หลิวจือโม่ยิ้มกว้างทว่าดวงตาแดงเล็กน้อย "ตื่นก็ดีแล้ว" ขอแค่ตื่นก็พอ
เขากลัวนางจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกจริงๆ
โชคดีที่นางฟื้นขึ้นมา
“รอข้าก่อน” หลิวจือโม่ปล่อยมือของหลี่ชิงหลิง หันหลังวิ่งออกไป “หมอซวี หมอซวี เสี่ยวหลิงฟื้นแล้ว มาดูให้หน่อยขอรับ”
เขาเรียกเสียงดังจนหมอซวีตื่น รีบลุกขึ้นและสวมรองเท้า วิ่งออกมาโดยไม่ได้ล้างหน้าด้วยซ้ำ "ฟื้นแล้วหรือ” เขาตรงเข้าไปในห้องของหลี่ชิงหลิง
เมื่อเขาวิ่งเข้าไปข้างใน เห็นหลี่ชิงหลิงที่มองเขาอยู่ก็เผยรอยยิ้ม เดินเข้าไปจับชีพจร ในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"พักผ่อนให้เพียงพอก็ได้แล้ว เสี่ยวหลิงดวงแข็งจริงๆ!" หากโชคร้ายหน่อย อาจถูกบ้านถล่มทับจนตายได้
นางโชคดีจริงๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของหมอซวี หลิวจือโม่ซึ่งเฝ้าดูเขาอย่างกระวนกระวายใจก็ผ่อนคลาย ขอแค่ไม่เป็ไรก็พอ
หมอซวีกำชับกับหลี่ชิงหลิงอีกครั้ง และออกไปให้เด็กปรุงยาให้หลี่ชิงหลิงดื่ม
หลี่ชิงหลิงตื่นแล้ว สามารถดื่มยาเพื่อฟื้นฟูร่างกายได้
เขาเดินเข้าไปหาหลี่ชิงหลิงอย่างรวดเร็ว นั่งข้างเตียงมองนางแล้วยิ้ม "ครั้งนี้เ้าทำให้ข้ากลัวจริงๆ คราวหน้าทำแบบนี้ไม่ได้นะ เข้าใจไหม" นึกแล้วเขาก็ยังกลัวอยู่
หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกละก็ เขาต้องเสียสติแน่
หลี่ชิงหลิงมองเขาอย่างรู้สึกผิด "ข้าขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้พี่กลัว" ตอนนั้นนางไม่ได้คิดมาก คิดแค่ต้องให้น้องปลอดภัย จึงดันน้องๆ ออกไปก่อน “พวกเสี่ยวเฟิงไม่เป็ไรใช่ไหม?” นางผลักแรงขนาดนั้น ไม่าเ็ใช่ไหมนะ
“พวกเขาสบายดี แต่เป็ห่วงเ้านี่แหละ เสี่ยวเฟิงอยากมาด้วย แต่หิมะหนาเดินทางลำบาก ข้าเลยไม่ให้มา ให้เขาดูแลน้องที่บ้าน”
เมื่อหลี่ชิงหลิงได้ฟังจึงรู้สึกโล่งใจ ตราบใดที่น้องๆ ของนางสบายดี อาการาเ็เล็กน้อยที่นางได้รับก็คุ้มค่า
เด็กสาวรู้สึกโชคดีมาก ถ้านางไม่สังหรณ์ใจว่าจะเกิดเื่ใหญ่ขึ้น นางคงไม่วิ่งเข้าไปอุ้มน้องๆ ออกมา
ถ้าไม่ถูกอุ้มออกมา พวกเขาทั้งสามคนจะต้องถูกฝังอยู่ข้างใน
กว่าจะมีคนรู้ พวกเขาทั้งสามคนก็คงตายไปแล้ว
เมื่อนึกขึ้นมานางก็รู้สึกกลัว
เมื่อเห็นใบหน้าของหลี่ชิงหลิงซีดลงอีกครั้ง หลิวจือโม่ก็ตื่นตระหนกถามซ้ำๆ ว่ามีตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า? ปวดหัวอีกแล้วหรือ?
