Quint hip l femboy
6
/
ผมใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยั้แ่จำความได้มีบ้างที่กลับไปอเมริกาแต่ทว่าก็เป็แค่่ซัมเมอร์สั้น ๆ เพราะผมไม่อยากรบกวนแด๊ดกับครอบครัวใหม่ถึงแม้พวกเขาจะยินดีต้อนรับผมมากแค่ไหนก็เถอะ…
ไม่แน่ใจว่าเคยเล่าไปแล้วหรือยังว่าแม่กับแด๊ดแยกทางกันั้แ่ไคล่าอายุยังไม่ครบหนึ่งขวบดี ส่วนเหตุผมหากจำไม่ผิดคงเป็เพราะแม่ไม่ยอมย้ายไปอยู่อเมริกากับอีกฝ่าย ตอนนั้นสำหรับผมแล้วมันเป็เหตุผมที่งี่เง่าสิ้นดีแต่ทว่าพอโตขึ้นถึงได้รู้ว่าแด๊ดกับแม่ต่างพยายามรักษาความสัมพันธ์เอาไว้อย่างเต็มที่แล้วแต่ทว่าก็ไปกันไม่รอด
ควินท์ : ควินท์ส่งของขวัญวันเกิดไปให้ไคล่าแล้วเด้อแม่
ควินท์ : น่าสิฮอดบ่เกินวันเสาร์
ควินท์ : ฮักแม่กับไคล่าเด้อครับ
ผมกดส่งข้อความไปยังห้องแชทครอบครัวและได้รับสติกเกอร์ตอบกลับมาแทบจะทันที—ปีนี้ผมเดินทางกลับขอนแก่นเพียงสองครั้งเนื่องจากตารางงานที่แน่นขนัดจนแทบไม่มีเวลาว่างเป็ของตัวเอง ชีวิตของผมส่วนใหญ่มักจะอยู่บนรถตู้ของศิลปินมีบ้างบางครั้งที่ได้กลับมานอนกอดคนรักแต่ก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
“แดน กูกลับคอนโดแป๊บนึงนะ”
ดวงตาคมที่กำลังจดจ้องหน้าจอสมาร์ตโฟนเอ่ยบอกเพื่อนสนิทซึ่งควบตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวด้วยใบหน้าที่ร้อนรน—ผมติดต่อหยาไม่ได้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว มันเป็เวลาไม่นานก็จริงแต่สำหรับคนที่ติดมือถืออย่างอีกฝ่ายแล้วการหายไปในระยะเวลาเท่านี้ถือว่าผิดปกติสุด ๆ
“ก็เหี้ยแล้ว มึงลืมรึไงว่าอีกครึ่งชั่วโมงต้องไปสนามบิน”
“หยาไม่ตอบแชทกู โทรไปก็ไม่รับ”
“มันนอนเปล่า เอางี้เดี๋ยวกูไปดูให้เอง”
“ไม่เป็ไร อีกสิบห้านาทีเดียวกลับมา” ว่าจบผมก็คว้ากุญแจล็อคล้อจักรยานที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วรีบเดินตรงไปยังลิฟท์โดยใช้นิ้วกดที่ปุ่มย้ำ ๆ แม้มันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม
และทันทีที่มาถึงชั้นล่างผมก็รีบไขกุญแจก่อนจะคว้าจักรยานแม่บ้านที่คุณซื้อไว้ใช้งานสำหรับเดินทางระยะใกล้มาขึ้นคร่อมก่อนจะออกแรงปั่นอย่างหนักหน่วงเพื่อหวังว่ามันอาจจะนำไปถึงที่หมายได้เร็วขึ้น
“แฮ่ก แฮ่ก” ผมหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าเพราะหลัง ๆ มานี้ผมห่างหายจากการออกกำลังกายเพราะงานที่รัดตัวแต่ยังดีที่ขนาดตัวยังคงเท่าเดิมถึงแม้กล้ามเนื้อที่พยายามปลุกปั้นแทบตายจะหายไปก็เถอะ
“อ้าว คุณควินท์ไหวไหมครับนั่น” ลุงยามที่สนิทสนมกันดีกล่าวทักทายกันด้วยน้ำเสียงห่วงใยก่อนผมจะยิ้มบาง ๆ เป็การตอบกลับแล้วยัดแฮนด์จักรยานใส่มือแกและไม่ลืมที่จะเอ่ยฝากฝังมันเอาไว้
“ฝากหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมมา”
“อ...เอ่อ ครับ! ได้เลยครับ!”
