จางอวี้เต๋อเข้าใจในสิ่งที่ซูจื่อเยี่ยหมายถึง เื่ที่ว่าจะจัดการอย่างไรกับรายได้ของตนเอง เขาเองก็พอมีความคิดแล้ว
หลังจากที่ทั้งสองคุยเื่นี้จบ จางอวี้เต๋อจึงเอ่ยถามต่อ “ไม่ทราบว่าท่านพี่ข้าและครอบครัวเป็อย่างไรบ้าง?”
ซูจื่อเยี่ยเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่สระบัวที่เชื่อมกับท้องฟ้าสีคราม ดอกบัวในสระยังไม่ได้ผลิบาน ยังคงเขินอายไม่ออกมาเผยโฉม ในใจปรากฏเงาของเด็กสาวผู้หนึ่ง มุมปากยกยิ้ม “ดีจนไม่รู้จะดีอย่างไรแล้ว อวี้เต๋อ เ้ามีหลานสาวที่ดี!”
ช่างคล้ายกันเหลือเกิน ไม่ว่าจะด้วยรูปร่างหน้าตาหรือนิสัย
“รูปร่างหน้าตาคล้ายเ้าด้วย”
จางอวี้เต๋อยิ้ม “หลานสาวเป็น้าชาย!”
ซูจื่อเยี่ยพยักหน้าและเอ่ยอีก “ส่วนรายละเอียด เ้าไปสอบถามกับจิ้นเซี่ยว เขาจะบอกกับเ้าเอง”
จากนั้นจางอวี้เต๋อก็ไปหาจิ้นเซี่ยว เมื่อรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมาหลิวฉีซื่อปฏิบัติต่อพี่สาวของเขาอย่างไร นั่นไม่ต่างอะไรจากคนเป็นายที่ปฏิบัติต่อบ่าวรับใช้
“ฮึ หลิวฉีซื่อหรือ?”
เขาต้องทำให้นางตายทั้งเป็ให้ได้!
เมื่อฟังเหล่าแม่บ้านคุยกัน จึงคิดว่าสะใภ้ที่เหลือคงไม่มีใครกตัญญูรู้คุณแม้แต่คนเดียว เสียดายเพียงเขาต้องออกเรือ จึงไม่มีเวลาว่าง มิฉะนั้นเขาต้องจัดการเล่นงานหลิวฉีซื่อสักรอบ
“กุ้ยฮัว กุ้ยฮัว ข้าเรียกเ้าเอง”
อีกฟากหนึ่ง ท่านย่าหวงเห็นจางกุ้ยฮัวเดินออกจากประตูพร้อมกับครรภ์ที่โตแล้ว กำลังยิ้มพร้อมโบกมือให้
จากนั้นก็หันมาบอกกับจางอวี้เต๋อว่า “พี่เ้าตั้งครรภ์อีกแล้ว จะมีหลานชายให้เ้าเพิ่มสักคนแล้ว”
“ไม่ว่าพี่สาวของข้าจะมีลูกกี่คน ข้าก็รักพวกเขาทุกคน” จางอวี้เต๋อมองไปอีกฝั่งของลำธารอย่างตื้นตันใจ เมื่อเห็นจางกุ้ยฮัวที่มีครรภ์จึงรีบเอ่ย “ท่านป้า รบกวนท่านอย่าเพิ่งบอกว่าข้าเป็ใคร ข้าจะให้คนขับรถม้าไปทางนั้นเอง”
ท่านย่าหวงพินิจเพียงครู่เดียวก็เข้าใจ จากนั้นก็ได้ยินจางกุ้ยฮัวะโถามจากอีกฝั่งว่ามีธุระอันใด จึงยิ้มแล้วตอบ “กุ้ยฮัว บ้านข้าทำแตงกวาดอง เ้าอยากได้หรือไม่?”
