หลังจากที่ จื่อต้าหลง และ เด็กหนุ่มผมเกรียน ตกลงกันเรียบร้อย ก็ได้มีเสียงดังมาจากบนเวที “หมายเลข สี่ร้อยห้าสิบ ขึ้นมารับการทดสอบ!”
“เอาล่ะถึงตาข้าสักที!” หนุ่มผมเกรียน เดินขึ้นเวทีทดสอบ เขาเดินลมปราณ รวบรวมพลังไปไว้ที่หมัดขวา เตรียมปล่อยวิชายุทธของตัวเอง ทันใดนั้น แววตาเด็กหนุ่ม พลันเปลี่ยนเป็ คมกริบ! ดุดัน! ดั่งพยัคฆ์ร้าย! เขาพุ่งหมัด! ไปยังหินทดสอบอย่างรวดเร็ว
“เปรี้ยงงงง!!” เสียงหมัดกระแทก เข้ากับกำแพงมรกตดังสนั่น!
“2.5 หมายเลข สี่ร้อยห้าสิบ ผ่านการทดสอบ!!” เสียงของผู้าุโดังขึ้น
หนุ่มผมเกรียน เดินลงมาจากเวทีทดสอบอย่างผู้มั่นใจในชัยชนะ…. เขาหันไป ทำท่า เชือดคอ ใส่จื่อต้าหลง พลางคิดในใจ ‘ได้เงิน เพิ่มมา หนึ่งร้อยตำลึง อย่างง่ายๆ ข้าจะไปเที่ยวเตร่ที่ไหนดีนะ?’ จากนั้นจึงเดินมาทางจื่อต้าหลง กล่าวว่า “เฮ้! ไอ้หนู อย่าหนี ไปไหนเสียล่ะ ข้าเห็นอาภรณ์เ้าแล้ว ดูท่าทางคงจะเป็นายน้อยจากตระกูลไหนสักตระกูลสินะ หึๆ เ้าคงไม่ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลเสื่อมเสียหรอกใช่มั้ย?” หนุ่มผมเกรียน ยกยิ้ม ที่มุมปากพร้อมกับคิดว่า… พวกนายน้อย ย่อมมีเงินเยอะ สำหรับเงิน หนึ่งร้อยตำลึง ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายลำบากเลย แม้แต่น้อย เขาจึงไม่กลัวที่จื่อต้าหลงจะไม่มีเงินจ่าย…
“แน่นอน ข้ารู้อยู่แล้ว ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำหรอกน่า… ใครคืนคำถือว่าเป็ไอ้ลูกหมา!” จื่อต้าหลงกล่าวเสียงเรียบ
‘บัดซบ!! ไอ้โล้นนั่นค่าพลัง 2.5 เลยเรอะ? ผิดแผนข้าไปหมด! งี้ข้าก็ต้องทำให้มากกว่ามันน่ะสิ?’
ตอนแรก จื่อต้าหลง คิดจะเข้าสำนักด้วยพลังระดับลมปราณก่อเกิดขั้นที่หนึ่ง เพราะจะได้ดูไม่โดดเด่นจนเป็ที่สนใจของคนหมู่มาก… โดยส่วนใหญ่ ผู้ที่ทดสอบพลังโจมตีได้ในระดับ พลังปราณก่อเกิดขั้นที่สามขึ้นไป… มักถูกผู้าุโในสำนักหมายตาไว้ให้้เป็ศิษย์ส่วนตัว…