นี่คงเป็ข้อดีที่ห้องพักของเราทั้งคู่ไม่ได้อยู่สูงมากฉะนั้นผมจึงใช้เวลาอยู่ภายในลิฟท์ไม่ถึงห้านาทีก่อนจะสาวเท้ายาว ๆ ไปยังห้องที่อยู่ด้านในสุดด้วยความรู้สึกร้อนรน—ผมแนบคีย์การ์ดเข้ากับเครื่องแสกนและเมื่อระบบปลดล็อคทำงานผมก็ผลักประตูให้เปิดออกกว้างในทันที
“เธอ...หยาครับ” สิ่งแรกที่ทำเมื่อมาถึงคือการเดินเช็กไปทั่วห้องพร้อมกับเอ่ยเรียกชื่อคนรักแต่ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงความเงียบงันซึ่งผมไม่ชินกับมันเอาเสียเลย
ห้องนั่งเล่นไม่มี
ห้องทำงานไม่มี
ห้องนอนก็ไม่มี
งั้นห้องน้ำ?
ไม่รอช้าผมรีบคว้านหากุญแจสำรองก่อนจะไขกลอนประตูห้องน้ำในทันที สภาพที่ผมเห็นในตอนนี้คือคุณนอนหลับในอ่างอาบน้ำโดยมีไอแพดฉายซีรีย์อยู่เบื้องหน้าจึงไม่แปลกใจว่าทำไมผมเรียกตั้งนานคุณถึงไม่ขานรับกันเสียที
ทั้งโมโห ทั้งโล่งใจความรู้สึกมันผสมปนเปกันไปหมดแค่คิดภาพว่าหากคุณเป็อะไรขึ้นมาใจผมก็เจ็บแปลบอย่างห้ามไม่อยู่
“เธอครับ”
“...”
“ปั้นหยา” คุณงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยเนื้อตัวขาวซีด ปลายนิ้วที่เคยเรียบเนียนบัดนี้เหี่ยวย่นเพราะการแช่น้ำเป็เวลานาน—คอยดูนะถ้าป่วยขึ้นมาผมจะดุซ้ำให้
“อื้อ เธอ ไหนไปทำงานคะ”
“ควินท์เห็นเธอไม่รับโทรศัพท์เลยเป็ห่วงกลัวว่าจะเป็อะไร” ผมเอ่ยพร้อมกับหยิบชุดคลุมอาบน้ำให้แม่ตัวดีที่บัดนี้เริ่มปากสั่นเพราะความหนาวเหน็บ
“ฮื่อออ ขอโทษค่ะเค้าเผลอหลับ”
“คราวหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะคะ เกิดเธอหลับเพลินแล้วสำลักน้ำขึ้นมาจะทำยังไง” คนที่ยิ้มแหย ๆ เมื่อครู่รีบวาดแขนกอดเอวสอบของผมอย่างเอาใจ แต่นั่นแหละต่อให้โกรธแค่ไหนพอเจอลูกอ้อนแบบนี้เข้าไปผมก็ Knock out อยู่ดี
“เค้าขอโทษ คราวหลังจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วค่ะ”
“...”
