หลี่ซานเห็นบุตรีสุดที่รักยุ่งมาทั้งวันแล้วในใจย่อมเ็ปเช่นกัน แต่หากไม่ทำเต้าหู้ไปขายให้ลูกค้า วันนี้จะได้เงินน้อยลงไปหลายตำลึง
ตอนนี้บ้านหลี่ต้องทำเต้าหู้ขายให้ลูกค้าทุกวัน วันละหนึ่งพันสามร้อยกว่าชั่ง กำไรสุทธิวันละสามตำลึงกว่า
เงินสามตำลึงกว่าซื้อที่ดินดีๆ ได้เกือบหนึ่งหมู่เลยทีเดียว
เขาไม่อาจทนเห็นที่ดินหนึ่งหมู่หายไปกับตาเช่นนี้ได้ จึงวิ่งไปยังประตูห้องนอนของหลี่หรูอี้ก่อนที่จะเรียกอีกฝ่าย “ลูกสาวข้า เ้ารีบตื่นมาช่วยข้าหน่อยเถิด”
“ท่านพ่อ เป็อะไรเ้าคะ เต้าหู้ของผู้ดูแลหม่ามีปัญหาหรือ”
“มิใช่ ผู้ดูแลหม่ารับเต้าหู้ไปแล้ว แต่ข้ากับอารองของเ้ากำลังทำเต้าหู้ให้ลูกค้าอยู่”
หลี่หรูอี้รู้สึกนับถือหลี่ซานจริงๆ อีกฝ่ายแทบอยากจะทำงานตลอดหนึ่งวันสิบสองชั่วยาม ไม่ยอมพักผ่อนแม้เพียงชั่วครู่ จึงกล่าวตำหนิไปว่า “ข้าบอกให้พวกท่านพักผ่อนมิใช่หรือ บอกให้นอนพักเสียก่อนค่อยว่ากันไม่ใช่หรือเ้าคะ”
หลี่ซานได้ยินเสียงหลี่หรูอี้กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่ในห้อง จึงกล่าวไปว่า “เ้าเร่งมือหน่อย” เขากังวลว่าหลี่สือจะทำเต้าหู้ได้ไม่ดี จึงรีบวิ่งไปที่ลานด้านหลัง
หลี่หรูอี้ได้ยินเสียงหลี่ซานร้องโอดโอยดังมาจากด้านนอกคล้ายหกล้ม นางใยิ่งนัก ถึงกับรีบหยิบเสื้อนอกมาคลุมอย่างลวกๆ แล้ววิ่งออกไปดู “ท่านพ่อ ท่านเป็อะไรเ้าคะ”
“ข้าไม่เป็ไร” หลี่ซานหกล้มจริงๆ แต่ไม่หนัก เขามีร่างกายที่แข็งแรงจึงรีบลุกขึ้นได้อย่างรวดเร็วโดยไม่าเ็มาก
“ท่านพ่อล้ม” หลี่ฝูคังสวมเสื้อผ้าวิ่งออกมาจากห้อง ด้านหลังมีหลี่เจี้ยนอันตามมาติดๆ
“ข้าไม่เป็อะไร พวกเ้ารีบกลับไปเถิด” หลี่ซานดันบุตรชายทั้งสองกลับไปยังห้องนอนแล้วหันไปพูดกับหลี่หรูอี้ว่า “หรูอี้ ข้าไม่เป็ไรจริงๆ”
“ท่านนี่ เฮ้อ... หากเป็เช่นนี้ต่อไปจะต้องเหนื่อยจนเกิดเื่แน่” หลี่หรูอี้เห็นหลี่ซานไม่เป็อะไรจริงๆ จึงได้แต่ส่ายศีรษะแล้วเดินกลับไปสวมเสื้อผ้าในห้องต่อ ในใจก็คิดว่า ต่อไปปริมาณการผลิตเต้าหู้จะต้องเพิ่มมากขึ้นแน่นอน หากเป็เช่นนี้นางย่อมมิอาจปล่อยให้ท่านพ่อทำเพื่อเงินจนเสียสุขภาพ จะต้องคิดหาวิธีแบ่งเบาภาระของอีกฝ่ายให้ได้
“หรูอี้ เ้าดูสิ ข้าทำเต้าหู้เสีย” หลี่สือจับมือหลี่หรูอี้ ทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความหดหู่ “ข้าเรียนการทำอาหารมานาน อาหารชนิดอื่นเรียนเพียงครั้งเดียวก็ทำเป็แล้ว เหตุใดจึงเรียนทำเต้าหู้ไม่ได้เสียที?”
