หลังจากที่เดินห่างออกมาจากโถงเปลี่ยนอาชีพได้ระยะหนึ่งฉินโจ้วยังคงครุ่นคิดถึงเื่ภารกิจที่ไม่ธรรมดานี้อยู่ นี่มันไม่เหมือนภารกิจเอาเสียเลยมันเป็เื่ตลกชัดๆ แต่เห็นได้ชัดว่า พ่อมดาุโเองก็ไม่น่าจะหลอกเขา
ฝ่ายหนึ่งคือผู้ใช้เวทแห่งความมืดอีกฝ่ายคือโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสองขั้วอำนาจนี่จะสามารถเชื่อมสัมพันธ์กันได้สภาแห่งความมืดคิดอะไรอยู่กันแน่? คิดว่าจะจับมือสงบศึกกับโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์และชวนกินข้าวเย็นกันอย่างนั้นหรือพูดคุยกันเกี่ยวกับเื่ที่ผ่านมาหลายร้อยปี แต่ฉินโจ้วมั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า คนที่มารับภารกิจนี้ถ้าไม่มีปัญหาทางจิตก็ต้องมีการสมรู้ร่วมคิดกันเป็แน่ นี่เป็สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเข้าใจได้
ขนาดเด็กยังรู้เลยว่าแสงสว่างและความมืดนั้นไม่ถูกกันแค่เจอหน้ากันทีก็ตีกันจะตายอยู่แล้ว ถ้าอีกฝ่ายไม่ตายไม่เลิกรา สิ่งของนี่เป็ภารกิจไร้สาระมากอิฐเนี่ยนะ... สภาแห่งความมืดยากจนขนาดนั้นเลยหรือ? ถึงขนาดต้องไปขุดมาจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์หรือว่าฝ่ายความมืดไม่กลัวตายถึงขนาดกล้างัดข้อกับโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์
อิฐเรืองแสงธาตุศักดิ์สิทธิ์อายุกว่าร้อยปี ให้ตายเถอะ ต้องร้อยปีด้วยพวกภูตผีมันแยกความแตกต่างระหว่างอิฐหนึ่งปีกับร้อยปีออกด้วยเรอะ มันจะมีวงปีเหมือนต้นไม้ให้ดูหรือไรกัน
ไม้ทำโลงศพถ้าอายุยิ่งมากก็ยิ่งดีเื่นี้ฉินโจ้วเข้าใจได้ แต่สภาแห่งความมืดคิดจะสร้างสุสานด้วยอิฐเรืองแสงธาตุศักดิ์สิทธิ์อายุร้อยปี?
ท่านเทพแห่งความมืดผู้ยิ่งใหญ่หวังว่าแค่ใช้วิจัยเท่านั้นนะ ไม่อย่างนั้นโลกนี้คงกลายเป็บ้าไปแล้วฉินโจ้วคิดว่าถึงแม้เื่นี้จะค่อนข้างยุ่งยาก ภารกิจนี้ก็งี่เง่าเกินบรรยายแต่มันก็ไม่ได้ยากเกินไปนัก
อิฐ... ที่นี่มีโรงงานอิฐเป็จำนวนมากไม่ต้องพูดถึงแค่หนึ่งร้อยก้อน ตราบเท่าที่มีเงิน คุณจะซื้อเท่าไรก็ได้ แต่แน่นอนว่าไม่ได้เป็ไปตามข้อตกลงที่ต้องมีอายุร้อยปีถ้าอิฐใหม่ไม่อยู่ในเงื่อนไข ก็คงต้องมองหาตึกหรือสิ่งก่อสร้างที่มีอายุสักหน่อยค่อยลงมือขุดมันออกมาจากผนัง เงื่อนไขแรกก็คือต้องมากกว่าร้อยปีเงื่อนไขที่สองก็ต้องเป็โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะไม่ทอประกายแสงธาตุศักดิ์สิทธิ์ออกมา
เมื่อคิดได้ดังนี้ ทุกอย่างก็ลงตัวแล้ว
หลังจากการสอบถาม ฉินโจ้วก็มาถึงที่มหาวิหารอูถัวถนนเต๋อเฉิ้ง ในเมืองั
มหาวิหารอูถัว ก่อตั้งขึ้นในปี 1333 มีประวัติศาสตร์ยาวนานมามากกว่า 800 ปีแล้วมีพื้นที่ครอบคลุมประมาณ 1,000 หมู่ มีทหารม้าแห่งแสง 10,000นาย มีนักบวชอยู่ราว 3,000 รูป มีพระคาร์ดินัล10 รูป และอัศวินศักดิ์สิทธิ์ 1 คนในประวัติศาสตร์นั้นได้มีพระสันตะปาปา 3 องค์และนักรบศักดิ์สิทธิ์ (พาลาดิน) 1 คน ถือได้ว่ามีชื่อเสียงเป็อย่างมากซึ่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เป็ที่ยึดเหนี่ยวในจิตใจของโบสถ์เป็จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็คือมหาวิหารอูถัว ซึ่งเป็รองเพียงแค่มหาวิหารที่นครวาติกัน