“เค้าเมื่อยตัวนิดหน่อย เลยหลับเพลิน”
“ป่วยรึเปล่า” ผมเอ่ยถามพร้อมกับอังหลังมือลงบนหน้าผากเนียนก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรับรู้ถึงอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ...ผมกังวลจนเผลอแสดงออกทางสีหน้า จะว่าไงดีคุณมีภูมิคุ้มกันค่อนข้างสูงแต่ถ้าวันไหนเกิดล้มป่วยขึ้นมาแน่นอนว่ามันหนักถึงขั้นอาจจะต้องนอนโรงพยาบาลเลยก็ได้
“เค้าไม่รู้ค่ะ แต่ปวดหัวนิดหน่อยคงเป็เพราะดูซีรีส์ยันเช้าแน่ ๆ”
“ทำไมไม่ดูแลตัวเองเลยวะ” ผมเอ่ยออกไปอย่างนึกหงุดหงิดและยิ่งหัวเสียกว่าเดิมเมื่อคิดขึ้นได้ว่าวันนี้ตัวเองนั้นต้องบินไปต่างจังหวัดเพื่อขึ้นแสดง
“เธอจะดุเค้าทำไม”
“แล้วมันน่าดุไหมหยา”
“เค้าไม่เป็อะไรมากหรอก นอนพักเดี๋ยวก็หายเธอไปทำงานของตัวเองเถอะ” คุณตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะเดินหนีเข้าห้องนอนไป...ผมรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังงอนหนักมาก แต่บอกไว้ก่อนว่าผมไม่ง้อ—
“ควินท์ขอโทษค่ะ ควินท์ไม่ได้ตั้งใจใส่อารมณ์กับเธอเลยนะ”
“....”
“ควินท์แค่เป็ห่วง”
เออ เอาดิ สภาพของคนที่บอกว่าจะไม่ง้อ
Rrrrrr
ยังไม่ทันที่จะพูดคุยกันรู้เื่สมาร์ตโฟนในกระเป๋าก็เปล่งเสียงร้องขึ้น ผมถอนหายใจก่อนจะกดรับและแน่นอนว่าเป็ใครไปไม่ได้นอกเสียจากผู้จัดการที่เร่งเร้าให้กลับมาเตรียมตัวเพื่อไปสนามบิน...
“เค้าไม่ได้เป็อะไร เธอไปเถอะ”
“แต่เธอบอกควินท์ว่าปวดหัว”
“กินยาเดี๋ยวก็หาย”
“...”
“ขอให้งานวันนี้ราบรื่นนะคะ เค้าเอาใจช่วย” ถึงแม้จะยังมีอาการน้อยใจอยู่นิดหน่อยแต่คุณก็ไม่วายทำตัวน่ารักใส่ด้วยการกล่าวอวยพรพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ ซึ่งบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าเต็มทน
“ขอบคุณครับ ควินท์จะฝากมือถือไว้กับแดนถ้ามีอะไรเธอโทรมาได้ตลอดเลยนะ”
“อื้อ เค้ารู้แล้ว”
“รักเธอนะ”
ผมกดจูบลงผมหน้าผากสวยก่อนจะรีบก้าวเท้าออกจากห้องซึ่งในระหว่างนั้นก็ส่งข้อความหา ‘เจี๋ย’ เพื่อนสนิทของคนรักเพื่อไหว้วานให้อีกฝ่ายมาอยู่เป็เพื่อนชั่วครั้งชั่วคราวในระหว่างที่ผมต้องไปทำงาน...
ควินท์ : เจี๋ยครับ ควินท์เองนะ
ควินท์ : พอดีหยาป่วยอะครับ ควินท์รบกวนเจี๋ยมาอยู่เป็เพื่อนหยาหน่อยได้ไหม
เจี๋ย : ได้ ๆ เดี๋ยวเราเข้าไปดูมันให้
ควินท์ : ขอบคุณครับ ควินท์ฝากคีย์การ์ดไว้กับประชาสัมพันธ์นะ
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จเป็ที่เรียบร้อยผมก็รีบปั่นจักรยานกลับค่ายในทันที ซึ่งระหว่างนั้นผู้จัดการอย่างไอ้แดนก็โทรมาสายแทบไหม้แต่กระนั้นผมก็เลือกที่จะเมินเฉยเพราะหากต้องจอดรถเพื่อรับสายแน่นอนว่ามันคงเสียเวลาเพิ่มอีกมากโข
“ไปขึ้นรถ กูเตรียมของเสร็จหมดแล้ว” ทันทีที่มาถึงใบหน้าเพื่อนสนิทก็หงิกงอบ่งบอกถึงความไม่พอใจ ทว่าผมก็เลยที่จะปล่อยเบลอแล้วตรงดิ่งไปยังรถตู้ของศิลปินเพื่อเตรียมเดินทางไปสนามบินซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก
“ไหนว่าจะไปแค่แป๊บเดียว”
“กูรีบสุดแล้วเหอะ...แล้วนี่กูขึ้นเวทีกี่โมงนะ”
“กูบอกไปเป็สิบรอบไม่รู้จักจำ สามทุ่มครึ่งทำไมวะ?”