หลี่หรูอี้กล่าวให้กำลังใจ “เต้าหู้ต้องฝึกทำบ่อยๆ จึงจะกะปริมาณน้ำกับดีเกลือได้แม่นยำ หากนับั้แ่ที่ท่านเริ่มเรียนการทำเต้าหู้มาจนถึงตอนนี้ รวมแล้วก็ทำไปเพียงไม่กี่ครั้ง ทำได้เท่านี้ก็นับว่าไม่เลวแล้วเ้าค่ะ”
เมื่อหลี่ซานเห็นบุตรีสุดที่รักก็รู้สึกมั่นใจในการทำเต้าหู้ขึ้นมาก “เ้าก้อนหิน เ้ากลัวหรูอี้เหนื่อยไม่ใช่หรือ เช่นนั้นก็รีบเรียนทำเต้าหู้ให้เป็ เมื่อทำเป็แล้วคราวต่อไปหรูอี้ก็ไม่ต้องอดหลับอดนอนเพื่อทำเต้าหู้ทั้งคืนอีก จะให้เ้าเป็คนทำแทน”
หลี่หรูอี้ผสมดีเกลือกับน้ำพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยว่า “ข้าลำบากแต่พวกท่านลำบากกว่าข้ามาก ท่านพ่อเ้าคะ เงินนั้นหาได้ไม่จบไม่สิ้น ท่านอย่ายึดติดกับการหาเงินเพียงนี้เลย ได้หรือไม่เ้าคะ?”
ประตูถูกเปิดออก หลี่อิงฮว๋าประคองจ้าวซื่อเดินเข้ามา นี่ทำให้หลี่หรูอี้รู้สึกใจนเกือบทำน้ำดีเกลือหกใส่ถังเต้าหู้
จ้าวซื่อผมเผ้ายุ่งเหยิง ท้องก็ใหญ่โตมากแล้ว นางยืนอยู่ตรงประตูพยายามใช้สายตาที่ไม่ค่อยดีของตนมองไป เห็นเงาร่างอันคุ้นเคยของหลี่ซานยืนอยู่ข้างลา จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็กังวลว่า “พี่ซาน ท่านหกล้มที่ใดหรือ มีส่วนใดถลอก มีเืไหลหรือไม่”
หลี่ซานรู้สึกอบอุ่นใจยิ่งนัก ต่อให้เหนื่อยยิ่งกว่านี้ก็ไม่เป็ไร สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เ้าตื่นมาทำไม สวมเสื้อผ้าบางเช่นนี้รีบกลับไปนอนต่อเถิด”
หลี่อิงฮว๋าเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ได้ยินเสียงท่านล้ม จึงมาดู ท่านเป็อย่างไรบ้างขอรับ?”
