หลัวเลี่ยตั้งตัวไม่ทันจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้
คงไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่หมดลมหายใจไปแล้วโดยไม่ทราบว่าเสียชีวิตไปนานเท่าไรจะยังคงรักษาพลังในการโจมตีเอาไว้ได้ และเริ่มโจมตีทันทีหลังจากที่รับรู้ถึงลมหายใจจากสิ่งมีชีวิต
แม้ว่าหลัวเลี่ยจะได้ฝึกฝนสัญชาตญาณในการต่อสู้ของเขามาแล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่าในตอนแรกการตอบสนองของร่างกายเขาถูกบางสิ่งควบคุมไว้อยู่ ในขณะที่ความตายกำลังจะมาเยือน หลัวเลี่ยกลับไม่มีพลังต่อต้านเลย
แต่โชคดีที่เขาได้ฝึกฝนสัญชาตญาณในการต่อสู้ของเขามาแล้วหลายครั้ง มันจึงทำให้เขานำสมบัติที่ทรงพลังออกมาโดยไม่รู้ตัว
ลูกแก้วใสอันลึกลับ!
ประวัติความเป็มาของสิ่งสิ่งนี้คืออะไร มันมีความลึกลับแบบใด หลัวเลี่ยก็ไม่รู้เลย
แต่เขาเข้าใจอย่างหนึ่ง นั่นคือลูกแก้วลึกลับนี้สามารถช่วยให้เขามีโอกาสรอดชีวิตไปได้
และที่เขาไม่หลีกหนีเพราะเขาหนีไม่ได้
ดังนั้นหลัวเลี่ยจึงหยิบลูกแก้วใสออกมาและถ่ายเทพลังทั้งหมดในร่างกายของเขาลงไปที่ลูกแก้วใสอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคิดแล้วว่าการทำเช่นนี้จะช่วยได้หรือไม่ เพราะสิ่งนี้คือทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้
ทันทีที่ชายวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ัในพระราชวังลืมตาขึ้น ซากกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนที่กองอยู่ตรงหน้าของเขาก็สลายกลายเป็เถ้าถ่าน แม้แต่อาวุธและสมบัติที่เสียหายจำนวนนับไม่ถ้วนก็สลายกลายเถ้าถ่านโดยไม่เหลือสิ่งใดตกค้างเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้นสิ่งปลูกสร้างทั้งพระราชวังก็เริ่มสลาย
แม้แต่ร่างของชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ัก็เริ่มสลายราวกับหิมะที่กำลังละลาย
หลงเหลือเพียงภาพสายตาที่จ้องมองมา
นี่เป็การบ่งบอกเพิ่มเติมว่าชายวัยกลางคนที่ตายไปแล้วโดยไม่รู้ว่านานเท่าไรนั้นหลงเหลือพลังเฮือกสุดท้ายนี้ไว้อาจเพื่อปกป้องตัวเองหรือเพื่อแผนการอื่น แต่อย่างไรก็ตามหลัวเลี่ยก็รู้สึกถึงการเตือนที่แสนเศร้า
เพราะเมื่อชายคนนั้นลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เขามองเห็นก็มีเพียงการสูญสลายของทุกสิ่ง
หลัวเลี่ยถ่ายเทพลังของตนเข้าไปในลูกแก้วใสอย่างบ้าคลั่ง แต่ลูกแก้วใสนี้ก็โดนโจมตีด้วยสายตาของชายวัยกลางคนนั้นเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ลูกแก้วใสก็เคยช่วยชีวิตหลัวเลี่ยเอาไว้แล้ว
แต่เพราะประวัติของมันยังคงลึกลับ ไม่แน่ว่ามันอาจมีพลังชั่วร้ายซ่อนอยู่
หลังจากที่ลูกแก้วใสได้ปะทะเข้ากับการจ้องมองนั้น มันก็สั่นสองครั้งและส่งพลังออกมา
ชิ้ง!
กลายเป็พลังทั้งสองที่ทรงพลังกำลังปะทะกัน
"วิ่ง!"
หลัวเลี่ยวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เขาถอยกลับและใช้วิชาปีก์เลี่ยหยางเพื่อหลบหนีในทันที
บูม!
เมื่อพลังทั้งสองปะทะกันก็ส่งผลให้เกิดพายุที่ทำลายล้างทุกสิ่งทั่วทั้งบริเวณนี้ทันที และแน่นอนว่ามันทำลายทางเดินที่หลัวเลี่ยเดินเข้ามาในตอนแรกด้วยเช่นกัน
เปรี๊ยะ!