“จะรบกวนมึงจองเที่ยวบินขากลับไฟท์ที่เร็วที่สุดให้กูหน่อย หยาป่วยกูเป็ห่วงว่ะ” รู้แหละว่าการบินไปกลับในวันเดียวนั้นมันเหนื่อยแค่ไหนสำหรับคนที่พักผ่อนน้อยมาตลอดหนึ่งสัปดาห์แต่จะให้ทำยังไงได้ก็คนมันเป็ห่วงนี่
“ก็เหี้ยแล้วตอนเช้าค่อยไป มึงพักผ่อนก่อนมันอันตราย”
“จองให้ด้วย”
“มึงฟังกูบ้างไหมเนี่ย”
ผมหยิบหูฟังแบบสายขึ้นมาสวมใส่ก่อนจะเปิดเพลงในเพลย์ลิสต์โปรดดัง ๆ เพราะรำคาญเสียงแมลงหวี่แมลงวันที่บินตอมอยู่ใกล้ ๆ หู คนโสดอย่างมึงจะเข้าใจอะไร เหอะ
/
ทีมงานและเหล่าศิลปินที่มีรายชื่อขึ้นโชว์พากันเดินทางมาถึงห้องพักในเวลาหกโมงเย็นซึ่งเหลือเวลาเตรียมตัวก่อนขึ้นโชว์เพียงไม่กี่ชั่วโมงนับจากนี้—ผมหยิบเสื้อโอเวอร์ไซส์สีชมพูกับกางเกงลูกฟูกสีเขียววางพาดเอาไว้หน้าตู้เสื้อผ้าโดยที่การกระทำเ่าั้ล้วนตกอยู่ในสายตาของไอ้แดนซึ่งกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่นอกระเบียงมาพักใหญ่ ๆ แล้ว
“จะใส่แค่นี้เหรอวะ”
“เดี๋ยวใส่บักเก็ตกับแว่นตาเป็พร็อบ”
“แล้วนี่เลือกยังว่าจะร้องเพลงไรบ้าง”
“เลือกแล้ว—แต่มีเพลงนอกค่ายเพลงนึง” มันขมวดคิ้วมุ่นเพราะลำพังเพลงของผมทั้งอัลบั้มก็เพียงพอต่อหนึ่งคอนเสิร์ตฉะนั้นแล้วจึงน้อยครั้งมากที่ผมจะหยิบยืมเพลงคนอื่นมาร้องหากไม่จำเป็จริง ๆ
“เพลงไรวะ”
“เดี๋ยวก็รู้”
“ความลับเยอะนักนะมึง”
“แน่นอน กูขอพักสายตาแป๊บนึงใกล้ถึงเวลาแล้วฝากปลุกด้วย”
“เออ”
ผมเช็ดอินเอียร์ที่สวมใส่อยู่ข้างหูเป็ครั้งสุดท้ายก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไปอยู่กลางเวทีซึ่งเบื้องหน้านี้มีเหล่าผู้ชมที่ต่างพากันยืนบดเบียดและส่งเสียงร้องเชียร์ดังกระฮึ่มไปทั่วลานกว้าง แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมขึ้นแสดงในฐานะศิลปินแต่เชื่อเถอะว่าต่อให้ครั้งนี้จะเป็ครั้งที่ร้อยผมก็ยังคงเขินอายและประหม่ากับมันอยู่ดี...
