หลิวเต้าเซียงคำรามในลำคอ “เชื่อฟังและเคารพอย่างนั้นหรือ? พี่ดูสิ่งที่อาเล็กกินและสวมใส่สิ แล้วมองดูเ้าอ้วนเป่าเอ๋อร์กับป้ารอง ผู้ใดบ้างที่ไม่กินดีอยู่ดีกว่าครอบครัวเรา”
“ปู่ก็ไม่ได้กินดีอยู่ดีมากนัก ส่วนย่าคงเคยชินกับชีวิตในอดีต ปู่ก็ตามใจย่า อีกอย่าง บ้านเรานั้นอาศัยย่าเป็คนดูแลบ้าน ปู่ย่อมฟังคำพูดของย่า”
เสียงของหลิวชิวเซียงค่อนข้างเบา แต่หลิวเต้าเซียงฟังแล้วเข้าใจอย่างชัดเจน
ที่แท้หลิวชิวเซียงไม่ใช่ว่าจะไม่รู้อะไร เพียงแต่ไม่พูดออกมาก็เท่านั้นเพราะรู้ว่าพูดกับปู่ไปก็เปล่าประโยชน์ ส่วนหลิวฉีซื่อเองก็ชิงชังหลานสาวอย่างพวกนาง นึกว่าเป็พวกล้างผลาญ ต้องกำจัดทิ้ง
“พี่ ข้าไม่เข้าใจเลย ทั้งที่เป็บุตรชายของย่าเหมือนกัน แต่เหตุใดพ่อของเราจึงไม่ได้รับความรักจากย่าบ้าง?”
หลิวชิวเซียงก้มหน้าไม่ส่งเสียง นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ข้าเคยได้ยินผู้ใหญ่คุยกัน เหมือนว่าพ่อของเราจะไม่ได้เติบโตกับปู่และย่า แต่โตมากับปู่ทวดกับย่าทวดจนถึงอายุสิบขวบ หลังจากย่าทวดจากไป ปู่ก็รับปู่ทวดกับพ่อกลับมาที่บ้านหลังนี้”
ที่แท้ก็เป็เช่นนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่หลิวซานกุ้ยจะไม่ได้รับความรักและความเอ็นดูจากหลิวฉีซื่อ เพราะว่าตอนเด็กไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน เติบโตขึ้นมาหลิวซานกุ้ยจึงยิ่งต้องกตัญญูและเชื่อฟัง
“ย่ากับปู่นึกว่าอาสี่จะเป็ลูกคนเล็กสุด เป็่เวลายาวนานเหมือนกันที่พวกท่านมองพ่อเราเป็บุตรชายคนหนึ่ง จนกระทั่งอาเล็กเกิด”
ในความเป็จริงหลิวเสี่ยวหลันอายุน้อยกว่าหลิวชิวเซียงสองปี ซึ่งนางเกิดปีเดียวกับหลิวเต้าเซียง
หลิวเต้าเซียงรู้สึกเย็นเฉียบ เพราะในยามเที่ยงนั้นมีแสงแดดเปรี้ยง ผิวถูกเลียจนปวดร้อน แต่เมื่อตะวันลับฟ้า ลมก็พัดโกรก พริบตาเดียวเหมือนกลับเข้าไปสู่ฤดูหนาวอย่างไรอย่างนั้น หนาวจนอยากขดตัวอยู่ในบ้านเหมือนแมว
นางกอดตัวเองแต่ก็ไม่ได้อุ่นขึ้นจึงกระทืบเท้าด้วยถุงเท้าที่แข็งหยาบ “พี่ เรารีบกลับกันเถอะ อากาศหนาวเหลือเกิน”
หลิวชิวเซียงแย่งตะกร้าที่ไม่ได้หนักมากมาจากมือของหลิวเต้าเซียง ก่อนจะนำมีดผ่าฟืนโยนเข้าไปแล้วย่อตัวลงแบกตะกร้าขึ้นหลัง จากนั้นค่อยจูงมือเล็กของหลิวเต้าเซียงไปด้วยกัน “ต้องโทษพี่ เราเดินเร็วหน่อยเถิด รีบกลับไป เตาในบ้านน่าจะอุ่นแล้ว พ่อกลัวว่าเ้าจะตากลมทีู่เาจนเป็หวัดเลยให้ข้าก่อไฟไว้รอ”
เมื่อทั้งสองกลับถึงบ้านก็พบหลิวซุนซื่อที่ยืนพิงประตูปรายตามองมา พร้อมกับมีเมล็ดทานตะวันอยู่ในมือ ริมฝีปากกว้างขยับไปมาไม่หยุด ในดินโคลนใต้เท้ามีเปลือกเมล็ดทานตะวันหล่นกระจายอยู่เต็มไปหมด
หลิวชิวเซียงรีบพาน้องสาวเข้าบ้าน แต่หลิวซุนซื่อกลับยื่นมือขวางไว้ “หยุด”
ท่าทางนั้นราวกับเ้าบ้านจอมโหดร้ายในละครทีวีที่กำลังหาเื่คนรับใช้ของตนเอง
หลิวชิวเซียงตัวแข็งชะงัก ขานเรียกด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว “ป้ารอง”
หลิวซุนซื่อยังคงแค้นอยู่เื่เมื่อคืน เพิ่งรู้ตัวภายหลังว่าถูกหลิวเต้าเซียงเล่นลูกไม้ใส่ ตอนนี้นางจึงขวางทางทั้งสองคนไว้ด้านนอกแล้วชี้ไปที่ตะกร้าที่อยู่ด้านหลังหลิวชิวเซียง “เ้าออกไปทั้งวัน ขุดมาได้แค่นี้เองหรือ? ย่าเ้านี่เลี้ยงพวกเ้าเสียข้าวสุกจริงๆ!”