สุดท้ายลูกแก้วใสก็ร้าวและแตกออก
กระแสน้ำที่อยู่ภายในลูกแก้วใสไหลทะลักออกมาในทันที กระแสน้ำตรงมาที่ร่างของหลัวเลี่ยและห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้ราวกับว่ากำลังปกป้องเขาอยู่
แต่พลังจากสายตาของชายวัยกลางคนคนนั้นก็ยังคงส่งออกมาอย่างน่ากลัว
ใน่เวลาระหว่างความเป็ความตาย หลัวเลี่ยก็ใกล้จะสติแตกแล้วเช่นกัน
เขายังไม่อยากตาย!
เขาต้องต่อต้าน!
ตอนนี้หลัวเลี่ยไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว นอกจากจะใช้วิชายุทธ์ที่เขาไม่เคยใช้มาก่อนโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา
ดัชนี... พลิก... ฟ้า!
วิชายุทธ์นี้เป็วิชายุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดของบรรพชนกวงเฉิงจื่อ แม้ว่าหลัวเลี่ยจะเรียนรู้มันสำเร็จแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยใช้มันมาก่อน เพราะวิชายุทธ์นี้เผาผลาญพลังภายในเป็จำนวนมาก คนที่จะสามารถใช้วิชายุทธ์นี้ได้และสามารถแสดงพลังของวิชานี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบอาจจะต้องมีพลังวรยุทธ์อยู่ในระดับแก่น์ขึ้นไป
แต่ตอนนี้หลัวเลี่ยมีพลังวรยุทธ์อยู่ในขั้นต้นของระดับหยินหยางเท่านั้น พลังของเขายังห่างไกลจากขั้นกลางและขั้นปลายของระดับแก่น์อยู่มาก
แต่หลัวเลี่ยมีทุนเดิม
ทุนเดิมของเขาคือเขามีพลังในเคล็ดวิชาสรรพฟ้าดินสองด้าน ซึ่งเมื่อพลังทั้งสองด้านรวมกันแล้วมันก็ทำให้เขามีพลังภายในเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมแปดถึงเก้าเท่า ซึ่งทำให้พลังวรยุทธ์ของเขาเทียบเท่ากับระดับแก่น์ได้
ดังนั้น ท่ามกลางเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งของหลัวเลี่ย เขาก็ใช้นิ้วชี้ข้างขวาของเขาชี้ไปที่สายตาของชายวัยกลางคนคนนั้น
บูม!
ท้องฟ้าะเิแผ่นดินะเื
หลัวเลี่ยรู้สึกราวกับว่านิ้วชี้ข้างขวาของเขากำลังหักไปทีละท่อน และทันใดนั้นร่างของเขาก็ปลิวออกมาทันที หลังจากนั้นกระแสน้ำที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาก็แตกออกและสลายไป
หลังจากนั้น หลัวเลี่ยก็ไม่รับรู้เื่ราวอะไรอีกแล้ว
สถานที่ลึกลับแห่งนี้ช่างซับซ้อนยิ่งนัก
หลัวเลี่ยยังคงรู้สึกมึนงงอยู่ราวกับว่าเขาได้ตายไปแล้ว และตอนนี้ก็เพิ่งฟื้นขึ้นมาหลังจากกลายเป็เ้าชายนิทรา