จื่อต้าหลง ไม่อยากมีอาจารย์ เพราะเขาแค่อยากทำตัวสบายๆ ไม่ต้องเร่งรีบอะไร… หากมีอาจารย์ขึ้นมา… เขาคงต้องถูกเคี่ยวเข็ญ ให้ตั้งใจฝึกฝนวรยุทธ… แน่นอนว่า ถ้าเป็คนอื่น หากวัดค่าพลังโจมตีได้ถึงระดับสามขั้นลมปราณก่อเกิด… พวกมันจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน เพราะการมีอาจารย์จะทำให้พัฒนาได้ไวกว่าคนอื่น… อีกทั้ง สถานะในสำนักยังสูงล้ำกว่าศิษย์ทั่วไปเป็ไหนๆ ดังนั้นทุกคนจึงปราถนาที่จะวัดพลังโจมตีให้ได้ระดับปราณก่อเกิดขั้นที่สามขึ้นไปกันทั้งสิ้น! หากสามารถทำได้… ชีวิตในสำนักก็คงจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน…
“ต่อไป! หมายเลขสี่ร้อยแปดสิบขึ้นมาทดสอบพลังได้!” เสียงของผู้าุโดังขึ้น
จื่อต้าหลง ถึงแม้อาจดูตัวเล็กไปบ้าง… แต่ในที่นี้ ก็มีคนตัวเล็กเท่าๆ เขาเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ในบรรดาคนเหล่านี้เขาอายุน้อยที่สุดแล้ว ส่วนใหญ่ ผู้ที่มาสมัครเข้าสำนักมีอายุเกินสิบห้าปีขึ้นไปทั้งนั้น…. ดังนั้น เด็กน้อย จึงไม่ได้เป็ที่สังเกตมากนัก มีเพียง… อาภรณ์ ที่เขาสวมใส่เท่านั้นที่ดูโดดเด่น ซึ่งพิจารณาดูแล้ว คงเป็นายน้อยตระกูลใหญ่ ตระกูลไหน สักตระกูล… โดยทั่วไปแล้ว ไม่ค่อยจะมีคนรู้จักเขานักหรอก เพราะวันๆ เขาเอาแต่กินนอน อ่านตำราอย่างสงบอยู่แต่ในห้องของตัวเอง…
จื่อต้าหลง เดินขึ้นเวทีทดสอบอย่างคนมีมาด… ท่วงท่า กริยาดู สง่างามสูงส่ง… เหมาะสม กับฐานะลูกหลานทายาทตระกูลใหญ่…. ไม่ว่าใครเห็นก็ตามต่างต้องรู้สึกเลื่อมใส… ถึงแม้ว่าตอนนี้ เขาจะเตี้ยไปหน่อยก็ตาม!
เมื่อเดินมาถึงเบื้องหน้ากำแพงมรกต เด็กน้อยจึงคำนวนพลังในการโจมตี… นี่ก็เป็หนึ่งในเื่ที่เขาถนัด… เขาสามารถควบคุมพลังปราณ ให้หนักหรือเบาได้ตาม้าอย่างชำนาญ ั้แ่ตอนอายุแปดขวบแล้ว… โดยทั่วไป การจะควมคุมพลังให้ใช้ออกได้ตาม้านั้น… ต้องฝึกฝนไม่ต่ำกว่าสิบปี! แต่เด็กน้อยใช้เวลาฝึกเล่นๆ เพียงแค่หนึ่งเดือน ก็สำเร็จในขั้นควบคุมได้ ดังใจปราถนาแล้ว… นี่นับว่าเป็พร์อันสูงส่ง!
จื่อต้าหลงจ้องไปยังกำแพงมรกต ที่มีขนาดสูงกว่าตัวเขาด้วยท่าทางสบายๆ จากนั้นจึงโคจรพลังลมปราณไปที่ฝ่ามือ และซัดไปยังกำแพงมรกต
“เปรี้ยง!!” เสียงกระแทกดังอย่างหนักแน่นไปทั่วบริเวณ!
