เสว่อู๋เหินมองเด็กหนุ่มรูปร่างผอมแห้งที่ยืนอยู่หน้าประตูอย่างประหลาดใจ สีหน้าอารมณ์ซับซ้อนยุ่งเหยิง
หลายเดือนก่อนเขากับเด็กหนุ่มคนนี้เจอหน้ากันครั้งแรกที่ถนนหนิวหลันในเมืองชาง ในตอนนั้นเด็กหนุ่มราวกับราชสีห์คลั่งะโขึ้นกลางอากาศฟาดฝ่ามือมีดมาทางเขา แต่กลับถูกเขาซัดฝ่ามือหนึ่งลอยกระเด็นออกไป
เขาสั่งให้ผู้เฒ่าม่อไปสืบดูถึงได้รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีชื่อว่าเย่ชิงหาน เป็ลูกชายของเย่เตา เป็ไอ้ขยะด้านการฝึกยุทธ์ และเป็นายน้อยตกอับประจำตระกูลเย่
เขาไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าถึงแม้เด็กหนุ่มจะมีอุปนิสัยคล้ายเย่เตาแต่ไม่มีทั้งพร์ทั้งฝีมือเหมือนเย่เตา เป็แค่เพียงขยะที่ไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ ผู้ที่มีชีวิตในทวีปัเพลิง ในเขตปกครองเทพา และในห้าตระกูลใหญ่ ถึงแม้จะเกิดมาเป็ลูกหลานสายเืโดยตรงของตระกูลก็ตาม หากไม่มีพลังฝีมือก็ไม่ต่างจากขยะไร้ค่า ดีสุดก็ทำได้แค่เพียงมีอยู่มีกินไปวันๆ แต่ไม่สามารถมีอำนาจบารมีใดๆ อย่างแน่นอน เสว่อู๋เหินเข้าใจในเื่นี้ดีเพราะเขาเองก็เป็ลูกหลานสายเืโดยตรงของหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ เื่ราวที่เกิดขึ้นภายในแต่ละตระกูลล้วนไม่แตกต่างกันมาก ดังนั้นเขาจึงรู้เื่พวกนี้อย่างดีเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ได้ทราบว่านิสัยของเย่ชิงหานแข็งกร้าวและเด็ดเดี่ยว เขาไม่ได้คิดอะไรมากรีบสั่งการให้พวกเสว่อีไปจับตัวหรือฆ่าเย่ชิงหาน เขาทำอย่างเงียบเชียบและเป็ความลับ แม้ท้ายที่สุดตระกูลเย่ทราบเื่ก็คงไม่บีบคั้นเขามากเท่าไร เพราะคิดว่าเพื่อไอ้ขยะไร้ค่าคนหนึ่งตระกูลเย่คงไม่ทำให้เกิดความบาดหมางระหว่างทั้งสองตระกูลขึ้นอย่างแน่นอน
แต่ว่าต่อมามีข่าวมาจากเมืองหมันว่าพวกเสว่อีถูกเย่ชิงหานเพียงคนเดียวสังหารจนหมดสิ้น เขาจึงเริ่มให้ความสนใจนายน้อยขยะจอมไร้ค่าคนนี้ขึ้น รีบเสี่ยงดำเนินการแผนลักพาตัวเย่ชิงอวี่ก่อนกำหนด แต่ไม่คาดคิดว่าเย่ชิงขวงกลับทำงานไม่สำเร็จแถมยังทำให้ตัวเองถูกทำลายวรยุทธ์อีก
เขาไม่รู้ว่าเื่ราวโดยรวมจริงๆ นั้นเกิดอะไรขึ้น ข่าวจากสายของตระกูลบอกแต่เพียงว่า เย่หรงถูกฆ่า เย่เจี้ยนถูกกักบริเวณ เย่ชิงขวงถูกทำลายวรยุทธ์ ส่วนเด็กหนุ่มที่เขาเคยคิดว่าเป็ไอ้ขยะไร้พร์กลับถูกตระกูลให้ความสำคัญขึ้นมาแทน
