อวี้เฟยกับหรูหม่าหลงซึ่งสอบผ่านได้สบายๆ ฮึกเหิมกันยกใหญ่ เปลวแสงเืลมในกายของพวกเขาโชติ่เป็สีแดงประกายกินบริเวณกว้างรอบทิศ ผู้สอบผ่านอย่างราบรื่นทั้งหลายล้วนยกกำปั้นพลางกู่ร้องชอบใจ
ทว่ากู้เจาคนที่ตกรอบนั้นเล่า สวมเสื้อผ้ามอซอ ดูยาจกเหลือเกิน อายุอานามน่าจะประมาณสิบห้า รัศมีของเปลวแสงเืลมแผ่ออกมาเป็ระยะไม่ถึงนิ้วด้วยซ้ำ อ่อนปวกเปียกยิ่งนัก
เมื่อได้ยินคำตัดสิน ราวกับฟางเส้นสุดท้ายของชายผู้นี้ขาดลง เขาทรุดนั่งคอตกอยู่กับพื้น น้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็สาย
เขารู้ดี นับจากวินาทีนี้ไป เส้นทางสายยุทธ์ของเขาจะถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง
หากอายุสิบห้าปีขึ้นไปนั้น จะถือว่าเกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ไร้หนทางที่จะกลับมาสมัครสอบได้อีก ดูเหมือนเด็กหนุ่มผู้ยากจนไม่มีแม้ปัญญาจะฝึกฝนวิชายุทธ์ใด คงเป็ได้แค่มดตัวเล็กๆ ที่ดิ้นรนในภพอันวุ่นวายนี้ไปชั่วชีวิตเท่านั้น
“หมายเลข 8888...”
ในที่สุดก็มาถึงตาเ่ิู
หลังส่งป้ายสลักนามให้กับอาจารย์คุมการสอบแล้ว เขาก็เดินดิ่งไปหาหม้อหินโบราณกลางลานทดสอบทันที
การเข้าร่วมทุกครั้งในอดีตที่ผ่านมา เ่ิูมีแต่จะร่วงั้แ่รอบนี้
เพราะแม้แต่หม้อที่เบาที่สุดซึ่งหนักแค่แปดสิบจินเขายังทำให้มันขยับไม่ได้เลยสักนิด อย่าเอ่ยถึงว่าจะยกขึ้นเลย ทั้งเปลวแสงเืลมในร่างก็หดหัวไม่ปรากฏ หลังจากนั้นก็กลายเป็เื่ตลกโปกฮาของเมืองลู่ิ
ทว่าก็มีเพียงเ่ิูผู้เดียวเท่านั้นที่ล่วงรู้ความจริงว่าเพราะอะไร...
และในวันนี้ ก็ถึงเวลาสิ้นสุดเสียงเยาะเย้ยถากถางนี่เสียที
เพราะยามนี้ เขาไม่จำเป็ต้องแอบซ่อนพลังที่แท้จริงอีกแล้ว
เ่ิูรู้สึกราวกับว่าโลหิตในกายกำลังเดือดพล่าน
หากมิใช่เพราะสัญญานั้นแล้ว เ่ิูเชื่อว่าตัวเขาคงทำให้ชาวเมืองลู่ิตื่นตะลึงกับความอัศจรรย์ไปนานแล้ว
แต่ขณะที่เขาจับหูหม้อหยาบอันเย็นเฉียบไว้ในมือ และกำลังจะยกขึ้นนั้น ด้านหลังกลับมีเสียงแ่เบาของอาจารย์เอ่ยออกมา “รอเดี๋ยวก่อน เ้าคือเ่ิูนี่? เหลวไหล ใครให้เ้าสอบได้กัน? เ้าถูกระงับไม่ให้เข้ารับการทดสอบชั่วคราว หลบไปทางอื่นก่อนเถอะไป”
เ่ิูสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนหันไปมอง
“ทำไมเล่า?” เด็กหนุ่มย่นคิ้ว
อาจารย์วัยกลางคนบนใบหน้าประดับด้วยเคราแพะ สีหน้าว่างเปล่า กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงถือตัว
“ทำไมงั้นหรือ? เฮอะๆ ข้าสั่งให้เ้ารอ เ้าแค่รอไปอย่างเชื่องๆ ก็พอ ข้าคืออาจารย์คุมสอบของที่นี่ หรือการตัดสินใจที่ข้าทำอยู่นี่ยังต้องอธิบายให้ไอ้เด็กข้างถนนตกรอบสี่ปีติดอย่างเ้าฟังอีกงั้นหรือ?”
