เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อตั๋วรถไฟไปหยางเฉิง 5 ใบ หลิวจื่อเทาเพิ่งเข้าเรียนชั้นประถมปีที่หนึ่ง ในสายตาของย่าอวี๋เป็เพียงเด็กน้อยเท่านั้น อาศัยบ้านย่าอวี๋ชั่วคราวสองสามวันไม่ถือว่าทำลายกฎที่ย่าอวี๋ตั้งไว้ด้วยตนเอง
“เชื่อฟังคุณย่าอวี๋ ห้ามดื้อนะรู้หรือเปล่า?”
หลี่เฟิ่งเหมยกำชับด้วยท่าทางจริงจัง หลิวจื่อเทาพยักหน้ารับอย่างว่านอนสอนง่าย
ผู้ใหญ่ในครอบครัวเดินทางไกลกันหมด หลิวจื่อเทาไม่เคยห่างจากบิดามารดาในเวลาเดียวกันเช่นนี้มาก่อน หลี่เฟิ่งเหมยก็ทำใจทิ้งลูกชายไว้ไม่ได้เหมือนกัน แต่มันจะมีวิธีอะไร ธุรกิจของเธอและอาชีพของหลิวหย่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา พ่อแม่ทำงานหนักไม่พ้นเพื่อลูก ถ้า้าให้ชีวิตในอนาคตของหลิวจื่อเทาสุขสบาย หลี่เฟิ่งเหมยทำได้เพียงต้องใจแข็งเท่านั้น
ย่าอวี๋นิสัยแข็งกร้าวมาก สำหรับเด็กอาจจะน่ากลัวไปหน่อย แต่หลี่เฟิ่งเหมยรู้ว่าย่าอวี๋มีเหตุผล เนื้อแท้เป็คนดี เธอจึงวางใจที่จะส่งลูกชายให้อีกฝ่ายดูแลสักสองสามวัน
“ป้าจ๊ะ รบกวนคุณเหลือเกิน ถ้าเด็กคนนี้ไม่เชื่อฟัง จำเป็ต้องดุก็ดุ จำเป็ต้องตีก็ตีได้เลย!”
ธุรกิจขยายตัวขึ้นทุกวัน หลี่เฟิ่งเหมยรู้สึกว่าแรงกายอ่อนกว่าแรงใจ แม้เธอใช้พลังทั้งหมดแล้วก็ไม่ได้สามารถไล่ตามความเร็วในการพัฒนาของธุรกิจทัน นับจากตั้งแผงลอยจนเปิดหน้าร้าน จนธุรกิจเฟื่องฟู ไม่มี่เวลาให้หลี่เฟิ่งเหมยเติบโตและพัฒนาสักเท่าไร หลิวหย่งไม่มีบิดามารดาที่จะช่วยดูแลหลานชาย ส่วนมารดาของหลี่เฟิ่งเหมยอายุก็ไม่น้อยไปกว่าย่าอวี๋ ต่อให้เข้าเมืองมาเพื่อช่วยเลี้ยงหลานชายได้ ก็ต้องมีที่พักอาศัยอยู่ดี
ไม่มีสิ่งใดในชนบทที่ทัดเทียมในเมือง มีแค่ที่อยู่อาศัยอย่างเดียวที่กว้างขวางกว่า แม้ผ่านไปอีก 30 ปีก็เหมือนเดิม เนื่องจากเนื้อที่และแปลนของบ้านเรือนในเมืองจะเกิดความเปลี่ยนแปลง ในยุค 80 หรือย้อนไปนานกว่านั้นล้วนเป็เคหะมวลชนเก่าแก่ พื้นที่เล็กแคบ เพียงแต่บ้านพักของข้าราชการจะกว้างกว่าเล็กน้อยเท่านั้น ต่อมามีการสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อการจำหน่าย เนื่องจากคนในประเทศอัดอั้นเหลือทน แปลนที่อยู่อาศัยจึงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงพื้นที่มากกว่า 150 ตารางเมตรในเวลาไม่นาน หลังจากนั้นประชากรในชนบทต่างก็พากันหลั่งไหลเข้าเมือง ราคาบ้านถูกปรับให้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งคนเมืองเองยังซื้อบ้านใหม่ไม่ไหว จึงกลับมาสร้างบ้านขนาดเล็ก หวนคืนสู่สภาวะเดิม และกับยุค 80 อีกครั้ง
หลี่เฟิ่งเหมยไม่สามารถหยั่งรู้สิ่งเหล่านี้ ทว่าเธอมีความปรารถนา
ก่อนหน้านี้ได้เช่าหอพักขององค์การรถไฟ ย้ายจากบ้านชั้นเดียวมาอยู่ในอาคาร หลี่เฟิ่งเหมยคิดว่าชีวิตสุขสบายขึ้นมาก หนึ่งปีก่อนเธอไม่กล้าจะคิดด้วยซ้ำ!