ฉินโจ้วนั้นหยุดยืนห่างจากวิหารอูถัวราวหนึ่งกิโลเมตรพลังธาตุแสงทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัว ั้แ่ที่ถูกอาบด้วยแสงสว่าง อากาศโดยรอบวิหารอูถัวก็เต็มไปด้วยพลังแห่งธาตุศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปนั้นอาจจะไม่รู้สึก แต่สำหรับผู้ใช้เวทธาตุความมืดย่อมรู้สึกได้ถึงความรุนแรงของพลังนี้
ไม่เพียงพลังเวทจะลดลง แม้แต่ปฏิกิริยาตอบสนอง อย่างเช่นความว่องไวก็มีผลกระทบไปด้วยสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ความแข็งแกร่งของแสงสว่างที่ถูกปล่อยออกมาจากโบสถ์แห่งแสงนั้นถึงกับทำให้ผู้คนทั่วไปสั่นกลัว ฉินโจ้วมีลางสังหรณ์ว่า ถ้าเขายังคงก้าวเดินต่อไปไม่ช้าน่าจะพบกับหายนะที่คาดไม่ถึง ดีไม่ดีอาจถูกชำระล้างโดยตรงก็เป็ได้
ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า วิหารอูถัวจึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้
ยังมีทั้งพระคาร์ดินัลและพาลาดินกับทหารม้าแห่งแสงอีกนับหมื่นนาย นี่ก็ทำให้ผู้คนทั่วไปไม่สามารถต้านทานได้แล้วอีกทั้งระดับเลเวลของทหารม้าส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ระดับ 100 แล้ว
เมื่อมองดูพลังอำนาจที่เด็ดขาดของวิหารอูถัวแล้วฉินโจ้วไม่ได้มีคุณสมบัติพอที่จะต่อกรด้วย หลังจากลังเลอยู่ราวสามนาทีฉินโจ้วก็ตัดใจเดินจากไป
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ที่สหพันธ์ทหารรับจ้างก็มีภารกิจที่รางวัลงามนั่นก็คือรับซื้ออิฐจากมหาวิหารอูถัว โดยให้ราคา 1 เหรียญทองต่อ 1ก้อน ้า 100 ก้อน หรือจนกว่าจะพอมีระยะเวลา 5 วัน
ถึงแม้ว่าจะเป็ภารกิจที่แปลกแต่ก็เป็เื่ธรรมดาที่จะมีภารกิจแปลกๆ แบบนี้เป็จำนวนมากอีกอย่างมันก็มีรางวัลที่ดึงดูดความสนใจของทุกคน อิฐ 1 ก้อน สำหรับ 1 เหรียญทอง หรือเทียบได้กับหนึ่งพันหยวนซึ่งมีค่ามากกว่าเหล็กมากนัก ดังนั้นแล้วผู้คนที่คิดว่าตนเองมีความแข็งแกร่งอยู่บ้างก็ได้รับภารกิจนี้
ทันทีที่ปล่อยภารกิจนี้ และได้จ่ายเงินค่ามัดจำเป็จำนวนหนึ่งร้อยเหรียญทองฉินโจ้วก็ได้จากมาโดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาเชื่อว่าสหพันธ์ทหารรับจ้างจะทำเื่นี้ได้อย่างดี และแน่นอนว่าไม่สามารถดูถูกพลังของมวลชนไปได้
เมื่อฉินโจ้วออกจากสหพันธ์ทหารรับจ้างก็มีผู้เล่นหลายคนที่กำลังพูดคุยกันในเื่ภารกิจนี้ในระหว่างที่เขากำลังเดินกลับ
"ดูเหมือนว่าจะเหลือเวลาไม่ถึงสองเดือนแล้วสำหรับภารกิจระดับ S และตราคำสั่งสร้างเมืองชิ้นสุดท้ายก็ยังคงหาไม่พบนี่เป็เื่ที่น่ากังวลอย่างแท้จริง ไม่นะสหาย...ฉันยังไม่อยากจะถูกลงโทษโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้"นี่เป็คำพูดของชายหนุ่มรูปร่างไม่สูงนักคนหนึ่ง ทำท่าทางลับๆล่อๆ หลังของเขาดูเหมือนจะค่อม ในขณะที่พูดอยู่นั้นสายตาก็มองไปรอบๆ ตัวอย่างล่อกแล่กดูเหมือนขโมยที่ขาดความมั่นใจ
"นายพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนายก็เป็คนในเขตเหยียนหวง การลงโทษที่ไม่มีเหตุผลอะไรกัน ทำไมนายไม่ลองคิดแบบนี้ล่ะถ้าเกิดภารกิจสำเร็จขึ้นมา นายคิดว่านายจะไม่ได้รับรางวัลหรือ นี่นะไม่มีเหตุผล อย่าไปคาดหวังกับคนอื่นเลยทำไมไม่ลองพยายามหาด้วยตนเองดูล่ะ" ถัดจากขโมยไปเป็นักรบคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ กำยำ คิ้วหนา ดวงตาโต มองดูราวกับรู้จักกับความตายเป็อย่างดีเมื่อเขาได้ยินจึงพูดขึ้นเพื่อสอนหัวขโมยคนนั้น
"ฉันเองก็้าจะไปหาตราคำสั่งสร้างเมืองถ้ามันเป็สิ่งที่ฉันทำได้ ตราคำสั่งสร้างเมืองมีมูลค่านับพันล้านหยวนฉันเองก็เคยฝันถึงมัน ถ้ามีมัน ฉันคงไม่ต้องมานั่งกังวลเื่อาหารการกินเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม แถมยังไม่ต้องออกไปทำงานอีกด้วย สามารถเที่ยวเล่นได้ตาม้าแต่ลองนึกถึงความเป็จริงสิ เวลาจะเพิ่มระดับยังไม่ค่อยจะมีนายก็เห็นฉันมีอุปกรณ์ระดับเงินทั้งตัวอยู่แค่สองชิ้น ถ้ามันเป็อย่างที่พูดทำไมนายไม่ไปเองล่ะ" ขโมยตอบปฏิเสธอย่างไม่เห็นด้วย
ตัวนักรบก็ได้แต่นิ่งเงียบ ก่อนจะแตะมือไปที่ท้ายทอยของตนเองและพูดขึ้นว่า "เื่นี้ ฉันเองก็ทำไม่ได้ ั้แ่เด็กแล้วฉันไม่ค่อยมีโชคทางด้านนี้เลยอาจารย์ก็เคยพูดเอาไว้ว่า อย่าไปนึกถึงสิ่งที่เป็จริงไม่ได้"
นักธนูที่อยู่ด้านหลังของนักรบก็พูดเสริมขึ้นมาว่า"ฉันเองก็เห็นด้วยกับมุมมองของ ''มู่โถว'' นะ ยอมรับความเป็จริงน่ะดีแล้วการเล่นเกมบางครั้งโชคก็เป็สิ่งที่สำคัญเหมือนกันถ้าตราคำสั่งสร้างเมืองจะเป็ของนาย ถึงไม่ออกไปหา มันก็จะมาหานายอยู่ดีแต่ถ้ามันไม่ใช่ของของนาย ต่อให้นายจ่ายเงินเป็จำนวนมากมายแค่ไหนนายก็ไม่ได้รับมันอยู่ดี ดังนั้นแล้วเราก็จะไปจัดการกับมอนสเตอร์เพื่อเพิ่มระดับและเผื่ออุปกรณ์จะดรอปออกมา อาจจะโชคดีเหมือนเมื่อวานไงที่ได้อุปกรณ์เงินคุณภาพดีมาชิ้นหนึ่ง ทำให้พอค่าเช่าเดือนนี้ไปได้"
"ทำไมเวลาเล่นเกม ฉันถึงทำเงินไปด้วยไม่ได้นะ"ขโมยพูดขึ้นอย่างไม่มีความสุข
นักรบหัวเราะขึ้นก่อนจะพูดขึ้นว่า"จะเก็บตราคำสั่งสร้างเมือง นายไม่ต้องจ่ายเงินหรอกตรงกันข้ามกลับทำเงินได้มหาศาลเลยต่างหาก ''เทียนอี่'' ตั้งมั่นเข้าไว้ เหลืออยู่อีกแค่ชิ้นเดียวดูเหมือนว่าหมู่บ้านนี้จะไม่มีร้านขายของนะ"
ขโมยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสูงว่า "มู่โถวนายอย่าบ่นไปนักเลย ถึงแม้ว่าวันนี้ตราคำสั่งสร้างเมืองยังไม่มีเ้าของ ทุกคนก็มีโอกาสนายจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันจะไม่มีโอกาสบ้าง? บางทีฉันอาจจะเป็ม้ามืดก็ได้ถึงเวลานั้นต่อให้ขอร้องก็จะไม่ชายตาแลเลย"
นักรบไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำได้เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น
ผู้ใช้เวทที่อยู่ด้านหลังขโมยจู่ๆก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงลึกลับว่า "ข่าวล่าสุดที่ได้มาเหมือนว่าตราคำสั่งสร้างเมืองชิ้นสุดท้ายจะปรากฏขึ้นแล้ว"
ทันทีที่พูดจบ ทุกอย่างเปลี่ยนเป็เงียบลงในทันทีหลังจากผ่านไปชั่วครู่ จึงได้มีเสียงดังกลับขึ้นมา
"อะไรนะ?" นักรบดูเหมือนจะได้ยินไม่ถนัดหรือไม่ก็ยังไม่อาจจะเชื่อได้ เขาจึงถามขึ้นซ้ำๆ
"จริงหรือนี่?" ขโมยถึงกับเบิกตากว้างดูราวกับคาดหวังว่าสิ่งที่พูดนั้นเขาหวังว่าจะเป็ข่าวปลอม แต่ในความเป็จริงนั้นท่าทีของเขาค่อนข้างขัดแย้งกันอยู่
"ข่าวนี้มาั้แ่เมื่อไร ทำไมฉันถึงยังไม่รู้"เสียงของนักธนูเอ่ยขึ้น ดูเหมือนว่าจากข่าวที่ได้ฟังมา เขาค่อนข้างมั่นใจมาก
ผู้ใช้เวทเองรู้สึกพึงพอใจกับการแสดงออกของแต่ละคน แต่บางคนก็มีสีหน้าแสดงอาการไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ข่าวนี้เป็เื่จริง รู้จักตระกูลเป่ยเย่ไหม ที่ทำบริษัทเกมติด 1 ใน 10..."
"ตอนนี้ทุกคนคงจะรู้แล้ว รีบพูดต่อเร็วเข้าเกี่ยวกับข่าวของตราคำสั่งสร้างเมือง"นักธนูรีบพูดขัดจังหวะเขา
ผู้ใช้เวทมองดูเขาอย่างไม่พอใจแต่เนื่องจากนักธนูนั้นระดับเลเวลสูงกว่าและยังแข็งแกร่งที่สุดอีกทำให้ผู้ใช้เวทรู้สึกหวั่นเกรงอยู่บ้าง จึงไม่ได้แสดงอะไรออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า"หนึ่งในพี่ชายของฉันทำงานให้กับตระกูลเป่ยเย่ เมื่อวานนี้พวกเขาได้รับคำสั่งให้ส่งคนไปราวพันคนเพื่อสำรวจสถานที่แห่งหนึ่ง รู้ไหมว่าสุดท้ายแล้วเกิดอะไรขึ้น? มีแต่คนตาย ทั้งหมดถูกฆ่าตาย ไม่มีใครเหลือรอดเลยสักคน"
"ที่ไหนกัน?" นักธนูถามขึ้นอย่างรีบเร่งนอกจากเขาแล้ว ฉินโจ้วก็แสดงท่าทีให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย
"หุบเขาจอมพล" ผู้ใช้เวทเอ่ยขึ้นมาตรงๆ โดยไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด
"ไม่คิดว่าจะเป็ที่นี่" นักรบรู้สึกโล่งอก"แต่เท่าที่ได้ยินมา ดูเหมือนว่าจะเป็สถานที่ที่น่ากลัวอยู่นะ"
"พวกเขาไปพบมันเข้าได้อย่างไร?" ขโมยถามขึ้นบ้าง
"ฉันเองก็ไม่รู้" ผู้ใช้เวทตอบกลับไป
"อะไรนะ? ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม?ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ หมายความว่าอย่างไรกัน" ขโมยยังคงถามย้ำขึ้นมาอีก
"ลูกพี่ลูกน้องของฉันไม่เห็นแม้แต่เงาของศัตรูหรือมอนสเตอร์อื่นใดเลยตอนที่พวกมันเข้ามา พวกเขาเองยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตายได้อย่างไร พวกเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน"ผู้ใช้เวทอธิบายเพิ่มเติม