่นี้จางกุ้ยฮัวไม่ค่อยอยากอาหาร เมื่อได้ยินว่ามีแตงกวาดอง จึงรีบตอบรับไว้ และบอกว่าอีกเดี๋ยวจะให้หลิวเต้าเซียงไปเอา
เมื่อท่านย่าหวงเห็นว่าจางอวี้เต๋อได้สั่งให้คนขับรถม้ามุ่งหน้าไปแล้ว จึงเอ่ยต่อ “ใช่สิ กุ้ยฮัว บ้านเ้ามีแขกมาด้วยล่ะ เมื่อครู่ยังมาถามทางข้าอยู่เลย”
“บ้านข้ามีแขกหรือ?” จางกุ้ยฮัวเงยหน้าขึ้นมอง เห็นรถสองคันอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจึงเม้มปากยิ้ม คุณชายซูมาอีกแล้วกระมัง นางนึกดูว่า่นี้ในบ้านมีของกินอะไรน่าอร่อยบ้าง จะได้เอามาทำให้คุณชายซูลิ้มรส
ครอบครัวของนางเป็เพียงครอบครัวธรรมดาในชนบท นึกอยากขอบคุณคุณชายซู ครั้นจะนำเงินออกมาก็เกรงว่าจะไร้ความคิดและไม่เข้าตา จึงได้แต่คิดหาทางทำของอร่อยใหม่ๆ มาให้เขาชิม
“ขอบคุณท่านป้ามาก ข้าจะรีบกลับไปบอกให้ลูกสาวต้มน้ำก่อน”
“ไปเถิด ไป!” ท่านย่าหวงโบกมือให้อย่างมีความสุข
เมื่อจางกุ้ยฮัวหันหลังกลับไป มีหญิงสาวที่กำลังซักผ้าอยู่คนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น “ท่านป้า เหตุใดท่านไม่บอกกุ้ยฮัวเล่า?”
“ไม่เห็นหรือว่านางครรภ์ใหญ่แล้ว ข้ากลัวนางได้ข่าวแล้วจะดีใจเกินเหตุ!” ท่านย่าหวงพูดขำขัน จากนั้นกวาดตามองไปทางฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ
หญิงสาวเ่าั้เข้าใจได้ทันที แล้วเอ่ยว่าท่านย่าหวงช่างจิตใจดีเหลือเกิน
จางกุ้ยฮัวกลับถึงบ้าน เห็นบุตรสาวคนรองกำลังเล่นกับบุตรสาวคนที่สามจึงเอ่ยขึ้น “เต้าเซียง บ้านเรามีแขกมา ข้าเห็นรถม้านั้นดีเหลือเกิน เกรงว่าน่าจะเป็คุณชายซู!”
ซูจื่อเยี่ย?
เขาไม่ได้บอกว่ากลับเมืองหลวงไปแล้วหรือ?
นอกจากนี้จดหมายที่เขาส่งมารอบที่แล้ว ก็ไม่เห็นบอกว่าจะมาชิงโจวนี่นา?
“ท่านแม่ ดูผิดหรือเปล่า?”
จางกุ้ยฮัวตอบว่า “ไม่ผิดหรอก ท่านย่าหวงบอกแบบนั้น”
ว่ากันว่าการตั้งครรภ์นั้นจะทำให้ผู้หญิงโง่เขลา หลังจากที่จางกุ้ยฮัวตั้งท้อง ความจำก็ไม่ค่อยดี จึงจำไม่ได้ว่าท่านย่าหวงดีใจหน้าระรื่น บอกกับนางเพียงว่าอีกฝ่ายมาถามทางเท่านั้น
หากเป็ซูจื่อเยี่ย เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าบ้านของนางอยู่ที่นี่ แล้วจะไปถามทางกับท่านย่าหวงอีกได้อย่างไรกัน?
หลิวเต้าเซียงไปต้มน้ำในครัวด้วยความสงสัย รู้สึกว่าไม่น่าใช่ซูจื่อเยี่ย
รถม้าผ้าม่านไหมสีบ๊วยหมักมาจอดเทียบอยู่หน้าประตูบ้านอย่างรวดเร็ว ชายที่ถามทางก่อนหน้านี้ลงมาจากรถม้าก่อนเป็คนแรก จากนั้นพบกับผู้หญิงที่ยังสาวและยืนชะเง้อมองออกมาข้างนอก
“ไม่ทราบว่าพี่สะใภ้ท่านนี้ ที่นี่คือบ้านของนายท่านหลิว หลิวซานกุ้ยใช่หรือไม่ขอรับ?”
ชายหนุ่มถามนางอย่างสุภาพ
“หลิวซานกุ้ยเป็สามีของข้าเอง ไม่ทราบว่าท่านคือ?” หัวใจของจางกุ้ยฮัวหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่ใช่คุณชายซู หรือว่าแม่สามีจอมชั่วร้ายมาหาเื่อีกแล้วหรือ?
