สายตาของโจวซื่อมองตามการจ้องมองของฉือหางอย่างเฉียบคม หลินกู๋หยู่หลุบตาลงกินข้าวเงียบๆ
ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ใช้กลอุบายอะไร คิดไม่ถึงว่าจะตัดสินใจในเื่นี้ เ้าสามจะต้องมองผู้หญิงคนนี้ก่อน
นางจะปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งขี่บนศีรษะลูกชายของนางได้อย่างไร โจวซื่อเผลอออกแรงมือบีบโต้ซาอย่างอดไม่ได้
ใบหน้าของโต้ซาปรากฏรอยย่น ปากพึมพำ น้ำตาคลอในเบ้าตา "เจ็บ!"
เมื่อหลินกู๋หยู่ได้ยินเสียงของโต้ซา นางรีบวางชามและตะเกียบในมือ เงยหน้าขึ้นมองโต้ซา จากนั้นมองไปที่ดวงตาที่ขุ่นเคืองของโจวซื่อด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ
"มานี่มา" หลินกู๋หยู่กล่าวขณะเอื้อมมือไปดึงโต้ซาออกจากอ้อมแขนของโจวซื่อ
โจวซื่อก็ไม่้าอุ้มโต้ซาไว้ในอ้อมแขนแล้ว เด็กคนนี้กินมากเกินไปแล้ว น้ำหนักเพิ่มขึ้นไม่น้อย
หลินกู๋หยู่ดึงแขนเสื้อของโต้ซาออกอย่างระมัดระวัง มองดูผิวขาวเนียนแปรเปลี่ยนเป็สีแดง คิ้วของนางก็ขมวดแน่นยิ่งขึ้น
“ท่านแม่ เจ็บ” โต้ซามองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างเ็ป ราวกับว่าน้ำตาเ่าั้จะไหลลงมาในพริบตาต่อมา
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองโจวซื่อ สบกับสายตาที่ภาคภูมิใจคู่หนึ่ง นางลดศีรษะลงและปลอบประโลมโต้ซาอย่างอ่อนโยน
“เ้าสาม” โจวซื่อพูดเบาๆ ขณะมองไปที่ฉือหางด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “เ้าก็รู้ว่าเมื่อพ่อของเ้าจากไป เขาไม่้าให้ครอบครัวของเราแยกจากกัน”
ฉือหางจ้องมองบนใบหน้าของหลินกู๋หยู่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมโต้ซาอย่างเงียบๆ ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์
เป็เพราะหลินกู๋หยู่อยู่เคียงข้างเขามาโดยตลอด ทำให้เขาสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
เมื่อไม่ได้ยินคำตอบของฉือหาง คิ้วของโจวซื่อก็ขมวดแน่น ลูกชายของนางไม่เชื่อฟังนาง เช่นนี้ไม่ดีเสียแล้ว
โจวซื่อกระแอมไอสุดแรง จากนั้นมองเข้าไปในดวงตาที่เป็กังวลของฉือหาง กระแอมไออีกสองครั้ง โดยแสร้งทำเป็อ่อนแอ
“ท่านแม่ ท่านสบายดีไหม” ฉือหางมองโจวซื่ออย่างเป็ห่วง
"ไม่เป็ไร แค่กๆ" โจวซื่อปิดปากด้วยผ้าเช็ดหน้า มองไปที่ฉือหางอย่างอ่อนโยน พร้อมกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า "เ้าสาม ครอบครัวของเรารวมอยู่ด้วยกันไม่ดีหรือ?"
เมื่อเขาป่วยหนัก ใครกันที่ทิ้งเขา?
อันที่จริงฉือหางไม่ได้ตำหนิพวกเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาป่วยเป็อัมพาตอยู่บนเตียง หมอบอกว่าเขาคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน
เพียงแต่โต้ซาละ?
