ลุงอ้วนผู้เป็ปรมาจารย์ผู้พิทักษ์ตรวจสอบคุณสมบัติของเย่เทียนเซี่ยก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดออกมา “จริงๆแล้วเ้าก็มีความเหมาะสมที่จะสามารถเป็ผู้พิทักษ์ได้อยู่ แต่สำหรับผู้พิทักษ์อย่างเราแล้วสิ่งสำคัญคือการป้องกัน ไม่ใช่การโจมตี ดังนั้นต่อไปทางที่ดีเ้าควรจะนำคะแนนคุณสมบัติเพิ่มลงไปในส่วนของความแข็งแกร่ง เพราะผู้พิทักษ์อย่างเราทุกครั้งที่เพิ่มค่าพละกำลังจะเพิ่มพลังโจมตีได้แค่ 1.5 เท่านั้น แต่การเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทุกๆ 1 หน่วยจะทำให้พลังชีวิตของเ้าเพิ่มขึ้น 15 หน่วยและยังทำให้พลังป้องกันเพิ่มขึ้น 1.5 หน่วยด้วย
ผู้พิทักษ์ใน World of Fate เป็อาชีพที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเราเหล่าผู้พิทักษ์มีความสามารถในการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด ในสนามรบนั้นจะขาดโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดไปไม่ได้ ผู้พิทักษ์ขั้นต้นสามารถแบ่งได้เป็สองประเภทคือผู้พิทักษ์แห่งแสงและผู้พิทักษ์แห่งความมืด ผู้พิทักษ์แห่งแสงนอกจากจะมีพลังชีวิตและพลังป้องกันที่แข็งแกร่งแล้ว ยังมีความสามารถในการรักษาตนเองและช่วยเหลือกลุ่มของตนได้ด้วย ผู้พิทักษ์แห่งแสงจะสามารถปกป้องและรักษาตัวเองและเพื่อนร่วมทีมได้เป็อย่างดี ส่วนผู้พิทักษ์แห่งความมืดนั้นนอกจากจะมีพลังชีวิตและพลังป้องกันที่แข็งแกร่งแล้วยังมีทักษะในการตัดกำลังอีกด้วย ซึ่งนั่นถือเป็ฝันร้ายของศัตรูที่แข็งแกร่งเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่จะสามารถต้านทานการโจมตีของศัตรูได้ แต่ยังมีความสามารถที่จะทำให้ศัตรูที่แข็งแกร่งอ่อนแอลงได้ด้วย แล้วเ้าอยากจะเป็ผู้พิทักษ์แบบไหนล่ะ?”
“ผู้พิทักษ์แห่งแสงครับ” เย่เทียนเซี่ยพูดออกไปทันทีโดยไม่ได้คิดเลยซักนิด การมอบอาชีพมือใหม่ล้มเหลว การเปลี่ยนอาชีพนักรบก็ล้มเหลวอีก ครั้งนี้สิ่งที่เขาครุ่นคิดไม่ใช่การเปลี่ยนอาชีพ แต่เป็การยืนยันเื่บางอย่างที่เขาเองก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น
“ดีมาก ถ้าเช่นนั้นในนามของเทพแห่งการปกป้อง ข้าขอมอบพลังผู้พิทักษ์แห่งแสงให้เ้า..... และขอให้เ้าได้กลายเป็ผู้พิทักษ์ที่รุ่งโรจน์”
ปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพผู้พิทักษ์ยกสองมือของเขาขึ้นมา และในขณะนั้นเองกลุ่มแสงสีขาวก็ค่อยๆก่อตัวขึ้นเป็รูปโล่อันหนึ่ง หลังจากนั้นก็แตกออกและลอยมายังร่างของเย่เทียนเซี่ย
แต่ทว่าในชั่วขณะที่แสงนั้นััถูกร่างของเย่เทียนเซี่ย ก็ราวกับกระจกไร้รอยตำหนิที่ถูกสะท้อนกลับในทันทีและแตกสลายไปจนไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว
“......” เย่เทียนเซี่ย
ใบหน้าสงบนิ่งของปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพผู้พิทักษ์เผยให้เห็นถึงความตกตะลึง เขายกมือขึ้นและทำท่าทางเหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้ง แสงสว่างรวมตัวกันปรากฏเป็รูปโล่อันหนึ่งอีกครั้ง และเมื่อมันััร่างของเย่เทียนเซี่ย มันก็เหมือนกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อีกครั้ง