เมื่อเห็นว่าเขากังวลมาก หลี่ชิงหลิงก็ส่ายหน้าเบาๆ จับมือเขาแน่นพลางบอกเขาว่าไม่ต้องกังวล นางแค่นึกเื่บ้านถล่มขึ้นมาได้
“บ้านหายก็ไม่เป็ไร ไว้ทีหลังค่อยมาสร้างใหม่กัน!” หลิวจือโม่ปลอบโยนนาง ถ้าไม่ใช่เพราะหิมะตกหนักกะทันหัน เื่แบบนี้คงไม่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม พูดไปแล้วหลี่ชิงหลิงก็โชคดีจริงๆ ที่ไม่าเ็อะไรร้ายแรง
หลี่ชิงหลิงตอบรับ มองหลิวจือโม่ "หลังกลับบ้านต้องไปเยี่ยมพ่อแม่ ถ้าไม่ใช่พวกท่านคุ้มครอง พวกเราสามคนอาจไม่รอดแล้ว” เมื่อก่อนนางไม่เชื่อเื่ผีและเทพเ้า แต่ตอนนี้นางกลับมาเกิดใหม่และเกิดเื่แบบนี้อีก ในใจจึงเริ่มเชื่อบ้างแล้ว
นางรู้สึกจริงๆ ว่าพ่อแม่ของนางช่วยคุ้มครอง
หลิวจือโม่ตอบรับ และเมื่อนางดีขึ้น เขาจะไปไหว้พ่อแม่ของนาง
จากนั้นเด็กขายยาก็เข้ามาพร้อมชามยา "นี่ยาของเสี่ยวหลิง รีบดื่มตอนยังร้อนๆ!" เขายื่นชามยาให้หลิวจือโม่พร้อมผลไม้เชื่อม จากนั้นหันหลังออกไป
วันนี้ที่ร้านขายยามีผู้ได้รับาเ็จำนวนมากมาเยือน ว่ากันว่าเป็เพราะหิมะถล่มบ้านเช่นกัน หมอซวีแทบดูแลไม่ทัน เขาเลยต้องไปช่วย
หลิวจือโม่เป่ายา รอให้เย็นลงเล็กน้อยพลางกล่อมนางด้วยคำพูดกล่อมเด็ก "ยาขมแต่ดีต่อร่างกาย ดื่มแล้วจะได้หายเร็วๆ" เขาพยุงหลี่ชิงหลิงให้นั่ง ให้นางพิงเขา ส่งชามไปจรดปากให้นางดื่ม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ชิงหลิงก็กลั้นยิ้ม เอื้อมมือไปรับชามมาดื่มทั้งหมด
เห็นนางเชื่อฟังขนาดนี้ หลิวจือโม่หัวเราะ เอื้อมมือไปรับชามก่อนจะป้อนผลไม้เชื่อมให้ "ตบท้ายด้วยรสหวาน" พูดจบก็พยุงเด็กสาวเอนลงบนเตียงอย่างเบามือ
นางจับมือเขา บอกให้เขามานอนบ้าง ดูเหมือนว่าในสองวันที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
หลิวจือโม่ส่ายหัว เอื้อมมือไปช่วยห่มผ้า ให้นางนอนสบายๆ ไม่ต้องสนใจเขา เขาไม่ง่วง
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็ร้านขายยา มีคนเข้าออกตลอดเวลา เขาไม่สามารถนอนบนเตียงเดียวกันก็เพื่อชื่อเสียงของนาง
"พี่จือโม่ ทำไมไม่นอนล่ะ ข้าตื่นแล้ว ไม่ต้องห่วงข้าหรอก" หลี่ชิงหลิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็เข้าใจ “ถ้าพี่เหนื่อยจนล้มป่วย แล้วใครจะดูแลข้า จริงไหม?”