“ข้าไม่เป็ไร ดีขึ้นแล้ว” หลี่ซานเดินมาพยุงแขนจ้าวซื่อด้วยตนเอง จากนั้นจึงพานางกลับไปที่ห้องนอน
หลี่อิงฮว๋าอยู่ช่วยทำงานที่นี่อย่างแเี
หลี่หรูอี้มองไปทางหลี่อิงฮว๋าแล้วถามว่า “ท่านกับพี่สี่ตื่นแล้วหรือ”
“อืม... พี่สี่ของเ้ากำลังต้มน้ำทำอาหารอยู่ในครัว ส่วนพี่ใหญ่กับพี่รองกำลังทำความสะอาดบ้าน” น้ำเสียงของหลี่อิงฮว๋าเจือไปด้วยความรู้สึกผิด
หลี่หรูอี้กล่าวต่อไป “ข้าจะซื้อบ่าวไพร่มาช่วยทำงานตั้งนานแล้ว แต่พวกท่านไม่ยอมสนับสนุน พวกท่านดูเอาเถิด ท่านพ่อเหนื่อยจนหกล้มแล้ว”
หลี่สือกล่าวขึ้นด้วยเสียงทื่อๆ “ข้าสนับสนุนเ้า”
“ใช่แล้ว มีเพียงท่านอารองที่สนับสนุนข้า” หลี่หรูอี้เห็นหลี่ซานเดินเข้ามาก็รีบกล่าวเสียงดัง “ท่านแม่ใกล้คลอดแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นก็จะมีเด็กทารกเพิ่มขึ้นมาอีกสองคน งานก็จะเพิ่มมากขึ้นจนทำไม่ไหว อีกสองสามวันข้าจะไปซื้อคนที่อำเภอ”
หลี่ซานกล่าวโดยไม่แม้แต่จะคิด “ไม่ได้ ซื้อคนไม่ได้ แม่ของเ้าเป็คนเก่ง ทำงานได้เอง ้าบ่าวไพร่ที่ไหนกัน”
“ไม่ได้ก็ต้องได้เ้าค่ะ” หลี่หรูอี้กลอกตา “ท่านแม่เย็บผ้าไปขายหาเงินก็เหนื่อยจนตาไม่ดีแล้ว ข้าไม่อยากให้ท่านแม่เลี้ยงดูน้องและเหนื่อยจนมีสภาพเหมือนฟางซื่อ”
“ฟางซื่อคือใคร” หลี่ซานยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลาพัก จึงลืมเื่คนไข้หญิงที่ได้พบเมื่อสามวันก่อนไปเสียหมดสิ้น
หลี่สือรีบกล่าวเตือน “ท่านพี่ ท่านลืมแล้วหรือ ฟางซื่อก็คือสตรีที่ผอมจนเห็นกระดูกนางนั้นอย่างไรเล่า”
หลี่หรูอี้เลิกคิ้วขึ้น “หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย พรุ่งนี้ฟางซื่อคงจะมาให้ตรวจอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นท่านก็ลองฟังดูว่านางจะกล่าวอย่างไร เป็เพราะทำงานบ้านเหนื่อยแทบตายใช่หรือไม่” นางส่งสายตาเป็สัญญาณให้หลี่อิงฮว๋า ผลก็คือไม่ทราบว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็นหรือไม่เห็นด้วยกับเื่ซื้อคนก็ไม่ทราบ จึงไม่ยอมช่วยเหลือ
หลี่ซานรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก หากเป็เช่นนั้นจริงๆ ย่อมไม่อาจปล่อยให้ภรรยาเหนื่อยจนเจ็บป่วยได้แน่ หรือจะฟังคำพูดของบุตรีสุดที่รัก ซื้อบ่าวกลับมาช่วยงานบ้านคนหนึ่งดีหรือไม่
หลี่หรูอี้เห็นหลี่ซานเงียบไปไม่กล่าวว่าไม่เห็นด้วย จึงรู้สึกยินดีอยู่ในใจ
หลี่สือกล่าวกับหลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังที่เดินเข้ามาช่วยงานว่า “บ้านเราจะซื้อบ่าวแล้ว”
