เพราะเื่ของข่าวลือที่เป็ประเด็นอยู่ในตอนนี้ ใต้เท้าเสิ่นจึงถูกฮ่องเต้เรียกตัวให้เข้าเฝ้าเป็การส่วนพระองค์ ซึ่งการเข้าเฝ้าในครั้งนี้ฮ่องเต้ทรงกล่าวตำหนิเขาอย่างรุนแรง ที่ปล่อยปละละเลยไม่ดูแลเรือนหลังให้ดี
จนทำให้เกิดเื่ราวที่ไร้ศีลธรรมเช่นนี้ได้ ใต้เท้าเสิ่นถูกลงโทษให้พักงานราชการเป็เวลาสามเดือน และตัดเบี้ยหวัดอีกเป็เวลาครึ่งปี ฮ่องเต้ยังสั่งให้ใต้เท้าเสิ่นจัดการเื่ข่าวลือให้เรียบร้อยโดยเร็ว
และั้แ่มีเื่ข่าวลือนี้เกิดขึ้น เขาก็ไม่เคยไปค้างที่เรือนฮูหยินเอกอีก แต่เวียนไปค้างคืนที่เรือนของอนุทั้งสองแทน ทำให้พวกนางดีใจเป็อย่างมาก และยังรู้สึกสมน้ำหน้าฮูหยินเอกอยู่ในใจอีกด้วย
คืนนี้ใต้เท้าเสิ่นพักอยู่ที่เรือนของตน และนั่งทบทวนเื่ราวที่ผ่านมา ทั้งที่นางเป็คนช่วยชีวิตเขาไว้ แต่เขากลับตอบแทนผู้มีพระคุณด้วยความร้ายกาจ นางไม่เคยร่ำร้องขอความเมตตา แม้ถูกไล่ให้ไปอยู่เรือนท้ายจวน คิดมาถึงตรงนี้แม้อยากจะกล่าวคำขอโทษต่อนาง ก็สายเกินเสียไปแล้ว
เพล้งงง!!! โครม!!เสียงจากการทำลายข้าวของดังออกมาจากเรือนของฮูหยินเอก บรรดาสาวใช้ต่างยืนก้มหน้าไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด นางเอาแต่ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนเพราะถูกสามีโกรธและหนีหน้ามาหลายวัน
“กรี๊ดดด เพราะนางลี่หลินนั่นคนเดียวแท้ ๆ ไสหัวออกไปแล้วยังจะสร้างปัญหาไว้ให้ข้าอีก” ฮูหยินกรีดร้องระบายความโกรธและน้อยใจสามีด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว แม้แต่อาจิวสาวใช้คนสนิทยังไม่กล้าเข้าใกล้ฮูหยินของตน
ส่วนเสิ่นซีห่าวที่นอนรักษาตัวอยู่ในเรือน ก็เริ่มฉุกคิดขึ้นมาว่าเขาควรเปลี่ยนแปลงปรับปรุงนิสัยของตนเองเสียใหม่ เขาไม่ได้คิดจะทำเพื่อบิดาหรือเพื่อใครแต่ควรทำเพื่อตนเอง จะต้องพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะคิดไปพึ่งพาผู้อื่น
ทางด้านรถม้าของซินเยว่ในยามนี้พวกนางเดินทางออกจากเมืองหลวงมาได้หลายวันแล้ว แต่ระหว่างนี้ซินเยว่คิดว่าบรรยากาศเงียบเหงาเกินไป จึงเอ่ยเื่ที่นางทำไว้ในเมืองหลวงขึ้นมา
“พี่เสี่ยวหลานคิดว่าของขวัญชิ้นพิเศษของข้า จวนตระกูลเสิ่นจะได้รับแล้วหรือยังนะ” ซินเยว่รู้สึกเบื่อ ๆ จึงหาเื่พูดคุยกับเสี่ยวหลาน