หลิวเต้าเซียงมองตาขวาง และตอบกลับด้วยท่าทีรังเกียจชิงชัง “ใครใช้ให้ป้ามายุ่ง! ข้าจะขุดได้เท่าไรก็ยังเก่งกว่าคนที่เอาแต่แบมือขอข้าวกินอย่างป้าก็แล้วกัน”
“นังเด็กเหลือขอ กล้าพูดแบบนี้กับข้าหรือ ดูสิว่าข้าจะจัดการถลกหนังเ้าออกมาอย่างไร” หางคิ้วของหลิวซุนซื่อชี้ขึ้นท่าทางราวกับเทพอสูรร้าย
หลิวเต้าเซียงไม่สนใจ แต่อาศัยที่ร่างเล็กปราดเปรียวรีบพาตัวเองและพี่สาวมุดใต้แขนป้ารองเข้าบ้านไป
และหาได้ใส่ใจน้ำโคลนที่เปื้อนเท้ามาจากในสวนไม่ พวกนางจ้ำอ้าวแล้วะโเข้าไปข้างใน เปิดประตูก่อนจะะโว่า “พ่อ แม่ ป้ารองจะตีข้า ย่ารีบออกมาเร็ว ป้ารองกำลังจะแย่งผักป่าแล้วส่งไปให้บ้านแม่ของนางแล้ว”
เสียงโกรธกริ้วร้องดังจนน่าใมาจากเตาภายในบ้านฝั่งทิศตะวันออก หลิวฉีซื่อถือไม้กวาดพุ่งออกมา เงื้อมันขึ้นสูงแล้วตวาดลั่น “ใครมันกล้า ไหนเ้าบอกจะกลับบ้านซุนของเ้าแล้วไม่ใช่หรือ ไยจึงยังไม่ไสหัวไปอีก?”
หลิวซุนซื่อกวาดตามองเด็กสาวต้นเหตุด้วยสายตาเคียดแค้น “แม่ เ้าเด็กเหลือขอนี่มันโกหก บ้านมารดาของข้า…”
เดิมทีนางตั้งใจจะบอกว่าบ้านมารดาของนางไม่มีทางเหลียวแลผักป่าเหล่านี้หรอก แต่พอคิดว่าผักป่าเหล่านี้ยังเป็อาหารที่คนทั้งบ้านนี้ต้องกิน หากนางไม่ไว้หน้าหลิวฉีซื่อแล้ว ชีวิตในวันข้างหน้าของตนอาจไม่มีความสุข จึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ออกไป “แม่ อย่าไปฟังเ้าเด็กล้างผลาญนี่พูดจาไร้สาระ ก็แค่ผักป่าเล็กน้อย ข้าไม่สนใจอยู่แล้ว ช่างเถิด ในเมื่อแม่ไม่อยากเห็นพวกข้าสองแม่ลูก ข้าก็จะพาเป่าเอ๋อร์กลับบ้าน”
พูดจบก็โยนเมล็ดทานตะวันที่เหลือลงพื้น ปัดเศษฝุ่นออกจากมือแล้วเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ข้าได้ยินพี่ชายบอกว่าวันนี้จะฆ่าหมูอีกสองตัว ตั้งใจจะส่งหนังหัวหมูมาให้เป่าเอ๋อร์บำรุงร่างกายเสียหน่อย แต่ในเมื่อแม่ไม่อยากให้ข้าอยู่ งั้นข้าก็จะไป จะได้ไม่ต้องเสียเวลาให้พี่ชายถ่อมาถึงนี่”
หลิวฉีซื่อมองหลิวเต้าเซียงด้วยแววตาดุร้าย ก่อนสบถด่าออกมา “เ้าเด็กล้างผลาญสมควรตาย ทำไมไม่ตายๆ ไปเสียั้แ่อยู่ข้างนอกนั่น? วันๆ เอาแต่วิ่งโร่ไปเสเพลนอกบ้าน ให้ข้าต้องมารับใช้พวกเ้า”
“นั่นสิ แม่ เมื่อครู่ข้าแค่บอกว่านางแอบเก็บผักป่ามาไม่น้อย นางก็บอกว่าข้าอยากเอาไปบ้านตัวเอง ก็แค่ผักป่าที่เก็บมาจากูเา ไม่ได้มีมูลค่าอะไรเลย”
น้ำเสียงรังเกียจกับท่าทีที่แสดงออกของหลิวซุนซื่อทำให้หลิวฉีซื่อเชื่อคำพูดนั้น
