เมืองชาง ูเาด้านตะวันตก
เย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่คุกเข่าอยู่บนพื้นเงียบๆ เบื้องหน้าเป็หลุมฝังศพขนาดใหญ่ที่เพิ่งถูกทำขึ้นใหม่ๆ เมื่อพิจารณาจากสภาพดินและรอยถากถางหญ้าที่อยู่โดยรอบก็จะรู้ได้ทันที
"ท่านแม่ ข้าพาน้องสาวมาเยี่ยมท่าน วันนี้เป็วันครบรอบเจ็ดวันที่ท่านจากไป ข้าหวังว่าดวงิญญาของท่านจะหาที่เกิดใหม่ในตระกูลที่ดีได้ในเร็ววัน..."
เย่ชิงหานและน้องสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ค้อมหัวไหว้คำนับแก่หลุมศพมารดา จากนั้นจึงพากันจุดธูปเทียนและเผากระดาษเงินกระดาษทอง วันนี้เป็วันที่เจ็ดของการจากไปของมารดา แม้ว่าทางตระกูลจะช่วยเหลือในการจัดการงานศพ แต่วันครบรอบวันตายอะไรทำนองนี้แน่นอนว่าตระกูลไม่คิดจะมาสนใจ ดังนั้นจึงมีแค่เย่ชิงหานกับน้องสาวที่ซื้อกระดาษเงินกระดาษทองและธูปเทียนขึ้นเขามาทำการคารวะหลุมศพของมารดา
มองดูหลุมศพที่อยู่ตรงหน้าและน้องสาวที่กำลังสะอื้นร้องไห้อยู่ข้างๆ จิตใจของเย่ชิงหานล่องลอยไปไกล
เขามายังโลกใหม่แห่งนี้ได้สิบห้าปีแล้ว!
ตัวเขาเองก็แทบจะลืม "โลกเดิม" ที่เคยอยู่อาศัยไปเสียแล้ว
ใช่! เขาก็คือชายผู้ข้ามผ่านกาลเวลามา! คือดวงิญญาที่มาจากอีกโลกหนึ่งที่มาอาศัยร่างกายเนื้อของเด็กหนุ่มในทวีปัเพลิง
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีก่อนได้นำพาดวงิญญาของตนมาสู่อีกโลกที่แปลกประหลาด ตลอดสิบห้าปีที่เห็นสิ่งต่างๆ จนชินหูชินตา ทำให้เขาปรับตัวเข้ากับโลกที่แปลกประหลาดนี้ได้แล้ว
คิดว่าบนโลกเดิมก็คงมีหลุมฝังศพที่มีชื่อของตนเองอยู่เช่นเดียวกัน บางที...ท่านแม่ที่ตายไปก็อาจจะข้ามผ่านกาลเวลาไปอีกโลกหนึ่งและเริ่มชีวิตใหม่เหมือนกับตนเองก็เป็ได้ คิดไปคิดมาเย่ชิงหานก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยจะโศกเศร้ามากมายเช่นเดิมอีก
มันก็จริงว่าคนที่ตายก็จากไป คนที่ยังอยู่ก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป เพียงแต่...ในโลกนี้ตนเองจะสามารถนำพาน้องสาวให้มีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสุขสบายได้หรือไม่? ภายใต้ทวีปัเพลิงที่ยกย่องพลังฝีมือคือทุกสิ่งอย่าง ผู้ที่อ่อนแอเป็เหยื่อ ส่วนผู้ที่แข็งแกร่งเป็นักล่า ตนเองที่ไม่มีพร์เป็ไอ้ขยะทางด้านการฝึกยุทธ์จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างสงบสุขได้อย่างไร?
ตระกูลเย่เป็ตระกูลใหญ่ มีอำนาจบารมีแผ่ขยายไปทั่วทั้งทวีป ส่วนตนเองที่เป็นายน้อยลำดับเจ็ดของตระกูลคาดว่าคงมีคนจำนวนมากคิดอิจฉาในชาติกำเนิดและการใช้ชีวิต
แต่คนพวกนั้นหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วตนเองเป็ได้แค่เพียง...นายน้อยที่ต่ำต้อยและไร้ค่า!
เย่ชิงหานมุมปากยกสูงขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างเยาะเย้ยถากถาง ฐานะและความเป็อยู่ของเขาในตอนนี้ไม่สามารถแม้แต่จะเทียบกับนายน้อยธรรมดาๆ ที่ไม่ใช่สายเืโดยตรงในตระกูลเล็กๆ ทั่วไป
.................................