“แหมมมม ของขวัญชิ้นพิเศษคุณหนูอุตส่าห์มอบให้ด้วยใจทั้งที พวกเขาย่อมได้รับอย่างแน่นอนเ้าค่ะ” นางกล่าวด้วยความมั่นใจ
ซินเยว่หัวเราะชอบใจเมื่อนึกถึงสีหน้าของแต่ละคน หลังจากได้รับของขวัญที่นางฝากทิ้งไว้ก่อนจาก “นั่นสินะของที่ข้าตั้งใจส่งไปจะไม่ถึงพวกเขาได้อย่างไร ฮ่า ๆ ๆ ท่านแม่พรุ่งนี้พวกเราก็ถึงเมืองเหลียงซานแล้ว ท่านมีแผนจะทำอะไรต่อจากนี้เ้าคะ”
ลี่หลินนึกถึงท่านลุงเซียวที่นางเคยได้เจอบ่อยครั้ง ยามเดินทางไปทำการค้ากับบิดา เพราะท่านลุงเซียวไม่มีบุตรท่านจึงเอ็นดูนางเหมือนบุตรสาวคนหนึ่ง “มีท่านลุงที่แม่รู้จักเปิดโรงเตี๊ยมขนาดกลางอยู่ที่เมืองเหลียงซาน ชื่อว่าท่านลุงเซียวแต่เวลาก็ผ่านมานานแล้ว แม่ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนเ้าของไปแล้วหรือไม่ เอาไว้เมื่อไปถึงเ้าก็ลองสำรวจในเมืองดูว่าอยากจะทำอะไร”
“เ้าค่ะ ข้าย่อมทำตามที่ท่านแม่ว่ามา” ซินเยว่ตอบรับตามความคิดของมารดาไป
เพราะระหว่างการเดินทางไม่มีปัญหาอะไร จึงเดินทางถึงที่หมายตามกำหนดเวลา ซึ่งวันนี้ยามอู่ในที่สุดก็มาถึงเมืองเหลียงซานสักที
“แม่นางลี่หลินพวกเรามาถึงเมืองเหลียงซานแล้วขอรับ”
“รบกวนท่านฝูไปส่งพวกเราที่โรงเตี๊ยมหลิ่งซานด้วยเ้าค่ะ”
“ไม่เป็การรบกวนอะไรเลยขอรับ”
“ขอบคุณมากเ้าค่ะ” ซินเยว่กับมารดาของนางกล่าวขึ้นพร้อมกัน
ซินเยว่แอบเปิดหน้าต่างดูหัวหน้าลุงฝู เข้าไปถามทางไปโรงเตี๊ยมหลิ่งซานจากชาวบ้านเพียงครู่เดียวก็เดินกลับมา
“ชาวบ้านบอกว่าเดินตรงไปตามถนนประมาณสองเค่อ ก่อนจะถึงทางแยกกลางเมืองโรงเตี๊ยมหลิ่งซานจะอยู่ทางด้านซ้ายมือขอรับ” นายท่านฝูเข้ามารายงานกับท่านแม่
ซินเยว่มองจากหน้าต่างบนรถม้า นอกจากความครึกครื้นของผู้คนแล้วยังมีกิจการร้านค้ามากมาย บ้านเมืองก็ดูสะอาดสะอ้านเป็ระเบียบน่าอยู่มากทีเดียว ที่นี่เหมาะแก่การเริ่มต้นใหม่ของนางกับมารดาอย่างแท้จริง ต้องยกความดีความชอบนี้ให้กับมารดา
“ถึงโรงเตี๊ยมหลิ่งซานแล้วขอรับ” หัวหน้าฝูแจ้งกับลี่หลินเมื่อรถม้าหยุดลง พวกนางลงจากรถม้ามายืนอยู่ด้านหน้าโรงเตี๊ยม
“…………” เมื่อทั้งสามคนได้เห็นสภาพของโรงเตี๊ยมตรงหน้า ก็ถึงกับตะลึงจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว
“นายหญิงเ้าคะ เหตุใดมันถึงดูเหมือนเป็โรงเตี๊ยมร้างเช่นนี้เล่า หรือว่าพวกเรามาผิดที่ใช่หรือไม่เ้าคะ” เสี่ยวหลานเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ดูแล้วคงไม่ได้รับการปรับปรุงมาเป็เวลานานแล้ว หรือว่าท่านลุงเซียวจะเกิดปัญหาจนไม่สนใจดูแลกิจการ แล้วท่านลุงไปอยู่ที่ใดตอนนี้” ลี่หลินกล่าวด้วยความสงสัยอีกคน
“ท่านแม่นั่นมีคนเดินออกมาแล้วเ้าค่ะ” ซินเยว่เห็นมีคนเดินออกมาจึงเรียกเอ่ยเรียกมารดาทันที
“ยินดีต้อนรับทุกท่านขอรับ พวกท่าน้าห้องพักที่โรงเตี๊ยมของเราใช่ไหมขอรับ” เสี่ยวเอ้อที่เดินออกมากล่าวต้อนรับพวกนางด้วยความกระตือรือร้น
“น้องชายข้าขอถามสักหน่อย ไม่ทราบว่าเ้าของโรงเตี๊ยมนี้ยังเป็ท่านเซียวหรือไม่” ลี่หลินถามออกไปด้วยความหวังว่าท่านลุงจะยังคงอยู่ที่นี่
“เถ้าแก่เซียวอยู่ที่ห้องทำงานขอรับ เดี๋ยวข้าจะไปตามเถ้าแก่มาให้พวกท่านรอประเดี๋ยวนะขอรับ” ลูกจ้างหนุ่มรีบวิ่งไปตามเถ้าแก่ทันที
เมื่อเถ้าแก่เซียวเดินมาหน้าโรงเตี๊ยม ก็ใช้สายตาอันฟ้าฟางเพ่งมองสตรีที่ยืนรออยู่ชั่วครู่จึงเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ
“ลี่หลิน!! ชะ ชะ ใช่เ้าหรือไม่”
“ลี่หลินคารวะท่านลุงเ้าค่ะ ผ่านมาหลายปีท่านลุงสบายดีหรือไม่เ้าคะ” นางน้ำตาคลอด้วยความดีใจที่ท่านลุงยังไม่ย้ายไปไหน
“ลุงสบายดีตามประสาคนแก่ แล้วเ้าเด็กน้อยนั่นเป็ผู้ใดรึ”
“ท่านลุงนี่คือซินเยว่บุตรสาวของข้าเองเ้าค่ะ ปีนี้นางอายุสิบหนาวแล้วเ้าค่ะ”
“เข้ามาให้ตาดูใกล้ ๆ หน่อยสิ”
“ซินเยว่คารวะท่านตาเ้าค่ะ”
“เด็กดี น่ารักน่าชังเสียจริง” ท่านตาพูดแล้วยกมือลูบหัวข้าเบา ๆ
“ข้าได้ข่าวว่าเ้าย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวง เหตุใดถึงได้พาลูกเดินทางมาที่เมืองเหลียงซานเล่า”
“ขอไม่ปิดบังท่านลุงข้าได้หย่าและตัดขาดกับสามีแล้ว จึงได้วางแผนว่าจะมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่กับบุตรสาวเ้าค่ะ แต่ตอนนี้ข้าคงต้องหาที่พักชั่วคราวอยู่ไปก่อน พอทำงานมีรายได้ค่อยขยับขยายทีหลังเ้าค่ะ”
“เ้าก็พักอยู่เสียที่นี่สิไม่ต้องไปหาที่อื่นให้เสียเวลา มีอะไรก็เรียกใช้อาเซ่อได้ตลอดเวลานะ” อาเซ่อที่เถ้าแก่เซียวแนะนำให้รู้จัก เป็ลูกจ้างเพียงคนเดียวของที่นี่ไม่มีคนอื่นอีก
