ในชาติก่อน นางขาดแคลนเส้นประสาทการเคลื่อนไหวมากที่สุด ไม่เคยผ่านเกณฑ์การสอบสมรรถภาพทางกายเลยสักครั้ง
ต้องตื่นมาวิ่งตอนตีห้าเช่นนี้ ไม่เท่ากับคร่าชีวิตของนางหรอกหรือ?
์! ได้โปรดช่วยนางด้วยเถิด!
ต้วนเหลยถิงรู้ว่าหมอเทวะกับเซียนพิษทำเพื่อเคอโยวหรานจึงมิได้ห้ามปราม เขาจัดการทำกระสอบทรายหนักสองร้อยจินด้วยตนเอง จากนั้นเดินมาข้างกายนางแล้วเอ่ยว่า
“ไปกันเถิด ข้าจะไปกับเ้าด้วย!”
พูดจบก็เริ่มวิ่งนำหน้า และเพื่อให้สอดคล้องกับระดับความเร็วของเคอโยวหราน ชายหนุ่มจึงพยายามปรับฝีเท้าของตนอยู่ตลอด
ทั้งยังคอยชี้แนะว่าการเคลื่อนไหวของเคอโยวหรานไม่ถูกต้อง ช่วยนางปรับจังหวะหายใจ และช่วยให้นางสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงจากการวิ่งน้อยลงเป็ครั้งคราว
กล่าวไปแล้วเมื่อมีต้วนเหลยถิงอยู่ด้วย เคอโยวหรานพลันผ่อนคลายกับทุ่นแรงลงได้ไม่น้อย ค่อยๆ ควบคุมจังหวะและฝีเท้าคล่องแคล่วขึ้นเรื่อยๆ
ทว่า่เวลาดีๆ คงอยู่ไม่นาน วิ่งไปได้ครึ่งรอบ เคอโยวหรานก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว
เส้นประสาทการเคลื่อนไหวของเคอโยวหรานไม่นับว่าเจริญเติบโตมากนัก อีกทั้งร่างกายนี้ของเ้าของร่างเดิมยังซูบผอมอ่อนแอจนเกินไปอยู่บ้าง แม้จะผ่านการบำรุงด้วยน้ำในสระบัวเจ็ดสีมาแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เวลาปรับปรุงอีกสักระยะ
ปรมาจารย์ทั้งสองมองเคอโยวหรานที่อ่อนแอถึงเพียงนี้แล้วส่ายศีรษะ มิใช่เื่ง่ายกว่าจะวิ่งครบหนึ่งรอบ ท้ายที่สุดเคอโยวหรานก็ถึงกับอ่อนเปลี้ยอยู่ในอ้อมแขนของต้วนเหลยถิง
หมอเทวะลูบหนวดเขี้ยว จิ๊ปากเอ่ยว่า “แม่นางน้อย เ้าช่างอ่อนแอเกินไปแล้ว เรี่ยวแรงท่องตำราของเ้าหายไปที่ใดหมด? มิได้กินยาบำรุงระดับสูงที่อาจารย์มอบให้หรอกหรือ?”
“ไอ้หยา! ร่างกายเล็กๆ เช่นนี้ เพิ่งจะฟ้าสางก็อ่อนเปลี้ยเสียแล้ว ชีวิตหลังจากนี้ของเ้าจะอดทนให้ผ่านพ้นไปได้อย่างไรกัน!” เซียนพิษลูบเคราแพะพลางส่ายหน้าไม่ยอมหยุด
ทุกคนต่างทอดมองเคอโยวหรานด้วยความกังวล มีเพียงหยวนซื่อผู้กำลังนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงที่เผยสีหน้ายินดีเมื่อเห็นคนอื่นทุกข์ยากหลังได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว นางลอบคิดในใจว่า : ผู้ใดใช้ให้เ้าวางมาดกันเล่า ดูเถิดว่าท่านหมอเทวะกับท่านเซียนพิษจะทรมานเ้าจนตายหรือไม่!