เฮ้อ! ช่างมันเถอะ แม้ไม่สามารถจะมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ถึงจะอยู่อย่างต่ำต้อยแต่อย่างไรก็ต้องอยู่ต่อไป หรือว่าจะทิ้งน้องสาวไว้คนเดียวแล้วลองตายดูอีกสักครั้ง ดูสิว่าจะสามารถข้ามผ่านกาลเวลาได้อีกหรือไม่? แต่ถ้าทำไม่ได้อีกเล่า? ก็ตายฟรีน่ะสิ...
“ชิงอวี่ เรากลับกันเถอะ!”
ไม่นานนักเงาร่างที่ซูบผอมของทั้งสองก็เลือนหายไปตามทางเดินเล็กๆ บนเชิงเขาด้านตะวันตก
.................................
เย่ชิงเสียนยังคงอารมณ์ไม่ดี นับั้แ่ที่ถูกนางคณิกาที่หอนางโลมหมอกควันเมามายปฏิเสธ อารมณ์ของเขาก็ขุ่นมัวอยู่ตลอด
“นางคณิกา!! หญิงที่ขายศิลปะการแสดงไม่ขายร่างกาย!! ชีวิตนี่ข้าเกลียดที่สุดก็คือหญิงที่ขายแต่ศิลปะการแสดงกับไอ้ลูกพันธุ์ผสมเย่ชิงหาน มันกล้าลอบทำร้ายข้า คอยดูเถอะสักวันข้าจะทำให้มันไม่ตายดี”
นับั้แ่วันที่ถูกเย่ชิงหานใช้ก้อนอิฐฟาดจนสลบเหมือด พอกลับถึงบ้านก็ถูกบิดาด่าสั่งสอนไปยกใหญ่ และยังถูกกักบริเวณเป็เวลาหนึ่งเดือนห้ามไม่ให้ออกจากบ้านตระกูลเย่
ไม่ออกก็ไม่ออกสิ! แม้จะคิดถึงผิวที่เนียนนุ่มของน้องนางทั้งหลายที่หอนางโลมหมอกควันเมามาย แต่เขาก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของบิดาผู้ซึ่งเป็ทั้งจ้าวเมืองชางและหัวหน้าตระกูลเย่ เพียงแต่...สายตาของพวกบ่าวรับใช้ที่มองมายังเขาทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก พวกบ่าวชั้นต่ำพวกนี้ยังคงซุบซิบนินทากันอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับเื่ที่เย่ชิงหานลอบทำร้ายตนจนสลบเหมือดลงไปนอนกองกับพื้น
ข้าจะต้องกู้หน้าคืนมาให้ได้...จำเป็อย่างยิ่ง !
เย่ชิงเสียนบอกกับตนเองอย่างไรก็ต้องหาทางสู้กับเย่ชิงหานอีกครั้งให้ได้เพื่อกู้หน้าคืน คิดได้ดังนั้นแล้วจึงเริ่มตระเวนไปรอบๆ บ้านตระกูลเย่เพื่อตามหาเย่ชิงหาน
นับั้แ่เย่เตาบิดาของเย่ชิงหานได้เสียชีวิตลง และท่านผู้าุโหัวหน้าตระกูลเย่ เย่เทียนหลงได้หลีกเร้นกายไป ตระกูลเย่ในตอนนี้เรียกได้ว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของฝั่งครอบครัวลูกคนโตแทบทั้งสิ้น กิจการน้อยใหญ่ต่างๆ ภายในตระกูลตอนนี้เกือบทั้งหมดล้วนตกอยู่ในการดูแลของเย่เจี้ยนบิดาเย่ชิงเสียนที่เป็ทั้งจ้าวเมืองชางและหัวหน้าตระกูลเย่ในขณะนี้
ก่อนหน้านี้เย่เตาบิดาของเย่ชิงหานมีพร์และฝีมือที่โดดเด่นจนทำให้คนในรุ่นราวคราวเดียวกันอย่างเย่เจี้ยนบิดาของเขาถูกกดทับรัศมีจนโงหัวไม่ขึ้นเป็เวลาหลายสิบปี ตอนนี้เย่เตาก็ตายไปแล้ว คนรุ่นหลังอย่างตนควรที่จะข่มคนรุ่นราวคราวเดียวกันอย่างฝั่งครอบครัวลูกคนรองจนโงหัวไม่ขึ้นสิถึงจะถูก
เพราะเหตุนี้ หลังจากที่เย่เจี้ยนผู้เป็บิดาทราบข่าวว่าเขาที่อยู่ระดับแรกของขอบเขตยอดยุทธ์ ถูกเย่ชิงหานที่อยู่ระดับแรกของขอบเขตขั้นสูงฟาดจนสลบเหมือดจึงเดือดดาลเป็อย่างมาก ดังนั้น...เขาจะต้องตามหาเย่ชิงหานให้เจอแล้วฟาดมันให้สลบเหมือดไปเช่นเดียวกัน
“เอ๊ะ? นั่นน่าจะใช่?”