โต้ซายังเด็ก พวกเขาไม่้าแม้แต่จะเลี้ยงดูโต้ซา
ฉือหางเงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
หลินกู๋หยู่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่น นางถูกบังคับให้แต่งงานั้แ่อายุยังน้อย นางไม่เคยบ่นแม้แต่คำเดียว ใน่เวลาที่ผ่านมานางดูแลเขาอย่างดี
“เ้ามองนางทำไม?” โจวซื่ออดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงดุดัน นางเหลือบมองไปทางหลินกู๋หยู่ กลอกตา พูดอย่างมีโทสะ “พวกเราแม่ลูกกำลังคุยกัน เ้าออกไปเถอะ”
หลินกู๋หยู่ชำเลืองมองโจวซื่ออย่างเฉยเมย เผชิญหน้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนของฉือหาง หลินกู๋หยู่จึงอุ้มโต้ซาเดินออกไป
หลินกู๋หยู่นั่งอยู่บนตั่งไม้ในลานบ้าน เฝ้าดูโต้ซาใช้กิ่งไม้วาดเขียนบนพื้น
“ข้าจะสอนเ้าเขียนอักษร” หลินกู๋หยู่หยิบกิ่งไม้ที่อยู่ข้างเท้าขึ้นมา ยิ้มและมองไปที่โต้ซาที่อยู่ข้างๆ
"อืม!" โต้ซาพยักหน้าอย่างจริงจัง
หลินกู๋หยู่พบว่าตัวอักษรส่วนใหญ่ของที่นี่ไม่แตกต่างจากตัวอักษรฮั่นที่นางเรียนมา ดังนั้นนางจึงสอนวิธีการเขียนให้โต้ซาได้
หลังจากสอนตัวหนังสือสองตัวให้โต้ซา โต้ซาก็เรียนรู้พวกมันอย่างรวดเร็ว เขาสามารถเขียนอักขระได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังจดจำมันได้ด้วย เมื่อชี้ที่อักขระนั้นเขาสามารถจำแนกได้
ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้า เมื่อหลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้น เป็โจวซื่อที่ออกมาจากห้องด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ยามที่เดินผ่านหลินกู๋หยู่ก็ได้ยินเสียงก่นด่าเรื่อยเปื่อย
หลินกู๋หยู่ลุกขึ้นมองโจวซื่อที่เดินจากไป นางถอนหายใจอย่างจนปัญญา นางไม่รู้ว่าทำไมคนเช่นนี้ถึงยังมีชีวิตอยู่
“กู๋หยู่” เสียงของฉือหางดังมาจากด้านหลัง
"พี่ฉือหาง" หลินกู๋หยู่ร้องเรียกด้วยเสียงเรียบ เมื่อเห็นใบหน้าของฉือหางแดงก่ำ นางคิดว่าฉือหางไม่สบายจึงเดินไปหาอย่างรวดเร็ว คว้าข้อมือของฉือหางและจับชีพจรของเขา "รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?"
อาการวิตกกังวลของนางแสดงออกอย่างชัดเจน สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญมาก หัวใจที่กระสับกระส่ายของฉือหางก็ค่อยๆ สงบลง
เขาโลภต่อความรู้สึกที่หวงแหนของนาง
"ไม่มีอะไร" ฉือหางดึงมือออกอย่างทำตัวไม่ถูก เขาพูดด้วยเสียงต่ำ "ข้าไม่ได้ตอบตกลงกับท่านแม่"
หลินกู๋หยู่พยุงแขนของฉือหางและมองเขาด้วยความสงสัย
"ไม่ได้ตอบตกลงกับท่านแม่ว่าจะรวมครอบครัวอยู่ด้วยกัน" ฉือหางมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างระมัดระวัง แต่ไม่มีสีหน้าใดบนใบหน้าของนาง เขาพลันรู้สึกเงียบเหงาอย่างอดในใจไม่ได้
"อืม" หลินกู๋หยู่เอ่ยตอบเบาๆ
ถ้าตอบตกลงจริงๆ เ้าก็รอเป็วัวเป็ม้าให้พวกเขาไปตลอดชีวิตได้เลย! อีกอย่างคนในครอบครัวของเ้าที่ทอดทิ้งเ้าไปเ่าั้ เ้าไม่จำเป็ต้องอาลัยอาวรณ์พวกเขา
หลินกู๋หยู่้าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะท้ายที่สุดแล้วคนเ่าั้คือคนในครอบครัวของเขา
ใครจะสามารถละทิ้งคนในครอบครัวอย่างโหดร้ายได้ลงคอ?
“เ้าคิดว่าอย่างไรหรือ?” ฉือหางเอ่ยถามอย่างลังเล
ร่างของหลินกู๋หยู่แข็งเล็กน้อย ก่อนเงยหน้าขึ้นมองฉือหางและถามอย่างสงสัย "เ้าถามข้าทำไมหรือ?"
"ข้า..." ฉือหางจนคำพูด ในความคิดของเขา พวกเขาสองคนเป็สามีภรรยากัน เื่เช่นนี้ควรจะพูดคุยร่วมกัน
ฉือหางตะกุกตะกักเป็เวลานาน แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไร
"เข้าไปพักผ่อนเถอะ" หลินกู๋หยู่กล่าวช้าๆ "ตอนนี้ร่างกายของเ้ากำลังฟื้นตัวดี แต่ก็ยังอ่อนแออยู่ เ้าต้องพักผ่อนให้มากกว่านี้"
หลินกู๋หยู่ช่วยประคองฉือหางไปที่ข้างเตียง เมื่อฉือหางทิ้งตัวนอนลง นางก็ลุกขึ้นและเตรียมไปล้างจาน
แต่ก่อนที่นางจะก้าวไป มือของนางก็ถูกคว้าไว้เสียก่อน
"เกิดอะไรขึ้นหรือ?" หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าวันนี้ฉือหางทำตัวแปลกๆ เขาหน้าแดงแทบตาย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีไข้
"ข้าแค่อยากจะถามว่าเ้าเต็มใจหรือไม่?" เสียงของฉือหางค่อยๆ เบาลง "เ้าเต็มใจที่รวมครอบครัวหรือไม่?"