หมอเทวะโบกมือเอ่ย “เอาเถิด อาจารย์จะเตรียมยาอาบให้เ้าหนึ่งหม้อ ตุ๋นร่างกายและิญญาของเ้าสักหน่อย ตอนนี้จงไปทำอาหารเช้าจนเต็มโต๊ะให้อาจารย์ และอย่าได้ลืมเพิ่มสุราผูเถาเป็อันขาด”
เซียนพิษส่ายหน้า เอ่ยพลางทอดถอนใจเช่นกัน “อาจารย์จะปรุงยาพิษอ่อนๆ ให้เ้า จะได้เคี่ยวกรำร่างกายของเ้าเล็กน้อย ศิษย์ของข้า ไม่ว่าอย่างไรร้อยพิษต้องมิอาจกล้ำกราย! จะปล่อยให้เสียชื่ออาจารย์มิได้เด็ดขาด”
เคอโยวหราน “...?”
......
ณ ห้องโถงหลักจวนผู้เฒ่าเคอที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ ขณะเคอโยวหรานเข้ารับการฝึกฝนจากหมอเทวะกับเซียนพิษทั้งสอง
ปู่รองสกุลเคอคลำหาทางในความมืดเพื่อไปยังจวนผู้เฒ่าเคอั้แ่ฟ้ายังไม่ทันสาง
แม่เฒ่าเคอนำใบชาที่ซ่อนไว้ในกำแพงออกมาชงชาสองถ้วยให้ผู้เฒ่าเคอกับปู่รองสกุลเคอ แต่ละถ้วยใส่ใบชาเพียงหนึ่งหยิบมือด้วยความตระหนี่ ภายในน้ำมีแค่ใบชาประปรายไม่ต่างกับดวงดาว
ปู่รองสกุลเคอถึงกับหางตากระตุก พลันชำเลืองมองไปทางผู้เฒ่าเคอด้วยความหยามเหยียด
ผู้เฒ่าเคอเป็คนห่วงหน้าตาเหนือสิ่งอื่นใด ครั้นเห็นแม่เฒ่าทำให้ตนต้องขายหน้าก็ฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะเสียงดัง “ปัง”
จากนั้นแย่งใบชามาจากมือฮูหยินเฒ่าด้วยความขุ่นเคือง จัดการเทใบชาลงในถ้วยของปู่รองสกุลเคอด้วยตนเอง
ครานี้ประเสริฐนัก ใบชาที่แต่เดิมมีไม่มากถึงขั้นเห็นก้นห่อในหนเดียว หัวใจของแม่เฒ่าเคอพลันบีบรัดจนเกือบจะเป็ลมล้มพับไป
ครั้นผู้เฒ่าเคอพบว่าตนเทมากเกินไป มือที่ถือกระดาษห่อใบชาก็ถึงกับสั่นเทา หางตาชำเลืองไปทางปู่รองสกุลเคอแล้วหัวเราะแห้งดัง “เหอๆ!” ก่อนจะชักมือกลับมา ภายในใจบีบรัดจนรู้สึกรวดร้าวถึงขีดสุด
ปู่รองสกุลเคอยกถ้วยชาขึ้นมาเขย่าวนด้วยความพอใจ จากนั้นจิบเม้มใบชาบนถ้วยเบาๆ และเอ่ยหลังจากดื่มลงไปหนึ่งอึกว่า
“เคอเถี่ยเกิน หลานสาวของเ้าออกเรือนกับสกุลต้วนแต่กลับมิได้เงินสินสอดเลยสักตำลึง ทั้งยังต้องเสียเงินทองไปไม่น้อย ภายในใจเ้าคงรู้สึกไม่ค่อยดีนักกระมัง?”
