เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดีว่าทุกหย่อมหญ้าในปี 83 คือความเปลี่ยนแปลง ในยุคอนาคตโทรศัพท์มือถือกลายเป็อุปกรณ์ดาษดื่นแต่ตอนนี้เพจเจอร์ที่ล้าสมัยเพิ่งเข้าสู่ตลาดประเทศจีน... เซี่ยเสี่ยวหลานหลุดออกจากภวังค์และมีความตั้งตาคอยใคร่รู้อยู่บ้าง “เครื่องมือสื่อสารที่มีประโยชน์ มณฑลอวี้หนานย่อมต้องสนับสนุนแน่นอนฉันคิดว่าถ้าปีหน้าสามารถย้ายไปในเมืองได้ จะทำเื่ติดตั้งโทรศัพท์ไว้ในบ้าน”
การสื่อสารที่ไม่รวดเร็วเป็เื่น่ารำคาญยิ่งนักผลกระทบต่อธุรกิจตอนนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ร้ายแรงแต่เธอจะไม่อยู่ในหมู่บ้านชีจิ่งตลอดไปเพราะการคมนาคมและการสื่อสารของชนบทล้าหลังกว่ามาก
เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมรู้ดีกว่าใครว่าภายภาคหน้าอุปกรณ์สื่อสารจะพัฒนาไปอย่างไร
โจวเฉิงและเธอแลกเปลี่ยนกันโดยไร้ซึ่งอุปสรรคใด แม้โจวเฉิงพูดถึง ‘เพจเจอร์’ ซึ่งเพิ่งจะเป็เื่สมัยนิยมเซี่ยเสี่ยวหลานก็รับ่หัวข้อสนทนาได้!
เขาไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยเสี่ยวหลานถึงเข้าใจ ทั้งสองคนโต้ตอบกันได้ไหลลื่นสิ่งนี้ทำให้โจวเฉิงอารมณ์ดียิ่งขึ้น
อีกอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานยังได้เกริ่นถึงแผนที่จะย้ายไปในเมืองให้เขาฟังด้วยนี่ไม่ใช่กำลังปรึกษาหารือถึงอนาคตกับตัวเขาเองหรือ?
ชีวิต่นี้ของโจวเฉิงได้บรรยายในโทรเลขโดยชัดเจนแล้วแต่เขาก็อยากรับรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่นี่เกิดเื่อะไรขึ้นบ้างหรือไม่โจวเฉิงอาศัยช่องทางอื่นจนรู้เื่จางเสเพลและอันธพาลทั้งสามว่าพวกเขาถูกตัดสินโทษจำคุกพอได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจจะร่วมสอบเกาเข่าในปีหน้าโจวเฉิงจึงรู้สึกประหลาดใจนัก
เสี่ยวหลานอยากเรียนมหาวิทยาลัย?
เกี่ยวข้องกับหวังเจี้ยนหัวหรือ?
โจวเฉิงพยายามระลึกลักษณะของหวังเจี้ยนหัวคนทางเหนือรูปร่างค่อนข้างสูงกันเป็ปกติ ใบหน้าได้สัดส่วนดีหรือจะบอกว่าหล่อเหลาและโดดเด่นก็ว่าได้ ทว่าให้ใครมองก็ยังบอกว่าสู้โจวเฉิงไม่ได้อยู่ดี
“เธออยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ไหน?”
“ปักกิ่งไม่ก็เซี่ยงไฮ้นั่นแหละยังต้องดูคะแนนหลังสอบเกาเข่าปีหน้ามาประกอบการติดสินใจ พี่โจวพี่ไม่คิดว่าฉันทะเยอทะยานเกินความสามารถใช่ไหม?”
ปักกิ่งมีหวังเจี้ยนหัว
แต่บ้านโจวเฉิงก็อยู่ที่ปักกิ่ง
โจวเฉิงสนับสนุนเซี่ยเสี่ยวหลานให้สอบติดมหาวิทยาลัยในปักกิ่ง “เธอฉลาดมาก ถ้าอยากสอบมหาวิทยาลัยก็สอบเถอะอย่ากดดันตัวเองจนรับไม่ไหว และต้องดูแลสุขภาพด้วยไม่ปล่อยให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป... เลือกในปักกิ่งเถอะมหาวิทยาลัยของเมืองหลวงก็ไม่เหมือนที่อื่นหรอก”
โจวเฉิงว่ากันตามความเป็จริงสถานศึกษาระดับสูงชั้นยอดที่สุดอยู่ในปักกิ่ง
เวลาจัดสรรอาชีพย่อมมีโอกาสที่ดีกว่าเขาคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเหมาะกับการทำธุรกิจไม่น้อยความคุ้นชินกับการทำธุรกิจของทางใต้เปิดกว้างมากกว่าแต่ในปักกิ่งก็มิใช่ขยับเขยื้อนริเริ่มได้ยากเย็นยิ่งไปกว่านั้นคือทั้งสองจะมีเวลาสานสัมพันธ์กันมากขึ้น โจวเฉิงให้ความสำคัญกับข้อนี้มาก
เสี่ยวหลานของเขาสวยเกินไปแล้ว โจวเฉิงเกรงว่าจะมีคนอื่นมา่ชิง วางภรรยาของตนเองไว้อยู่ใกล้ตัวถึงสบายใจได้!