ใบหน้าของเขาซีดเซียวจริงๆ ดวงตาก็แดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นเื ทำให้นางเ็ปใจมาก
แต่ไม่ว่านางจะพูดอะไร หลิวจือโม่ก็ส่ายหน้าปฏิเสธ เขาไม่้านอน นางยังไม่หายดี เขาต้องปกป้องนาง
เมื่อเห็นว่าเขาดื้อรั้นขนาดนี้ หลี่ชิงหลิงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยเขาไป
“นอนอีกหน่อยเถอะ! ไม่ต้องห่วงข้า ถ้าข้ารู้สึกเหนื่อยจริงๆ ข้าจะไปพักเอง” หลิวจือโม่ ค่อยๆ ััใบหน้าของนาง และเกลี้ยกล่อมอย่างนุ่มนวล
หลี่ชิงหลิงตอบรับและหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง หลังจากนั้นไม่นานก็ผล็อยหลับไป
เมื่อฟังเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเด็กสาว หัวใจของหลิวจือโม่รู้สึกโล่งสบายอย่างผิดปกติ
หลี่ชิงหลิงหลับไปสองชั่วยามก่อนที่จะตื่นขึ้น ทันทีที่นางลืมตาก็สบตากับหลิวจือโม่ ทำให้นางอดยิ้มไม่ได้
“ตื่นแล้วหรือ” หลิวจือโม่ถามเบา ๆ “หิวไหม กินโจ๊กหน่อยไหม?” เขายืมครัวมาทำโจ๊กให้นาง
หลังจากหลับไปนานก็รู้สึกหิวเล็กน้อย หลี่ชิงหลิงจึงตอบรับ
"รอสักครู่" หลิวจือโม่ยืนขึ้นและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานก็เข้ามาพร้อมชามโจ๊ก เขาวางโจ๊กไว้ข้างๆ และช่วยนางลุกขึ้นนั่งบนเตียง "หมอซวีบอกว่าตอนนี้เ้ากินได้แค่โจ๊กข้าว ล้างท้องสักหน่อย ไว้ดีขึ้นแล้วค่อยบำรุงอย่างอื่น” เขาตักขึ้นมาเป่าแล้วป้อนให้นาง
นางโตขนาดนี้แล้ว ให้คนอื่นป้อนรู้สึกอายเล็กน้อยจึงเอื้อมมือไปหยิบชามมา "พี่จือโม่ ข้ากินเอง!" พอโดนคนอื่นป้อนถึงจะรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา
แต่หลิวจือโม่หลบและพูดอย่างใจเย็น "อย่าขยับ เ้ายังาเ็อยู่!" เขาเห็นผ้าสีขาวพันรอบศีรษะแล้วยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่เลย
"..." ที่าเ็ไม่ใช่มือเสียหน่อย นางกินเองก็ได้ไหม?
แต่เมื่อเห็นเขามุ่งมั่นเช่นนี้ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอม
ใครใช้ให้นางเป็คนไข้ที่ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธล่ะ
เมื่อเห็นว่าเด็กสาวไม่ยืนหยัดแล้ว หลิวจือโม่ก็ยิ้ม ป้อนให้นางอย่างอ่อนโยนและถามนางว่า้าอีกไหม?