นางหวาดกลัวเล็กน้อยและกำลังคิดอยู่ว่าหลิวซานกุ้ยไปเรียน ในบ้านมีเพียงมารดาของนาง แล้วก็บุตรสาวทั้งสาม จำต้องยืดอกไว้
“โอ้ ถูกต้องเสียที เ้านาย ถึงบ้านแล้ว ถึงบ้านเราแล้วขอรับ”
ชายหนุ่มวิ่งไปที่ด้านข้างของรถม้าด้วยความปีติยินดี
ม่านรถม้าถูกเลิกขึ้นอย่างแรง ชายหนุ่มรูปโฉมงดงามและหนักแน่นมุดออกมาจากรถม้า
จางกุ้ยฮัวรู้สึกเพียงเบื้องหน้าพร่ามัว ตื้นตันใจจนพูดไม่ออก ไม่นานน้ำตาก็คลอเบ้า สองมือนางกำไว้แน่น…
ไม่ผิดแน่ เป็เขา เป็เขาจริงๆ...
“ท่านพี่!”
เสียงขานเรียกเบาๆ สะกิดต่อมอารมณ์ในใจของจางกุ้ยฮัวให้ะเิออก
น้ำตาของนางไม่สามารถหยุดไหลริน สองเท้าก้าวไปหาอย่างรวดเร็ว ฉับพลันก็คว้าตัวจางอวี้เต๋อมาสำรวจดู “ตัวอ้วนขึ้น ตัวสูงขึ้น ดูสง่าขึ้นแล้ว”
“ท่านพี่ ที่ผ่านมาท่านต้องอยู่อย่างลำบาก ข้ากลับมาแล้ว”
ทันทีที่จางอวี้เต๋อนึกถึงข่าวคราวที่ได้รับ ก็รู้สึกเหมือนถูกควักหัวใจไปชิ้นใหญ่ เ็ปจนมิอาจหลับได้ลง
ั้แ่วัยเด็ก คนที่รักใคร่เอ็นดูเขาที่สุดก็คือพี่สาว
ในเวลานั้นหากไม่ใช่เพื่อตัวเขา พี่สาวที่จิตใจดีจะแต่งออกไปและตกนรกในตระกูลหลิวได้อย่างไร?
“ท่านพี่ ข้าขอโทษ!”
ให้อภัยกับนิสัยดื้อรั้นของเขาในตอนนั้นด้วย
ขอโทษที่ตอนนั้นเขาไม่ควรถือคติเด็ดเดี่ยวและติดตามคนอื่นไป
ขอโทษที่หลายปีหลังจากที่ได้ดีแล้วไม่ได้กลับมาเยี่ยมก่อน คิดเพียงแต่ว่าอยากหาเงินให้ได้มากกว่านี้ เพื่อให้พี่สาวของตนได้มีชีวิตที่เหนือกว่าคนอื่น
ขอโทษที่เขาเข้าใกล้บ้านเกิดแต่กลับหวาดหวั่น หลายครั้งหลายคราที่ผ่านชิงโจว แต่กลับไม่กล้ามาเยี่ยมที่บ้าน
ขอโทษที่ถ้าไม่ใช่เพราะเขา พี่สาวของเขาคงไม่ต้องทนทุกข์ถึงเพียงนี้
คำขอโทษนับหมื่นก็มิอาจกลบความละอายในหัวใจของจางอวี้เต๋อได้
“เ้าเด็กบ้า ทำไมไม่ตายอยู่ข้างนอกให้รู้แล้วรู้รอด นี่ตั้งหลายปีแล้ว ไม่ส่งข่าวคราวกลับมาที่บ้าน เ้ารู้หรือไม่ว่าข้ากับแม่เป็ห่วงเ้าเพียงใด ตอนนั้นเมื่อได้รับข่าวว่าเ้าถูกฆ่า รู้หรือไม่ว่าข้ากับแม่ผ่านมาได้อย่างไร แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็คงเชื่อว่าเ้าจะถูกคนทำร้าย”
ทันใดนั้นจางกุ้ยฮัวก็อารมณ์ปะทุขึ้น เอาแต่ร้องไห้ขณะเอื้อมมือออกไปทุบหลังของจางอวี้เต๋อ
“เ้าเด็กบ้า เหตุใดจึงไม่นึกถึงความรู้สึกของแม่กับข้าบ้าง ถ้าเ้าตายไป พวกข้าก็จะได้ไม่ต้องคอยหวั่นกลัวทุกเมื่อ เ้าคิดว่าโลกข้างนอกนั้นสร้างตัวง่ายดายหรือ หากว่าได้เงินโดยง่าย เช่นนั้นชายหนุ่มในหมู่บ้านคงหนีออกไปกันหมดแล้ว เ้าเด็กบ้านี่ ทำไมจึงใจร้ายเช่นนี้!”