สำหรับเื่ที่เขาทำที่ตระกูลเย่ เขาไม่คิดว่าจะมีผู้าุโคนไหนลงมือกับเขาที่เป็ว่าที่หัวหน้าตระกูลเสว่รุ่นต่อไป เขารู้ดีว่าตระกูลเสว่จะต้องให้ค่าตอบแทนที่น่าพอใจแก่ตระกูลเย่เพื่อสลายความโกรธแค้นที่มีต่อเขา เพียงแต่ว่าสายตาหรี่มองที่เต็มไปด้วยรังสีสังหารของเด็กหนุ่มรูปร่างผอมแห้งที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาเข้าใจว่า แม้ตระกูลเย่จะไม่ลงมือจัดการกับเขาหรือเคียดแค้นเขา แต่เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
ไม่ใช่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มคนนี้อีก และเคยลองคิดว่าตนเองควรจะพูดอะไร ควรจะทำอย่างไร แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอหน้ากันอีกไวขนาดนี้อย่างไม่ทันได้ตั้งตัวจนเกินไป และคิดไม่ถึงว่ารังสีสังหารที่แผ่ออกมาจากดวงตาของเขาจะชัดเจนและโอหังถึงเพียงนี้ ไม่มีการปกปิดหรือซ่อนเร้นใดๆ ทั้งสิ้น คำพูดดีๆ ทั้งหลายที่เขาเคยเตรียมไว้ว่าจะพูด ในเวลานี้กลับพูดไม่ออกเลยสักคำ
“นายน้อยหาน ที่นี่คือหอจันทรา”
เย่สือซานไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น และไม่รู้ด้วยว่าเมื่อไม่นานมานี้ตระกูลเย่ได้เกิดเื่ราวบางอย่างขึ้น ตลอดเดือนกว่าที่เดินทางร่วมกันเขารู้แต่เพียงว่านายน้อยเป็คนที่เงียบไม่ค่อยพูดจา ค่อนข้างขี้อาย และลักษณะท่าทางคร่ำครึมากคนหนึ่ง แต่ทำไมเวลานี้ถึงได้แสดงออกอย่างดุดันและโอหังเช่นนี้ เขารู้ว่าผู้ที่ทำให้นายน้อยแผ่รังสีสังหารออกมาจนน่าตื่นตระหนกเช่นนี้คือเสว่อู๋เหิน ว่าที่หัวหน้าตระกูลเสว่รุ่นต่อไป แต่ที่นี่คือหอจันทราของตระกูลเยว่ ดังนั้นเขาจึงพูดเสียงต่ำออกมาคำหนึ่งเตือนนายน้อยที่อยู่เบื้องหน้าที่ดูราวกับว่าจะะเิออกมาได้ทุกเมื่อ
“ข้ารู้ว่าที่นี่คือหอจันทรา ด้วยเหตุนี้...ข้าจึงไม่ได้ลงมือ”
เย่ชิงหานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเ็าที่ไม่ดังเท่าใดนัก แต่ก็ไม่ได้ปกปิดหรือแอบซ่อนแต่อย่างใด ภายในหอสี่ทิศที่เงียบสงบแห่งนี้ เสียงที่ได้ยินราวกับะเิสายฟ้าที่ตกกระทบใส่ทุกคน
ภายในหอแห่งนี้มีคนอยู่ไม่มากประมาณเจ็ดแปดคน ผู้ที่สามารถเข้ามาในหอแห่งนี้ล้วนไม่ใช่บุคคลธรรมดาล้วนเป็แขกระดับสูง และสามารถทำให้ตระกูลเยว่เรียกว่าแขกระดับสูงได้นั้นมีอยู่ไม่มากนัก
แน่นอนว่าเสว่อู๋เหินก็นับว่าเป็แขกระดับสูงคนหนึ่ง ว่าที่หัวหน้าตระกูลเสว่ในอนาคต อันดับสิบแห่งทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐีซึ่งนับว่าเป็ยอดฝีมือคนหนึ่งเช่นกัน แต่เด็กหนุ่มที่น้ำเสียงอ่อนเยาว์และแปลกหน้าคนนี้พอเดินเข้ามาก็แผ่รังสีสังหารออกมาอย่างรุนแรง ทำลายบรรยากาศที่ดีงามภายในที่แห่งนี้เสียหายหมด แน่นอนว่าผู้ที่นั่งอยู่ภายในย่อมไม่ชอบใจกับการกระทำของเขา มิหนำซ้ำยังพูดจาโอหังอวดดีว่าอยากจะลงมือกับเสว่อู๋เหิน?
