แม่เฒ่าจางฉีกยิ้มจนไม่เห็นตา อย่านึกว่านางเสียเปรียบ หนนี้นางกำลังจะได้กำไรมากมายต่างหาก
“ตกลง ขอเพียงเ้าจำคำนี้ไว้ คำพูดของข้า มีผลแค่หนึ่งเดือน ผ่านพ้นเดือนนี้ไป ถึงตอนนั้นค่อยเจรจากันใหม่”
พูดจบก็ไม่สนใจหลิวเต้าเซียง แล้วเข้าบ้านไปจับปลา
หลิวเต้าเซียงผู้ซึ่งได้รับเงินและปลามาตัดสินใจจะจับจ่ายสักครั้ง พอมาถึงปากทางตำบลเห็นรถเข็นวัวแปลกหน้า จึงถามได้ความว่าเป็ของหมู่บ้านข้างๆ
หลังจากล้วงออกมาหนึ่งอีแปะให้คนบังคับรถเข็นวัว จึงคลานขึ้นรถไปอย่างว่าง่าย ในตะกร้าของนางมีปลาอยู่หนึ่งตัว นอกนั้นไม่มีอะไร เงินถูกนางเก็บไว้ในคลังเก็บของในห้วงมิติเรียบร้อย
หลังจากนั่งเขย่าโยกเยกไปกับรถเข็นวัวจนถึงจุดที่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน จึงลงจากรถเพื่อเดินอ้อมทางลัดไปหาซูจื่อเยี่ย ณ สถานที่ที่นัดไว้
“โชคดีที่ทำตามที่สั่งไว้ได้ ได้ปลากลับมาแล้ว”
ซูจื่อเยี่ยไม่ได้มองมันเลย แค่หันไปด้านข้าง
หลิวเต้าเซียงหันมองตามและวิ่งอย่างมีความสุขทันที “ว้าว ไก่ฟ้าสองตัว?! ยอดเยี่ยม คืนนี้จะได้เอามากินหนึ่งตัว ครึ่งหนึ่งทำไก่ตุ๋นเห็ด อีกครึ่งหนึ่งทำไก่นึ่ง”
“ไก่นึ่ง?” ซูจื่อเยี่ยเคยได้ยินแต่ไก่ตุ๋นเห็ดหอมจึงไม่ได้ถามถึงมัน
หลิวเต้าเซียงเห็นว่าเขาสนใจมาก จึงยิ้มในใจ เป็ไปตามคาด แม้จะสูงส่งดุจบุปผาบนยอดเขา แต่ก็ล้วนก้มศีรษะให้กับของกิน
พริบตานั้นก็รู้สึกสนิทสนมกับเขาขึ้นมาอย่างมาก นางยิ้มจนดวงตาโค้งแล้วตอบ “อืม ที่บ้านมีเกาลัด จะได้เอามาต้มกับมัน”
อันที่จริง ถ้าจะให้ดีกว่าต้องใช้มันฝรั่ง เวลากัดจะนุ่มและละเอียด มีความหอม เพียงแต่หลิวเต้าเซียงข้ามมิติมากว่าหนึ่งเดือน จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยเห็นมันฝรั่ง นางไม่รู้ว่ามีหรือไม่ จึงได้แต่เอาเกาลัดมาทดลอง ถึงอย่างไรก็เป็ประเภทคล้ายกัน เพียงแต่เกาลัดรสออกหวานกว่า
“เกาลัด?” ในความทรงจำของซูจื่อเยี่ยไม่มีสิ่งนี้
“ไม่เข้าใจก็ไม่เป็ไร หากว่าชอบ ก็กินเยอะหน่อยเป็พอ” หลิวเต้าเซียงที่ได้เงินมายิ่งมองเขาแล้วรู้สึกไม่ขัดหูขัดตา
ใบหน้าของซูจื่อเยี่ยเป็สีดำ แม่สาวน้อยตัวดีชอบดูถูกเขาอยู่เรื่อย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เกาลัดคืออะไรกันแน่? หลังจากกลับไปที่เมืองหลวงต้องศึกษาเกี่ยวกับด้านเกษตรกรรมเสียหน่อย
หลิวเต้าเซียงได้จัดการเปลี่ยนเด็กเกเรให้กลายเป็เด็กเรียนไปโดยไม่รู้ตัว
มือข้างหนึ่งเหยียดมาตรงหน้านาง นิ้วมือขาวผ่อง ตรงฝ่ามือมีรอยด้าน คงเพราะการถือกระบี่เป็เวลายาวนาน มองดูแล้วรู้สึกมีเรี่ยวแรง
“เอามา!”
