“พูดจาสามหาวนัก!” ไป๋หานชักกระบี่ออกมาชี้หน้าหนีเจียเอ๋อร์
หากท่านอาจารย์ไม่มา นางก็ตั้งใจว่าจะปล่อยให้อาหนีมีชีวิตรอด แต่หน้าที่ของนางคือทำตามความประสงค์ของอาจารย์ แม้จะต้องทำตัวเป็คนเนรคุณ มิได้ตอบแทนบุญคุณที่อีกฝ่ายช่วยชีวิตในวันนั้นก็ตาม
ทันใดนั้น เว่ยฉีหรานก็หยุดหัวเราะ ปัดกระบี่ของไป๋หานออกไปด้วยนิ้วเดียว เขาสบตาหนีเจียเอ๋อร์อย่างเ็า ราวกับอสรพิษมองเหยื่อ ทำให้ห้องโถงเยือกเย็นดั่งมีลมหนาวพัดผ่าน
หนีเจียเอ๋อร์ตระหนักได้ว่า วันนี้หากตนไม่อยากตายไปพร้อมโจวชิงหวา ก็คงต้องสังหารคนตรงหน้าให้ได้ ดังนั้นนางจึงดึงมีดสั้นออกมาจากแขนเสื้อ และหันไปทำท่าข่มขู่
นี่คือวิธีเดียว ที่ตนและโจวชิงหวาจะมีชีวิตรอด...
โจวชิงหวามองหญิงสาว ก่อนชักกระบี่ออกมา และใช้พลังสิบส่วนโจมตีออกไปข้างหน้า
เดิมพันชีวิตและความตายอยู่ที่นี่!
หากสามารถบีบให้เว่ยฉีหรานหลีกทาง เขาก็อาจจะพานางฝ่าวงล้อมออกไปได้
เว่ยฉีหรานไม่คาดคิด ว่าโจวชิงหวาจะเป็ฝ่ายเคลื่อนไหวก่อน ทั้งเพลงกระบี่ของเขาก็ยังดุดันไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนข้อ หากเป็ผู้อื่นคงจะล่าถอยเพื่อรักษาชีวิต แต่เว่ยฉีหรานไม่หลบเลี่ยง ซัดฝ่ามือเข้าใส่อีกฝ่าย ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็แทงกระบี่สวนกลับมา
เมื่อไป๋หานเห็นวิถีกระบี่มุ่งตรงไปยังร่างของอาจารย์ ก็เหงื่อแตกพลั่ก
ด้านหนีเจียเอ๋อร์ พอเห็นว่าโจวชิงหวาได้รับาเ็ พลันใจนเหงื่อซึม
โจวชิงหวากัดฟันทรงตัวให้มั่น และพยายามหยุดเืที่ไหลออกมาจากลำคอ
เว่ยฉีหรานยืนตระหง่าน เสื้อคลุมฉีกขาดจนเผยให้เห็นเกราะอ่อนสีเงิน... ไม่แปลกเลยที่เขาจะปะทะซึ่งๆ หน้าเช่นนั้น
“ฝีมือดีนี่!” เว่ยฉีหรานกล่าว พลางเดินเข้าหาคู่ต่อสู้
โจวชิงหวาชี้กระบี่ไปที่เขา พร้อมเอ่ยเหยียดหยาม “หึ! หากไม่มีเกราะ เกรงว่าท่านคงจะไม่มีโอกาสมาพูดอยู่แบบนี้”
“อวดดี! ข้าละอยากรู้นัก ว่าเ้าจะอวดดีเช่นนี้ได้อีกนานแค่ไหน?” เว่ยฉีหรานจ้องเขม็ง
โจวชิงหวาดันหนีเจียเอ๋อร์ไปด้านหลัง เพื่อกันมิให้โดนลูกหลงจนได้รับาเ็ ขณะที่หญิงสาวล่าถอย นางก็แอบยื่นขวดยาพิษให้เขาใช้โปรยไปในอากาศ เพื่อฉวยจังหวะหลบหนี
ซึ่งชายหนุ่มก็ตั้งใจจะทำเช่นนี้อยู่แล้ว ทั้งสองจึงบังเอิญคิดเหมือนกันพอดี
ยิ่งคนเ่าั้ได้รับพิษเข้าไปในร่างมาก ก็จะยิ่งเคลื่อนไหวช้า จึงเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาหลบหนีออกจากห้องโถงได้สำเร็จ
เมื่อเว่ยฉีหรานทำท่าจะฟาดฝ่ามือใส่อีกครั้ง โจวชิงหวาก็สาดผงยาพิษขึ้นไปบนเวหา กลั้นหายใจ ก่อนรวบเอวหนีเจียเอ๋อร์ พาทะยานขึ้นไป้า พลางใช้ฝ่ามือซัดหลังคาจนเป็ช่องโหว่ ขนาดใหญ่เพื่อเปิดทางหนี แล้วพุ่งตัวออกไปทันที
แม้เขาจะาเ็สาหัส แต่ก็ยังใช้วิชาตัวเบาอุ้มคนหนีไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยที่เท้าแทบไม่แตะแผ่นกระเบื้องเสียด้วยซ้ำ
ผงพิษที่กระจายอยู่ในโถงประชุมยังไม่หมดฤทธิ์ แต่เว่ยฉีหราน ไป๋หาน และอิ้นฮู่เว่ย กลั้นหายใจทัน จึงไม่ได้รับพิษ
ทว่า ศิษย์ที่อยู่ห่างออกไปต่างสูดดมเข้าไปไม่มากก็น้อย และตอนนี้ พวกเขากำลังดื่มน้ำล้างปาก เพื่อขับพิษซึ่งยังไม่ทราบชัดเจนว่าเป็พิษอันใด
“ตามพวกมันไป!”