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน หลัวเลี่ยค่อยๆ ฟื้นคืนสติและระลึกความทรงจำของเขา จากนั้นก็มีความเ็ปที่ไม่สามารถบรรยายได้เสียดแทงเข้ามาที่หัวใจของเขา เขาพยายามอย่างมากที่จะยกแขนขึ้น แต่ก็พบว่าเขาไม่สามารถยกแขนขึ้นมาได้เลย หลัวเลี่ยทำได้เพียงกัดฟันและอดทน เขาค่อยๆ ยกแขนขึ้นและเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าเฉียนคุณ
แต่แล้วหลัวเลี่ยก็พบว่ากระเป๋าเฉียนคุณหายไป
แขนข้างที่ยกขึ้นของเขาอ่อนแรงและตกลงมาทันที เขาหายใจอย่างเหนื่อยล้า หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เริ่มมีแรงขึ้นและหันมองไปทางซ้ายและขวา
หลัวเลี่ยพบว่ากระเป๋าเฉียนคุณของเขาตกอยู่ทางด้านซ้ายซึ่งห่างจากเขาไปหนึ่งจั้ง
หากเป็แต่ก่อนแล้วสำหรับหลัวเลี่ยระยะทางหนึ่งจั้งนั้นใกล้มาก แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่ามันไกลมาก
หลัวเลี่ยกัดฟันอดทนต่อความเ็ป เขาค่อยๆ ฝืนขยับกายไปยังจุดที่กระเป๋าเฉียนคุณตกอยู่
หลัวเลี่ยรู้สึกได้ว่าเขากำลังจะสูญเสียชีวิตนี้ไป หากความตั้งใจของเขาไม่แข็งแกร่งพอ เขาอาจจะไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้อีกแล้ว เขาต้องช่วยตัวเองให้ได้ แม้ว่าจะเป็การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยที่เ็ปมากแต่เขาก็ต้องอดทน
หลัวเลี่ยใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยามในการเคลื่อนกายไปหากระเป๋าเฉียนคุณที่อยู่ห่างจากเขาเพียงหนึ่งจั้ง ใน่เวลาครึ่งชั่วยามนี้เขาหมดสติไปถึงสองครั้งด้วยความเ็ปและบริเวณที่เขาเคลื่อนกายอย่างกระเสือกกระสนนั้นก็เต็มไปด้วยรอยเื
เมื่อหลัวเลี่ยมาถึงบริเวณที่กระเป๋าเฉียนคุณตกอยู่แล้ว เขาก็ล้วงมือเข้าไปภายในกระเป๋าเพื่อคว้าไม้ไผ่ที่ถูกผนึกด้วยวิชาช่วยชีวิตซึ่งเป็สิ่งที่แพนด้าน้อยปั้นทิ้งไว้ออกมา เขารู้ว่าเขาจะไม่ตายอย่างแน่นอน
แพนด้าน้อยปั้นทิ้งสิ่งของที่ถูกผนึกด้วยเวทมนต์เอาไว้มากมาย และสิ่งของที่สามารถช่วยชีวิตได้ก็คือไม้ไผ่จำนวนหนึ่ง ไม้ไผ่แต่ละท่อนล้วนมีเวทมนต์นับไม่ถ้วนที่แพนด้าน้อยปั้นใช้เวลาผนึกลงไปมากกว่าสิบวัน
หลัวเลี่ยหยิบไม้ไผ่ออกมาอันหนึ่ง เขาอยากจะหักมัน แต่ก็ไม่มีแรง เมื่อเป็เช่นนี้เขาจึงเปลี่ยนเป็นำด้านหนึ่งของไม้ไผ่นั้นมาคาบไว้ในปากส่วนอีกด้านก็ใช้มือออกแรงหัก ในขณะที่เขากำลังพยายามจะหักไม้ไผ่ เขาก็สลบไปอีกหลายครั้งจากความเ็ปและความเหนื่อยล้า จนในที่สุดไม้ไผ่ก็หักออกจากกันจนได้
พรึ่บ!