จางอวี้เต๋อยืนอยู่ตรงนั้นและปล่อยให้พี่สาวทุบตี
เขารู้ว่าหลายปีที่ไม่มีข่าวคราวกลับมาที่บ้าน พี่สาวกับมารดาคงหลั่งน้ำตาไปไม่รู้กี่หน
“ท่านพี่ อย่าร้อง ข้ากลับมาแล้ว”
“ข้าจะร้องเสียอย่าง เ้าคิดว่าหลายปีมานี้มันสะกดกลั้นได้ง่ายๆ หรือ!” จางกุ้ยฮัวยิ่งร้องอาการก็ยิ่งหนัก เห็นได้ชัดว่าเริ่มควบคุมไม่อยู่
จางอวี้เต๋อกลัวว่านางจะร้องไห้มากเสียจนเป็อะไรไป จึงรีบเอ่ย “ท่านพี่ ท่านแม่เล่า!”
“ท่านแม่?” จางกุ้ยฮัวน้ำตาอาบแก้มและเบิ่งดวงตากลมโตที่พร่ามัว เหตุใดนางจึงลืมมารดาไปได้
หลิวเต้าเซียงเพิ่งพาเฉินซื่อออกมาจากห้องครัว เห็นท่าทางโง่เขลาของมารดาแล้วต้องเอามือกุมหน้าผาก หญิงตั้งครรภ์ย่อมโง่ไปสามปีจริงๆ
“หลานสาวหรือ?”
“ข้าคือคนรอง ท่านน้าเรียกข้าว่าเต้าเซียงก็ได้ พี่ใหญ่ข้าชื่อชิวเซียง ตอนนี้กำลังไปที่บ้านป้าหลี่เพื่อฝึกเย็บปัก น้องสามชื่อชุนเซียง เพิ่งกินโจ๊กและนอนหลับไป”
คิ้วของจางอวี้เต๋อขมวดเป็ปม นี่ตั้งชื่ออะไรกัน ชิวเซียง เต้าเซียง ชุนเซียง ฟังแล้วเหมือนชื่อเด็กรับใช้ชอบกล
หลิวเต้าเซียงไม่สนใจและยิ้ม “ท่านน้า ชื่อก็แค่ชื่อ บางคนก็ชื่อเหมือนคุณหนูแต่ชีวิตเหมือนคนรับใช้ ส่วนบางคนชื่อเหมือนคนรับใช้แต่มีชีวิตดั่งคุณหนูนะ!”
จางอวี้เต๋อหัวเราะเบาๆ
จริงตามคาด นี่หลานน้าชัดๆ!
“ไปสิไป ไปให้ท่านน้าดูหน่อย”
หลิวเต้าเซียงเชื่อฟัง แล้วพาเฉินซื่อที่ตื้นตันใจจนแบ่งแยกทิศเหนือใต้ออกตกมั่วไปหมด
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยเพื่อคลายอารมณ์ที่ตื้นตัน เฉินซื่อถึงเรียกเสียงของตนกลับมาได้ จากนั้นเอ่ยอย่างติดๆ ขัดๆ “เต๋อเอ๋อร์…โอ๊ย!”
เมื่อตื่นเต้นเกินไป เฉินซื่อก็เผลอกัดลิ้นของตนเอง
“ท่านแม่ เป็อะไร!” จางกุ้ยฮัวและจางอวี้เต๋อถามอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ไม่เป็ไรๆ แม่เพียงแค่มีความสุขเกินไป” เฉินซื่อเอ่ยกับหลิวเต้าเซียงอีกว่า “รีบไปตามพี่สาวเ้ากลับมาเร็ว แล้วก็วานเหล่าหวังไปส่งข่าวที่บ้านอาจารย์กัว เรียกพ่อเ้ากลับมาเร็วๆ”
หลิวเต้าเซียงตอบรับแล้วหันหลังเตรียมจะออกจากบ้าน จางอวี้เต๋อเห็นดังนั้นจึงยิ้มแล้วเอ่ย “เดี๋ยวก่อน พี่เขยไปบ้านอาจารย์กัวหรือ? คงไม่ใช่ไปเรียนหรอกนะ?”