เว่ยฉีหรานพุ่งออกไป ตามมาด้วยไป๋หาน ส่วนอิ้นฮู่เว่ยก็ไประดมพลเพื่อไล่ล่าผู้แฝงตัวทั้งสอง
...
พอกำลังจะไปถึงเขตชานเมือง ความเร็วของโจวชิงหวาก็ลดลงอย่างมาก หนีเจียเอ๋อร์ขมวดคิ้วและเอ่ยอย่างกังวล “ข้าว่าพวกเขาคงจะตามมาไม่ทัน เราหยุดพักสักหน่อยเถอะ แล้วค่อยเดินทางต่อ”
โจวชิงหวาส่ายหน้า “พวกเราไม่อาจประมาทได้!”
แม้ชายหนุ่มจะกัดฟันยืนกรานว่าจะเดินทางต่อ แต่อาการาเ็ภายในนั้น กลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนฝีเท้าค่อยๆ ช้าลง ขณะเดียวกันก็รับรู้ได้ว่า กำลังมีคนไล่ตามพวกเขามาด้านหลัง
หนีเจียเอ๋อร์รู้สึกหวาดวิตกจนร่างชุ่มเหงื่อ รีบประคองโจวชิงหวาไปซ่อนหลังพุ่มไม้ เพื่อหลบเลี่ยงสายตาคนของสำนักฝูเซิง ที่กำลังไล่ล่ามาติดๆ
เมื่ออีกฝ่ายวิ่งผ่านไป พวกเขาจึงค่อยออกมา และมุ่งหน้าไปยังทิศตรงข้าม
แต่แล้วจู่ๆ โจวชิงหวาก็หยุดชะงัก พลางกระอักเืจนแทบล้มทรุด
พอเห็นว่าใบหน้าของชายหนุ่มเริ่มซีดเผือด หนีเจียเอ๋อร์ก็กดนิ้วตรวจชีพจร จากนั้นสีหน้านางพลันเปลี่ยนไป รีบประคองร่างอีกฝ่ายให้ก้าวไปข้างหน้า
ดวงตาของนางแดงก่ำด้วยความทุกข์ใจ จนต้องกัดฟันแน่น น้ำตาไหลพรากอย่างไม่รู้ตัว
โจวชิงหวาใช้มือทั้งสองข้างเกลี่ยหยาดน้ำตา ที่บดบังความงดงามของแก้มนวลเบาๆ แล้วคลี่ยิ้ม “เด็กโง่… ข้าไม่ตายง่ายๆ หรอก!”
ต่อให้ต้องเสี่ยงเป็เสี่ยงตาย ก็ไม่มีทางคร่ำครวญ...
หนีเจียเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น กะพริบตาไล่ความเศร้าหมอง ก่อนพูดเสียงขึงขัง “ใช่… ข้ายังอยู่ เ้าต้องไม่เป็อันใดแน่!”