ภรรยาของเขานั้นเก่งกาจเหลือร้ายตอนนี้ยังสอบได้ตั้งสี่ร้อยกว่าคะแนน สอบมหาวิทยาลัยปีหน้าจะมีปัญหาอะไร? โจวเฉิงไม่ดูแคลนวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่งดั่งคังเหว่ยเดิมทีอยู่ในเขตเมืองเล็กซึ่งคุณสมบัติอาจารย์จำกัดแต่สอบติดมหาวิทยาลัยก็ยอดเยี่ยมทีเดียวทว่าหากกล่าวถึง ‘วิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง’ จะทำให้โจวเฉิงคนนี้ซาบซึ้งได้หรือ?
เห็นได้ชัดว่าไม่มีทาง
โจวเฉิงเองไม่เคยสอบมหาวิทยาลัย จึงไม่ใส่ใจรายละเอียดด้านนี้นักในเมื่อตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานจะสอบ เขาคิดว่าตนเองสามารถช่วยสอบถามได้เื่นี้เลยถูกเขาจดจำไว้ในใจพอรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานออกเดินทางไกลบ้านเป็ครั้งแรกโจวเฉิงได้อธิบายบางสิ่งที่ต้องคำนึงถึงบนรถไฟ แม้เซี่ยเสี่ยวหลานรู้อยู่แล้วแต่น้ำใจส่วนนี้ไม่รับก็ไม่ได้
ในที่สุดคังเหว่ยผู้ปวดท้องก็กลับมา “จัดการเรียบร้อยแล้ว พี่เฉิงจื่อ”
เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานสงสัยโจวเฉิงอธิบายอย่างผิวเผินแค่สองสามประโยค
“ฉันให้คังเหว่ยไหว้วานคนช่วยเธอเปลี่ยนตั๋วรถเป็ตู้นอนท่าทางรถเที่ยวนี้ยังมีตู้นอนอยู่”
คังเหว่ยบ่นอุบในใจ กินแรงไปตั้งเยอะแยะ! เขาโทรศัพท์ไปถึงปักกิ่ง ไหว้วานคนมีเส้นสายให้เปลี่ยนเที่ยวรถหลายคนถึงผ่านมือจนได้มาซึ่งตั๋วตู้นอนหนึ่งใบ อย่าว่าแต่พี่เฉิงจื่อจะโอ้อวดผลงานยังยับยั้งไม่บอกถึงความทุ่มเทของเขาอีกด้วย... ก็เหมือนเื่ของจางเสเพลเป็เขาและพี่โจวเฉิงได้จัดการธุระอย่างลับๆ โดยแท้ จวบจนวันนี้เซี่ยเสี่ยวหลานก็ยังไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุสินะ?
เมื่อมีคนรัก ย่อมต้องปฏิบัติดีต่อคนรักของตนเอง
ถ้าคังเหว่ยมีแฟนสาวบ้าง ก็คงไม่ทำตัวแย่ใส่สตรีคนอื่นแต่คนรู้สึกดีต่อกันย่อมแตกต่าง ไม่แสดงออกสิ่งที่ตนเองทุ่มเทให้รู้กันโดยทั่วคนรักจะชอบเขามากขึ้นได้อย่างไร?
คังเหว่ยครุ่นคิดแล้วไม่เข้าใจ
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่เด็กสาวบ้านนอกอายุ 18 ปีจริง
ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์นั้น ประธานเซี่ยเข้าใจดีเปลี่ยนตั๋วของเธอจากที่นั่งธรรมดาเป็ตู้นอน ชี้แจงได้ยากว่าอำนาจและอิทธิพลต้องมีมากหรือน้อยเพียงใดแต่เื่แบบนี้ต้องหาผู้ที่เกี่ยวข้องที่สุดบางทีอาจเป็คนบริหารงานของรถไฟซึ่งพอมีอำนาจเล็กน้อยคังเหว่ยและโจวเฉิงไม่ใช่คนซางตู ไม่ว่าจะไหว้วานใครก็ต้องเปลืองแรงกายกันเป็ทอดอยู่ดี... โจวเฉิงกล่าวอย่างไม่ยี่หระเซี่ยเสี่ยวหลานกลับรู้สึกว่าตนเองถูกคนเอาใจอย่างน่าดูชมอีกครั้งแล้ว
โจวเฉิงเรียนรู้กลยุทธ์จากที่ไหนคนผู้นี้ช่างทำให้หญิงสาวโปรดปรานเกินไปแล้วหรือเปล่า?