ทันทีที่ดนตรีขึ้นผมก็เริ่มโยกย้ายตามจังหวะเพลงและไม่ลืมที่จะเอ่ยทักทายคนดูอย่างเป็กันเอง—ผมหันไปกำชับกับนักดนตรีด้านหลังให้ช่วยลดเสียงบีทลงหน่อยก่อนจะเริ่มขยับปากร้องเพลงโดยมีเหล่าแฟนเพลงขยับปากร้องคลอไปด้วยอย่างน่าเอ็นดู
ผมวิ่งวนไปทั่วทั้งเวทีด้วยเอเนอจี้ที่ล้นหลาม ยิ่งแสงสีบวกกับเอฟเฟคที่แสนเวอร์วังชวนให้ผมเมามายทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เลยสักนิด
พรึ่บ
ด้วยความที่เวทีและขอบกั้นอยู่ห่างกันแค่เพียงเอื้อมมือ (ผู้จัดให้เหตุผลว่าไม่อยากแบ่งแยกศิลปินกับแฟนเพลง) เกาะอกลูกไม้สีดำของใครสักคนก็ถูกปาใส่หน้าอกของผมก่อนที่มันจะค่อย ๆ กลิ้งลงตามแรงโน้มถ่วงมาตกอยู่ที่ปลายเท้า
แม้ลึก ๆ ผมจะไม่พอใจเพราะกฎมันชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ควรปาอะไรก็ตามขึ้นมาบนเวทีแต่เพราะการเป็บุคคลสาธารณะอีกนั่นแหละผมเลยต้องเก็บอารมณ์แล้วยิ้มกว้างจากนั้นก็ค่อย ๆ โน้มตัวหยิบเกาะอกลูกไม้ขึ้นมายัดใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองเอาไว้...
ผมกวาดสายตาที่หยาแซวบ่อย ๆ ว่าโคตรเ้าชู้ไปทั่วทั้งหน้าเวทีก่อนจะเหยียดยิ้มแล้วเอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่ด้วยน้ำเสียงติดแหบอันเป็เอกลักษณ์
“ขอบคุณสำหรับของฝากนะครับ”
“วู้ววววว”
“แต่คราวหลังถ้าไม่ใส่หรือซื้อมาแล้วไม่ถูกใจเอาไปบริจาคนะครับเพราะให้ผม ผมก็คงไม่ได้ใช้ฉะนั้นแล้วมอบให้คนที่เขาขาดแคลนจริง ๆ น่าจะดีกว่า” ผมเอ่ยห้ามปรามอย่างสุภาพและเลือกที่จะรักษาหน้าคนที่โยนขึ้นมาให้อย่างถึงที่สุดแม้ลึก ๆ จะรู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำมันน่าด่าแค่ไหนก็ตาม
ไม่ใช่แค่เกาะอกหรือชั้นใน ขวดน้ำพลาสติกหรือแม้กระทั่งของขวัญก็ไม่ควรโยนมันขึ้นมาเช่นกัน
“และเพลงสุดท้ายในค่ำคืนนี้ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ...”
“...”
“รักเมียที่สุดในโลก”
ฉันมักจะถามเธอเป็ประจำว่าเธอนะรักฉันไหมและหากว่าเธอน่ะบอกว่ารักแล้วเธอน่ะรักแค่ไหน…รักเท่าฟ้าหรือมหาสมุทร รักเท่าผืนดินหรือผืนน้ำรักฉันที่สุด
You my number one lady จะไม่มีใครที่มาแทนที่เธอและไม่ว่านานแค่ไหนฉันจะรักเธอตลอดไป
ให้บอกว่ารักเท่าจักรวาลมันก็ยังไม่พอก็อยากได้ยินเธอพูดซ้ำ like I never heard that before ก็อยากได้ยินมันทุกวัน อยากได้ยินเพียงเธอบอกรักฉัน
ได้ไหมเธอ?
illslick–รักเมียที่สุดในโลก
/
ทันทีที่ถึงห้องพักผมก็รีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมเดินทางไปสนามบินแต่ทว่าผู้จัดการอย่างไอ้แดนดันมาขวางเอาไว้เสียก่อน–ผมเบี่ยงตัวไปทางซ้ายไอ้ห่าก็ขยับตาม พอผมเริ่มเบี่ยงตัวไปทางขวาบ้างไอ้เวรนี่ก็ยังคงขยับตามมาอีกเช่นเคย
“มึงต่อยกับกูไหม”
“แหม ใจเย็นกับเพื่อนหน่อยได้ไหมล่ะ”
“...”