“ที่นี่มีแต่กลิ่นคาวของถั่วเหลือง พวกท่านอย่าเข้ามาเลย ออกไปเถิด” หลี่หรูอี้กลัวว่าพี่ใหญ่และพี่รองจะคัดค้าน จึงรีบกันพวกเขาออกไปด้านนอก ทั้งยังลากพี่สามออกไปด้วย
เมื่อก่อนหลี่ฝูคังก็เคยเข้ามาช่วยงาน แต่หลี่หรูอี้ไม่เคยไล่เขาออกไป จึงได้แต่ถามอย่างหดหู่ว่า “น้องสาม น้องห้าเป็อะไรไปหรือ”
หลี่อิงฮว๋ากล่าวเสียงแ่ “น้องห้าพูดเื่ซื้อคนอีกแล้ว เดิมทีท่านพ่อก็คัดค้าน แต่ต่อมาก็ไม่พูดอะไรอีก คล้ายจะเห็นด้วยอย่างเงียบๆ”
“พี่ใหญ่ ท่านดูเถิด ท่านพ่อก็คล้ายจะเห็นด้วยแล้ว พวกเราอย่าคัดค้านอีกเลย” นอกจากเื่ซื้อคนแล้วหลี่ฝูคังก็สนับสนุนหลี่หรูอี้ทุกเื่ ระยะนี้หลี่หรูอี้คิดโน้มน้าวเขาหลายครั้งหลายคราจนเขาเริ่มใจอ่อน ตอนนี้จึงกลายเป็อยากจะสนับสนุนแล้ว
วันต่อมา เฒ่าฟาง ตู้เลี่ยง และเอ้อร์หนิวจื่อ ก็พาฟางซื่อที่อาการดีขึ้นมากมายังบ้านหลี่เป็ครั้งที่สอง
หลี่หรูอี้จับชีพจรให้ฟางซื่อพลางมองไปทางตู้เลี่ยงแล้วเอ่ยถาม “ตอนนี้ท่านทราบแล้วหรือไม่ว่า นางเหนื่อยจนป่วยได้อย่างไร”
แววตาของตู้เลี่ยงเต็มไปด้วยความซับซ้อน เขาทอดถอนใจเบาๆ “รู้แล้ว ภรรยาข้าอยู่บ้านทำงานจนเหนื่อยล้าเกินไป ก่อนหน้านี้เป็ข้าเองที่ละเลยนาง”
หลี่ซานที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ ได้ยินดังนั้นพลันใจเต้นตึกตัก อดไม่ได้ที่จะปรายตามองไปยังจ้าวซื่อที่คลอดบุตรให้เขาห้าคนแล้ว และอีกไม่นานจะคลอดให้อีกสองคน
“อาการป่วยของนางต้องใช้เวลารักษาหนึ่งปี จึงจะฟื้นฟูเป็ปกติเช่นเมื่อก่อน หากอยากมีชีวิตให้ยืนยาวก็อย่าให้นางต้องเหนื่อยมาก อย่าให้นางทำงานหนักอีก” หลี่หรูอี้มองไปทางตู้เลี่ยง เมื่อเห็นเขาขมวดคิ้วมุ่น จึงกล่าวไปว่า “ทำไม ท่านอยากให้นางหายป่วยเร็วๆ แล้วรีบกลับบ้านไปทำงานหนักสุดชีวิตเช่นเมื่อก่อนอีกหรือ”
ตู้เลี่ยงรู้สึกว่าสายตาของหลี่หรูอี้คล้ายกับมองทะลุจิตใจของเขาก็มิปาน พานให้รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งใจ รีบตอบอย่างร้อนรนว่า “ไม่ มิใช่”
หลี่หรูอี้เลิกคิ้วขึ้น แนะนำอย่างจริงใจว่า “ข้าจะแนะนำอะไรท่านให้ นางมาอยู่ที่บ้านเดิมเพียงไม่กี่วันอาการป่วยก็ถูกควบคุมได้และดีขึ้นมาก เห็นได้ชัดว่าบ้านเดิมมีผลดีต่อการรักษาอาการป่วยของนางมากกว่าบ้านท่าน ปีแรกก็ให้นางอยู่รักษาตัวที่บ้านเดิมเถิด เวลาหนึ่งปีนี้คงเพียงพอให้ท่านจัดการเื่ในบ้านแล้วกระมัง”
ตู้เลี่ยงรู้สึกลังเล “นี่… ข้ายังมีบุตรอีกสามคน คนเล็กเพิ่งจะสามขวบ ไม่อาจอยู่ห่างภรรยาได้”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้