หัวขโมยก็เริ่มได้เรียนรู้ถึงความฉลาดขึ้นบ้างในเวลานี้เขาจึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไปอีก เพราะท่าทางของผู้ใช้เวทที่แสดงออกมานั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ต้องมีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่อีกเป็แน่จากนั้นผู้ใช้เวทก็พูดขึ้นว่า "หลังจากนั้นตระกูลเป่ยเย่ก็ส่งคนออกไปอีกสิบสองกลุ่มและยังใช้วิธีต่างๆ อีกเป็สิบวิธีและดูเหมือนว่าจะต้องเสียผู้เชี่ยวชาญไปไม่ต่ำกว่า 300 คนในที่สุดเขาก็ยืนยันได้สิ่งหนึ่งว่า"
"ว่าอะไร?" หัวขโมยถึงกับอดใจไม่ไหวรีบถามขึ้น
"มีบอสขนาดใหญ่ในหุบเขาจอมพล และมีตราคำสั่งสร้างเมืองอยู่ในรังของบอสตัวนี้ซึ่งนั่นคือเหรียญตราชิ้นสุดท้าย เป็กุญแจสำหรับภารกิจระดับ S" ผู้ใช้เวทกล่าวขึ้น
"ที่จริงแล้วเื่นี้น่าจะถูกเก็บเป็ความลับทำไมนายถึงรู้ละเอียดขนาดนี้ล่ะ บอกหน่อยสิ...หรือว่าพวกนายมีความสัมพันธ์อะไรกันกับพี่ชายของนายหรือเปล่า"นักธนูพูดขึ้นจากนั้นก็เริ่มแสยะยิ้ม
"xxx เฮอะ... หรือนายมีรสนิยมแบบนั้นกับคนในครอบครัวหรืออย่างไร?" ผู้ใช้เวทเริ่มเืขึ้นหน้า นี่เป็เื่ของชื่อเสียงไม่สามารถให้ใครมาดูิ่เหยียดยามได้
"หยุดพูดเหลวไหลได้แล้วและกลับเข้าเื่ต่อหลังจากนั้นเป็อย่างไร นักรบถามขึ้นบ้าง
"อันที่จริงมันควรจะเป็ความลับนั่นแหละ แต่ถ้าไม่มีเหตุการณ์หลังจากนี้เกิดขึ้น"ผู้ใช้เวทจ้องมองไปทางผู้เล่นคนอื่นๆ ที่กำลังเงี่ยหูฟัง ก่อนจะยิ้มและพูดต่อว่า"ในตอนแรกนั้น ตระกูลเป่ยเย่ก็้าที่จะจัดการกับบอสด้วยตัวคนเดียวและจะได้ตราคำสั่งสร้างเมือง ดังนั้นเขาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญไป 50,000คน โดยคิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จ แต่ก็กลับทำให้ทุกคนประหลาดใจหลังจากที่ส่งคนออกไปได้สิบนาที ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 50,000 คน ถูกจัดการจนหมดสิ้นถึงแม้ว่าตระกูลเป่ยเย่เองค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับกลุ่มผู้นำหลังจากที่เสียคนไปถึง 50,000 คนตระกูลเป่ยเย่จึงจับมือกับราชวงศ์มด ซึ่งราชวงศ์มดก็ไม่อยากปล่อยโอกาสดีเช่นนี้ให้หลุดลอยไปจึงได้ตกลงร่วมมือด้วยทันที คราวนี้มีคนมากขึ้นถึง 100,000 คนซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ตระการตา แต่หลังจากที่เข้าหุบเขาจอมพลแล้วผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม กองทัพถูกทำลายจนหมด ไม่มีผู้ใดเหลือรอดชีวิตทำให้ทุกคนต่างก็ตะลึงงันส่วนตระกูลเป่ยเย่เองรู้แล้วว่าไม่สามารถใช้กำลังแย่งชิงตราคำสั่งสร้างเมืองมาได้แล้วจึงเริ่มคิดหาวิธีอื่น หลังจากนั้นก็มีข้อมูลเผยออกมา"
"150,000 คน... พวกเขาบ้าไปแล้ว" หัวขโมยถึงกับเืขึ้นหน้าโดยที่ไม่รู้ว่าคำพูดใดถึงทำให้เขาแสดงอาการเช่นนี้
"พวกเรารีบไปดูกันดีกว่าฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นตราคำสั่งมาก่อน" นักรบเองรู้สึกตื่นเต้น
"บอสที่ว่าคือตัวอะไรกัน?" หลังจากที่นักธนูใจเย็นลงแล้วจึงถามคำถามเข้าประเด็น
"ปีศาจแห่งความแห้งแล้ง (ฮั่นป๋า)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้