เ้าเด็กคนนี้ทำท่าอวดเก่งจนเกินไป ชายหนุ่มที่อยู่ทางด้านซ้ายมือลุกขึ้นในทันทีเตรียมตัวที่จะออกหน้าแทนเส่วอู๋เหิน เขารูปร่างไม่สูงใหญ่เท่าใดนัก ใบหน้าขาวซีดเล็กน้อยแต่ก็พอมีเค้าของความหล่อเหลา มองดูเย่ชิงหานอย่างละเอียดจนแน่ใจว่าไม่รู้จัก จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส “เยว่เหนียง นี่เด็กน้อยบ้านไหน? ทำไมไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาเสียเลย?”
“นายน้อยหลงสุ่ยหลิว ท่านนี้คือนายน้อยเย่แห่งตระกูลเย่ เห็นแก่หน้าข้าได้โปรดกลับไปนั่งอย่างสงบเถิด?” เยว่เหนียงยิ้มพรายออกมา พูดอธิบายขึ้นแล้วหันหน้าไปทางเย่ชิงหานด้วยสายตาอ้อนวอน
“ข้าเห็นแก่หน้าพวกเ้าถึงได้ไม่ลงมือ” เย่ชิงหานพูดออกมาอย่างราบเรียบ ไม่ได้สนใจไยดีต่อผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนี้ เดินตรงเข้าไปข้างในแล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเสว่อู๋เหิน ดวงตาหรี่ลงมองแล้วยิ้มออกมา “เสว่อู๋เหิน นายน้อยเสว่ สวัสดี! เ้าทำได้ไม่เลว...พวกเสว่อีฝากคำพูดมาให้เ้าด้วย พวกเขาบอกว่าถ้าหากมีเวลาอยากให้เ้าไปอยู่รวมกับพวกเขาหน่อย!”
ครืน!
เส่วอู๋เหินไม่ได้ขยับตัวแต่อย่างใด มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่ดำคล้ำลง ผู้เฒ่าสือกับผู้เฒ่าม่อที่อยู่ข้างๆ ลุกพรวดขึ้นมาในทันทีพร้อมกับโคจรพลังปราณรบอย่างเต็มกำลังจ้องมองมาที่เย่ชิงหาน ดวงตาเต็มไปด้วยความเดือดดาลและตื่นตะลึง
คนอื่นไม่รู้ แต่พวกเขาสองคนและเสว่อู๋เหินนั้นรู้ดีถึงความหมายที่แฝงอยู่ภายในประโยคคำพูดนี้ พวกเสว่อีตายแล้วเพราะถูกเย่ชิงหานฆ่า ส่วนเย่ชิงหานพูดออกมาต่อหน้าว่าจะให้เสว่อู๋เหินลงไปพบกับพวกนั้น นี่มันไม่ต่างอะไรกับการขู่เอาชีวิตและการประกาศาเลย
เย่สือซานกับเย่สือชียืนอยู่ข้างหลังเย่ชิงหานมองด้วยความตื่นเต้น พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเย่ชิงหานพูดออกมาแค่เพียงประโยคเดียวผู้คุ้มกันของเสว่อู๋เหินที่อยู่ตรงข้ามถึงได้ทำท่าทางเหมือนจะลงไม้ลงมือขึ้นมา แต่ไม่ว่าอย่างไรหากตาแก่ทั้งสองคนลงมือละก็ พวกเขาก็จะลงมืออย่างไม่สนใจสิ่งใดๆ เช่นเดียวกัน
“เหอะๆ!” เสว่อู๋เหินกับผู้เฒ่าทั้งสองล้วนไม่ได้เอ่ยปากพูด แต่หลงสุ่ยหลิวที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับหัวเราะออกมา มุมปากปรากฏความโกรธขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อสักครู่เย่ชิงหานเดินผ่านเขาไปชายหางตามองมาอย่างดูถูก บวกกับความโอหังอวดดีของเย่ชิงหานทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์มากยิ่งขึ้น เขาบิดคอไปมาแล้วเอ่ยขึ้น “นายน้อยตระกูลเย่? นายน้อยของตระกูลเย่ไม่ใช่เย่ชิงขวงหรอกรึ? แล้วไอ้เด็กที่ขนยังไม่ขึ้นคนนี้โผล่มาได้อย่างไร? นี่หรือที่จะเป็ตัวแทนตระกูลเย่เข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองของผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิ? ตระกูลเย่ไม่มีคนแล้วรึ?”