ห่างออกไปไม่ไกล เย่ชิงหานและน้องสาวกำลังเดินตรงมา ทันใดนั้นดวงตาของเย่ชิงเสียนเป็ประกายขึ้น สองมือของเขากำหมัดแน่นพุ่งตรงเข้าไปหาโดยทันที
“หืม?”
เย่ชิงหานมองเห็นเย่ชิงเสียนที่ตรงเข้ามาหาด้วยท่าทางที่ไม่เป็มิตร จึงคาดเดาได้ว่าอีกเดี๋ยวคงได้มีเื่ราวอีกแน่นอน ดังนั้นจึงจูงมือน้องสาวให้ไปอยู่ข้างๆ ก่อน ส่วนตนเองพุ่งเข้าไปรับหน้าเย่ชิงเสียนเพียงคนเดียว
“เฮอะ! เย่ชิงหานเ้าลูกพันธุ์ผสม เห็นข้าแล้วกลับยังกล้ายืนอยู่อีก?” เย่ชิงเสียนข่มกลั้นอารมณ์เดือดดาลของตนเองพร้อมกับพูดออกมาด้วยเสียงที่เคร่งขรึม
เย่ชิงหานยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดขึ้น “ไหนมาให้ข้าตรวจดูหน่อยสิว่ารอยแผลที่หัวของเ้าหายดีแล้วหรือยัง?”
“เ้า...” เย่ชิงเสียนสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที จากเดิมที่แสร้งทำเป็วางมาดหยิ่งยโสถูกคำพูดของเย่ชิงหานพังทลายลงในทันใด จึงอดไม่ได้ร้องด่าออกมา “มารดาเ้าเถอะ! เ้ามันก็ทำได้แค่ลอบกัดเท่านั้นแหละ แน่จริงวันนี้เ้ามาสู้กับข้าอีกครั้งเป็อย่างไร? ข้ารับรองได้ว่าครั้งนี้เ้าได้เจ็บหนักกว่าข้าวันนั้นอย่างแน่นอน”
เย่ชิงหานหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ลอบกัด? ถ้าหากว่าเ้าถูกศัตรูของตระกูลเย่ลอบสังหารตายอยู่ข้างนอก หลังจากที่ตายแล้วเ้าก็จะคลานออกมาจากหลุมศพแล้วด่าไอ้คนที่ลอบสังหารเ้าอย่างนั้นรึ? คิดจะสู้กับข้าอีกครั้ง? เ้าคิดว่าเื่แบบนี้เหมือนกับสิ่งที่เ้าทำกับพวกนางคณิกาในหอนางโลมหมอกควันเมามายอย่างนั้นรึ หลั่งเร็วออกมาครั้งหนึ่งแล้วยังสามารถลองได้อีกครั้ง?”