"มันไม่สำคัญสำหรับข้า" หลินกู๋หยู่สอดมือของฉือหางไว้ใต้ผ้าห่ม และพูดอย่างใจเย็น "ข้าจะจากไปเมื่อเ้าหายป่วย เ้าต้องใช้ชีวิตนี้ด้วยตัวเอง"
ยามนี้เป็ฉือหางที่รู้สึกเสียใจ
เสียใจกับสิ่งที่เขาเคยพูดออกไปในเวลานั้น
มองดูนางเดินไปที่โต๊ะ เก็บชามตะเกียบแล้วก็ออกไป
เมื่อเห็นท่าทีที่เฉยเมยของหลินกู๋หยู่ หัวใจของฉือหางก็ค่อยๆ จมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง
หลังจากที่หลินกู๋หยู่เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว นางก็สามารถพักผ่อนได้ในที่สุด
ตอนนี้เป็เวลาเที่ยงวัน แดดวันนี้แรงมาก หลินกู๋หยู่เดินเข้ามาจากด้านนอกพร้อมกับโต้ซาในอ้อมแขน
นางถือชามน้ำส่งให้ฉือหางและช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นนั่ง "ดื่มน้ำหน่อยเถอะ อากาศร้อนมาก"
ฉือหางรับชามน้ำจากมือของหลินกู๋หยู่ หลังจากดื่มน้ำเขาก็ส่งชามคืน "ข้ารินดื่มน้ำเองได้"
"ถ้าเ้า้าให้ร่างกายของเ้าฟื้นตัวเร็วขึ้น เ้าก็ควรนอนอย่างสบายใจเสีย" หลินกู๋หยู่กล่าว เดินไปที่เตา จากนั้นเติมน้ำสองชาม ยื่นชามหนึ่งให้กับโต้ซาและอีกชามสำหรับตัวเอง
โต้ซานั่งอยู่บนเตียงที่ทำจากกล่องไม้ขนาดใหญ่สองกล่องวางประกบกัน ในดวงตากลมโตของเขาไม่มีความร่าเริงเหมือนแต่ก่อน ดวงตาทั้งสองปรือปิดอย่างช้าๆ แต่กระนั้นก็พยายามที่จะเปิดอีกครั้ง ศีรษะของเขาลดต่ำลงเป็ครั้งคราว
หลินกู๋หยู่ถอดเสื้อผ้าของโต้ซา เปลี่ยนเป็เสื้อผ้าที่โต้ซาใส่ในตอนนอนหลับ
หลินกู๋หยู่ยื่นมือจะปลดสายคาดเอว จู่ๆ นางก็นึกถึงอะไรบางอย่าง หยุดการเคลื่อนไหวในมือก่อน แล้วเดินไปที่ประตูบ้าน
หลินกู๋หยู่เอื้อมมือไปปิดประตู นางปล่อยให้คนอื่นเห็นนางเช่นนี้ไม่ได้
เมื่อฉือหางเห็นการเคลื่อนไหวของหลินกู๋หยู่ ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็สีแดงอย่างไม่อาจควบคุม ริมฝีปากของเขาที่ดูเหมือนจะแห้งเล็กน้อยเม้มเข้าหากัน
หันศีรษะพยายามไม่มอง แต่กระนั้นเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองไปที่หลินกู๋หยู่
เสื้อคลุมด้านนอกค่อยๆ ร่วงลง แผ่นหลังที่เนียนละเอียดก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของฉือหาง
ใบหน้าของฉือหางแดงจัด เขาหลุบตาลง ลอบเม้มริมฝีปากเล็กน้อย และหันศีรษะไปมองข้างๆ
เดิมทีเสื้อด้านในก็เป็เสื้อแขนยาว แต่ด้วยอากาศที่ร้อนมากเช่นนี้ นางสุดจะทนจริงๆ นางจึงนำเอาเสื้อด้านในทำเป็เสื้อสายเดี่ยว เช่นนี้ไม่ร้อนจริงด้วย แม้กระทั่งโต้ซาตอนนี้ก็สวมใส่ชุดนอนแขนกุด ซึ่งเป็เสื้อที่นางทำไว้ให้เช่นกัน
หลินกู๋หยู่ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออกวางด้านข้าง แล้วตรงไปขึ้นเตียง
นางหันไปด้านข้างโต้ซา เอาผ้านวมคลุมทั้งสองคนไว้ เหลือเพียงปลายเท้าคู่หนึ่งเท่านั้นที่ยื่นออกมา
แม้ว่าในฤดูร้อนจะร้อนจัด แต่ภายในบ้านกลับไม่รู้สึกร้อน ดูเหมือนว่าหลังคาของที่นี่จะมุงด้วยฟางหลายชั้นจึงทำให้อบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อน
ง่วงนอนในฤดูใบไม้ผลิ หมดแรงในฤดูใบไม้ร่วง งีบหลับในฤดูร้อน หลินกู๋หยู่นอนลงไม่นานก็ผล็อยหลับไป
ข้างใบหูได้ยินเสียงดัง และดูเหมือนจะมีเสียงเคาะประตูแ่ๆ คลุมเครือ
"กู๋หยู่ กู๋หยู่..."