“นังเด็กหน้าไม่อาย ยังไม่รีบมาทางนี้อีก”
หลิวเต้าเซียงมองดูน้ำโคลนที่อยู่ในสวน เห็นว่าหลิวฉีซื่ออยากจะลงมือทุบตีแต่ก็ไม่อยากทำให้กระโปรงตนเองเปื้อนจึงบอกให้นางเดินไปหา แต่จะเดินไปให้โง่น่ะสิ
“แม่ ท่านต้องสั่งสอนเด็กนี่ให้ดี นิสัยก๋ากั่นเกเร ไม่ฟังคำผู้ใหญ่ น่าโดนตีนัก แม่ดูผักในตะกร้าสิ ออกไปทั้งวันแต่เก็บได้แค่สองสามต้น คงอาศัยข้ออ้างว่าจะไปเก็บผักแล้วไปเสเพลข้างนอกแน่นอน”
เสเพลบ้านน้องสาวนางสิ! หลิวเต้าเซียงสบถในใจ
นางคิดไม่ถึงว่าหนังหน้าของหลิวซุนซื่อจะไม่ใช่แค่หนาธรรมดา นอกจากจะเ้าคิดเ้าแค้นแล้วยังชอบพูดจาหาเื่ ปั้นเื่เก่ง นางเอาตาจากที่ใดมาเห็นว่าตนเองไปเที่ยวเล่นเสเพล?
“ป้ารอง ท่านเห็นข้าไปเที่ยวเล่นที่ไหน? ตัวป้าเองก็ไม่ได้ไปที่หลังเขา แต่กลับมาพูดจาปลิ้นปล้อน ทำไมไม่ไปถามคนในหมู่บ้านดูเล่าว่าวันนี้ที่หลังเขามีคนมากมายเพียงใด? ป้าคิดว่าลำพังปากของป้าจะสามารถพูดจาเปลี่ยนจากขาวให้เป็ดำได้อย่างนั้นหรือ?”
หลิวซุนซื่อเป็พวกใจแคบ โมโหจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง
นางชี้ไปที่หลิวเต้าเซียงแล้วด่า “นังเด็กไม่รักดี มารดามันเถอะ ตอนนั้นข้าไม่ควรโน้มน้าวแม่ให้น้องสามแต่งงานกับแม่เ้าเลย ฮึ่ม ของราคาถูกก็แบบนี้ ให้กำเนิดบุตรชายไม่ได้แล้วยังคลอดเด็กไม่รักดีออกมาอีกเป็คอก ถุย! แล้วยังมาว่าคนเป็ย่าลับหลัง หากข้าไม่ขัดขวาง เื่คงรู้ไปทั้งหมู่บ้านแล้ว”
ดวงตาของหลิวฉีซื่อหรี่ลง มองไปทางเด็กสองพี่น้องอย่างชิงชัง หลิวชิวเซียงใกับสายตาของย่า ร่างกายเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ หลิวเต้าเซียงเห็นความโกลาหลเบื้องหน้าจึงไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้อีก
“สมควรตาย ยังไม่รีบไสหัวมาทางนี้อีก?” หลิวฉีซื่อขึ้นเสียงอีกครั้ง
หลิวเต้าเซียงอารมณ์ปะทุสุดขีด นึกอยากจะอัดคนตรงหน้าขึ้นมาจริงๆ ถ้าไม่ติดที่รูปร่างตัวเองเล็กจ้อย เมื่อเทียบกับขาขนาดเท่าช้างของหลิวฉีซื่อแล้วมีแต่จะสูญแรงเปล่า
“แม่ ท่านรู้หรือไม่ เต้าเซียงนั้นสมควรได้รับการสั่งสอนเสียบ้าง นางยังแอบด่าท่านลับหลังด้วย ข้าได้ยินเองกับหู เดิมทีคิดว่าไม่อยากจะเอ่ย เกรงว่าหากแม่ได้ยินแล้วคงจะโกรธ เพียงแต่ข้าทนดูนางต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เด็กสาวคนหนึ่งกลับถูกแม่ตามใจจนเสียคน น้องสามเองก็เป็คนดีใสซื่อ จะไปดูแลเด็กป่าเถื่อนคนนี้ไหวได้อย่างไรกัน”
แต่งเื่เก่งดีนัก!