“ค่าพลัง 2.8 หมายเลขสี่ร้อยแปดสิบ ผ่านการทดสอบ!!” ผู้าุโกล่าวเสียงดังพร้อมกับชำเลืองมองไปทางเด็กน้อยอย่างชื่นชม ต้องทราบว่าเด็กที่อายุราวๆ สิบสองถึงสิบสามปีนั้น… มีไม่มากนัก ในการทดสอบครั้งนี้… ซึ่งส่วนใหญ่ เด็กที่อายุประมาณนี้ ก็ล้วนแล้วแต่ ไม่ผ่านทั้งนั้น…
แม้จะมีผู้ที่ ผ่านมาได้ แต่ก็ผ่าน ด้วยระดับพลังโจมตี เพียงขั้นลมปราณก่อเกิดชั้นที่หนึ่งเพียงเท่านั้น! แต่นี่ ก็นับว่ายอดเยี่ยม เป็อย่างยิ่งแล้ว สำหรับเด็ก ที่มีอายุเพียงเท่านี้… ดังนั้น จื่อต้าหลง ที่สามารถผ่านการทดสอบได้ด้วยพลังโจมตีระดับก่อเกิดขั้นที่สอง อีกทั้งยังเป็ระดับปลายแล้วด้วยนั้น นี่นับว่าเป็อัจฉริยะ ที่มีจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้น
หนุ่มผมเกรียน เห็นดังนั้นถึงกับหน้าซีดเผือด ใจหายวาบหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม พลังโจมตี ที่จื่อต้าหลงทำได้นั้น เหนือกว่าเขา จื่อต้าหลงเดินลงจากเวทีไปหาหนุ่มผมเกรียนอย่างช้าๆ เมื่อไปถึง เด็กน้อยยิ้มมุมปากอย่างเ้าเล่ห์แล้วแบมือ… หนุ่มผมเกรียนกัดฟันแน่น จากนั้นจึงตัดใจ ส่งถุงเงินให้แก่จื่อต้าหลงไป… เขาคิดว่า คงไม่เป็ไร หากเข้าสำนักแล้ว คงจะมีภารกิจ ที่ให้ เงินรางวัลมากมาย ถึงตอนนั้น… เขาคงจะไม่เดือดร้อนเื่เงินมากนัก… คิดได้ดังนั้น ก็เลยรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
“เ้าเป็ใครกันแน่…?” เด็กหนุ่มผมเกรียน กล่าวอย่างสงสัย… ผู้ที่ มีอายุเพียงเท่านี้ แต่ กลับ สามารถ ฝึกฝนพลังมาได้ถึงขั้นนี้ ย่อมต้องไม่ใช่ คนธรรมดา สามัญ อย่างแน่นอน
“ข้า… จื่อต้าหลง ยินดี ที่ได้รู้จัก” เด็กน้อยยกยิ้ม พร้อมกับ แนะนำตัว อย่างเป็กันเอง
“ข้า เฉิงไฉเซียว… ขออภัย ที่ดูถูก ก่อนหน้านี้ เสียมารยาทกับเ้าไปเสียแล้ว” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างใจนักเลง พร้อมกับยกมือ ขึ้นมา ทำการคารวะ ให้แก่เด็กน้อย เขาให้ความเคารพ ต่อผู้ที่มี พลังฝีมือเข้มแข็งเสมอ ถึงแม้ จะเป็เพียงเด็กน้อย ผู้หนึ่ง ก็ไม่อาจ ดูถูก ได้!
“พี่ล้าน… เื่ แค่นี้ อย่าหา ได้ใส่ใจ” จื่อต้าหลงตอบยิ้มๆ ด้วยน้ำเสียง สงบนิ่ง
ผู้คนบริเวณนั้น เข้าใจโดย ฉับพลัน ที่แท้… นี่คือ นายน้อย แห่งตระกูลจื่อ นี่เอง มิน่า บุคลิก ท่วงท่า วาจา กริยา ถึงได้น่านับถือ เช่นนี้…. ได้ยินมาว่า เขาอายุเพียงสิบสามปี เท่านั้น… แต่ กลับ สามารถ เข้าสู่ ลมปราณก่อเกิดขั้นที่สอง ได้แล้ว ช่าง ไม่ธรรมดา ยิ่งนัก! หาก ให้เวลาเขา อีกสามปี…. มั่นใจ ได้เลยว่า เขาจะต้องได้ เลื่อนขั้น เป็ ศิษย์สายใน อย่างแน่นอน! ทุกสายตา ต่างมอง ไปยัง จื่อต้าหลง อย่าง เคารพ ชื่นชม