“เอ่อ.....” ปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพผู้พิทักษ์ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพูดออกมา “ไม่ต้องกังวลไป เื่แบบนี้มิใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดูเหมือนว่าศักยภาพของเ้าจะไม่เหมาะสำหรับการเป็ผู้พิทักษ์..... แต่ตามคุณสมบัติในตอนนี้ของเ้า เ้ายังสามารถเลือกเป็นักรบได้”
เย่เทียนเซี่ยหมุนตัวกลับอย่างเงียบเชียบตรงไปยังพื้นที่เปลี่ยนอาชีพนักธนูที่อยู่อีกด้านท่ามกลางสายตาไม่เข้าใจของปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพผู้พิทักษ์
“ผมอยากเป็นักธนูครับ” เย่เทียนเซี่ยที่สูญเสียความกระตือรือร้นไปแล้วพูดออกไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“สวัสดีเ้าหนุ่ม...... เอ๋? เ้าแน่ใจรึว่าอยากจะเป็นักธนู? แม้ว่านักธนูจะเป็อาชีพที่แข็งแกร่งที่สุดใน World of Fate แต่คุณสมบัติของเ้าในตอนนี้ดูเหมือนจะเหมาะกับการเป็นักรบไม่ก็ผู้พิทักษ์นะ” ปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพนักธนูก็เป็ชายวันกลางคนเหมือนก่อนหน้านี้ เขาสวมชุดสีเขียวงดงาม และพยายามพูดกับเย่เทียนเซี่ยอย่างตั้งใจ
“แน่ใจ!” เย่เทียนเซี่ยตอบกลับไป ตอนนี้เมื่อพบกับปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพทั้งสามคน ทุกคนก็จะต้องพูดประโยคเดียวกันว่า “อาชีพXXXเป็อาชีพที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปที่สาบสูญ” มีเพียงแค่ไอ้ตรง XXX เท่านั้นแหละที่ไม่เหมือนกัน
“เช่นนั้นก็ดี แต่ข้าจำต้องพูดเื่นี้ เ้าหนุ่มเ้าช่างมีวิสัยทัศน์ยิ่งนัก พวกเรานักธนูมีความสามารถในการต่อสู้ระยะไกลที่แข็งแกร่งที่สุด เพียงแค่ทิ้งระยะห่างาก็จะอยู่ในการควบคุมของพวกเราทั้งหมด นักธนูขั้นต้นจะสามารถแบ่งได้เป็กองหน้าที่เน้นการโจมตีระยะไกลที่แข็งแกร่ง และนักล่าที่เน้นการวางกับดักชนิดต่างๆ เ้าอยากจะเป็กองหน้าหรือว่านักล่ากันล่ะ?”
“กองหน้า”
“ดีมาก......ในนามของเทพแห่งธนู ข้าขอมอบพลังแห่งคันศรให้แก่เ้า!”
ครั้งนี้สิ่งที่ปรากฏบนหัวของเย่เทียนเซี่ยเป็กลุ่มแสงสีขาวรูปคันศร เมื่อกลุ่มแสงสีขาวนั้นลอยลงมาัักับร่างของเย่เทียนเซี่ย มันก็เป็เหมือนก่อนหน้านี้ที่แสงนั้นจะแตกสลายหายไปไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว
“นี่.........” ปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพนักธนูก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาเหมือนกับปรมาจารย์สองคนก่อนหน้านี้ และตามมาด้วยการยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาอีกครั้งเหมือนเดิม “แปลกจริง......มา ลองดูอีกสักครั้ง”
“ไม่ต้องแล้วครับ” แล้วเย่เทียนเซี่ยก็หมุนตัวเดินจากไป
ครั้งนี้เขาเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพนักฆ่า
“....... พวกเรานักฆ่าเป็อาชีพที่แข็งแกร่งที่สุดใน World of Fate พวกเรามีความสามารถในการเคลื่อนที่ได้รวดเร็วที่สุดและยังมีความสามารถในการสร้างความเสียหายที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย แม้ว่าพวกเราจะไม่เหมาะกับสนามรบ แต่พวกเรากลับเป็มีดในยามค่ำคืนที่ศัตรูทุกคนหวาดกลัวที่สุด แล้วเ้าพร้อมที่จะเป็นักฆ่าแล้วหรือยัง? เ้าจะเลือกเป็นักฆ่าแห่งความมืดที่เน้นการโจมตีถึงตายหรือจะเลือกเป็โจรที่เน้นความสามารถในการเคลื่อนได้ที่อย่างรวดเร็วกันล่ะ?”