“อะไร? เงินหรือ? เ้าจะกลับคำไม่ได้นะ! จำไว้ เ้าเป็ชายชาตรี ชายชาตรี!”
มุมปากของซูจื่อเยี่ยกระตุก เขาคือคนที่ชอบพูดกลับคำเช่นนั้นหรือ?
หลิวเต้าเซียงกลอกตา หมาป่าเ้าเล่ห์มักจะแสร้งทำเป็เมตตาทุกที
“ตะกร้า!” ซูจื่อเยี่ยทนไม่ไหวและหยิบตะกร้าจากมือของนางไปดื้อๆ
หลิวเต้าเซียงงุนงง!
เมื่อมองไปที่ซูจื่อเยี่ยที่กําลังเดินจ้ำอ้าวลงเขา นางถูจมูกอย่างยอมรับชะตากรรม ไม่รู้ว่าหากให้เขาแบกกลับไป นางคงถูกอาเล็กตีตายแน่!
“นี่ รอเดี๋ยว ซูจื่อเยี่ย!”
“นี่ พี่จื่อเยี่ยต่างหาก!!”
หลิวเต้าเซียงที่แล่นเรือตามลม หลังจากได้รับคมมีดอันแสนเยือกเย็น จึงรีบเปลี่ยนคำเรียก แล้วยังใช้น้ำเสียงอ่อนหวาน
ริมฝีปากของซูจื่อฉีกออกเล็กน้อย แล้วเร่งฝีเท้า
“นี่ พี่จื่อเยี่ย เ้ารอก่อนสิ ให้ข้าแบกเถิด ไม่งั้นอาเล็กจะฉีกข้าเป็ปลาจิ๋วตากแห้งเป็แน่”
ฉีกเป็ปลาจิ๋วตากแห้ง ? ด้วยความฉลาดเช่นนี้น่ะหรือ?
อารมณ์ของซูจื่อเยี่ยเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามครึ่งชั่วโมงต่อมา พอทั้งสองได้มาถึงตีนเขา ซูจื่อเยี่ยก็วางตะกร้าที่แบกไว้ลงมา ยืนรอหลิวเต้าเซียงที่กำลังวิ่งหอบมาทางนี้ แล้วเอ่ย “ปลาจิ๋วแห้ง? เหมาะสมกับเ้ายิ่งนัก”
เขาตัดสินใจว่าจะเรียก ‘ของเล่น’ ของเขาต่อจากนี้ไปว่าปลาจิ๋วแห้ง
“นี่ ให้ ให้ข้าแบกดีกว่า” หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าวิ่งจ้ำอ้าวมาจนหลอดลมมีควันออกมา ลิ้นคัน แทบอยากจะพุ่งเข้าไปอัดนายนี่สักที ยังจะมาปลาจิ๋วแห้งอะไรกัน เชอะ!
นางบ่นอย่างเงียบๆ แล้วแบกตะกร้าขึ้นหลังอีกรอบ ในนั้นนอกจากจะมีไก่ฟ้าสองตัว ที่้าใช้ใบตองบังไว้ ้าสุดยังมีเห็ดหอม และเห็ดหูหนู
ทั้งสองคนเข้าไปในหมู่บ้านด้วยกัน มีคนในหมู่บ้านหยุดดูเป็ระยะๆ หลิวเต้าเซียงปั้นหน้าตึง เดินปะทะสายตาของคนในหมู่บ้านที่ระดับความแค้นพุ่งขึ้นเรื่อยๆ
นางเองใช่ว่าจะไม่คัดค้าน อยากเป็เพียงหญ้าต้นน้อยที่ไม่มีใครรู้จัก แล้วเดินรั้งท้ายอยู่ข้างหลัง
ซูจื่อเยี่ยพูดออกมาหนึ่งคําเบาๆ ว่า เงิน
หลิวเต้าเซียงแทบอยากหงายหลังลงไปและไม่ลุกขึ้นมาอีก!