ความ้าของมนุษย์กำลังเพิ่มพูน ตอนนั้นเพิ่งเข้าเมืองมามีที่ซุกหัวนอนสักแห่งก็ไม่เลวแล้ว เป็แค่ห้องเล็กๆ ในบ้านชั้นเดียวให้ครอบครัวสามคนก็ยังได้ พอชีวิตดียิ่งขึ้นทุกวัน กอปรกับสถานการณ์แบบในวันนี้ หลี่เฟิ่งเหมยอดคิดไม่ได้ หากสามารถมีบ้านที่ใหญ่กว่านี้... หรือบ้านที่เป็ของตนเองโดยสมบูรณ์ รับแม่เธอเข้ามาอาศัยในเมืองด้วยกัน นั่นมันจะยอดเยี่ยมจริงๆ
“ได้แน่นอน อีกสองปีข้างหน้า ป้ากับลุงซื้อห้องชุดในซางตู เลือกชั้นและขนาดที่ตัวเองชอบได้เลย!”
สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวไม่ใช่การล้อเล่น หลี่เฟิ่งเหมยให้ความสำคัญกับวาจาของหลานสาวมาก อย่างไรเสีย ณ ปัจจุบันวันนี้ สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานพูดและทำ ความเป็จริงพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องทั้งนั้น
“มีวันนั้นได้จริงสินะ พวกป้าก็ซื้อบ้านในเมืองได้เหมือนกันหรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้า “อย่าว่าแต่บ้าน แม้แต่ทะเบียนบ้านก็ซื้อได้ ขึ้นอยู่กับว่าถึงเวลานั้นป้าอยากเป็คนเมืองหรือไม่”
เพราะชนบทมีชีวิตที่ยากลำบาก ถึงตั้งตาคอยที่จะหลุดพ้นจากชนบทไปเป็คนเมือง เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าถ้ามีเงินในมือ ทะเบียนบ้านที่ไหนก็ไม่แตกต่างกัน แต่แน่นอน ภายภาคหน้าทรัพยากรทางการศึกษาและการรักษาพยาบาลจะกระจุกอยู่แต่ในเมืองใหญ่ชั้นนำ ถ้าคำนึงถึงลูกหลานรุ่นหลัง ทะเบียนบ้านในปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ค่อนข้างสำคัญมากทีเดียว ตัวเธอเองไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ส่วนจะพาครอบครัวลุงไปด้วยหรือไม่ ต้องถามความสมัครใจของหลิวหย่งกับหลี่เฟิ่งเหมยอีกที
แม้แต่ทะเบียนบ้านก็ซื้อได้อย่างนั้นหรือ?
หลี่เฟิ่งเหมยตกตะลึง เช่นนั้นเธอจะหาเงินอย่างสุดความสามารถ เธอกับหลิวหย่งไม่ใช่เื่ใหญ่ ทว่าจะต้องซื้อทะเบียนบ้านเมืองสำหรับหลิวจื่อเทาให้ได้!
บ่ายวันที่สองหลังจากเซี่ยเสี่ยวหลานสอบเสร็จ ตัวแทนทั้งห้าคนก็ขึ้นรถไฟเที่ยวไปหยางเฉิง
----------------------------------------
และในเขตเหอตง หลิวฟางกระวนกระวายไม่ต่างกับมดในกระทะร้อน!