ผู้เฒ่าเคอกับแม่เฒ่าเคอไม่อยากเอ่ยถึงเื่นี้ แค่นึกถึงก็โมโหขึ้นมาแล้ว ยามนี้ยังเ็ปใจไม่หายเลยด้วยซ้ำ
ครั้นเห็นสีหน้ารวดร้าวใจของผู้เฒ่าเคอ ปู่รองสกุลเคอพลันเอ่ยด้วยสีหน้าฉายแววสงสาร “ช่างน่าเสียดายนัก พวกเ้าได้พลาดเงินตั้งหลายพันตำลึงของสกุลเคอไปเสียแล้ว”
“เงินหลายพันตำลึงอันใดกัน?” แม่เฒ่าเคอพุ่งมายังตรงหน้าปู่รองสกุลเคอ กระทำการคว้าไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยความตื่นตระหนก
“อะแฮ่ม!” เสียงของผู้เฒ่าเคอดังขึ้น แม่เฒ่าเคอถึงตระหนักได้ว่าตนเสียมารยาทและรีบปล่อยมือ ปากยังคงซักไซ้ว่า “พี่รองเ้าคะ ท่านบอกว่าเงินหลายพันตำลึง หมายความว่าอย่างไรเ้าคะ?”
ปู่รองเอ่ยว่า “พวกเ้าไม่รู้หรอกหรือ? เมื่อวานสกุลต้วนใช้เงินสองพันกว่าตำลึงเพื่อซื้อเขาต้าชิงที่ไม่คุ้มเงินแม้แต่อีแปะเดียวกับที่ดินรกร้างทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไปแล้ว”
“ว่าอย่างไรนะ?...” เสียงกรีดร้องของแม่เฒ่าเคอเกือบทำให้แก้วหูของผู้เฒ่าเคอกับปู่รองทะลุเสียแล้ว
ปู่รองเอ่ยตำหนิอย่างอดรนทนไม่ไหว “เคอเถี่ยเกิน จงสั่งสอนภรรยาเฒ่าของเ้าให้ดี ตื่นตระหนกใไปเสียหมด ทำอันใดของเ้ากัน?”
ผู้เฒ่าเคอพลันดึงแม่เฒ่าเคอเข้าหากาย เอ่ยกับปู่รองว่า “เื่นี้เป็ความจริงหรือขอรับ?”
ปู่รองกล่าวยืนยัน “ย่อมต้องเป็ความจริง เมื่อวานทุกครอบครัวแบ่งเงินกันคนละหกตำลึง ซึ่งก็คือเงินที่พวกนั้นใช้ซื้อเขาต้าชิง”
“เงินหกตำลึงอยู่ที่ใดกัน เหตุใดครอบครัวของพวกข้าถึงมิได้รับเล่า?” แม่เฒ่าเคอร้อนใจขึ้นมาแล้ว
ปู่รองเอ่ย “เงินของครอบครัวเ้า เมื่อวานตอนจ่ายภาษีในตัวเมืองได้ถูกเคอเจิ้งหนานรับไปก่อนแล้ว ย่อมมิได้เอามาให้พวกเ้า”
ครั้นได้ยินว่าบุตรชายคนรองของตนเป็คนเอาไป เพลิงโทสะของแม่เฒ่าเคอพลันลดลงไม่น้อยและถามว่า “สกุลต้วนมิใช่พวกอพยพหรอกหรือ? เหตุใดจึงมีเงินทองมากมายถึงเพียงนี้เล่าเ้าคะ?”
ปู่รองตอบ “ขาของต้วนซานหลางมิได้หักแม้แต่นิด เขาเป็นักล่าสัตว์มือฉมังทีเดียว เงินเ่าั้ล้วนได้มาจากการขายสัตว์ป่าของเขา ในเมื่อแต่งเคอโยวหรานไปแล้วก็ควรจะมอบเงินให้พวกเ้าเพื่อแสดงความเคารพสักหน่อยกระมัง?”
“ใช่แล้วเ้าค่ะ พี่รองกล่าวได้ถูกต้อง ข้าจะไปหานังเด็กเคอโยวหรานผู้นั้นประเดี๋ยวนี้” ยังไม่ทันสิ้นคำกล่าว แม่เฒ่าเคอก็เดินออกประตูไปเสียแล้ว
ครั้นเห็นว่านางกำลังจะก้าวพ้นธรณีประตู ผู้เฒ่าเคอพลันเอ่ยด้วยความโมโหว่า “ยายแก่รนหาที่ตายเช่นเ้าจงกลับมาประเดี๋ยวนี้ พวกเราแยกจวนกันแล้ว เ้าจะหาข้ออ้างอันใดไปเอาเงินจากเคอโยวหรานได้หรือ?”