หลิวเต้าเซียงนึกด่าในใจ เพิ่งจะรู้ถึงความสามารถนี้ของป้ารอง มือเล็กๆ กำหมัดแน่น ตอนนี้นางไม่นึกรังเกียจห้วงมิติสัตว์ปีศาจอีกต่อไป จะเป็ของสิ่งไหนรูปแบบใดก็ได้ขอแค่ทำให้นางหลุดพ้นจากพวกที่ชอบเอารัดเอาเปรียบ แล้วจะพาพ่อกับแม่โผบินไปสู่อิสรภาพได้เป็พอ
“น้องรอง ระวัง!”
หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าจู่ๆ ด้านหน้าก็มืดมิด พริบตาเดียวก็ถูกหลิวชิวเซียงโอบไว้ในอ้อมกอด
เพียะ!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว มันคือเสียงไม้กวาดในมือของหลิวฉีซื่อที่ฟาดลงบนแผ่นหลังผอมแห้งของหลิวชิวเซียง ทำเอาเด็กสาวถึงกับเซ หากไม่ใช่เพราะใช้เท้าจิกพื้นให้มั่นคง นางคงไม่อาจทานแรงฟาดนั้นไหวและพาให้น้องที่อยู่ในอ้อมกอดล้มบนพื้นโคลนไปด้วย หากเสื้อผ้าต้องมาเปียกอีกทั้งสองคงต้องซุกอยู่ใต้ผ้าห่มแทนจนกว่าเสื้อผ้าจะแห้ง จะให้ทำอย่างไรได้เมื่อพวกนางมีเสื้อผ้าเพียงชุดเดียว
“โอ๊ย รีบมาเร็วเข้า ชิวเซียงกับเต้าเซียงทำร้ายคนแล้ว ์ แม่จะโมโหจนชักตายเพราะพวกนางแล้ว ใครก็ได้รีบมาเร็วเข้า” เสียงแหลมแสบแก้วหูของหลิวซุนซื่อดังขึ้นทั่วสวน
ตอนนี้ในใจของหลิวเต้าเซียงมีคำด่ามากมายพรั่งพรูออกมา
ผู้หญิงคนนี้เป็พวกจิตวิปริตชอบแต่งเื่ ชอบใส่ร้ายป้ายสี เห็นได้ชัดว่าหลิวฉีซื่อต่างหากที่ทำร้ายคนก่อน
หลิวเต้าเซียงพยายามเก็บอารมณ์ถึงขีดสุด ได้แต่ท่องในใจว่าข้าจะอดทน ช้าเร็วสักวัน นังตัวดีที่ชอบสร้างความฉิบหายนี่ต้องได้รับกรรมแน่นอน
ไม้กวาดในมือของหลิวฉีซื่อฟาดลงมาหนักกว่าเดิม ขืนตีต่อไป หลิวชิวเซียงคงทนไม่ไหวแน่
หลิวเต้าเซียงเห็นเพียงใบหน้าซีดขาวที่น่าใของพี่ นางได้แต่หลับตาปี๋แล้วะโร้อง “มีคนจะตายแล้ว ย่าจะฆ่าพี่สาวข้าแล้ว ใครก็ได้ รีบมาช่วยเร็ว”
จากนั้นก็มีเสียงชาวบ้านในละแวกนั้นพูดถึงต่างๆ นานา
“โห วันนี้บ้านเ้าดูคึกคักดีจริง”
“หลิวฉีซื่อ ปกติเ้าก็รักและเอ็นดูหลานชายและหลานสาวเ้าไม่ใช่หรือ?”