คำพูดประโยคนี้รุนแรงมากและไม่รื่นหูสักเท่าไร แม้กระทั่งชายหนุ่มสองคนที่เป็นายน้อยใส่ชุดสวยหรูหราราคาแพงที่นั่งอยู่ข้างๆ ดวงตาของทั้งสองต่างหรี่ลงพร้อมกัน เย่สือซานกับเย่สือชีสีหน้าดำคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้
ใบหน้าเย่ชิงหานยังคงไร้อารมณ์ใดๆ เช่นเดิม เขาหันหน้าไปมองเย่สือซานอย่างรู้สึกประหลาดใจพร้อมกับพูดขึ้น “เขาเป็ใคร?”
“หลงสุ่ยหลิว หลานชายท่านหลงจ้าวแห่งเขตปกครอง” เย่สือซานขยับปากพูดออกมาด้วยเสียงแ่เบา
“อ้อ?” เย่ชิงหานพยักหน้า จากนั้นบิดคอไปมาเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “ท่านหลงจ้าวแห่งเขตปกครองไม่ใช่ว่ามีหลานสาวแค่คนเดียวรึ? มีหลานชายโผล่ขึ้นมาั้แ่เมื่อไหร่? หรือว่าเป็เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง?”
คำถามของเย่ชิงหานถามจนสีหน้าของเย่สือซานดำคล้ำยิ่งกว่าเก่า ทำเอานายน้อยทั้งสองที่อยู่ข้างๆ หน้าตามีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที และแน่นอนว่าเป็คำถามที่ทำให้สีหน้าของหลงสุ่ยหลิวดำมืดลงไปในทันใดเช่นกัน
“อืม!” เย่ชิงหานไม่รอให้หลงสุ่ยหลิวกล่าวสิ่งใดออกมา หันหน้าไปทางเขาแล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้างุนงง “ถึงแม้จะเป็ญาติของท่านหลงจ้าวแห่งเขตปกครอง แต่ข้าคิดว่าเ้าคงไม่ใช่ญาติของเสว่อู๋เหินหรอกใช่ไหม? เื่ของข้ากับเสว่อู๋เหินเ้าอาศัยอะไรถึงออกหน้าแทนเขา? หรือจะให้ข้าคิดว่า...เ้ากำลังทำหน้าที่แทนท่านหลงจ้าวแห่งเขตปกครองออกหน้าแทนตระกูลเสว่ ออกหน้าแทนท่านหลงจ้าวแห่งเขตปกครองเพื่อเป็ศัตรูกับตระกูลเย่ของข้า?”
ครืน!
