เกาฟางถือถาดน้ำชาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูเรือนหยางจี๋ ขณะที่มืออีกข้างกำลังเอื้อมไปผลักเปิดประตู ทว่านางกลับชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานดังแว่วมาจากด้านในหลายเสียงและตามมาด้วยเสียงทุ้มของชายวัยกลางคนแทรกขึ้นมาอย่างชัดเจน
“นายท่าน เดี๋ยวบ่าวนวดให้นะเ้าคะ”
“ได้”
เดิมทีเกาฟางตั้งใจจะผลักประตูเข้าไป แต่เมื่อคิดได้ว่ารองเสนาบดีคลังอาจจะมีธุระ นางจึงเปลี่ยนใจเคาะบานประตูแทน
“นายท่านเ้าคะ ฮูหยินรองขอเข้าพบเ้าค่ะ” ซูเซียวที่เดินตามมาด้านหลังเห็นสีหน้าของฮูหยินตนไม่สู้ดีนัก จึงเป็ฝ่ายเอ่ยขึ้นแทน
“เข้ามา” จ้าวเฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม
ทันทีที่เสียงของรองเสนาบดีคลังสิ้นสุดลง ซูเซียวก็ผลักบานประตูเปิดทางให้ฮูหยินรองเกาก้าวเข้าไปภายในเรือน
ทว่าเมื่อก้าวเข้าไปกลับพบภาพที่ชวนขัดตาสาวใช้สามสี่คนกำลังปรนนิบัติสามีของตนอย่างสนิทสนม บางคนป้อนผลไม้ บางคนขึ้นไปนั่งตัก อีกคนก็นวดคลึงใบหน้าอย่างแนบชิด จนความไม่พอใจเริ่มก่อตัวขึ้น
จ้าวเฉิงเหลือบมองเห็นภรรยา จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “มีธุระอะไรหรือ”
เกาฟางแสร้งยิ้มบางก่อนเอ่ยกับบ่าวรับใช้ข้างกายของสามีว่า “พวกเ้าออกไปรอข้างนอกก่อน”
จ้าวเฉิงเห็นดังนั้นก็พยักหน้าเป็สัญญาณให้พวกบ่าวปฏิบัติตามคำสั่งของฮูหยินรองโดยไม่อิดออด
เมื่อภายในห้องเหลือเพียงสองสามีภรรยา เกาฟางจึงเอ่ยเปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่ม
“นี่ก็สามปีแล้วที่หลินเอ๋อร์ต้องออกไปอยู่เรือนนอก… ั้แ่อายุสิบสี่จนตอนนี้ก็สิบเจ็ดแล้ว ข้าคิดว่านางคงสำนึกผิดแล้วกระมัง”
“ก็คงใช่ นางคงสำนึกแล้วว่าโชคร้ายที่มีแม่เช่นนั้น” จ้าวเฉิงตอบเสียงเรียบ ดวงตากลับไม่แม้แต่จะแลมองภรรยาของตน
เกาฟางกลั้นใจนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าคิดว่าจะรับนางกลับมาเลี้ยงดูในเรือนหลัก ท่านคิดว่าอย่างไรเ้าคะ”
“ข้ามีธุระ เ้าจัดการเถอะ” พูดจบชายวัยกลางคนก็ลุกเดินออกจากห้องไปทันที ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองภรรยา
เกาฟางที่เห็นว่าสามีไม่แม้แต่จะสนใจไยดีก็รู้สึกขัดใจ มือที่ถือถาดชาอยู่จึงเขวี้ยงถาดลงกับพื้นอย่างแรง เสียงกระทบพื้นดังลั่น
ซูเซียวที่ยืนรออยู่หน้าห้องก็รีบผลักประตูเข้ามา ก่อนจะประคองฮูหยินรองเกาออกจากห้องอย่างระมัดระวัง เกาฟางเหลือบมองสาวรับใช้สามคนที่ยังยืนรอสามีของตนด้วยแววตาเ็า
“จะให้ทำอย่างไรกับพวกนางดีเ้าคะ?” ซูเซียวเอ่ยถามเสียงเบา
“นำพวกนางไปโบยให้หมด” เกาฟางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ก่อนจะเดินออกจากเรือน
“ไว้ชีวิตบ่าวด้วยเถอะเ้าค่ะ!” สาวใช้ทั้งสามรีบทรุดตัวลงคุกเข่า ตัวสั่นเทาอย่างหวาดกลัว ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา
ศาลาดอกบัว่บ่ายยังคงอบอวลด้วยความเงียบสงบ มีเพียงเสียงพูดคุยเบาๆ ดังเป็ระยะ จ้าวิจูกำลังนั่งเรียนปักร้อยผ้าอยู่เคียงข้างฮูหยินผู้เฒ่าด้วยความเรียบร้อยและอ่อนโยน
ทว่าความรื่นรมย์เ่าั้กลับสะดุดลงในทันที เมื่อสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบข้างหูถึงเื่การเตรียมส่งคนไปรับพี่สาวของนางกลับเข้าจวน
เพียงได้ยินคำพูดนั้นสีหน้าหวานของจ้าวิจูก็เปลี่ยนไปทันตา แววตาเคยสดใสพลันหม่นหมอง ริมฝีปากเม้มแน่นบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“ท่านย่า หลานไม่ยอมนะเ้าคะ” จ้าวิจูเอ่ยเสียงแง่งอน ขณะเดินเข้าไปเกาะแขนหญิงชราที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ “หากพี่หญิงกลับมา ท่านพ่อก็คงสนใจแต่นาง แล้วหลานเล่า” นางพูดพลางทำหน้างอนง้อ “ไหนจะพี่บุญธรรมอีก”
ฮูหยินผู้เฒ่าฟังคำตัดพ้อของหลานสาวแล้วก็อดหัวเราะอย่างเอ็นดูไม่ได้ นางยกมือขึ้นลูบศีรษะหลานสาวเบา ๆ พร้อมกล่าวเสียงอ่อนโยน
“ไม่ต้องห่วง เ้าก็ยังคงเป็หลานรักของย่าเสมอ” เว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขึ้น “หากท่านพ่อของเ้าเอาแต่สนใจจ้าวเหม่ยหลินมากกว่าิจูของย่า เช่นนั้นย่าจะเป็คนไล่นางออกจากจวนเอง”
จ้าวิจูได้ยินเช่นนั้นก็คลี่ยิ้มออกมาทันทีก่อนจะโอบกอดฮูหยินผู้เฒ่าแน่นอย่างออดอ้อน ถึงอย่างไรตลอดหลายปีที่ผ่านมานางก็เป็หลานที่ท่านย่ารักที่สุด หากจ้าวเหม่ยหลินคิดจะกลับมาแย่งชิงความรักเกรงว่าคงไม่ง่ายอย่างที่คิด
“ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูรอง คุณชายจ้าวกลับมาแล้วเ้าค่ะ” สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามารายงานด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“จริงหรือ?” จ้าวิจูหันไปถามด้วยแววตาเปล่งประกาย
“เ้าค่ะ” สาวใช้ตอบพลางย่อตัวลงเล็กน้อย
“เช่นนั้นหลานขอไปต้อนรับพี่บุญธรรมก่อนนะเ้าคะ” จ้าวิจูเอ่ยพลางผละตัวออกจากอ้อมแขนของฮูหยินผู้เฒ่า
“จ้าวซ่งจื่อสบายดีหรือไม่ ไว้เ้าค่อยมาบอกย่า” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก่อนพยักหน้าอนุญาตอย่างอ่อนโยน
ชื่ออันซ่งจื่อเป็ชื่อที่ฮูหยินผู้เฒ่าเป็ผู้ตั้งให้ แต่ต่อมามีการเปลี่ยนแซ่เป็จ้าวซ่งจื่อ เนื่องจากในปีนั้นนายท่านจ้าวได้ออกไปล่าสัตว์ร่วมกับสหายสนิท
ขณะกำลังล่าอยู่นั้นไม่ทราบเหตุผลใดทำให้หมีป่าคลั่งเข้ามาทำร้าย สหายสนิทเสียสละตนเองเพื่อให้จ้าวเฉิงรอด สหายจึงเสียชีวิตในป่า
ฮูหยินอันที่ตั้งครรภ์ได้แปดเดือนได้รับข่าวการเสียชีวิตของสามีก็หมดสติและคลอดบุตรก่อนกำหนด
หลังจากนั้นนางก็ตรอมใจและเสียชีวิตตามสามี
นายท่านจ้าวได้รับข่าวจึงรับบุตรชายของนางเข้ามาเลี้ยงดูในจวน แต่ด้วยไม่มีบุตรชายภายในจวนจ้าวซ่งจื่อจึงเป็ความหวังของจวนและหลานรักอีกคนของผู้เป็ย่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้