เ่ิูโกรธขึ้นมาทันที เขาอ้าปากจะพูด
ทว่าครู่ต่อมา เขาก็ชำเลืองเห็นร่างเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ อาจารย์คุมสอบ ใบหน้านั้นทั้งเยาะเย้ยและหยามเหยียด ดวงตามองมาทางเขาอย่างมาดร้าย
เป็คนที่ถูกเขาตบสั่งสอนไปเมื่อสดๆ ร้อนๆ นี้เอง
เ่ิูพลันอารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็น
ที่แท้แล้วก็เ้าเด็กเมื่อวานซืนสะเออะมาก่อเื่ที่นี่นั่นเอง
เด็กคนนี้คือทายาทบ้านคหบดี ไม่ได้เป็ชนชั้นสูง แต่ก็สามารถทำให้อาจารย์ของสำนักกวางขาวทำตามในสิ่งที่ตัวเอง้าได้ เกรงว่าจะมิได้ทำได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น อาจจะยังมีใครชักใยอยู่เื้ัเป็แน่
ครุ่นคิดถึงตรงนี้แล้ว เ่ิูก็ไม่รีบร้อนอีก
เขาอุตส่าห์อดทนอดกลั้นมานานหลายปี แต่ในกำแพงเมืองลู่ิกลับยังมีกลุ่มที่ระวังตัวแจไม่เลิกอยู่อีกหรือ?
เ่ิูตัดสินใจจะเล่นตามน้ำไปด้วยเสียหน่อย สังเกตการณ์ว่าใครกันแน่ที่ชักใยอยู่ในมุมมืด
คิดมาถึงส่วนนี้ จิตใจเขาก็สงบนิ่งไม่ไหวติง ั์ตาเป็ประกายหันมองชายวัยกลางคนที่มีหนวดเหมือนเคราแพะ ก่อนหัวเราะแกนๆ “เ้าอยากให้ข้ารอแน่ใช่ไหม?”
ผู้าุโกว่ารู้สึกเหมือนถูกท้าทายจากคำพูดของเด็กคนนี้
เกิดความขุ่นเคืองจากการโดนหักหน้า จึงตอบเสียงเย็น “ขยะอย่างเ้า ให้เข้าร่วมการสอบก็เท่ากับเสียเวลาคนอื่น ค่อยๆ รอไป ถ้ายังมีคนเรียกร้องจะเข้ารับการทดสอบแม้แต่เพียงคนเดียว เ้าก็ต้องรอไปเรื่อยๆ รอไปช้าๆ จนกว่าจะหมดละกัน”
เ่ิูพยักหน้าอย่างขอไปที “ได้”
ต่อจากนั้น เขาก็ยืนกอดแขนตัวเองรออยู่อีกด้านอย่างใจเย็น
ครั้งนี้เขาไม่แสดงตราทองเหลือง
เพราะเขาแน่ใจ ตรานี้ถึงจะปราบพวกลูกหลานคนมีเงินที่มีประสบการณ์น้อยนิดเ่าั้ได้ แต่ไม่มีทางทำให้อาจารย์คุมสอบของสำนักกวางขาวก้มหัวได้
ท้ายที่สุดแล้ว อาจารย์ของสำนักก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับลำดับของราชสำนักแต่อย่างใด ตำแหน่งแยกกันชัดเจน และมีสถานะค่อนข้างสูง
ความคิดเล่นพิเรนทร์ของเ่ิูชักจะเข้าครอบงำ
เขาต้องแสดงให้ยิ่งใหญ่ ดึงดูดทุกสายตาให้จับจ้อง แล้วประกาศศักดาต่อหน้าประชาชนทุกคนของลู่ิ
เ่ิูตัวจริง กลับมาแล้ว!
อีกด้านหนึ่ง
“คนต่อไป มาสอบต่อ...”
ชายเคราแพะเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะ เขาประกาศการประเมินผลไปเรื่อยๆ อย่างเกียจคร้าน
การใช้อำนาจเพียงเท่านี้ก็สามารถแทรกแซงโชคชะตาของคนอื่นได้แล้ว ช่างทำให้เขามีความสุขจนแทบจะสำลัก
แต่เื่ราวใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้น ณ ที่นี้ ก็มักจะแพร่กระจายไวเหมือนติดปีกบิน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เื่อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับไอ้โง่าาสี่มงกุฎ แม้จะเป็แค่เื่เล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถแพร่สะพัดเป็ประเด็นร้อนได้ทุกครั้งไป
แรกเริ่มเดิมทีก็ยังมีผู้ศรัทธาและคาดหวังในตัวเด็กคนนี้
แต่บัดนี้เปลี่ยนไปเป็เพียงเื่ตลกที่ดำดิ่งจนยากจะกลับคืน
ตามข่าวสารที่กระจายเป็วงกว้าง ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าใด คนที่มาสนามสอบเพื่อเข้าทดสอบเืลมก็ยิ่งมีจำนวนมากขึ้นเท่านั้น
ต่างคนต่างก็อยากมาเมียงมอง ว่าคราวนี้เ้าเ่ิูจะมีลูกไม้อะไรอีก
สายตานับไม่ถ้วนมองตรงไปยังร่างของเ่ิู
กระทั่งหนุ่มสาวคนอื่นที่เข้ารับการทดสอบก็ยังไม่อาจดึงดูดสายตาผู้คนไปได้มากเท่านี้
และนับั้แ่เริ่มต้นจนจบ เ่ิูก็นั่งรออย่างไม่สะทกสะท้านจริงๆ
เพียงชั่วพริบตา หนึ่งวันก็ผ่านพ้นไป
...
วันที่สอง
เ่ิูปรากฏตัวอยู่กลางลานทดสอบตามเวลา
ใบหน้าของเขามิได้บ่งบอกความขุ่นเคืองหรือโมโหแต่อย่างใด กลับมีใบหน้าประดับรอยยิ้มที่ทำคนมองต้องครุ่นคิด
กี่หมื่นคำพูด คำเยาะเย้ย เสียงเหยียดหยาม หรือแววตาเวทนา ต่างก็สาดกระหน่ำใส่ร่างเ่ิูมิหยุด แต่เขาไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไร
การทดสอบและประเมินดำเนินต่อไป
คำประกาศผลของอาจารย์คุมสอบ พาอารมณ์โศกเศร้าและยินดีของบรรดาหนุ่มสาววนเวียนไปมาไม่หยุดหย่อน
และแล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน
วันที่สาม...
วันที่สี่...
วันที่ห้า...
วันที่หก...
วันที่เจ็ด...
จวบจนล่วงเข้าวันที่เก้า ในที่สุดจำนวนผู้เข้าร่วมการสอบก็ค่อยๆ ลดน้อยลงมา
สนามสอบที่แต่เดิมแออัดยัดเยียดด้วยผู้คนบัดนี้เบาบางลงมาก
หนุ่มสาวเยาว์วัยส่วนมากได้เสร็จสิ้นการสอบของตนเป็ที่เรียบร้อยแล้ว ผลของแต่ละคนแตกต่างกัน บางคราก็มีผู้สอบจากแดนไกลที่ดั้นด้นมาสำนักกวางขาว หลังรับป้ายชื่อแล้วก็ได้เข้ารับการทดสอบทั้งหกบทอย่างรวดเร็ว
เ่ิูยังคงรอคอยอยู่ ณ ด่านแรก สนามทดสอบเืลม
สนามสอบนี้ก็เป็เพราะมีเ่ิูอยู่เช่นกัน ถึงได้เป็สนามที่มีผู้ชมมากที่สุดแห่งหนึ่ง
อาจารย์วัยกลางคนที่มีเคราะแพะประดับบนใบหน้า นั่งหน้าเย็นอยู่บนเก้าอี้ไม้หยาบ
บางครั้งแววตาเขาที่มองเ่ิูก็เปี่ยมไปด้วยความดูแคลนและเสียดสี บางคราวก็บูดบึ้ง ความมุ่งมั่นของเ่ิูทำให้หมู่คนเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างครึกครื้น ทำให้อาจารย์ผู้ใหญ่เริ่มลำบากใจ แต่เขากลับลืมไปแล้วว่าตนต่างหากที่กลั่นแกล้งเด็กหนุ่มคนนี้ก่อน
และอีกวันก็ผ่านเลยไป
มาถึงวันที่สิบ
ซึ่งเป็วันสุดท้ายที่สำนักกวางขาวเปิดรับสมัครเข้าสอบ
ตลอด่สายมีเพียงแค่เด็กหนุ่มสามคนที่กุลีกุจอมาถึง รับป้ายชื่อไปเข้าทดสอบ พอเลยมาถึงยามบ่ายก็ไม่มีผู้ใดย่างกรายมาเข้าร่วมอีก
“เ้าอาจารย์นี่ทำเกินไปแล้วนะ ถึงเ้าเ่ิูมันจะไร้น้ำยาก็จริง แต่จะมากีดกันสิทธิ์ในการสอบเช่นนี้ได้อย่างไร!”