“มึงอ่านแชตหยายัง”
“ยัง ทำไม?”
“ไปอ่านดิ” ผมร้อนรนหยิบสมาร์ตโฟนออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดเข้าไปในห้องแชตที่ปักหมุดเอาไว้บนสุดและไม่ลืมที่จะไล่สายตาอ่านทุก ๆ ตัวอักษรอย่างตั้งใจ
ปั้นหยา : แดนถ่ายคลิปเธอส่งมาให้เค้าดูแล้วนะ วันนี้เท่มากเลย
ปั้นหยา : ส่วนเื่ตั๋วเครื่องบินเค้าให้แดนยกเลิกเอง อย่าดุเพื่อนล่ะ พรุ่งนี้ตอนบ่ายก็ได้เจอกันแล้วอีกอย่างเค้าไม่ได้เป็อะไรมากสักหน่อย อย่าห่วงเลยนะคะ
“เหี้ยแดน”
“อะไร หยามันก็บอกอยู่ว่าห้ามดุกู”
“ส้นตีน แอบอ่านแชตกูอีกนะมึง” ผมชูนิ้วกลางใส่หน้ามันก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับคนรักด้วยท่าทีเหงาหงอยจนไอ้แดนหลุดขำ
ไม่ได้กอดตั้งคืนนึงจะไม่คิดถึงกันเลยดิ
:- (
ควินท์ : ขัดเธอได้ไหม เป็ห่วงจะแย่
ควินท์ : คิดถึงด้วยครับ
ปั้นหยา : ถ้าเธอมาเค้าจะงอน อันนี้พูดจริงนะไม่ได้ขู่ด้วย
ควินท์ : ไม่ไปก็ได้
ควินท์ : แล้วทำไมยังไม่นอนครับ
ปั้นหยา : เค้านอนไม่หลับ
ควินท์ : ไม่มีคนกอดอะดิ ให้ควินท์กลับไปหาเปล่า
ปั้นหยา : ควินท์
ควินท์ : โอเคครับ ไม่กลับก็ไม่กลับ
ผมงอแงกับคุณอยู่พักใหญ่ก่อนจะถูกไล่ให้ไปพักผ่อนแน่นอนว่าผมปฏิบัติตามราวกับหมาตัวหนึ่ง คุณเรียกผมก็วิ่งเข้าหา คุณขอมือผมก็ยื่นให้อย่างไม่อิดออด...เฮ้อ วาสนาไอ้ควินท์มัน
“ควินท์”
“?”
“มึงเห็นข่าวนี่ยัง”
ผมรับไอแพดจากเพื่อนสนิทมาถือเอาไว้ก่อนจะไล่สายตาอ่านหัวข้อข่าวที่ชวนผมหัวร้อนเสียจนหลุดพ่นคำหยาบออกมาในที่สุด
Happy News
ฉาว! งานเทศกาลดนตรีประจำปีแร็ปเปอร์หนุ่มชื่อดังล้วงอกแฟนคลับกลางคอนเสิร์ต ชาวเน็ตเม้าของเทียมหรือจะสู้ของแท้...อ่านต่อ
“มึงฟ้องสำนักข่าวเหี้ยนี่ให้กูหน่อย”
“สักทีนะมึง—”
“ฟ้องที่มันิ่ประมาทหยานะ เอาให้หนักลากตัวคนเขียนมากราบเมียกูได้ยิ่งดี”
“แล้วที่มันด่ามึงล่ะ?”
“ช่างมัน กูไม่เจ็บ”
อย่าลืมไปฟัง U Sick Achoo – TangBadVoice นะคะ :-)
/
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้