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ แต่ก็แสร้งทำเป็ถามออกมา
เฉินซื่อตอบเขาอย่างชื่นมื่น “ใช่แล้วล่ะ อาจารย์กัวบอกว่าพี่เขยเ้านั้นเรียนดี เรียกว่าอะไรผ่านๆ นะ ข้าเองก็จำไม่ได้”
“ท่านยาย พ่อข้ามีความสามารถผ่านตาและไม่ลืม”
ผ่านตาและไม่มีวันลืม?
จางอวี้เต๋อสูดลมหายใจลึก เกรงว่าการสอบจวี่เหรินก็คงมีความหวังร้อยละเก้าสิบทีเดียว
“ที่แท้พี่เขยก็เล่าเรียนแล้ว ในเมื่อเป็เช่นนี้ ท่านแม่ อย่ารบกวนพี่เขยเล่าเรียนเลย ถึงอย่างไร อาหารค่ำก็ได้เจอ สู้ใช้เวลาว่างนี้ให้ลูกได้อยู่กับแม่ดีกว่า”
เฉินซื่อไม่ได้เจอบุตรชายของนางมาหลายปีแล้ว นางย่อมไม่ร้องไห้น้ำมูกโป่งเหมือนจางกุ้ยฮัว แต่เพียงน้ำตาคลอเบ้าอยู่อย่างนั้นและปลื้มปีติจนหลงทิศ
เมื่อได้ยินจางอวี้เต๋อพูดเช่นนี้ นางก็ไม่คิดมากและตอบตกลง
จากนั้นก็รีบพาจางอวี้เต๋อเข้าห้องหลัก ส่วนหลิวเต้าเซียงก็ยกน้ำชามาให้เขาดื่ม เมื่อเห็นภาพตรงหน้าที่ท่านยายกับท่านแม่ยังคงวนเวียนอยู่รอบกายน้าชาย นางจึงแหงนหน้ามองท้องฟ้าอย่างทำอะไรไม่ได้ ด้านนอกประตูยังมีชายหนุ่มยืนรออีกหลายคนเชียวนะ!
หลิวเต้าเซียงต้องรีบออกไปเชิญคนติดตามเ่าั้เข้ามาในบ้าน จากนั้นจัดแจงรถม้ากับเกวียนล่อให้อยู่ในที่ทางที่เหมาะสม แล้วจึงเข้าห้องโถงไปเพื่อถามท่านยายว่า ตอนกลางวันจะทำอะไรกิน!
เมื่อเข้าประตูไป ก็ได้ยินจางอวี้เต๋อบอกว่าตนเองยังต้องจากบ้านไป
“เ้าหาเงินได้ข้างนอก เต๋อเอ๋อร์ เราควรพอใจได้แล้ว คราวที่แล้วที่เ้าให้แม่ แม่เอาไปซื้อที่นา ที่นาเ่าั้เพียงพอสำหรับปากท้องของเราสองคนแม่ลูกแล้ว หากเ้าไม่มีเงิน ก็ขายที่นาในตำบลแล้วไปสร้างบ้านดีๆ ในตำบล แล้วสู่ขอภรรยาดีๆ สักคน ชั่วชีวิตนี้ของแม่คงไม่มีห่วงอีกแล้ว”
คําพูดของเฉินซื่อมีเหตุผลมาก
จางอวี้เต๋อเองก็ขมขื่น ปีนี้เขาอายุยี่สิบห้าย่างยี่สิบหก คนที่วัยเดียวกับเขาต่างก็ส่งลูกไปเรียนแล้ว เพียงแต่หลายปีที่ผ่านมาเขายังไม่มั่นคง ด้วยเหตุนี้เื่แต่งงานจึงยังไม่มีบทสรุป
“ท่านแม่ ไม่ต้องรีบร้อน ท่านลองคิดดูว่าพี่เขยข้าสามปีให้หลังหากสอบผ่านซิ่วไฉ ส่วนลูกหาเงินได้มากขึ้น ถึงตอนนั้นก็ยังสามารถหาคู่ครองที่เหมาะสมได้นี่นา”
หลิวเต้าเซียงได้ฟังจึงคิดว่าน้าชายอยู่ใน่ที่ควรสร้างตัว เื่แต่งงานนั้นแต่งเมื่อใดก็ได้ ช้าไปไม่กี่ปีก็ไม่เห็นเป็ไร
“ท่านยาย ให้เป็ไปตามที่ท่านน้าบอกเถิด ท่านน้าอยู่ข้างนอกมานานหลายปี เห็นทีคงมีความคิดในใจอยู่แล้ว!”
-----