“นักฆ่าแห่งความมืด”
หลังจากนั้นอีก 10 วินาทีเย่เทียนเซี่ยก็เดินออกมาจากพื้นที่เปลี่ยนอาชีพนักฆ่าด้วยใบหน้าเ็า เขาตรงไปยังพื้นที่เปลี่ยนอาชีพนักบวช...... หนึ่งนาทีต่อมาก็เดินออกมาด้วยใบหน้าเ็าเหมือนเดิมแล้วเดินเข้าไปในพื้นที่เปลี่ยนอาชีพผู้อัญเชิญ และผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเขาก็เดินออกมาด้วยสีหน้าที่อยากฆ่าคนเต็มที่
คับข้องใจ กลัดกลุ่ม กัดฟันทน...... สามคำนี้รวมกันยังไม่สามารถอธิบายอารมณ์ของเย่เทียนเซี่ยในเวลานี้ได้เลย
“ผมอยากเป็นักเวทย์!” เมื่อเดินมาถึงจุดเปลี่ยนอาชีพนักเวทย์ น้ำเสียงของเย่เทียนเซี่ยก็เหมือนกับลอดออกมาจากไรฟันอย่างไรอย่างนั้น
ถ้าผู้เล่นธรรมดากล้าพูดแบบนี้กับปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพสิ่งที่ได้รับก็คงจะเป็สายตาอันว่างเปล่า หรืออาจจะถูกไล่ออกไปแล้วก็เป็ได้ แต่เพราะเย่เทียนเซี่ยที่พกค่าเสน่ห์สูงลิบมาถึง 22 หน่วย ปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพนักเวทย์จึงไม่เพียงไม่โกรธเคืองเขา แต่ยังยกยิ้มให้เขาเล็กน้อยแล้วมองเข้าขึ้นลงอยู่หลายครั้งก่อนจะพูดออกมา “เ้าหนุ่ม เ้ามีพลังที่ไม่เลวเลยทีเดียว เ้าได้เลือกอาชีพนักเวทย์ซึ่งเป็อาชีพที่มีความแข็งแกร่งที่สุดใน World of Fate ถือว่าเ้ามีวิสัยทัศน์ที่ไม่เลว พวกเรานักเวทย์แม้ว่าค่าพลังชีวิตและพลังป้องกันจะค่อนข้างอ่อนแอ แต่เื่พลังในการฆ่าและสร้างความเสียหายที่น่ากลัวนั้นหากเราพูดว่าเราคือที่สองก็คงไม่มีใครกล้าเรียกตัวเองว่าที่หนึ่งแน่นอน ขณะเดียวกันการโจมตีด้วยเวทมนต์ของพวกเราก็ไม่คำนึงถึงพลังป้องกันด้วย ไม่ว่าจะเป็การโจมตีที่ปล่อยออกไปหรือการทำลายการป้องกันก็ล้วนไม่อาจขาดพวกเราไปได้ อาชีพนักเวทย์แบ่งออกเป็ 5 สายคือน้ำ ไฟ ลม สายฟ้า และดิน อาชีพนักเวทย์ทุกสายล้วนมีจุดแข็งของตัวเอง แล้วเ้าชอบเวทมนต์สายใดมากที่สุดล่ะ?”
“ไฟ!”
“โอ้! ดีมาก” รอยยิ้มของปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพนักเวทย์ยิ่งฉายชัดถึงความพอใจมากขึ้น “เ้าหนุ่ม เ้าช่างเป็คนที่มีวิสัยทัศน์จริงๆ สิ่งที่ข้าจะทำก็คือการโจมตีด้วยเวทย์ไฟที่แข็งแกร่งที่สุดนี่ล่ะ....... มาเถอะ ในนามของเทพแห่งเวทมนต์ ข้าขอมอบพลังเวทย์ไฟให้แก่เ้า!”
นี่เป็พื้นที่เปลี่ยนอาชีพแห่งสุดท้ายที่เย่เทียนเซี่ยเข้ามา และเป็ความหวังสุดท้ายของเขาด้วย ถ้าการเปลี่ยนอาชีพยังคงล้มเหลงอีกล่ะก็ เขาคง.......
จริงๆแล้วตอนที่เขาล้มเหลวจากการเปลี่ยนอาชีพเป็ผู้พิทักษ์เขาก็แทบจะมองไม่เห็นความหวังใดๆแล้ว
และเมื่อแสงสว่างไสวของเวทมนต์ที่ซ่อนเร้นอยู่ััถูกร่างของเย่เทียนเซี่ยมันก็ถูกผลักออกไปเหมือนที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้และหายไปจนไม่เหลือร่องรอยใดๆอีกครั้ง
ตอนนี้เขารับรู้แล้ว มันเป็เพราะร่างกายของเขาปฏิเสธมัน ปฏิเสธอาชีพที่ได้รับมอบทั้งหมดนั่น
“เอ๋? แปลกจริง........ เหอะๆ ไม่เป็ไรนะ ข้าจะลองอีกครั้ง”
“ไม่ต้องแล้ว ท่านปรมาจารย์!”เมื่อปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพนักเวทย์อยากจะลองดูอีกครั้ง เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันก็หยุดการกระทำของเขาเอาไว้ ปรมาจารย์เปลี่ยนอาชีพนักเวทย์หันกลับไปมองก่อนจะพูดออกมาด้วยความแปลกใจ “พวกเ้ามาทำอะไรกันที่นี่!”