อย่างไรเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่รังเกียจโจวเฉิงแม้แต่น้อยมีคนดีต่อเธอขนาดนี้ ทั้งหน้าตาหล่อเหลาและไม่กักขฬะ เธอรังเกียจได้ยากมากจริงๆ
ั้แ่เดิมดวงตาของเซี่ยเสี่ยวหลานก็เป็ประกายมากมายอยู่แล้ว พอจิตใจเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กๆขึ้น ตอนนี้แววตายิ่งสะท้อนความรักและความอ่อนโยน
คังเหว่ยรู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ค่อยปกตินักด้วยสถานะคนโสดผู้มีััอ่อนไหว เขารับรู้ได้ถึงอารมณ์โดยรอบที่แปรผันระหว่างคนสองคนตรงหน้า
จัดการตั๋วตู้นอนหนึ่งใบสำคัญขนาดนี้?
เช่นนั้นเขาก็ถือว่าช่วยเหลือพี่เฉิงจื่อได้แล้วสินะ?
ขนาดคังเหว่ยยังปลื้มปีติ โจวเฉิงซึ่งเป็ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงยิ่งััได้ถึงความคิดของเซี่ยเสี่ยวหลานที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยในเวลาแบบนี้ หากเขาไม่ฉวยโอกาสโจมตี มิใช่ว่าโง่เง่ายิ่งนักหรือ!
“เสี่ยวหลาน ฉันรู้ว่าเธอฉลาดหลักแหลมแต่อยู่ข้างนอกจะระมัดระวังสักหมื่นส่วนก็ไม่เกินไปเลยสักนิดรถไฟจากซางตูถึงหยางเฉิงใช้เวลาประมาณสามสิบกว่าชั่วโมงเธอจะถึงหยางเฉิงก่อนพวกเราที่ขับรถ เดี๋ยวฉันลองดูว่าหาคนนำทางในพื้นที่ให้เธอได้หรือไม่ให้เขาพาเธอไปทำความคุ้นเคยกับสถานการณ์หน่อย ส่วนฉันจะตามมาพบเธอที่หยางเฉิงแน่นอน”
โจวเฉิงยังหาคนนำทางที่เหมาะสมไม่ได้ทว่าเขามั่นใจว่าตนเองสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ก่อนรถไฟจะถึงหยางเฉิงแน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้าตอบรับ
ไปหยางเฉิงนำเข้าสินค้านั้นไกลโขจริงๆเพราะเธอไม่ถูกใจเสื้อผ้าในตลาดค้าส่งของซางตูรูปแบบเสื้อผ้าที่หยางเฉิงน่าจะแปลกใหม่ที่สุดจากทั้งประเทศเซี่ยเสี่ยวหลานยินยอมจ่ายเงินมากขึ้น และจะศึกษาภาคสนามด้วยสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจของทางใต้เปิดกว้างกว่า ตอนนี้เธอจะขายเสื้อผ้าเก็งกำไรจริงทว่าก็ไม่ใช่ขายได้เพียงเสื้อผ้าเท่านั้น... เดิมทีเซี่ยเสี่ยวหลานยังมีแผนอื่นตอนนี้โจวเฉิงเข้ามาร่วมวงด้วย เธอกลับทำธุระพวกนั้นระหว่างทางไม่ได้เสียแล้ว
เธอจิตใจร้อนรน และเป็ห่วงบ้านเกิดตนเช่นกัน
คราวหน้า... เช่นนั้นคราวหน้าค่อยไปสำรวจแล้วกัน
โจวเฉิงบอกกับเธอว่าจะติดต่อคนนำทางอย่างไร พอห้าโมงครึ่งเขาได้พาเซี่ยเสี่ยวหลานไปเปลี่ยนตั๋วที่นั่งธรรมดาเป็ตั๋วตู้นอนก่อนและส่งเซี่ยเสี่ยวหลานถึงชานชาลา เซี่ยเสี่ยวหลานนำของกินบนรถไฟมาด้วยโจวเฉิงก็ยังซื้อสาลี่และพุทราให้เธอหนึ่งถุง พุทราของมณฑลอวี้หนานรสชาติอร่อยทีเดียวสาลี่ก็เป็ผลไม้ที่แก้อาการกระหายน้ำ เหมาะแก่การนำขึ้นรถไฟไปมากกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
“เสี่ยวหลาน พบกันที่หยางเฉิงนะ”
เขาส่งเซี่ยเสี่ยวหลานถึงตู้นอน รถไฟกำลังจะเคลื่อนตัวแล้วโจวเฉิงมอบอ้อมกอดแก่เซี่ยเสี่ยวหลานด้วยความเร็วดุจสายฟ้าแลบไอร้อนที่หายใจออกมาก็รดหล่นลงข้างหูของเธอ เป็เพียงการบอกลาที่แสนธรรมดาสามัญเหลือเกินทว่าสำเนียงของโจวเฉิงกลับกระเส่าอยู่ไม่น้อย
เขาเหมือนกลัวเซี่ยเสี่ยวหลานโมโห จึงะโลงจากรถไปเองและโบกมือผ่านหน้าต่างให้กับเซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานสาบานั์ตาของโจวเฉิงมีความเ้าเล่ห์และภูมิใจอยู่—คนคนนี้ ผู้ชายคนนี้กำลังเกี้ยวพานเธอสินะ?