ผู้ที่ ผ่านการทดสอบ การคัดเลือกศิษย์ใหม่แล้ว สามารถ กลับ ไปพักผ่อนได้ ทาง สำนักปลาทอง จะมี ห้องพัก ส่วนตัวให้ศิษย์ ทุกระดับ… ไม่ว่า จะเป็… ศิษย์สายนอก ศิษย์สายใน หรือศิษย์หลัก… จื่อต้าหลง เดินตาม ศิษย์พี่ ที่มารับ ตัวผู้ที่ผ่าน การคัดเลือก เสร็จสิ้นแล้ว ไปยัง ที่พัก ของตัวเอง ที่พัก ของเด็กน้อยนั้น เป็จวนเล็กๆ หลังหนึ่ง ที่พอดีกับ หนึ่งคน หลังจาก สำรวจ ที่พักเสร็จสิ้นแล้ว…. เด็กน้อยก็ขอลาทางสำนัก กลับไปหาท่านพ่อ เพื่อจะไปรายงานทันที ว่าตนผ่านการทดสอบแล้ว
เมื่อเด็กน้อย มาถึงจวนตระกูลจื่อ เขาก็รีบเข้าไปรายงาน สถานการณ์ ในห้องประชุม ของ ประมุขตระกูล ทันที เด็กน้อยเดินเข้าไปในห้องโถง ก็พบเห็นผู้เป็พ่อ ยืนเอามือไพล่หลัง ด้วยท่าทาง น่าเกรงขาม อย่างสงบ เด็กน้อย มองจากด้านหลัง… แผ่นหลัง ของผู้เป็ บิดา ดูน่ายำเกรง ราวกับ พยัคฆ์ จากนั้น เด็กน้อยจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้ว ข้าผ่านการทดสอบเรียบร้อยแล้วขอรับ” จื่อเทียนหลางนั้นดูทรงพลังเป็อย่างมาก เด็กน้อยจึงต้องเคารพเขา เพราะหวาดกลัว
จื่อเทียนหลาง ค่อยๆ ปรายตา หันมามองลูกชาย อย่างช้าๆ “ดีมาก เ้าผ่าน ไปได้ด้วย ระดับไหน?”
“ระดับ พลังโจมตี 2.8 ขอรับ” จื่อต้าหลงตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ใสซื่อ โดยที่ ไม่ได้บอกบิดาว่า นี่ข้า ออมแรงไว้แล้วนะ
“ไม่เลว พี่หญิงใหญ่เ้า ปีนั้น ก็ผ่านด้วยระดับ พลังโจมตี 5.3 ด้วยวัยเพียง สิบหกปี… สายเืข้า แต่ละคนช่างไม่ธรรมดาจริงๆ รับนี่ไปซะ… นี่คือ เคล็ดวิชาัม่วง ยิ่งฝึกถึงระดับสูงเท่าไหร่ มันจะยิ่งทำให้ ปฏิกิริยาตอบสนอง ของเ้าว่องไว ขึ้น นี่คือ สุดยอดวิชา ที่ทำให้ตระกูลเราเป็ใหญ่ในเมืองแห่งนี้มาได้ หลายยุคสมัย ทุกคน ในตระกูลต่างก็ฝึกกันหมด พี่หญิงใหญ่ของเ้าเอง ก็ฝึกถึงขั้นกลางไปแล้ว ตัวเ้ามัวแต่กิน กับนอน มันถึงเวลาสมควรแล้ว ที่จะต้องเรียนรู้วิชาประจำตระกูลไว้บ้าง เพื่อสืบทอดต่อถึงรุ่นลูกหลานต่อไป”
“ท่านพ่อ! เอะอะ ก็ฝึกๆๆ ข้าเบื่อ จะแย่อยู่แล้ว! อุตส่าห์กลับบ้านมานึกว่าจะสบายแล้วเสียอีก” เดิมทีเด็กน้อยคิดว่า หากตนสามารถเข้าสำนักปลาทองได้ ผู้เป็พ่อคงจะเลิกเคี่ยวเข็ญตน ที่ไหนได้… เขากลับมอบ เคล็ดวิชา ให้ฝึกฝนเสียอย่างนั้น เด็กน้อยจึงรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
"เอ๊ะ! เ้าลูกคนนี้นี่ อยากโดนหักค่าขนมใช่หรือไม่?!" จื่อเทียนหลางข่มขู่เสียงแข็ง!
