล่มสลายหรือ?
สูญเสียอวี้หวางไป แคว้นเป่ยเยี่ยนก็เหมือนกับเสืออ่อนแอตัวหนึ่งที่พร้อมจะพังทลายได้ตลอดเวลา พวกเขาสามารถแบ่งอาณาเขตแคว้นเป่ยเยี่ยนและเงินทองได้อย่างสบายๆ
เพียงแต่น่าเสียดาย เขาพลาดโอกาสนั้นไปเสียแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้