“เต้าเซียง เต้าเซียง!”
เมื่อเดินผ่านหน้าบ้านของหลี่ชุ่ยฮัว นางก็ยื่นศีรษะออกมาจากรอยแยกประตู ขณะที่เรียกนางก็มองไปทางบ้านหลิวด้วยความตื่นตระหนก
เกิดเื่หรือ?!
มันเป็สัญชาตญาณ!
โดยไม่ต้องรอให้ซูจื่อเยี่ยพูดอะไร หลิวเต้าเซียงก็วิ่งเหยาะๆ พุ่งไปทางหน้าประตูบ้านหลี่ชุ่ยฮัว “เกิดอะไรขึ้น?”
“ป้ารองเ้ากับแม่เ้าทะเลาะกัน นางรังแกแม่ของเ้า”
“มันเกิดอะไรขึ้น?” หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าสมองของนางอื้ออึง ขณะร้อนใจก็ยื่นมือไปผลักประตูลานบ้าน
“โอ๊ย!” ชุ่ยฮัวตัวอวบล้มกองกับพื้น
“ขอ ขอโทษด้วย ข้าได้ยินว่าเกิดเื่กับแม่ข้า ข้าก็กังวลใจยิ่งนัก” นางรู้สึกเช่นนั้นจริง ร่างกายจึงตอบสนองทันที
ขณะที่ช่วยพยุงหลี่ชุ่ยฮัวขึ้น ซึ่งก็ไม่ง่ายกว่าจะลุกขึ้นมาได้ นางโบกมือแล้วเอ่ย “ข้าไม่เป็ไร ไม่เจ็บหรอก จริงนะ อันที่จริง ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินตอนคนมาะโบอกว่า ป้ารองเ้ากับแม่เ้ากำลังทะเลาะกันตรงลานบ้าน”
เื่นี้จะโทษหลี่ชุ่ยฮัวก็ไม่ได้ ทั้งสองบ้านมีบ้านหลังหนึ่งคั่นกลางอยู่ ซึ่งคนในบ้านนั้นย้ายออกไปทำงานข้างนอกหมู่บ้าน ด้านข้างสองฝั่งมีแปลงผัก หนึ่งผืนเป็ของบ้านหลี่ อีกหนึ่งผืนคือของบ้านที่ย้ายออกหลังนั้น
“ต้องเป็ป้ารองที่หาเื่แน่ แม่ข้านิสัยโอนอ่อนมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยมีเื่กับใคร”
หลี่ชุ่ยฮัวพยักหน้าอย่างร้อนรน แล้วเอ่ย “ปู่กับพ่อของเ้ากลับมาแล้ว ป้ารองเ้ากำลังโวยวายจะแขวนคอตาย”
ดวงตาของหลิวเต้าเซียงกะพริบเป็ประกาย ฮึ คิดจะลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบสินะ
“เ้าได้ยินหรือไม่ว่าเหตุใดแม่ข้ากับป้ารองจึงทะเลาะกัน”
หลี่ชุ่ยฮัวอายุเท่ากับหลิวเต้าเซียง เพียงแต่ความคิดนั้นไร้เดียงสากว่า ไม่เหมือนหลิวเต้าเซียงที่เป็เด็กปลอม
“ดูเหมือนว่าจะเื่ผัก หรืออะไรสักอย่าง”
ผัก หลิวเต้าเซียงพอจะนึกออก นอกจากแปลงผักผืนนั้นแล้วจะมีอะไรอีก?
หืม หลิวซุนซื่อ้าให้แม่ของนางทำงานเป็วัวเป็ควาย ฝันไปเถิด!