หลี่ชิงหลิงััท้องที่เริ่มนูนขึ้น และบอกว่าไม่เอาแล้ว
อาจเป็เพราะไม่ได้กินอะไรเลยในสองวันที่ผ่านมา กินนิดหน่อยก็อิ่มทันที
เห็นว่านางไม่อยากกินจริงๆ เขาจึงลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมชาม
พอกลับมาก็ปล่อยให้นางนอนต่อ พักผ่อนเยอะๆ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวไวๆ
แต่ครั้งนี้หลี่ชิงหลิงส่ายหัวและปฏิเสธ "พี่จือโม่ ข้าว่าข้าดีขึ้นมากแล้ว เรากลับบ้านกันไหม" นางมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน "ไม่กลับไปนานขนาดนี้ เด็ก ๆ ต้องเป็ห่วงแน่" โดยเฉพาะเสี่ยวเฟิง เขาเป็เด็กคิดมาก ถ้าเห็นนางไม่กลับนานขนาดนี้ต้องใมากแน่ๆ
ไม่แน่ว่าเขาอาจมาตามหานางถึงที่เมือง
หลิวจือโม่เองก็เป็ห่วงเด็กๆ ที่บ้านเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจ "ข้าจะถามหมอซวี ถ้าเขาคิดว่าไม่เป็ไรก็กลับบ้านกัน ดีไหม?” ถ้าหมอซวีไม่เห็นด้วย ไม่ว่านางจะกังวลเื่เด็กๆ แค่ไหน เขาก็ไม่มีวันปล่อยนางกลับไป
ตอนนี้ร่างกายของนางเป็สิ่งสำคัญที่สุด ปล่อยเื่อื่นไปก่อน
"ตกลง..." หลี่ชิงหลิงเองก็ไม่เอาแต่ใจ และพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เด็กสาวรู้ว่าตอนนี้ตนไม่มีสิทธิ์ทำตัวเอาแต่ใจ
หลังจากที่หลิวจือโม่ออกไปได้พักหนึ่งก็กลับเข้ามาพร้อมหมอซวี หมอซวีจับชีพจรของหลี่ชิงหลิงอีกครั้ง เขารู้สึกว่านางสบายดีจึงบอกว่านางกลับบ้านได้
แต่กลับบ้านแล้วต้องพักผ่อน บำรุงร่างกายดีๆ
"ขอบคุณมากเ้าค่ะ ท่านหมอซวี” หลี่ชิงหลิงขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
หมอซวีบอกไม่ต้องเกรงใจ และขอให้หลิวจือโม่ออกไปรับยาของหลี่ชิงหลิง กลับไปดื่มต่อที่บ้าน
หลิวจือโม่ตอบรับ ตามหมอซวีไปรับยาและจ่ายเงินค่ารักษาทั้งหมดภายในครั้งเดียว
จากนั้นก็ไปหารถม้ามาหยุดที่หน้าประตูร้านขายยา เขาวิ่งเข้ามาอุ้มหลี่ชิงหลิงออกไป
ทั้งสองนั่งรถม้ากลับบ้าน
เมื่อถึงบ้าน หลิวจือโม่ลงจากรถก็เห็นหลี่ชิงเฟิงและหลิวจือเยี่ยนแบกน้องสาวไว้บนหลัง เหมือนเตรียมจะออกจากบ้าน
สีหน้าของเขามืดลง “พวกเ้ากำลังจะไปไหน?” โชคดีที่เสี่ยวหลิงบอกว่าจะกลับมา มิฉะนั้นเด็กๆ ในครอบครัวจะถ่อไปที่เมืองเพื่อตามหาพวกเขาจริงๆ
พวกเขายังเล็ก แถมยังพาน้องสองคนไปด้วย กลัวก็แต่ว่ายังไม่ถึงเมืองก็จะถูกคนลักพาตัวไปเสียก่อน
ทันทีที่ได้ยินเสียงของหลิวจือโม่ หลี่ชิงเฟิงก็วิ่งมาหาอย่างร้อนรน "พี่จือโม่ ทำไมกลับมาแล้ว พี่ข้าล่ะ? เป็ไงบ้าง?” เขาไม่สามารถรอที่บ้านได้จริงๆ เลยอยากเข้าเมืองไปหาพี่
“พวกเ้าอยากไปหาเราในเมืองจริงหรือ” หลิวจือโม่ไม่ตอบ แต่ถามอีก “ข้าฝากป้าหวงมาบอกว่าให้อยู่บ้านดูแลน้องให้ดีไม่ใช่หรือ? หา?” ถ้าไม่สั่งสอนเด็กสองคนนี้ให้ดี พวกเขาคงจะไม่รู้ความซับซ้อนของสังคม