แม่เฒ่าเคอกระทืบเท้าด้วยความร้อนใจ “เช่นนั้นควรทำเยี่ยงไรดีเ้าคะ? จะปล่อยให้พวกเขากำเงินทองมากมายถึงเพียงนั้นและใช้ชีวิตอย่างเป็สุขงั้นหรือ? ส่วนผู้เฒ่าเช่นพวกเราสองคนกลับได้แต่กินผักกินรำหรือเ้าคะ? ยังมีความยุติธรรมอยู่หรือไม่?”
ครั้นนึกถึงเงินสองพันกว่าตำลึงที่ปู่รองเอ่ยถึง แม่เฒ่าเคอก็รู้สึกไม่มีความสุขไปทั้งร่างเสียแล้ว
คล้ายกับเงินของตนถูกผู้อื่นนำไปใช้สอย ส่งผลให้รู้สึกรวดร้าวไปทั้งกาย
ผู้เฒ่าเคอก็ไม่พอใจเป็อย่างยิ่งเช่นกัน เพียงแต่ยังคงอดกลั้นได้มากกว่าแม่เฒ่าเคอ เขาใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ยายเฒ่า เื่ที่พวกเราเคยหมั้นหมายให้เคอโยวหรานเมื่อสิบปีก่อน เ้ายังจำได้หรือไม่?”
“จำได้เ้าค่ะ ทำไมหรือ? ซิ่วไฉไส้แห้งสกุลหลินผู้นั้นมาหาท่านหรือเ้าคะ? แม่เฒ่าเช่นข้าจะบอกท่านเอาไว้ ทางที่ดีที่สุดให้หนีห่างจากเ้าคนขี้โรคผู้นั้น อย่าได้ติดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของเขามา ข้าไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาให้ท่านหรอกนะเ้าคะ” แม่เฒ่าเคอกระทืบเท้าด้วยความร้อนรน
ผู้เฒ่าเคอนึกโมโหที่หลอมเหล็กไม่เป็เหล็กกล้า เหตุใดเขาถึงได้แต่งภรรยาที่สมองไม่สั่งการเช่นนี้ มีแต่จะฉุดรั้งเป็ภาระตน
ปู่รองทนดูต่อไปไม่ไหว “ข้าว่านะน้องสะใภ้ เ้าหัดใช้สมองสักหน่อยได้หรือไม่? เถี่ยเกินอยากจะไปหาซิ่วไฉสกุลหลินผู้นั้นเพื่อให้เขาไปก่อเื่ที่จวนสกุลต้วน ภรรยาของตนถูกผู้อื่นชิงไปแต่งงานเสียแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ถูกต้องกระมัง? สกุลต้วนย่อมต้องมีคำอธิบายต่อสกุลหลินสักหน่อยมิใช่หรือ?”
แม่เฒ่าเคอเข้าใจโดยพลัน นางถูไม้ถูมือและอดพยักหน้ามิได้ “ใช่ๆ จริงด้วยเ้าค่ะ เหตุใดข้ากลับนึกไม่ถึง หากเขาได้เงินมาย่อมต้องแบ่งพวกเราสักเล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็เป็คนไปบอกเขาใช่หรือไม่?”
ครั้นปู่รองเห็นว่านางเอ่ยใจความสำคัญออกมาก็พยักหน้าเอ่ย “ย่อมต้องเป็เยี่ยงนั้น เช่นนั้นเถี่ยเกินเอ๋ย พี่คลำทางมาบอกข่าวั้แ่เช้ามืดเช่นนี้ เ้าก็ควรจะแบ่งเงินค่าเดินทางให้พี่รองสักหน่อยเช่นกันกระมัง?”
ผู้เฒ่าเคอ “...”
แม่เฒ่าเคอ “...”