“เ้า...เ้าแน่มาก! ข้าว่าเ้ามันก็เก่งแต่ปากเท่านั้นแหละ? หากยังเป็ลูกผู้ชายก็มา ‘เอา’ กับข้าอีกครั้งสิ” เย่ชิงเสียนโกรธเดือดดาลจนถึงขีดสุดจนพูดออกมาไม่เป็คำ ถึงกับพูดคำว่า “สู้” กลายเป็ “เอา” แทน
“ไม่สู้! ข้าไม่สู้กับพวกหลั่งเร็ว” เย่ชิงหานมองด้วยตาขาว พูดขึ้นอย่างไม่สนใจ “เ้าอย่าคิดที่จะลงมือเชียว! กฎของตระกูลข้อที่ยี่สิบหก หากศิษย์ของตระกูลมีความขัดแย้งกันเกิดขึ้น จะต่อสู้ตัดสินกันต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย ห้ามลงมือถึงขั้นเอาชีวิต และจำเป็ต้องมีผู้เป็พยานรู้เห็นอยู่ในขณะนั้นด้วย หาไม่เช่นนั้นจะต้องถูกขับออกจากตระกูล เย่ชิงเสียน...การต่อสู้ตัดสินต้องได้รับการยินยอมจากทั้งสองฝ่าย วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดีไม่อยากต่อสู้ ฉะนั้นข้าไม่ยินยอม หากเ้าไม่กลัวถูกขับไล่ออกจากตระกูลเ้าก็ลองลงมือกับข้าดู”
“มาร...มารดาเ้าเถอะ! ไอ้ขี้ขลาดตาขาว ไอ้ขยะไร้ค่า!” เย่ชิงเสียนเดือดเป็ฟืนเป็ไฟง้างหมัดอยากที่จะชกใส่เย่ชิงหาน แต่เมื่อนึกถึงกฎของตระกูลข้อที่ยี่สิบหกเขาจึงจำเป็ต้องลดแขนที่เกร็งจนสั่นไปด้วยความโกรธนั้นลง เพราะกฎของตระกูลไม่ได้สนว่าเขาจะเป็นายน้อยหรือฐานะอะไรทั้งนั้น
จะลงมือก็ทำไม่ได้ จะเถียงก็เถียงไม่สู้ อารมณ์โกรธเดือดดาลที่อยู่ภายในใจไม่รู้จะระบายออกมาอย่างไรดี จึงทำได้เพียงด่าออกมาอย่างดูถูก “ไอ้ขยะ ไอ้ลูกพันธุ์ผสม ไอ้เดรัจฉาน !”
“ฮึ! อย่างเ้าน่ะรึ? ขอเวลาแค่สามปีข้าก็แข็งแกร่งกว่าเ้าแล้ว วันนี้ข้าไม่สู้แต่อีกสามปีจากนี้ในงานประลองใหญ่ของตระกูลเราได้เห็นดีกัน”
“หยุดเดี๋ยวนี้ข้าไม่ให้เ้าไป วันนี้เ้าจะต้องสู้กับข้า ไอ้ขยะ ไอ้ลูกนางผู้หญิงหากิน!” เห็นเย่ชิงหานกำลังจะเดินจากไป เย่ชิงเสียนเริ่มด่ารุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเก่า
“หืม?” เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่ชิงเสียนพูดออกมา เย่ชิงหานที่กำลังหมุนตัวจะจากไปฝีเท้าพลันหยุดลงทันใด เขาหันมาพร้อมกับใบหน้าที่เ็าและดวงตาที่แดงก่ำ “มารดาข้าเพิ่งจะฝัง เ้ากลับกล้าลบหลู่ท่านอีก? คนอย่างเ้าดูเหมือนว่าจะไม่รู้จักเข็ดหลาบ พอแผลหายดีก็ลืมความเ็ปที่เคยได้รับ ก็ได้เดี๋ยวข้าจะสู้กับเ้าอย่างที่เ้าปรารถนาเอง รีบเรียกคนมาเป็สักขีพยานเถอะ”
“โอ้ว? ดีมาก...ต้องได้อย่างนี้สิ!” เย่ชิงเสียนตะลึงระคนยินดี เขารีบโบกไม้โบกมือเรียกยามที่กำลังออกตระเวนตรวจตราหน่วยหนึ่งให้เข้ามาหา ยามหน่วยนี้บังเอิญคือแปดคนที่เคยเฝ้าหน้าประตูจวนในวันนั้นเอง วันนี้เปลี่ยนเวรมาเป็หน่วยออกตรวจตรา ทั้งแปดคนสังเกตสถานการณ์ทางนี้มาได้สักพักแล้ว เมื่อเห็นนายน้อยลำดับสองโบกมือเรียกจึงรีบตรงเข้ามาทันที
“คารวะนายน้อยลำดับสอง...อ้อ...และนายน้อยลำดับเจ็ด”
“อืม!” เย่ชิงเสียนพยักหน้าตอบรับเล็กน้อยอย่างไม่สนใจสายตาที่ประจบสอพลอของยามทั้งแปด แล้วชี้นิ้วไปที่เย่ชิงหาน “พวกเ้าช่วยเป็พยานที ข้าจะต่อสู้ตัดสินกับเย่ชิงหาน”
สายตาของยามทั้งแปดที่มองไปยังเย่ชิงหานเต็มไปด้วยแววของความแปลกประหลาดใจ คิดว่าสมองของเย่ชิงหานคงมีปัญหาไปแล้วแน่ๆ วันนั้นที่ลอบทำร้ายสำเร็จเลยคิดว่าตนเองที่พลังฝีมือระดับแรกของขอบเขตขั้นสูงจะเอาชนะนายน้อยลำดับสองได้อีกครั้ง?