คำพูดที่เชือดเฉือนของเย่ชิงหานทำให้ทุกคนที่ได้ฟังต่างสะดุ้งใไปตามๆ กัน ประโยคนี้พูดได้แหลมคมมาก สามารถทำให้เื่ผิดใจเล็กน้อยยกระดับขึ้นไปสู่จ้าวแห่งเขตปกครองและหัวหน้าตระกูลใหญ่ คำพูดเหล่านี้ใครกล้าพูดมั่วๆ? ใครกล้าตอบมั่วๆ? แล้วหลงสุ่ยหลิวจะกล้าเป็ตัวแทนท่านหลงจ้าวแห่งเขตปกครองได้อย่างไร? จะกล้าเป็ตัวแทนท่านหลงจ้าวแห่งเขตปกครองเป็ศัตรูกับตระกูลเย่ได้อย่างไร? ดังนั้นหลงสุ่ยหลิวจึงได้แต่อ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น จะพูดอะไรก็พูดไม่ออก จะมีก็แต่เพียงใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มบิดเบี้ยวขึ้นเล็กน้อย
นายน้อยสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ต่างมีรูปร่างหน้าตาที่เป็เอกลักษณ์เฉพาะตัว คนหนึ่งรูปร่างกำยำล่ำสันแบบฉบับนักกล้าม ทั่วทั้งร่างแผ่พลังดุดันเหี้ยมเกรียมออกมา มีกระบี่เล่มยาวเหน็บไว้ที่ด้านหลัง ส่วนอีกคนหนึ่งกลับตรงกันข้าม รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเสียยิ่งกว่าหลงสุ่ยหลิว หรืออาจจะพูดได้ว่างดงามมากจะถูกกว่า หากไม่มีลูกกระเดือกที่อยู่บริเวณลำคอคนอื่นคงคิดว่าเป็สาวงามนางหนึ่งอย่างแน่แท้ ในตอนนี้สีหน้าของทั้งสองที่แสดงออกมาดูพิเศษแปลกประหลาดยิ่งกว่ารูปร่างหน้าตาเสียอีก ไม่ว่าเป็ใครก็ต้องมีสีหน้าเช่นเดียวกัน เมื่ออยากจะหัวเราะออกมาแต่กลับต้องอดกลั้นไว้อย่างนี้
สีหน้าของเยว่เหนียงในตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน นางกำลังคิดว่า...ทำไมนายน้อยของตระกูลเย่ที่โผล่มาแต่ละคนยิ่งโอหังกว่าคนก่อนๆ ขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาหงส์ที่งดงามของนางมองไปยังสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังแล้วกะพริบตาส่งสัญญาณให้ สาวใช้คนนั้นรับรู้ได้ในทันทีถึงความหมาย จากนั้นจึงเดินออกจากหอไปอย่างช้าๆ
“ณ ตอนนี้แน่นอนว่านายน้อยหลงไม่ได้เป็ตัวแทนของท่านจ้าวแห่งเขตปกครอง แต่ข้าก็อยากรู้ว่าเ้าที่เป็นายน้อยตกอับของตระกูลมาเป็ตัวแทนของตระกูลเย่ั้แ่เมื่อไหร่?” ่เวลาสำคัญ ในที่สุดเสว่อู๋เหินก็เปิดปากพูดขึ้น เมื่อก่อนที่เผชิญหน้ากับเย่ชิงหานเขายังรู้สึกผิดดังนั้นจึงยังเงียบอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าเย่ชิงหานทั้งอวดดีและแสดงตัวเป็ศัตรูกับเขาอย่างเปิดเผย มันกระตุ้นศักดิ์ศรีความทระนงตนในตัวของเขา หากสถานการณ์เช่นนี้ยังไม่พูดสิ่งใดออกไปอีก คนอื่นจะต้องดูถูกเหยียดหยามเขาเป็แน่
“อ้อ? เต่าหดหัวอย่างเ้าในที่สุดก็กล้าพูดออกมา? อีกอย่าง...วันนี้ข้ามายืนอยู่ตรงนี้ก็แสดงว่าข้าสามารถเป็ตัวแทนของตระกูลเย่ได้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้ชื่นชอบตำแหน่งนี้เท่าใดนัก” เย่ชิงหานมองดูเสว่อู๋เหินด้วยความสนุกสนาน ยักคิ้วให้ทีหนึ่งก่อนจะพูดท้าทายขึ้น
ดวงตาของเสว่อู๋เหินหดตัวลง สีหน้าเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็พูดออกมา “เย่ชิงหาน เป็คนบางทีก็ต้องรู้จักมีอัธยาศัยไมตรีบ้าง!”
“ฮึ! ข้าเป็คนมีอัธยาศัยไมตรีมาตลอด แต่...กับคนอย่างเ้าข้าไม่จำเป็ต้องมีอัธยาศัยไมตรีด้วย อีกอย่าง...ข้าไม่มีอัธยาศัยไมตรี แล้วเ้าจะทำไม?” เย่ชิงหานยิ้มออกมาอย่างเ็า พูดขึ้นอย่างอวดดี
มองดูท่าทางของเย่ชิงหานที่อยากจะหาเื่ สถานการณ์ภายในหอเริ่มจะตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง ไม่มีใครพูดสิ่งใดออกมา บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ แต่ในบรรยากาศอันเงียบเชียบนี้ทุกคนต่างััได้ถึงดินปืนที่กำลังรอการลุกไหม้ขึ้นมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้