เป็เสียงผู้ชายที่คุ้นเคยดังมาจากข้างใบหู หลินกู๋หยู่ลืมตาขึ้นด้วยความสะลึมสะลือ และเห็นฉือหางยืนอยู่ตรงหน้านาง
หลินกู๋หยู่จ้องไปที่ฉือหาง สมองไม่ตอบสนองใดๆ นางขยี้ตา แล้วลุกขึ้นนั่ง
กระดูกไหปลาร้าที่เย้ายวน เมื่อมองลงไปต่ำกว่านั้นจะเห็นตุ่มเล็กๆ จางๆ หนึ่งเม็ดบนหน้าอก
หลินกู๋หยู่นั่งอยู่บนขอบเตียง โดยหลับตาเล็กน้อย เสียงด้านนอกดังขึ้นเรื่อยๆ หลินกู๋หยู่คิ้วขมวดแน่นยิ่งขึ้น จากนั้นนางก็ลืมตาขึ้นในทันที
“เปิดประตู เปิดประตูเร็วเข้า!”
เสียงฉุนเฉียวของโจวซื่อดังขึ้นจากข้างนอก
“เ้าสวมเสื้อผ้าเร็วเข้า” ฉือหางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย กลืนน้ำลายลงคออย่างอดไม่ได้ อากาศรอบข้างดูเหมือนจะร้อนขึ้นมาก “ข้าจะได้ไปเปิดประตู”
หลินกู๋หยู่สวมเสื้อคลุมด้านนอกด้วยความลนลาน จากนั้นผูกสายรัดเอว เมื่อเห็นฉือหางเดินไปทางด้านนั้น หลินกู๋หยู่ก็ขมวดคิ้ว "ข้าจะไปดูให้ เ้าอย่าไปเลย"
ฉือหางคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวหันกลับมาที่เตียง
ทันทีที่หลินกู๋หยู่ดึงสลัก ประตูก็ถูกเปิดออกจากการดันสุดแรง
โจวซื่อมองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความฉุนเฉียว ชี้นิ้วมือไปที่ปลายจมูกของนาง "เ้าตายแล้วหรือเป็อะไร ะโเรียกอยู่นาน ทำไมไม่เปิดประตู ทำไมหรือ จะให้ข้าะโให้สุดคอแตกก่อนแล้วค่อยเปิดประตูใช่หรือไม่? เพิ่งแต่งงานเข้ามาไม่นาน ก็ไม่เชื่อฟัง..."
หลินกู๋หยู่มองผู้คนมากมายที่ยืนอยู่ข้างนอก ทั้งชายและหญิง ทั้งผู้เฒ่าและเด็กอย่างงุนงง เกิดอะไรขึ้นหรือ?
ฟางซื่อมองไปที่หลินกู๋หยู่ั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสีหน้าชั่วร้าย ดวงตาสีเข้มของนางกลอกไปมาในดวงตา นางขยับเข้าไปใกล้ใบหูของโจวซื่อกระซิบอะไรบางอย่าง
ดวงตาสีดำขลับของโจวซื่อขยายขนาด ขณะพินิจมองหลินกู๋หยู่ ใบหน้าของนางน่าเกลียดยิ่งขึ้น ก่อนผลักหลินกู๋หยู่ไปด้านหลังโดยไม่ลังเล
หลินกู๋หยู่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ร่างกายของนางก็ล้มลงกับพื้นแล้ว
"แง!"
ไม่รู้ว่าโต้ซาลุกขึ้นจากเตียงั้แ่เมื่อไร เขายืนอยู่ข้างกล่องไม้ ร้องไห้เสียงดัง