เหลียงปิ่งอันไม่ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้า อีกทั้งยังถูกนำตัวไปขณะอยู่ในที่ประชุม
ทางหน่วยงานไม่เข้าใจการดำเนินการนี้เช่นกัน จะแต่งตั้งเป็หัวหน้าแล้วมิใช่หรือ ทำไมยังถูกพาตัวไปสอบสวนเล่า?
การสอบสวนประเภทนี้ ต่อให้ไม่ตายก็สาหัส จากที่เป็เพราะหัวหน้าคนเดิมของหน่วยงานถูกพาตัวไป ถึงมีข่าวลือว่าเหลียงปิ่งอันจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ตอนนี้เห็นได้ชัดแล้วว่ารองหัวหน้าเหลียงน่าจะจบเห่เหมือนกัน เสียดายซิ่นหยางเหมาเจียนรสเลิศนั่น! ก่อนหน้านี้เคยกระตือรือร้นประจบประแจงเพียงใด ตอนนี้ก็เฉยเมยเท่านั้น พยายามรายงานการทำงานของตนแก่เหลียงปิ่งอัน? ไม่ อันที่จริงพวกเราไม่ค่อยสนิทกับรองหัวหน้าเหลียงด้วยซ้ำ
ตอนเหลียงปิ่งอันถูกนำตัวไป หลิวฟางไม่รู้เื่เลย
่นี้เธอรู้สึกล่องลอยไม่เว้นแม้แต่ตอนเดินเหิน ถ้าเหลียงปิ่งอันไม่เตือนเธอว่าต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว เธอจะซื้อข้าวของกองใหญ่มาเฉลิมฉลองอย่างแน่นอน
พอเหล่าเหลียงเป็หัวหน้า เธอจะไปหาเซี่ยเสี่ยวหลานเพื่อทวงเงินหนึ่งหมื่นหยวนก้อนนั้นกลับมา!
ความหวาดกลัวผ่านพ้นไป หลงเหลือเพียงความเสียดายมากกว่า ถ้าจะให้หนึ่งหมื่นหยวนแก่เซี่ยเสี่ยวหลานโดยเปล่าเช่นนั้น หลิวฟางไม่ยอมเด็ดขาด ในเมื่อเหล่าเหลียงเลื่อนตำแหน่งได้ หมายความว่าคนรักของเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ได้เก่งกล้าสามารถนัก! การที่ฝานเจิ้นชวนถูกจัดการ นั่นเป็เพราะฝานเจิ้นชวนทำความเลวมามาก ส่วนเหล่าเหลียงของเธอนั้นไม่เหมือนกัน ทำงานถูกต้องตามจรรยาบรรณ ควรได้รับการเลื่อนตำแหน่งตั้งนานแล้ว เมื่อฝานเจิ้นชวนถูกจับ ผู้คนมากมายในเขตเหอตงพลอยโดนหางเลขไปด้วย ตำแหน่งหัวหน้าที่ว่างลงคือโอกาสของเหล่าเหลียง
เหลียงฮวนบอกว่าจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ หลิวฟางขอให้เธอทนอีกหน่อย
“รอคำสั่งเลื่อนตำแหน่งของพ่อลูกออกมาก่อน อยากใส่อะไรแม่จะซื้อให้ลูกทั้งหมด”
เหลียงฮวนไม่สน “พ่อนี่ก็เหลือเกินจริงๆ ทั้งที่เื่ก็มันยืนยันแล้ว จะอยู่แบบธรรมดาขนาดนี้ไปเพื่ออะไร”
เพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียนล้วนรับรู้ว่าบิดาของเธอใกล้จะเป็หัวหน้าแล้ว พวกที่เคยเอาใจฝานหาน ส่วนใหญ่ต่างก็พากันหันมาเอาใจเหลียงฮวนแทน ลูกสาวของหัวหน้าเหลียง เหลียงฮวนเทินยศนี้ไว้บนศีรษะ ได้รับความนิยมในโรงเรียนมากกว่าเดิม จะบอกว่าฝานเจิ้นชวนคนเดียวทำให้เน่าเฟะกันไปหมดก็ได้ แม้เป็โรงเรียนมัธยมประจำเขตเหมือนกัน สภาพสังคมในอันชิ่งเซี่ยนอีจงดีกว่าโรงเรียนของเหลียงฮวนมากโข
โรงเรียนอันชิ่งเซี่ยนอีจงไม่มีลูกสาวของข้าราชการมาเรียนหรือ?