แต่เมื่อพวกเขาเห็นเย่ชิงหานพยักหน้าเล็กน้อยเป็การตอบรับจึงไม่อาจจะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเป็เช่นนั้นทั้งแปดจึงถอยออกมาเพื่อเปิดทางให้ ดวงตาของยามทั้งแปดคู่ทอประกายรอยยิ้มขึ้นเพราะอีกประเดี๋ยวก็จะมีเื่สนุกให้ดูอีกแล้ว...
หืม?
เพียงแต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นภาพเหตุการณ์แปลกประหลาด เพราะหลังจากที่เย่ชิงหานพยักหน้าตอบรับแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะเตรียมตัวต่อสู้แต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับจ้องมองไปยังด้านหลังของพวกเขาด้วยสีหน้าจริงจัง พลันคุกเข่าลงไปข้างหนึ่งอย่างรีบเร่ง
“คารวะท่านจ้าวเมือง!!”
คารวะท่านจ้าวเมือง?
เย่ชิงเสียนทั้งงุนงงและแปลกใจ เย่ชิงหานคุกเข่าให้เขาทำไม? ยอมแพ้อย่างนั้นรึ? แต่เมื่อได้ยินประโยค "คารวะท่านจ้าวเมือง" ที่เย่ชิงหานพูดออกมาอย่างนอบน้อมนั้น เย่ชิงเสียนถึงกับตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีราวกับสามีผู้นอกใจถูกญาติผู้ใหญ่ทางฝั่งของภรรยาจับได้กระนั้น จึงรีบหมุนตัวที่สั่นเทิ้มกลับไปมองด้วยอาการร้อนรน
แต่ทว่าด้านหลังกลับว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดเลย เขารู้ได้ทันทีว่าหลงกลเข้าให้แล้ว!! ในขณะที่เขากำลังเตรียมตัวจะะโถอยออกให้ห่างจากจุดที่ยืนอยู่นั้น ด้านหลังศรีษะกลับถูกพลังหนักหน่วงสายหนึ่งกระแทกเข้าอย่างจัง ภายในสมองบังเกิดความรู้สึกเ็ปขึ้นทันที หลังจากนั้นจึงหมดสติไปอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะหมดสติไปนั้นเขาคล้ายกับว่ามองเห็นหมัดใหญ่โตหมัดหนึ่งกระแทกเข้ากับด้านหลังศีรษะของตน
“คนโง่เง่าเช่นเ้า พลังฝีมือระดับขั้นยอดยุทธ์แล้วอย่างไร? ต่อให้บรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิข้าผู้นี้ก็ล้มเ้าได้เช่นเดิม...”
เอ่อ...! ยามทั้งแปดเบิกตากว้างอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง เย่ชิงหานเบ้ปากก่นด่าพร้อมกับปัดมือทั้งสองไปมาเพื่อทำความสะอาด เขารู้สึกว่าแค่นี้ยังไม่สะใจพอ จึงยกเท้าขึ้นแล้วกระทืบลงไปยังเย่ชิงเสียนที่นอนสลบอยู่อย่างหนักหน่วงอีกที...
ลอบทำร้ายอีกแล้ว? ไร้ยางอาย...ช่างไร้ยางอายเสียจริง! นายน้อยลำดับเจ็ดทำไมถึงได้ไร้ยางอายได้ถึงขั้นนี้?
ยามทั้งแปดต่างคิดในสิ่งเดียวกัน ซึ่งในขณะเดียวกันด้านหลังของพวกเขามีกระแสไอเย็นเบาบางพัดผ่านมา คล้ายกับว่าลมหนาวของเหมันตฤดูมาไวกว่ากำหนด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้