สิ่งที่ผนึกอยู่ภายในไม้ไผ่คือวิชาช่วยชีวิตอันเป็เอกลักษณ์ของแพนด้าน้อยปั้น
หลังจากที่ไม้ไผ่หักออกจากกันลำแสงที่สว่างไสวก็ไหลออกมาจากไม้ไผ่นั้นตรงเข้าสู่ร่างกายของหลัวเลี่ย ทำให้าแที่อยู่บนร่างกายของเขาฟื้นฟูขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกสบายตัวทำให้หลัวเลี่ยซึ่งพยายามจนถึงขีดจำกัดสูงสุดหลับไปอีกครั้ง
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ร่างกายของเขาก็ไม่เ็ปอีกต่อไป แต่เขาก็ยังคงอ่อนแรงมาก
หลังจากที่เขานำสิ่งปิดผนึกอีกสองชิ้นออกมาและใช้มัน พลังของเขาก็ฟื้นตัวกลับมาอย่างสมบูรณ์แล้ว
หลัวเลี่ยยืนขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึกราวกับว่าได้เกิดใหม่
เขารู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายที่ไม่ธรรมดาของเขา เขาก็คงตายไปนานแล้ว และไม่มีทางที่จะรอดชีวิตมาได้
หลัวเลี่ยหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาจากด้านในของกระเป๋าเฉียนคุณแล้วสวมใส่มันลงบนร่างของตัวเอง เพราะชุดก่อนหน้านี้ของเขากลายเป็เถ้าถ่านไปตั้งนานแล้ว หลังจากที่สวมชุดใหม่เสร็จ หลัวเลี่ยก็หยิบกระเป๋าเฉียนคุณมาห้อยไว้ที่สายคาดเอวของเขา จากนั้นเขาก็มองไปรอบกาย
สิ่งของที่อยู่รอบกายของเขานั้นกระจัดกระจายไปทั่ว
พระราชวัง ซากโครงกระดูก และอาวุธหักๆ ที่หลัวเลี่ยเห็นก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว ตอนนี้ในความทรงจำของเขามีเพียงเศษเถ้าถ่านที่ปลิวว่อนเท่านั้น
พื้นหินที่เขายืนอยู่นั้นสกปรกมาก
“ไม่มีอะไรเลยหรือ เช่นนั้นไม่ใช่ว่าข้าจะขาดทุนไปหน่อยหรือไร”
“มันต้องมีเหตุผลที่ไก้อู๋ซวง้าจะมาที่นี่อย่างแน่นอน ไม่มีทางที่ที่นี่จะไม่มีอะไรอยู่เลย”
เขาจะพอใจได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงเริ่มยกก้อนหินเหล่านี้ขึ้นเพื่อค้นหา
ด้วยพลังในระดับหยินหยางอันแข็งแกร่งของเขา เมื่อเขาออกแรงเตะเพียงหนึ่งครั้งก็เป็ผลทำให้หินมากมายลอยออกไป
หลัวเลี่ยเดินค้นหาในทุกที่ด้วยวิธีนี้ จนสุดท้ายเขาก็มาหยุดอยู่ในบริเวณที่บัลลังก์ัของชายวัยกลางคนเคยตั้งไว้ หลังจากนั้นเขาก็พบของสิ่งหนึ่งที่บริเวณนี้ และเป็ของเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เขาพบ ไม่มีของสิ่งอื่นใดอีก
หลัวเลี่ยหยิบมันขึ้นมา
มันเป็ของเล็กๆ มีรูปร่างคล้ายระฆังที่ดูแปลกตา หากมันสามารถรอดพ้นจากพลังทำลายล้างก่อนหน้านี้ได้ก็แสดงว่ามันต้องเป็สมบัติวิเศษที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะในซากโครงกระดูกที่มีกระเป๋าเฉียนคุณติดอยู่นั้นต่างโดยทำลายล้างจนสลายกลายเป็เถ้าถ่านไปหมดแล้ว
มีเพียงระฆังใบเล็กนี้เท่านั้นที่ยังอยู่รอดปลอดภัย
หลัวเลี่ยมองไปที่ระฆังใบเล็ก บนระฆังใบนั้นมีลวดลายดอกไม้ นก แมลง ปลา ูเา แม่น้ำ และก้อนเมฆอยู่ ซึ่งลวดลายเ่าั้ก็คล้ายจะเป็ทุกสิ่งที่มีอยู่บนโลกนี้
“ระฆัง?”
ในขณะที่หลัวเลี่ยกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น เขาก็รู้สึกถึงแรงสั่นะเืในกระเป๋าเฉียนคุณ เขาหยิบกระเป๋าเฉียนคุณออกมาและเห็นว่าสิ่งที่กำลังสั่นะเือยู่คือค้อนขนาดเล็กซึ่งเป็สมบัติชิ้นหนึ่งในสามชิ้นที่เขาเอามาจากไก้อู๋ซวง
ทันทีที่ค้อนขนาดเล็กปรากฏขึ้น ระฆังใบเล็กนี้ก็ดูเหมือนจะมีการตอบสนองถึงค้อน สิ่งของทั้งสองอย่างมีแรงดึงดูดบางเบาดึงพวกมันเข้าหากัน
ทันทีที่หลัวเลี่ยแตะค้อนขนาดเล็กเข้ากับระฆังใบเล็ก สิ่งของทั้งสองก็เปล่งแสงประกายเจิดจ้าในทันที
หลังจากนั้นลวดลายบนระฆังใบเล็กก็เคลื่อนไหวจนกลายเป็คำคำหนึ่ง
ระฆังจักรพรรดิประจิม