“ใช่แล้ว ยังไม่ได้เอ่ยถึงพ่อของเ่ิูเลยนะ สู้จนตัวตายเพื่อลู่ิ ทำความดีความชอบในา เขายังลือกันมาอีกว่าได้รับตราทองเหลืองวีรชนมาอีก ทำไมถึงทำกับทายาทของวีรบุรุษอย่างนี้? นี่มันเืเย็นเกินไปแล้ว หรือจะไม่กลัวอาญาราชสำนักเสวี่ยกัน?”
“เ้านี่ก็ไม่รู้เื่อะไรเลย บิดาสิ้นชีพไปนานแล้ว ถึงเ้าเ่ิูจะสืบทอดตรานั่นต่อก็เถอะ ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่เ้าของเดิมนี่หว่า แถมตอนนี้ยังเป็ยาจกข้นแค้น ว่ากันตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ตรานั่นจะคุ้มครองมันได้ถึงอายุสิบสี่เท่านั้น พอสิบสี่แล้วเ้าเมืองก็ยึดตรานี้คืนได้...”
“เ้าเ่ิูช่างเป็เด็กอาภัพน่าสงสารอะไรอย่างนี้!”
มวลชนวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา นอกจากพวกชนชั้นสูง คนมีเงินและพวกแล้งน้ำใจแล้ว คนส่วนมากก็พลอยเห็นใจเ่ิูไปด้วย
เ่ิูมองนาฬิกาแดดไกลลิบ เวลากำลังพอดี เขาเดินตรงไปยังลานทดสอบ
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มีกลิ่นหอมฟุ้งอบอวลขึ้นมา
ท่ามกลางผู้คน มีหญิงสาวผู้งดงามเฉิดฉายเดินออกมา
นางยืนขวางตรงหน้าเ่ิู
เด็กคนนี้คงอายุราวๆ สิบสามสิบสี่ สวมอาภรณ์นักดาบสีแดงเพลิงซึ่งเป็ชุดของศิษย์ชั้นปีสี่ของสำนักกวางขาว ลำคอขาวผ่องดั่งหยกที่ดูเหมือนลมเป่าเพียงเบาๆ ก็อาจแตกสลาย แนวไหปลาร้าสวย คิ้วงามดั่งวาด จมูกได้รูป และมีริมฝีปากดั่งเชอร์รี่ ยามอยู่ในชุดนักดาบรัดรูปนี้แล้ว ยิ่งเลิศเลอแจ่มชัดนัก เรียวขายาวเนียน องค์เอวเล็กบาง ใบหน้าอันงดงามพอจะกระชากิญญาคนมอง
นางเป็สาวน้อยผู้งามล้ำไร้ที่ติ
“ได้ยินมาว่าเ้าก่อเื่อีกแล้วหรือ?” เด็กสาวจ้องเ่ิูเขม็ง มีแววตำหนิ
ก่อเื่?
เ่ิูชะงัก เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ยออกมา “เสี่ยวหาน...”
หญิงสาวผู้งดงามมีนามว่าเี๋เี่า คือเด็กสาวข้างบ้านที่เอ่ยคำว่า ‘อย่าได้พบกันอีกเลย’ กับเ่ิู ยามเขาตกต่ำสุดขีดในสุสานรกร้าง
สามปีผ่านไป นางเป็ศิษย์สำนักกวางขาวอย่างเป็ทางการ ผลงานล้ำเลิศ ประดุจพญาหงส์ซึ่งบินเสียดยอดต้นอู๋ถง ความงามเจิดจรัส ไม่งุ่มง่ามเฟอะฟะเหมือนเมื่อก่อนซึ่งเป็เพียงเด็กผมเปียที่เ่ิูต้องคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา
“ช่วยอย่าเรียกข้าสนิทสนมนัก เรียกนามเต็มข้า เี๋เี่า” เด็กสาวชุดแดงคัดค้านเสียงแข็ง เอ่ยอย่างผู้เหนือกว่า “นี่ก็สี่ปีแล้วนะ เ่ิู ทำไมเ้าถึงยอมจำนนต่อโชคชะตาไม่ได้สักที ไม่มีพร์เื่ยุทธ์ จะกระเสือกกระสนต่อไปก็ไร้ค่า กลายเป็ตัวตลกเปล่าๆ ยังไม่ยอมทำตัวเป็คนธรรมดา ใช้ชีวิตอยู่รอดปลอดภัยอีกนะเ้า”
ที่แท้ก็แค่จะมาพูดเื่นี้เองหรือ?
เ่ิูหัวเราะเฮอะ เขาเกิดไม่อยากต่อปากต่อคำ ด้วยขี้คร้านเกินจะอธิบาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้