“รังแกกันเกินไปแล้ว! ข้าทำตามที่ท่านบอก ให้เข้าร่วมสำนักสำเร็จแล้ว ถ้าท่านยังหักเงินข้าอีก… ข้าจะไปฟ้องท่านแม่… ท่านก็รู้นี่ว่าคนอย่างข้าเอาจริง!!” จื่อต้าหลงขู่กลับอย่างไม่ยอมแพ้ใดๆทั้งสิ้น!
“จะ… เ้า” จื่อเทียนหลางถึงกับหางคิ้วกระตุก สองพ่อลูกจ้องตากัน ราวกับ พยัคฆ์สองตัว อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ อย่างไม่มีใครยอมใคร ผ่านไปสักพัก…. จื่อเทียนหลาง ก็ถอนหายใจยาวด้วยท่าทางเหนื่อยล้า
จื่อเทียนหลาง เริ่มเหนื่อยใจ แต่ถึงยังไง อย่างน้อย เขาก็บังคับให้ลูกชายเข้าสำนักได้แล้ว แค่นี้ก็นับว่าดี แค่ไหนแล้ว มันยากนัก กว่าที่เขาจะทำสำเร็จได้ ก่อนหน้านี้ เด็กน้อยใช้ทุกสารพัดวิธี ในการหนีหน้าเขา… ทั้งแกล้งป่วย… หนีไปนอนบ้านของดำน้อยบ้าง… บ้านของอ้วนน้อยบ้าง… และบ้านขาวน้อย หรือไม่ ก็ไป ออดอ้อนท่านย่า นั่งอ่านวรรณกรรม ทั้งวัน ทั้งคืน โดยใช้หญิงชรา เป็เกราะกำบังภัยจากบิดาอย่างหน้าไม่อาย…
จื่อเทียนหลาง ไม่รู้จะทำยังไง จึงต้อง งัด ไพ่ตาย ออกมาใช้ นั่นก็คือ การหักเงินค่าขนมเด็กน้อยซะ จื่อต้าหลงนั้นชอบเอาเงินไปเลี้ยงขนมดำน้อย ขาวน้อย กับอ้วนน้อย อย่างใจกว้าง พร้อมทั้งยัง ซื้อหนังสือตำรา วรรณกรรม ต่างๆมากมาย จนตู้ในห้อง ของเด็กน้อยนั้น เต็มไปด้วยหนังสือมากกว่าครึ่งห้องเข้าไปแล้ว เด็กน้อยใช้จ่ายเงิน อย่างสุรุ่ยสุร่าย ถึงแม้ ตระกูลจื่อจะเป็ตระกูลใหญ่ มีเงินทองมากมาย แต่จื่อเทียนหลางก็อยากสอนให้ลูกชายรู้จักใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด ตอนนี้จื่อเทียนหลางคงได้แต่ต้องปล่อยเขาไปก่อน เื่ แบบนี้คงต้องค่อยๆ สอนกันไป จะรีบร้อน ไม่ได้ ใช้ ไม้อ่อน ไม่ได้ ก็จำต้องใช้ ไม้แข็ง กันบ้าง
จื่อต้าหลงนั้น ใช้จ่ายเงิน อย่างฟุ่มเฟือย เพราะเหตุนี้ เด็กน้อยจึงหวาดกลัว การถูกหักเงินค่าขนมเป็พิเศษ หากถูกหักค่าขนม ถึงครึ่งหนึ่ง เด็กน้อยจะไม่สามารถ เอาเงินไปใช้จ่ายอย่างสนุกสนาน ได้อีกต่อไป หากถูกบิดาหักเงิน เด็กน้อย จะต้องเ็ปหัวใจอย่างถึงที่สุด เด็กน้อย จึงต้องยอมทำตามที่บิดาบอก
ยาม เยาว์ นั้น เด็กๆ ทุกคนมักใช้จ่ายเงินอย่างไม่รู้คุณค่า เงินถูกใช้ออกไปหมดอย่างรวดเร็วเมื่ออยู่ในมือของเหล่าเด็กน้อย ซึ่งจื่อต้าหลงเองก็เป็หนึ่งในเด็กพวกนั้น