มีอยู่แล้ว!
แต่อันชิ่งเซี่ยนอีจงไม่มีค่านิยมประจบประแจงใครเช่นนี้ ลูกหลานข้าราชการต้องสมถะเหมือนกัน อันดับหนึ่งของชั้นปีที่ตัวตนจืดจางอย่างถึงที่สุดเพราะเซี่ยเสี่ยวหลานคนนั้น ก็คือบุตรชายของข้าราชการระดับสูงประจำเขตอันชิ่งนั่นเอง มีไม่กี่คนในโรงเรียนที่ทราบ แม้เซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสะสวยจับใจ ทว่าไม่มีใครวิ่งไล่กวดเธอทั้งวันอยู่ดี นักเรียนล้วนแข่งขันกันได้แค่เื่เรียน นักเรียนชายหลายคนไม่กล้าสนทนาเรื่อยเปื่อยกับนักเรียนหญิงด้วยซ้ำ พวกการกระทำยกยอปอปั้นสาวสวยประจำโรงเรียนแบบนี้ นักเรียนอันชิ่งเซี่ยนอีจงไม่มีประสบการณ์แม้แต่น้อย
เมื่อค่านิยมทางสังคมของสถานที่แห่งหนึ่งไม่ดี มีอิทธิพลชักจูง กระทั่งนักเรียนมัธยมปลายอายุสิบกว่าปีก็ช่ำชองเกินวัย
เหลียงฮวนเพลิดเพลินกับการพะเน้าพะนอของคนหมู่มากล่วงหน้า รอเพียงประกาศคำสั่งเลื่อนตำแหน่งของบิดาเธออย่างเป็ทางการเท่านั้น ตอนนี้เธอคือลูกสาวของผู้อำนวยการหน่วยงาน พ่อของเธอยังอายุไม่มากนี่นา อีกสองสามปีอาจกลายเป็ลูกสาวของผู้ว่าการเขต และถ้าได้เป็ลูกสาวของผู้ว่าการเมืองเล่า... เหลียงฮวนเชื่อว่าต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานสวยขนาดไหนก็มีคุณสมบัติสู้เธอไม่ได้ ใครใช้ให้เซี่ยเสี่ยวหลานเลือกเกิดไม่ถูกล่ะ พ่ายแพ้ั้แ่จุดเริ่มต้น เทียบเธอไม่ได้ไปทั้งชาติ
เื่ที่เหลียงปิ่งอันโดนจับนี้ เป็ปู่ของเหลียงฮวนที่รับรู้ก่อน
บ้านเหลียงมีอิทธิพลในเขตเหอตงน้อยกว่าบ้านฝาน ถึงกระนั้นปู่ของเหลียงฮวนก็เป็ข้าราชการเกษียณอายุ ไม่มีคนแจ้งข่าวแก่หลิวฟาง แต่มีคนบอกปู่ของเหลียงฮวนแน่นอน
ตอนรู้ข่าวของเหลียงปิ่งอัน นายเหลียงเกิดอาการหัวใจจะวาย ร้อนให้ย่าของเหลียงฮวนหายาให้เขากินเป็กำ นายเหลียงใช้เวลาฟื้นตัวถึงครึ่งชั่วโมงกว่าจะพูดออกมา
“คราวนี้ปิ่งอันตกอยู่ในอันตรายแล้ว! เธอไปโทรศัพท์ เรียกภรรยาเ้าปิ่งอันมาเร็ว”