“ชุ่ยฮัว ขอบใจเ้ามาก ข้ารู้แล้ว ขอโทษจริงๆ เมื่อครู่ร้อนใจจนชนเ้าล้ม”
หลี่ชุ่ยฮัวยิ้มจนตาเป็เส้น แล้วเอ่ย “เต้าเซียง แม่ข้าชมข้าว่าฝีมือเย็บปักดีขึ้น อีกอย่างนะ แม่ข้าอนุญาตว่าหากสามารถปักผ้าม่านได้ จะอนุญาตให้ข้าพักสามในสิบวันด้วยล่ะ”
หลิวเต้าเซียงพูดไม่ออก ปักผ้าม่าน ดูเหมือนเส้นทางการเย็บปักของหลี่ชุ่ยฮัวจะขยายยืดยาวไปเรื่อยๆ
“เอาน่า ชุ่ยฮัว ต่อไปเ้าจะต้องเป็ช่างเย็บปักที่เก่งมากคนหนึ่ง”
หลี่ชุ่ยฮัวดีใจยิ่งกว่าเดิม ยิ้มแล้วเอ่ย “แม่ข้าเองก็พูดเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นข้าไม่รั้งเ้าไว้ดีกว่า เ้ารีบกลับไปดู คิดว่าเ้าคงกังวลเกี่ยวกับแม่เ้ามาก”
หลิวเต้าเซียงก็ไม่ได้เกรงใจ หยิบไก่ฟ้าในตะกร้าออกมาหนึ่งตัวแล้วยัดไว้ในมือของนาง “รับเอาไว้ อย่าให้ย่าของข้าเห็นเชียว”
“เต้าเซียง ไม่ได้หรอก เ้ารีบเอาไปให้แม่เ้าตุ๋นกิน น้องเล็กของเ้ายังต้องดื่มนม แม่ข้าบอกว่าน้ำแกงไก่ช่วยให้มีน้ำนมดีที่สุด”
หลิวเต้าเซียงอยากจะเอามือปิดหน้า เหตุใดป้าหลี่ซานเสิ่นถึงบอกเื่ทุกอย่างกับเ้าเด็กอวบน่ารักคนนี้
“ข้ายังมีในตะกร้าอีก อีกอย่าง ข้าเลี้ยงไก่ในบ้านเ้า เ้าก็ช่วยข้าดูแลไม่ใช่หรือ บ้านเ้ายังไม่เก็บค่าเช่าที่กับข้า หากเ้าไม่รับไก่ฟ้าตัวนี้ไว้ ต่อไปข้าจะมีหน้ามาเจอเ้าได้อย่างไร จะว่าไปแล้ว เราเองก็เป็สหายกันไม่ใช่หรือ? หากเ้ารู้สึกเกรงใจ ข้าจะไม่แบ่งเห็ดหอมให้เ้าแล้ว”
หลี่ชุ่ยฮัวพยักหน้าอย่างใสซื่อ คำพูดของหลิวเต้าเซียงเองก็มีเหตุผล
ดังนั้นนางจึงรับไก่ฟ้าที่หลิวเต้าเซียงมอบให้ แล้วดึงหลิวเต้าเซียงมาพร้อมกับโน้มน้าวราวกับยายเฒ่า “เต้าเซียง เ้ากลับบ้านไปอย่าได้เถียงกับย่าของเ้าเด็ดขาด เราเป็คนดีอย่าให้เสียเปรียบกับเื่ตรงหน้า ปู่ย่าเ้าเกิดโมโหขึ้นมา เ้าก็รีบหลบไปอีกทาง พวกนางไม่เห็นเ้า ย่อมไม่หาเื่เ้าอยู่แล้ว”
หลิวเต้าเซียงพยักหน้า หลี่ชุ่ยฮัวที่อายุเจ็ดขวบสามารถคิดเื่นี้ได้ นับว่าไม่เลวทีเดียว
“วางใจได้ ข้ารู้ตัวดี ไม่พูดแล้ว ข้าจะรีบกลับไปดูก่อน”
หลี่ชุ่ยฮัวไม่ได้รั้งนางไว้ เพียงแต่ส่งนางออกจากประตูด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวล
จากนั้นเมื่อมองลงไปที่แขนและขาอันสั้นของนาง นางก็มีนิมิตในใจว่า แม่ของนางบอกว่าหากแต่งงานแล้ว นางจะไม่สามารถพาเต้าเซียงไปกับนางได้ อีกหน่อยเต้าเซียงก็ต้องออกเรือนเช่นกัน หรือว่า จะให้พี่ชายของนางมาสู่ขอเต้าเซียงดี?!