ใน วันนั้น เด็กน้อยรู้สึกเจ็บใจมาก ที่เขาพลาดท่าให้แก่บิดา จื่อเทียนหลาง ใช้วิธีการให้เสี่ยวไป๋ ถ่ายทอดคำสั่งของตน ไปบอกกล่าวยังเด็กน้อย นั่น จะถือว่าเขา ได้รับรู้แล้ว
หากจื่อต้าหลง ไม่ทำตามที่จื่อเทียนหลางบอก เขาก็จะริบเงินค่าขนมของจื่อต้าหลงทันที ต่อให้เขาจะหนีไปหาอ้วนน้อย ดำน้อย ขาวน้อย หรือหลบอยู่ในจวนท่าย่า ก็ไม่มีความหมาย เพราะนั่นถือว่า คำสั่ง ได้ถ่ายถอดถึงตัวเขาแล้ว เท่ากับว่า เด็กน้อยรับรู้ เื่นี้แล้ว หากถึงเวลา หลบไปก็ยังถูกหักเงินอยู่ดี ดังนั้น จึงสู้ไปสมัครเข้าร่วมสำนัก แล้วได้รับเงินค่าขนมเต็มๆ จะดีกว่า
จื่อต้าหลงจะไม่ยอมให้พ่อเขาลดค่าขนมลงมาครึ่งหนึ่งอย่างเด็ดขาด! แม้แต่สลึงเดียวก็ไม่ได้!! ไม่งั้นมันจะทำให้วิถีชีวิตของเขาเปลี่ยนไป จากที่เคยได้กินขนมซื้อตำรา เที่ยวกับสหายอย่างสบายใจตามประสาเด็ก…. ก็จะถูกลดความสนุกในตรงนั้นลงถึงห้าส่วน… อาจได้กินไม่เต็มอิ่ม ไม่สามารถเลี้ยงขนมสหาย หรือซื้อตำรามาอ่านอย่างจุใจ เหมือนเดิมได้อีก! ซึ่งเป็เื่ที่ เด็กน้อย! ยอมไม่ได้!
จื่อต้าหลง ประมาท พ่อ ของเขามากเกินไป โดยปกติแล้ว เสี่ยวไป๋ จะไม่มีทางมาปลุกเขาอยู่แล้ว หากไม่มีเื่ราวอะไรเป็พิเศษ…. เด็กน้อยจึงไม่ได้ระวังตัว นอนเพลิน จนลืม นึกถึงในเื่นี้
เปิดโอกาสให้พ่อของเขา ใช้ ช่องว่าง นี้ ส่ง เสี่ยวไป๋ มาทุบประตูอย่าง ไม่ทันตั้งตัว เด็กน้อย ทนรำคาญ ไม่ไหว จึงต้องส่งเสียงตอบรับไป หากเขาไม่ตื่น เสี่ยวไป๋ อาจทุบประตูห้องนอนเขาจนพังเลยก็เป็ได้… เสียงดังขนาดนั้น ใครมันจะไปนอนหลับต่อได้กันเล่า!
เมื่อโดนเด็กน้อยขู่ว่าจะไปฟ้องท่านแม่ ที่ถูกท่านพ่อรังแกอย่างไม่ยุติธรรม จื่อเทียนหลางจึงพูดไม่ออก เพราะเขาเองก็พูดแค่ว่า เข้าร่วมสำนักเฉยๆ ไม่ได้บอกว่า ให้เอาเคล็ดวิชาประจำตระกูลไปฝึกฝนด้วย ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถหักเงินในเื่นี้ได้
ในเมื่อพูดไปแค่นั้น จื่อเทียนหลาง จึง ไม่มีสิทธิ์ ที่จะหักค่าขนม ของเด็กน้อยได้อีก ต่อให้ เด็กน้อยไม่ยอมฝึกเคล็ดวิชาประจำตระกูลก็ตาม…. ในเมื่อ เื่ราวเป็เช่นนี้ จื่อเทียนหลาง จึงได้แต่ถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า “งั้นก็แล้วแต่เ้าเถอะ… ไปพักผ่อนซะ ข้าเริ่มจะปวดกบาล! เฮ้อออ ทำไมนิสัยเ้า ถึงได้ต่างจาก พี่หญิงใหญ่ ของเ้า มากเหลือเกินนะ…” ชายวัยกลางคน ส่ายศรีษะ อย่างจนใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้