ในเมื่อให้ไม่ได้ เหตุใดต้องมาตามติดอย่างทุกข์ทรมานเล่า?
นางหลุบตาลงด้วยความเ็ปเมื่อค่อยๆ ถอยออกมาและปิดหน้าต่าง
ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องฟาดเปรี้ยงลงมา สายฟ้าแลบแปลบปลาบ...
มือของนางชะงัก ดวงตาร้อนรนมองไปยังบุรุษที่ยืนอยู่นอกเรือน สภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้ เขาเป็คนฉลาดควรจะรีบไปจากที่นี่?
ต่อให้เขาไม่จากไป คนของเขาย่อมต้องเกลี้ยกล่อมให้เขาไป!
คิดแล้วนางก็แข็งใจปิดหน้าต่างลง หมุนตัวเดินกลับมาที่เตียง
เอนกายนอนลงบนเตียง ได้แต่พลิกไปพลิกมายากจะหลับตาลงได้
เสียงฟ้าร้องด้านนอกยิ่งถี่ขึ้นเรื่อยๆ สายฟ้าฟาดเปรี้ยงราวกับฟาดลงมากลางใจของนาง หัวใจของนางว้าวุ่นประดุจเมล็ดงา
บนกระดาษของหน้าต่าง เงาร่างของคนๆ นั้นยังอยู่ที่นั่น ไม่เคลื่อนไหว
เ้าคนโง่คนนี้ คงไม่คิดจะยืนอยู่นอกเรือนทั้งคืนหรอกกระมัง?
หากเจ็บป่วยไปจะทำอย่างไร?
ลั่วหยิ่งเ้าหนุ่มคนนี้ก็เหมือนกัน ไฉนจึงไม่เกลี้ยกล่อมโน้มน้าวให้เขากลับไป?
ท้องฟ้าคำรณตามมาด้วยเสียงสายฟ้าฟาดอีกครั้งหนึ่ง เสียงดังครืนนๆๆ...
เสียงฟ้าร้องต่อเนื่องและกินเวลายาวนาน ราวกับกำลังจะฟาดฟันให้แผ่นดินแยก!
นางนอนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว นางลุกขึ้นะโลงจากเตียงแล้วเดินไปที่ข้างหน้าต่างอีกครั้ง นางมองลอดช่องของบานหน้าต่างเห็นเสื้อคลุมของเขาถูกไฟจากเตียงเผา ลุกลามขึ้นเรื่อยๆ เขากลับไม่ขยับ ยังคงยืนอยู่ที่นั่นไม่ให้ไฟในตะเกียงดับ
หัวใจของนางเต้นรัว นางสบถด่าออกมาและพุ่งกายออกไปด้วยทนไม่ไหวอีกแล้ว
“เซวียนหยวนเช่อ--” นางวิ่งตากฝนออกไป “รีบโยนตะเกียงทิ้งเดี๋ยวนี้!”
เซวียนหยวนเช่อเห็นนางยอมออกมาแล้วในที่สุด ใบหน้าคมสันของเขาปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงจันทร์สีเงินยวง เขาจับจ้องสายตามองนางนิ่ง ไม่พูดไม่จา ราวกับเสื้อคลุมที่กำลังถูกไฟเผานั้นมิใช่เสื้อคลุมที่อยู่บนร่างของเขา
เฟิ่งเฉี่ยนรร้อนใจ “เสื้อคลุมของท่านติดไฟแล้ว รีบถอดมันออก!”
เซวียนหยวนเช่อกลับส่ายหน้าอย่างดื้อดึง “ไม่ได้! ไฟในตะเกียงจะดับ!”
เฟิ่งเฉี่ยนทั้งร้อนใจทั้งโมโห “ตะเกียงผุๆ ดวงหนึ่งเท่านั้น! ดับก็ดับไป หรือมันสำคัญกว่าชีวิตของท่าน?”
เซวียนหยวนเช่อมองนางด้วยสายตาจริงจัง เมื่อพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ใช่ มันสำคัญกว่าชีวิตของเจิ้น!”
เฟิ่งเฉี่ยนตกตะลึง ได้ยินเขาพูดอีกว่า “นี่เป็ตะเกียงะ เคยส่องสว่างอยู่หน้าพระพุทธองค์ เมื่อจุดให้สว่างแล้วจะปล่อยให้ดับไม่ได้! ได้ยินมาว่ามันศักดิ์สิทธิ์มาก เจิ้นลองขอพรจากมันประการหนึ่ง หากมันไม่ดับตลอดทั้งคืน เ้าจะกลับมาอยู่ข้างกายเจิ้น...”
หัวใจดวงน้อยๆ ของนางสั่นสะท้าน!