ว่าแล้วก็กัดฟัน พยุงอีกฝ่ายเดินทางต่อ
สักพัก พลันมีเสียงบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น
“อาหวาได้รับาเ็ ส่วนอีกคนก็ไร้วรยุทธ์ คงหนีไปได้ไม่ไกลหรอก พวกเ้าสองสามคนไปดูทางนั้น ส่วนที่เหลือแยกย้ายกันออกค้นหาในป่า”
หนีเจียเอ๋อร์กลั้นหายใจ ด้วยไม่มีที่ใดให้หลบซ่อนแล้ว แต่ตอนนั้นเอง ก็เหลือบไปเห็นกระท่อมหลังหนึ่งตรงหน้า ซึ่งให้ความรู้สึกคุ้นเคย คลับคล้ายคลับคลา
พอโจวชิงหวาเห็นกระท่อมหลังนั้นแล้ว นางก็ได้คำตอบ “นั่นเป็บ้านของอิ๋งเซียง!”
อิ๋งเซียง คือสาวใช้คนหนึ่งของหนีจวิ้นหว่าน ที่เคยได้รับคำสั่งให้มาขโมยภาพวาดที่บิดาของพวกนางหวงแหนนักหนา แต่สุดท้ายกลับก็ถูกตระกูลสวีฆ่าปิดปาก...
หนีเจียเอ๋อร์ตาเป็ประกาย รีบประคองโจวชิงหวาเข้าไปด้านใน
ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ หญิงสาวย่อมไม่มีแก่ใจจะเคาะประตูอย่างมีมารยาท นางรีบผลักบานประตูเข้าไป แล้วปิดประตูลงกลอนอย่างรวดเร็ว
“ใครกัน? ที่บังอาจเข้ามาในบ้านข้า!” แม่ของอิ๋งเซียงลุกขึ้น แล้วร้องถามเสียงสั่น เพราะดวงตามืดบอดจึงทำให้ไม่อาจรู้ได้ ว่าผู้ใดบุกเข้ามาในเรือนของตน
หนีเจียเอ๋อร์ปล่อยโจวชิงหวา พลางเดินเข้าไปจับมืออีกฝ่ายที่ยื่นออกมาคลำทาง แต่ไม่มีเวลาเอ่ยถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับดวงตานาง ได้แต่รีบบอก “ไม่ต้องกลัว ข้าคือหนีเจียเอ๋อร์ ส่วนคนผู้นี้ก็คือโจวชิงหวา เขาได้รับาเ็จากการต่อสู้กับเหล่าคนเลวที่คอยไล่ล่า ตอนนี้พวกข้า้าที่ซ่อนตัวชั่วคราว ไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่?”
“เป็ผู้มีพระคุณทั้งสองนี่เอง” จากนั้น หญิงชราก็มิได้ถามอันใดอีก เพียงชี้นิ้วไปที่ห้องด้านหลัง “ที่นั่นมีห้องใต้ดินซ่อนอยู่ พวกท่านเข้าไปหลบได้”
หนีเจียเอ๋อร์มองไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายชี้บอก ก่อนเข้ามาประคองโจวชิงหวา พากันเดินไปที่จุดนั้น ก็พบว่ามีประตูไม้ซ่อนอยู่ จึงเปิดมันออก และพาชายหนุ่มลงไป
ห้องใต้ดินมืดมิดจนมองไม่เห็นนิ้วมือทั้งห้า ทั้งยังมีไหดองผักมากมาย ส่งกลิ่นเหม็นแสบจมูกยิ่งนัก
คนทั้งสองมุ่นคิ้ว พลางคลำทางไปสุดผนังห้อง แล้วนั่งหันหลังชนกัน
หญิงชราคลำหาแผ่นไม้มาช่วยปกปิดอีกชั้น ก่อนผละจากไป เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
ปังๆ!
“เปิดประตู เราเป็คนของทางการ หากไม่เปิด พวกข้าจะพังประตูเข้าไป!”
“มาแล้วๆ!”
หญิงชราปลดกลอน แต่ยังไม่ทันเปิด ประตูก็ถูกเว่ยฉีหรานถีบเข้ามา หญิงชราที่อยู่อีกฟากจึงโดนกระแทก จนล้มไปกองกับพื้น
ทว่าไม่มีผู้ใดใส่ใจ พวกเขาพากันบุกเข้ามาค้นหาอย่างอุกอาจ ทั้งยังรื้อข้าวของจนเละเทะ
หนีเจียเอ๋อร์เปิดไหผักดอง กลิ่นฉุนพลันลอยคลุ้งปะทะใบหน้า จนนางแทบทนไม่ไหว แต่ก็ต้องอดทนไว้ เพราะนี่คือวิธีเดียวที่จะช่วยให้พวกตนสามารถซ่อนตัวได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้