“อะไร? เ้าน่ะเข้าใจผิดแล้ว นางรักเงิน พ่อของจางกุ้ยฮัวจากไปเร็ว น้องชายก็เล็ก ได้ยินว่าตอนแต่งงานก็มีเพียงชุดแต่งงานที่สะอาดสะอ้านเพียงชุดเดียว ช่างน่าสงสาร”
“ฮึ หลิวฉีซื่อ เ้าช่างขี้เหนียวจริง ตอนนั้นทำไมไม่ให้สินสอดเยอะหน่อย อย่างน้อยก็ให้ครอบครัวบุตรชายคนที่สามอยู่ดีกินดีขึ้นสักนิด?”
“ยายเฒ่าปากดี มามุงอะไรนักหนา รีบกลับไปทำกับข้าวไป”
ใบหน้าของหลิวฉีซื่อเขียวคล้ำสลับกับซีดขาว สายตาที่มองหลิวเต้าเซียงนอกจากความเคียดแค้นแล้วก็ไม่มีอย่างอื่น ยิ่งความรักยิ่งไม่ต้องถามถึง
“ข้าสั่งสอนหลานสาวของข้ามันผิดด้วยหรือ? ผู้เฒ่าว่าไว้ รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี เต้าเซียงนิสัยป่าเถื่อน ต้องสั่งสอนให้ดี นี่ข้าเกรงว่านางจะเดินทางผิด ชื่อเสียงของตระกูลหลิวก็ยังสะอาดบริสุทธิ์ ข้าจะปล่อยให้นางมาทำลายไม่ได้”
หลิวเต้าเซียงเบิกตากว้างกับคำแก้ต่างเ่าั้ ทำร้ายหลานตัวเองขนาดนี้แต่ยังอ้างเื่ตระกูล โกหกหน้าตายขนาดนี้เชียวหรือ?
หลิวซุนซื่อชี้ไปทางตะกร้าที่ใส่ผักป่าแล้วเอ่ย “เด็กคนนี้บอกว่าไปเก็บผักป่าที่หลังเขา ปรากฏว่าหายไปั้แ่เที่ยงไม่กลับมากินข้าว เฮ้อ ไม่รู้ว่าแม่สามีข้าต้องเป็กังวลมากเพียงใด เกรงว่านางจะเกิดเื่ยามที่ต้องอยู่ไกลๆ แล้วพวกเ้าดูสิ นางไปเก็บผักป่าที่ไหนเล่า ชัดเจนว่าโกหกผู้ใหญ่ แล้วอ้างเหตุผลเพื่อไปเที่ยวเล่นเสเพล ในบ้านก็ใช่ว่าจะไม่อนุญาตให้นางเล่น เพียงแต่นางก็ไม่ควรพูดโกหก”
หลิวเต้าเซียงโมโหจนทนไม่ไหวและกำลังจะเอ่ยปากบ้าง แต่หลิวฉีซื่อก็พูดขึ้นก่อน “ซุนซื่อ ยังไม่รีบพาเ้าเด็กสองคนนี้ไปอาบน้ำทำความสะอาดในห้องอีก” เมื่อได้ตีเด็กสมใจหมาย ก็จัดการส่งเื่ให้สะใภ้รองจัดการต่อ
บ้านของเพื่อนบ้านละแวกนั้นไม่ได้ติดกัน มีช่องว่างระยะห่างกันหลายตารางเมตร บ้างก็ห่างกันเป็แปลง หรือคั่นด้วยผืนนา ส่วนใหญ่ใช้ปลูกผักหรือเป็บ้านเก่าที่ไม่มีคนอาศัยอยู่
สมัยโบราณเด็กมักจะเสียชีวิตง่าย ความหนาแน่นของประชากรจึงต่ำมาก บ้านที่อยู่อาศัยจึงไม่ได้อยู่กันอย่างแออัดหรือมีราคาสูงเท่ายุคหลังๆ เหตุเพราะไม่มีใครยึดครองแผ่นดิน ตระกูลหลิวจึงมีโอกาสปลูกบ้านเป็ทรงตัวยูได้ ฝั่งซ้ายเป็แปลงผักขนาดหนึ่งไร่กว่า เพียงพอสำหรับเลี้ยงทั้งครอบครัว แล้วก็รวมไปถึงครอบครัวของหลิวสี่กุ้ยที่อยู่ในเมืองและหลิวเหรินกุ้ยที่อยู่ในตำบล
------