ร่างของเฟิ่งเฉี่ยนสั่นเทิ้ม มิใช่เป็เพราะความหนาวเย็นจากฝน และมิได้เป็เพราะเสียงฟ้าร้องคะนอง แต่เป็เพราะคำพูดของเขาที่กระทบจิตใจของนาง มาอย่างไม่ทันตั้งตัว และทำให้หัวใจหวั่นไหว!
กระบอกตาของนางแดงก่ำโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว “คนโง่! เื่ขอพรพวกนี้ ล้วนนำมาหลอกลวงเด็กสาวทั้งสิ้น!”
เซวียนหยวนเช่อมองนางราวกับเข้ามาถึงจิติญญาของนาง เขาพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ “แต่เจิ้นยินดีที่จะเชื่อ!”
เฟิ่งเฉี่ยนเกือบจะหลงวนอยู่ในคลื่นมหาสมทุรในดวงตาของเขา กระทั่งกลิ่นไหม้ของเสื้อผ้าเข้ามาในจมูกของนาง นางไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ยื่นมืออกไปถอดเสื้อคลุมบนร่างของเขาออก “ท่านมันคนโง่! ตะเกียงดวงเดียวจะควบคุมหัวใจของข้าได้อย่างไร?”
หลังจากโยนเสื้อคลุมของเขาลงบนพื้นแล้ว นางแย่งตะเกียงะในมือของเขาชูขึ้นสูงเหนือศีรษะและซัดลงกับพื้นเต็มแรง!
เพล้งงง! ตะเกียงะแตกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
ในสายตาตื่นตะลึงของเซวียนหยวนเช่อ เฟิ่งเฉี่ยนราวกับได้ใช้พลังทั้งหมดในร่างกายที่มีอยู่พูดแต่ละคำออกมาอย่างยากเย็น “คนที่ควบคุมหัวใจของข้าได้ คือท่าน!”
บนท้องฟ้า เสียงฟ้าร้องครืนๆ สายฟ้าฟาดลงมา และฝนยังเทกระหน่ำลงมาไม่หยุด...
ท่ามกลางสายฝน เฟิ่งเฉี่ยนควบคุมตนเองไม่ได้อีกต่อไป นางวิ่งเข้าไปหาเซวียนหยวนเช่อ แขนทั้งสองข้างโอบรอบลำคอของเขา เขย่งปลายเท้าขึ้นจุมพิตริมฝีปากของเขาอย่างถนัดถนี่
ร่างกายสูงใหญ่นั้นชะงักงันไปอึดใจหนึ่ง เซวียนหยวนเช่อคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่านางจะเป็ฝ่ายเริ่มก่อนอย่างกล้าหาญเช่นนี้ วินาทีที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มนั้นจุมพิตเขา จุมพิตนี้ได้จุมพิตเข้ามาถึงจิตใจส่วนลึกของเขา หัวใจของเขาละลายกลายเป็สายน้ำ สูญเสียซึ่งความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ที่เคยมีโดยตลอด
วินาทีถัดมา เขาโอบเอวคอดกิ่วของนาง มืออีกข้างหนึ่งรองรับศีรษะด้านหลังของนาง จุมพิตตอบกลับไปอย่างถนัดถนี่เช่นกัน!
ท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา นางและเขาต่างอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน จุมพิตกันอย่างเร่าร้อนและติดพัน
บริเวณโดยรอบเงียบสงบ ราวกับเวลาได้หยุดลง
โลกใบนี้มีเพียง...
กลิ่นกายสะอาดสะอ้านของเขา ความอ่อนโยนของนาง
และ หัวใจสองดวงที่เต้นโครมคราม!
ไกลออกไป ลั่วหยิ่งและเฟิงหยิ่งที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ต่างมีสีหน้าโล่งอก
“เมื่อสักครู่ใครบอกว่า นี่เป็ความคิดบ้าบอ?” ลั่วหยิ่งพูดอย่างลำพองใจ
เฟิงหยิ่ง “แค่กๆ...ครั้งนี้นับว่าเ้าฉลาด!”
ลั่วหยิ่งเลิกคิ้ว “เดี๋ยวนี้จะเป็องครักษ์สักคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่ต้องเป็วรยุทธ์เท่านั้นศาสตร์อย่างอื่นก็ต้องรอบรู้ ยังต้องชี้แนะเปิดทางยามที่เ้านายมีความรักแล้วประสบปัญหา เสนอความเห็น เป็ห่วงจนข้านี้เหนื่อยใจ ข้าง่ายดายนักหรือข้า?”
เฟิงหยิ่งกลอกตาขาวให้เขา “อย่างเ้าเขาไม่เรียกว่าเป็ห่วง เ้าน่ะเขาเรียกว่าชอบยุ่งเื่ชาวบ้านแต่กำเนิด!”
ลั่วหยิ่งโมโห!