หลี่ชุ่ยฮัวที่ได้ความคิดยอดเยี่ยมยามที่มองดูพระอาทิตย์อัสดง รู้สึกถึงความงดงามของโลกใบนี้เพียงแค่นี้แล
หลิวเต้าเซียงผู้ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกเพื่อนจับคู่ กำลังข่มอารมณ์โมโหแล้ว ‘ลุย’ กลับบ้านหลิวไป
ก่อนหน้านี้ซูจื่อเยี่ยไม่ได้รอนาง แต่ตรงเข้าไปในบ้านหลิวแล้วพร้อมกับคันธนู
เมื่อหลิวเต้าเซียงถือตะกร้าไม้ไผ่ เงยหน้ายืดอกด้วยสีหน้าเ็าและเดินเข้าบ้านไป รอเดี๋ยวนะ นางเดินเข้าผิดบ้านหรือ?
นางจึงเดินย้อนกลับไปใหม่ แล้วมองขึ้นไปที่ประตูลานบ้าน อืม ถูกต้องนี่นา นี่คือประตูหน้าบ้านตนเอง
แต่ว่า ใครก็ได้บอกนางที สองคนที่กำลังทำความสะอาดลานบ้านคือใครกัน?
คนหนึ่งคือหลิวเสี่ยวหลัน คนหนึ่งคือหลิวจูเอ๋อร์?
แม่จ๋า พระอาทิตย์กําลังโผล่ออกมาจากทิศตะวันตกจริงๆ
หลังจากนั้นจึงเดินแบกตะกร้าเข้าไปยังห้องปีกตะวันตก วางตะกร้าลงข้างประตู แล้วเดินเข้าห้อง
หลิวเต้าเซียงมีนิสัยรักความสะอาด ดังนั้น แม้ว่าสถานที่ในห้องจะทรุดโทรมเพียงใด แต่ก็จะสะอาดเรียบร้อย สำหรับคนที่ทุกอย่างต้องเป็ระเบียบเช่นนาง จำต้องจัดการเก็บข้าวของในบ้านให้เรียบร้อย
เริ่มแรกหลิวชิวเซียงไม่เข้าใจ ทุกครั้งที่เห็นหลิวเต้าเซียงจัดการขยับข้าวของหลังจากที่ตนเองทำความสะอาดไปแล้ว นางรู้สึกว่านั่นทำให้ดูรื่นตากว่าเดิม
นับจากนั้นก็ไม่ต้องให้หลิวเต้าเซียงลงมืออีก พี่สาวที่ช่างสังเกตอย่างนางจำต้องจัดการเก็บกวาดบ้านให้เรียบร้อย
หลิวเต้าเซียงใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นบนตัว แล้วจึงเข้าบ้าน
เมื่อเห็นว่าอยู่กันครบทั้งครอบครัว หลิวเต้าเซียงก็เรียกทักทายทุกคน
หลิวซานกุ้ยกำลังพูดคุยกับภรรยาเสียงเบา จางกุ้ยฮัวจึงกะพริบตาให้บุตรสาวคนโตเงียบๆ
หลิวชิวเซียงเข้าใจ จึงดึงน้องรองออกมาจากห้อง ไปยังคั่งที่ทั้งสองไว้ใช้นอน แล้วจึงเอ่ยเสียงค่อย “เ้าคงกำลังสงสัยว่าเหตุใดอาเล็กกับพี่จูเอ๋อร์จึงกำลังกวาดพื้นสินะ!”
แล้วนางก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านทั้งหมด
ต้นเหตุเกิดจากหลิวซุนซื่อถูกหลิวฉีซื่อทรมานจนแทบคลั่ง
ในตอนเช้าตรู่ที่หลิวฉีซื่อกำลังเตรียมตัวไปซื้อเนื้อลา นางได้ข่าวว่าในตำบลวันนี้มีขายเนื้อลา ซึ่งมันบำรุงเืได้เป็อย่างดี หลิวฉีซื่อ้าบอกข่าวคราวนี้ให้กับคุณชายผู้นั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเห็นเขาล้วงเงินห้าตำลึงออกมาสองแท่งจากกระเป๋าเงินอย่างง่ายดาย
แต่นางเห็นว่าแท่งเงินนี้มีขนาดเล็กที่สุดและมีสิบตำลึงเงินสีหิมะสองแท่ง แล้วก็มีที่ใช้กระดาษมันห่อไว้ ซึ่งมั่นใจว่าเป็เงินกระดาษ
ในเมื่อเป็สิ่งที่คุณชายน้อยสั่งมา นางย่อมต้องทำตาม
-----