ในห้องบรรทม เฟิ่งเฉี่ยนใช้ผ้าแห้งช่วยเช็ดตามร่างกายให้เซวียนหยวนเช่อ ตนเองก็ถูกฝนสาดจนเปียกชุ่มเหมือนกัน
เซวียนหยวนเช่อปล่อยให้นางเช็ดตามอำเภอใจ ั์ตาดำขลับนั้นมองนางเป็พักๆ ดวงตานั้นราวกับจะหยดน้ำหมึกออกมาได้ เปล่งประกายออกมาเป็ระยะ ทำให้คนไม่กล้าประสานสายตา
เฟิ่งเฉี่ยนถูกสายตาของเขาจับจ้องเสียจนรู้สึกร้อนไปทั้งตัว นางพยายามอย่างยิ่งที่จะมองข้าม ทว่ากลับพบว่าการทำเช่นนี้กลับเป็การทำให้เขาได้ใจใหญ่ นางช้อนตาขึ้นถลึงตาใส่เขา “หากท่านยังมองข้าแบบนี้อีก ระวังเถอะข้าจะทุบท่าน!”
เซวียนหยวนเช่อคว้ากำปั้นสีชมพูที่นางเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาได้ทันใดและลากเข้ามาที่หน้าอก ริมฝีปากเย้ายวนนั้นพูดขึ้นว่า “ขอเพียงเ้าหักใจได้ก็พอ...”
เฟิ่งเฉี่ยนหน้าแดงก่ำ นางดิ้นรนจนหลุดจากมือของเขา แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าคิดว่าท่านใช้วิธีทรมานตนเองแล้วข้าจะใจอ่อน ข้าทำเช่นนี้เพราะไม่อยากได้ชื่อว่ามีความผิดฐานสังหารสามีตัวเอง!”
“อ้อ ที่แท้เป็เช่นนี้เอง...” เขาหลุบตาลงน้อยๆ ขนตายาวเฟื้อยเป็แพนั้นเกิดเป็เงาบางๆ
เฟิ่งเฉี่ยนหัวใจสะท้าน พลันรู้สึกเสียใจที่พูดออกไป เขาคงไม่ไดรู้สึกเสียใจหรอกนะ?
นางรู้ว่านางคิดมากเกินไปอย่างรวดเร็ว
ขนตาดกถี่นั้นกระพริบถี่ราวกับพัด เขาพลันช้อนตาขึ้นแล้วยิ้มเ้าเล่ห์ “เช่นนั้นครั้งหน้าเ้าโหดร้ายกับเจิ้นสักหน่อย เจิ้นชอบมาก...ชอบท่าทางของเ้าที่จุมพิตเจิ้นแรงๆ!”
พรืด!
เฟิ่งเฉี่ยนบอบช้ำภายใน
นางอดกลั้นเสียจนหน้าแดงก่ำด้วยทั้งโมโหทั้งอับอาย แต่เมื่อตกอยู่ในสายตาของเซวียนหยวนเช่อแล้วกลับเย้ายวนยิ่งนัก--
เขาแนบกายเข้ามาใกล้อีกหลายส่วนแล้วจ้องนางตรงๆ น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นคล้ายเสียงของน้ำพุที่ไหลรินเข้ามาในหัวใจของคน
“เฉียนเฉี่ยน พรุ่งนี้เจิ้นอยากกินหมูสามชั้นในน้ำซอสที่เ้าทำ...”
คำพูดของเขาประหนึ่งน้ำพุใสสะอาดที่ไหลรินลงกลางใจของเฟิ่งเฉี่ยน ความรู้สึกคับข้องใจและความเศร้าหมองในจิตใจล้วนสลายไปสิ้น
เฟิ่งเฉี่ยนโกรธตัวเองเหลือเกินที่ไม่เอาไหน ไฉนเขาพูดเพียงแค่ไม่กี่ประโยค ก็ทำให้นางลดปราการทุกอย่างลงได้แล้ว?
นางขบริมฝีปากตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “ดูอารมณ์ข้าก่อน!”
มุมปากของเซวียนหยวนเช่อยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาปรากฏให้เห็นดวงดาวที่เปล่งประกายอยู่ข้างใน เขาแนบกายเข้ามาใกล้อีกหลายส่วนเมื่อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เฉียนเฉี่ยน คืนนี้เจิ้นอยากรั้งอยู่ที่นี่กับเ้า...”
เฟิ่งเฉี่ยนช้อนตาขึ้นอย่างกะทันหัน นางมองลึกเข้าไปในดวงตาดำขลับของเขา ในนั้นราวกับมีเปลวไฟอุ่นร้อนกำลังเต้นอยู่
หัวใจของนางเสมือนลูกกวางที่วิ่งเข้ามาชนสเปะสปะ หัวใจเต้นผิดจังหวะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้